สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1379 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1279

ข้างๆไห่โจ๋ซวนไม่เพียงมีแต่เย่ชูฉิง แม้แต่อ้าวเสว่ก็อยู่ด้วย เมื่อเห็นเย่เนี่ยนโม่กับติงยียีเดินเข้ามา โดยที่คนหนึ่งอยู่หน้าอีกคนหนึ่งอยู่หลัง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็แปลกใจ
อ้าวเสว่จำได้ว่าติงยียีคือผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อผ้าเฉิ่มๆแล้วเข้าทักทายตัวเองในวันที่เปิดเรียน
หรือว่าตัวเองนั้นดูผิดไป แท้ที่จริงแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา อ้าวเสว่เกิดอาการระแวงตัวติงยียีขึ้น บรรดาคนที่อยู่ใกล้เย่เนี่ยนโม่ เธอจะต้องตรวจสอบอย่างดี
ไห่โจ๋ซวนสำรวจติงยียีอย่างเงียบๆ วันเกิดของเย่เนี่ยนโม่นั้นคุยกับผู้หญิงคนนี้ ตอนที่อยู่ในโรงอาหารดูเหมือนว่าสองคนนี้ก็รู้จักกัน เธอเป็นใครกันแน่ เข้ามาพัวพันกับเย่เนี่ยนโม่ตั้งแต่เมื่อไร
คำถามที่มากมายทำให้ไห่โจ๋ซวนรู้สึกเกิดความสงสัยในตัวติงยียี จากนั้นถามขึ้นก่อน:“ คุณกำลังมองหาอะไร”
“หาเพื่อนของฉัน” ติงยียีตอบกลับไปอย่างใจเย็น แล้วกวาดตามองหารอบๆ
“ช่างเป็นชื่อที่ไม่เลวเลยทีเดียว” ไห่โจ๋ซวนยิ้มอย่างอ่อนโยน ท่าทางที่สง่างามทำให้ติงยียีถึงกับแก้มแดงขึ้น
“ต้องขออภัยด้วยที่ฉันมาสาย”ซ่งเมิ่นเจ๋หายใจหอบวิ่งเข้ามาหาทุกคน เมื่อเห็นสายตาที่มากมายจ้องมองมาที่ตัวเอง ในใจก็คิดว่าที่แท้ไม่ได้มาด้วยกันสองต่อสองกับไห่โจ๋ซวน
เย่ชูฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อเห็นซ่งเมิ่นเจ๋ เดิมทีที่ใบหน้ามีรอยยิ้มก็เริ่มหมองหม่นลง และเกิดความเศร้าหดหู่ขึ้นเล็กน้อย
การมาที่สวนสนุกนั้นเป็นความคิดของตัวเอง ไห่โจ๋ซวนก็รับปากอย่างฉับพลัน อุตส่าห์ดีใจ แต่ผลสุดท้ายไห่โจ๋ซวนกลับชวนซ่งเมิ่นเจ๋มาด้วย นี่สามารถแปลได้ว่าไห่โจ๋ซวนนั้นไม่ได้คิดอะไรกับตัวเอง เห็นตัวเองเป็นเพียงน้องสาวเท่านั้น
“เมิ่นเจ๋ฉันตามหาเธอตั้งนาน” ติงยียีไม่เข้าใจคลื่นอารมณ์อันมืดมนของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ดึงมือของซ่งเมิ่นเจ๋แล้วหันหลัง นำของขวัญที่อยู่ในกล่องใส่ในมือของซ่งเมิ่นเจ๋ แล้วพูดเบาๆว่า:“เธอลืมนำของขวัญมาด้วย ฉันก็เลยนำมาส่งให้เธอ”
ซ่งเมิ่นเจ๋บีบเสียงเล็กตอบกลับ:“ฉันมาถึงกลางทางก็นึกขึ้นได้ จึงได้กลับไปเอา แต่หาไม่เจอ นึกไม่ถึงว่าเธอจะนำมาส่งให้”
“เมิ่นเจ๋ไม่แนะนำเพื่อนของเธอหน่อยเหรอ” เสียงไห่โจ๋ซวนที่เรียกซ่งเมิ่นเจ๋อย่างอ่อนโยน เย่ชูฉิงหน้าซีดขาวขึ้น ก้มหน้าลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ซ่งเมิ่นเจ๋ได้ยินเสียงของไห่โจ๋ซวน จึงรีบแยกตัวจากติงยียี แล้วแนะนำขึ้น:“ติงยียีจากห้องออกแบบเครื่องประดับของมหาวิทยาลัยZ เธอออกแบบเครื่องประดับอัญมณีได้สวยงามและมีพรสวรรค์มาก”
“อ้าว อย่างนั้นก็สาขาเดียวกันกับอ้าวเสว่ใช่ไหม” ไห่โจ๋ซวนพูดแฝงความหมาย
อ้าวเสว่ยิ้มแล้วก็คล้องไปที่แขนของเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่อดทนกับความที่อยากจะผลักอ้าวเสว่ออก ยืนนิ่งไม่ขยับ
ติงยียีที่รู้สึกดีกับอ้าวเสว่ เป็นเดือดเป็นร้อนแทนอ้าวเสว่ คนสวยขนาดนั้นกลับตกไปอยู่ในเงื้อมมือของโรคจิตคนนี้
“ยียี ฉันรู้สึกว่าพวกเราช่างมีวาสนาต่อกันจังเลย ในห้องเรียนฉันก็ถูกชะตากับเธอที่สุด เนี่ยนโม่คุณรู้หรือเปล่า” วันแรกก็ยียีนี่แหละที่มานั่งข้างฉัน”
อ้าวเสว่ใกล้ชิดอิงแอบอยู่ที่แขนของเย่เนี่ยนโม่แล้วหันไปยิ้มให้กับติงยียีอย่างอ่อนหวาน ในสายตาคนนอกเป็นภาพที่เห็นว่าเย่เนี่ยนโม่นั้นรักและเอ็นดูอ้าวเสว่
“อ้าว เหรอ” เย่เนี่ยนโม่ตอบกลับเบาๆ อ้าวเสว่เห็ยความสนใจที่เย่เนี่ยนโม่มีต่อติงยียีนั้นไม่ได้มากมาย จึงได้เบาใจลง
“อย่ามัวแต่ยืนคุยกันอยู่เลย พวกเราไปนั่งชิงช้าสวรรค์กันเถอะ ชูฉิงเธอบ่นว่าอยากจะนั่งชิงช้าสวรรค์ไม่ใช่เหรอ” ไห่โจ๋ซวนมองเย่ชูฉิงอย่างอ่อนโยน ถามอย่างเอาใจใส่ เย่ชูฉิงพยักหน้า แต่ต้องลำบากใจเมื่อต้องมาแบ่งคู่กันนั่ง
อ้าวเสว่ เย่ชูฉิงซ่งเมิ่นเจ๋และติงยียีต่างเป็นผู้หญิงหมด เย่เนี่ยนโม่กับไห่โจ๋ซวนเป็นผู้ชาย อ้าวเสว่จึงรีบไปยืนข้างเย่เนี่ยนโม่แล้วพูดออดอ้อนออเซาะ :“ว่ากันว่าคู่รักนั่งชิงช้าสวรรค์ด้วยกันจะครองด้วยกันตลอดไป เนี่ยนโม่ฉันจะต้องอยู่กับคุณตลอดไป”
เย่เนี่ยนโม่ที่ไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะนั่งกับใคร เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆที่ซีดเผือดของเย่ชูฉิง เย่เนี่ยนโม่กลับเป็นห่วงน้องสาวของตัวเอง
ติงยียีก็ดูเหมือนว่าไม่ได้สนใจว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะนั่งกับใคร และก็ไม่เคยนั่งชิงช้าสวรรค์ คิดว่าเสียเงินมานั่นเครื่องเล่นแบบนี้สูญเงินเปล่าๆ!
ซ่งเมิ่นเจ๋ที่เห็นได้ชัดว่าอยากจะนั่งกับไห่โจ๋ซวน แต่ว่าหน้าบางและก็เขินอายที่จะพูด จึงบิดไปบิดมาอย่างลนลาน
ติงยียีจึงตัดสินใจช่วยเพื่อน เอ่ยปากชวนเย่ชูฉิง “ขอโทษนะ เธอจะยินดีนั่งชิงช้าสวรรค์เป็นเพื่อนกับฉันหน่อยไหม”
เย่ชูฉิงไม่คาดคิดว่าติงยียีจะมาชวนตัวเอง ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น เธอก็รู้สึกชอบผู้หญิงที่เซ่อๆซ่าๆคนนี้ บวกกับนิสัยที่ปฏิเสธใครไม่เป็น แม้ว่าใจจริงเย่ชูฉิงนั้นอยากจะนั่งชิงช้าสวรรค์กับไห่โจ๋ซวน แต่ก็ทำไม่ได้ที่จะให้คำชวนของติงยียีต้องผิดหวัง จึงได้พยักหน้าขึ้น
เย่เนี่ยนโม่เห็นน้องสาวของตัวเองพยักหน้าเร็วเกินไป ความคิดของติงยียีเขาย่อมตามทัน ก็คืออยากให้ซ่งเมิ่นเจ๋กับไห่โจ๋ซวนนั่งด้วยกันใช่ไหม! ความรักของน้องสาวพี่ชายจะปกป้องเอง!
“ไม่ได้!”เย่เนี่ยนโม่เอ่ยปาก คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหันมามองเย่เนี่ยนโม่ อ้าวเสว่ที่คล้องอยู่ในแขนของเย่เนี่ยนโม่ยิ่งคล้องแน่นขึ้น
“คุณนั่งคู่กับผม” เย่เนี่ยนโม่ดึงติงยียีมา ติงยียีมองเย่เนี่ยนโม่อย่างงงงวย ชายหนุ่มคนนี้ครึ่งชั่วโมงก่อนยังใบหน้าเขียวปัด แทบอยากจะกินเลือดกินเนื้อตัวเอง ทำไมตอนนี้ถึงอยากจะนั่งกับตัวเอง
“เนี่ยนโม่! คุณพูดอะไร ฉันต่างหากที่เป็นแฟนของคุณนะ” อ้าวเสว่จับข้อแขนของเย่เนี่ยนโม่ด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“คุณกับเธอนั่งด้วยกัน” เย่เนี่ยนโม่ชี้ไปที่ซ่งเมิ่นเจ๋ซ่งเมิ่นเจ๋เห็นอ้าวเสว่ที่แข็งกร้าว จึงก้มหน้าลงอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง จนกลายเป็นนกกระจอกเทศ
ติงยียีอยากจะอ้าปากพูด แต่ติงยียีก็ถูกมือใหญ่ของเย่เนี่ยนโม่ดึงเข้าไปนั่งในห้องชิงช้าสวรรค์ก่อน
อ้าวเสว่กระทืบเท้าเดินเข้าไปในชิงช้าสวรรค์อีกห้องหนึ่ง เย่ชูฉิงรู้ว่าตัวเองนั้นได้นั่งกับไห่โจ๋ซวน ในใจก็ดีใจเหมือนกับได้กินมาร์ชเมลโลว์
ไห่โจ๋ซวนพูดกับซ่งเมิ่นเจ๋ด้วยความเป็นห่วง:“เมิ่นเจ๋ อ้าวเสว่เป็นคนที่อัธยาศัยดี ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ข้างหลังของคุณ”
ซ่งเมิ่นเจ๋ที่กำลังจะก้าวเข้าไปนั่งด้านในได้ชะงักขึ้น หันหน้ามามองไห่โจ๋ซวนแล้วกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็นั่งเข้าไป
ไห่โจ๋ซวนเป็นห่วงเป็นใยซ่งเมิ่นเจ๋อย่างออกหน้าออกตา แม้แต่คนตาบอดก็ยังรู้สึกได้ หัวใจของเย่ชูฉิงที่ผุดดอกไม้บานสะพรั่งเมื่อสักครู่นั้นได้ร่วงหล่นลงไปอีกครั้ง เจ็บจี๊ดๆจนทำให้อยากหลั่งน้ำตาออกมา
“เด็กโง่ เป็นอะไรไป ทำไมรู้สึกว่าคุณดูไม่สนุก ไม่ชอบนั่งชิงช้าสวรรค์เหรอ” ไห่โจ๋ซวนถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ
เย่ชูฉิงส่ายหน้า เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มร่าเริงให้กับไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนจูงมือสองเย่ชูฉิงแล้วพาเย่ชูฉิงนั่งเข้าไปข้างใน แล้วยื่นมือข้างหนึ่งออกมาปกป้องเย่ชูฉิง ทำให้เย่ชูฉิงใจอ่อนอีกครั้ง
ชิงช้าสวรรค์ค่อยๆลอยขึ้น แสงไฟหลากสีดูเหมือนกำลังส่องประกายยังดินแดนสวรรค์ ราวกับว่าหากไปถึงจุดสูงสุดก็จะสามารถสัมผัสความสุขได้
เย่ชูฉิงอยู่ในที่เล็กๆแคบๆกับไห่โจ๋ซวน ทำให้รู้สึกประหม่าจึงหนีบกระโปรงยาวของตัวเองไว้
เย่ชูฉิงแอบมองสังเกตไห่โจ๋ซวน เห็นไห่โจ๋ซวนมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เย่ชูฉิงจึงรู้สึกน้อยใจนิดๆ แล้วเรียกขึ้นเบาๆ:“พี่โจ๋ซวน”
ไห่โจ๋ซวนที่กำลังครุ่นคิดว่าเย่เนี่ยนโม่ทำไมถึงนั่งกับติงยียี เขานั้นกับเย่เนี่ยนโม่ตั้งแต่เล็กก็เติบโตมาด้วยกัน จึงรู้นิสัยของเย่เนี่ยนโม่เป็นอย่างดี
เย่เนี่ยนโม่นั้นไม่ถือสาเรื่องเล็กๆน้อยๆกับคนที่ตัวเองใส่ใจ สำหรับคนที่ไม่อยู่ในสายตาหรือว่าคนแปลกหน้าเขาก็มักจะเย็นชาใส่ เห็นท่าแล้วติงยียีต้องมีความหมายอะไรที่แน่นแฟ้นสำหรับเย่เนี่ยนโม่
“พี่โจ๋ซวน!” เย่ชูฉิงเรียกเสียงดังขึ้น ไห่โจ๋ซวนถึงได้รู้สึกตัว ยิ้มแล้วลูบที่ศีรษะของเย่ชูฉิง แล้วพูดอย่างอ่อนโยน:“พี่โจ๋ซวนต้องขออภัยด้วยที่เหม่อลอยไปเมื่อสักครู่ น่าโดนลงโทษจริงๆ!”
เย่ชูฉิงถูกขำท่าทางของไห่โจ๋ซวน จึงได้หัวเราะออกมา อีกฝั่งหนึ่ง อ้าวเสว่ก็ครุ่นคิดความสัมพันธ์ระหว่างติงยียีกับเย่เนี่ยนโม่
ดูลักษณะการแต่งตัวของติงยียีไม่เหมือนเป็นลูกหลานของคนมีฐานะ เย่เนี่ยนโม่กับติงยียีสองคนเหมือนเป็นเส้นคู่ขนาน
หรือว่าชอบใบหน้าของติงยียี อ้าวเสว่ที่คิดไปต่างๆนานา ฉับพลันก็รู้สึกว่าติงยียีนั้นค่อนข้างคล้ายกับตัวเอง
คนตัวเกร็งที่อยู่ข้างๆได้ขัดจังหวะความสนใจของอ้าวเสว่ อ้าวเสว่จึงหันมามองซ่งเมิ่นเจ๋ที่สีหน้าดูขาวซีดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ จึงได้ถามขึ้น:“เป็นอะไร”
ซ่งเมิ่นเจ๋จับราวจับไว้แล้วส่ายหน้า จากนั้นชี้ไปที่กระเป๋าของตัวเอง อ้าวเสว่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบสเปรย์พ่นออกมา
ซ่งเมิ่นเจ๋พยักหน้ารับสเปรย์มาแล้วพ่นดมเข้าไปสองฟอด สีหน้าถึงได้กลับมาเป็นปกติ
“ขอบคุณนะ”ซ่งเมิ่นเจ๋รู้จักอ้าวเสว่ แต่ว่าไม่สนิทกับอีกฝ่าย แต่เป็นเพราะการปฏิสัมพันธ์เมื่อสักครู่ ทำให้รู้สึกดีขึ้นกับอ้าวเสว่ขึ้น
อ้าวเสว่โบกมือปัด แล้วสอบถามข้อมูลของติงยียีอย่างใจเย็น เมื่อเอ่ยถึงติงยียีซ่งเมิ่นเจ๋ก็ปลื้มปริ่มดีใจ
“ยียีเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง เมื่อก่อนฐานะทางบ้านค่อนข้างดี คุณแม่เป็นคุณครู แต่ต่อมาคุณแม่ไม่สบาย คุณพ่อของเธอก็เลยขายบริษัททิ้ง แล้วนำเงินมารักษาคุณแม่ของเธอ แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สามารถฝ่าฟันให้รอดมาได้ ต่อมาทางบ้านของเขาก็เลยแย่”
ซ่งเมิ่นเจ๋ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกสงสารติงยียี ไม่ได้สังเกตเห็นแววตาของอ้าวเสว่ ถ้าหากว่าที่ซ่งเมิ่นเจ๋พูดมานั้นเป็นความจริง อย่างนั้นสร้อยหยกที่ห้อยอยู่บนคอของติงยียีก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีราคาหลักกี่หมื่นหยวน เพราะว่าฐานะเมื่อก่อนค่อนข้างดี สำหรับเย่เนี่ยนโม่นั้นบางทีตัวเองนั้นอาจจะคิดมากเกินไป อ้าวเสว่ปลอบใจตัวเอง
ติงยียีคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะกลายเป็นที่สนใจสำหรับไห่โจ๋ซวนกับอ้าวเสว่ ติงยียีที่นั่งอยู่ในชิงช้าสวรรค์รู้สึกกระสับกระส่าย
เย่เนี่ยนโม่ที่สนใจเย่ชูฉิงกับไห่โจ๋ซวนที่อยู่ด้านหน้าของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นเย่ชูฉิงพูดคุยเฮฮากับไห่โจ๋ซวน ข้างในถึงได้เบาใจลง
จากนั้นดึงสายตากลับมา เย่เนี่ยนโม่มองติงยียีด้วยความประหลาดใจ ติงยียีดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก จับราวจับทั้งซ้ายและขวาไว้แน่น จนเส้นเลือดบางๆปูดออกมา มือขวากดที่นั่งไว้ ตัวเอนพิงไปด้านหลัง นั่งอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“คุณเป็นอะไร” เย่เนี่ยนโม่ถามขึ้น
ติงยียีสีหน้าซีดเผือดได้ส่ายหน้าขึ้น เมื่อสักครู่คิดที่อยากจะช่วยซ่งเมิ่นเจ๋กับไห่โจ๋ซวนให้นั่งด้วยกัน จนลืมไปว่าตัวเองนั้นเป็นโรคกลัวความสูง
“คุณกลัวความสูงใช่ไหม” เย่เนี่ยนโม่ยื่นมืออยากจะไปลูบติงยียี แต่ติงยียีปัดมือของเย่เนี่ยน:“อย่าแตะต้องตัวฉัน!”
“เพี๊ยะ!” ติงยียีมองใบหน้ามืดมนไม่ชัดเจนของเย่เนี่ยนโม่ ศีรษะรู้สึกวิงเวียง พูดตะกุกตะกักขึ้น : “ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันกลัวความสูงนิดหน่อย”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset