สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1381 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1281

“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้กันนะ?” เซี่ยชีหรั่นมองเย่เนี่ยนโม่อย่างสงสัย มีเพียงร่องรอยความเข้าใจที่แวบเข้ามาในดวงตาของไห่โจ๋ซวนเท่านั้น
เย่เนี่ยนโม่หยิบบัตรแล้วแสร้งเดินโงนเงนเข้าไปในห้องน้ำ เก้าอี้ในห้องน้ำนั้นว่างเปล่าไม่มีคนเลย
เย่เนี่ยนโม่ก้มหน้าดูสิ่งที่บัตรไปมาอยู่ในมือของเขา ในชั่วขณะหนึ่งจู่ๆเขาก็คิดขึ้นได้ว่าติงยียีจะต้องดีใจมากแน่ๆที่ได้เห็นบัตรของงานประเมินมณีของเซี่ยชีหรั่น เย่เนี่ยนโม่จึงวางบัตรไว้บนม้านั่งยาวแล้วกลับออกไป
มีร่างหนึ่งแวบขึ้นมาจากอีกด้าน นั่นก็คือซือซือที่ไม่ได้พบกันนาน ซือซือมองดูเงาด้านหลังที่จากไปของเย่เนี่ยนโม่ด้วยสายตาที่ชั่วร้ายและมองดูบัตรในมืออีกครั้ง
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเย่เนี่ยนโม่และพนักงานทำความสะอาดคนนั้นล้วนอยู่ในสายตาของเธอทั้งหมด อ้าวเสว่คือลูกสาวของเธอ เธอต้องการให้เย่เนี่ยนโม่แต่งงานกับอ้าวเสว่เพื่อเข้าสู่ตระกูลเย่และช่วยตนเองทำลายตระกูลเย่
ไม่มีใครขวางแผนการของเธอได้ ซือซือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาอ้าวเสว่
สุดท้ายถึงเวลาเลิกงาน ติงยียีหรี่ตาขณะเดินออกมาจากประตูโรงแรมพร้อมกับคลำหาเส้นทางกลับบ้านตามปกติอย่างระมัดระวัง
เธอทิ้งรถจักรยานไว้ที่ประตูทางเข้าโรงแรม เพราะถึงยังไงรถคันนั้นก็โทรมมากจนไม่มีใครขโมยไปอยู่แล้ว
ติงยียีตกใจจนสะดุ้งโหยงเมื่อถูกตบไหล่และหลบไปที่ด้านข้างเหมือนกระต่ายน้อยที่ตกใจกลัว
“ฉันเอง” เย่ชูฉิงรู้สึกผิดในใจขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นติงยียีตกใจกลัวอยู่ไม่เบา
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?” เย่ชูฉิงหรี่ตามองดูถึงเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ใช่นักศึกษาชายที่ได้ชดใช้เงินคืนหลังจากทุบโทรศัพท์ของเธอในร้านอินเตอร์เนตคาเฟ่คนนั้น
“เกิดอะไรขึ้นกับตาของเธอ?” เย่ชูหยุนมองดูดวงตาที่หรี่ลงอย่างหนักของติงยียี และทั้งตัวแทบจะแนบติดกับตนเองอยู่แล้วจึงถอยออกมาหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยถาม
“แว่นตาพังน่ะ” ติงยียีรู้สึกเสียใจอย่างมากเมื่อนึกถึงว่าวันนี้ชนกับแขกแล้วยังทำน้ำสกปรกหกใส่เท้าแขกอีกด้วย
“เธอจะกลับบ้านแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ?” เย่ชูหยุนไม่ชอบพูด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความคิดในเชิงตรรกะของติงยียีแล้วทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากซักถามอีกครั้ง
“เดินไปที่ป้ายรถเมล์ จากนั้นก็นั่งรถกลับบ้านไงล่ะ” ติงยียีตอบตรงไปตรงมา
เย่ชูหยุนมีความคิดที่พาติงยียีเดินทางไปด้วย ติงยียีส่ายหัว : “ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้”
“ตกลง งั้นนี่ของเธอ” เย่ชูหยุนไม่บังคับอีกและยื่นบัตรในมือที่ได้รับจากเซี่ยชีหรั่นส่งให้ติงยียี
เย่เนี่ยนโม่ที่ขับรถออกมาจากโรงรถชั้นใต้ดินมองเห็นติงยียีที่กำลังหรี่ตาและชะเง้อคอยาวเพื่อคอยดูรถเมล์ที่ขับใกล้เข้ามา
“ตอนถูกคนร้ายลักพาตัวไปก็มองเห็นคนร้ายได้ไม่ชัดด้วยสิ” เย่เนี่ยนโม่ส่ายหัวอย่างตลกขบขัน
กระจกรถถูกเคาะ เย่เนี่ยนโม่ลดกระจกรถลงแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า : “อ้าวเสว่ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
อ้าวเส่วมองติงยียีที่อยู่ไกลออกไปอย่างเฉยเมยแล้วหันหน้ากลับมายิ้มให้กับเย่เนี่ยนโม่พร้อมกับพูดว่า : “ไม่มีอะไรค่ะ พอดีฉันมากินข้าวที่นี่ คุณลุงกับคุณป้าล่ะคะ?”
“วันพรุ่งนี้แม่ของฉันมีงานงานประเมินมณี เมื่อกี้นี้ทั้งสองทานข้าวเสร็จแล้วก็ไปสถานที่จัดงานเลย” เย่เนี่ยนโม่ทอดสายตาไปยังรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกล ติงยียีกระโดดขึ้นรถแล้วพูดพึมพำกับคนขับสองสามคำแล้วกระโดดลงจากรถอีกรอบ เห็นได้ชัดว่านั่งผิดสถานี
อ้าวเสว่ยิ้มแล้วโบกมือให้เย่เนี่ยนโม่ : “ถ้าอย่างนั้นคุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าแล้วหมุนกระจกรถขึ้น
“เมื่อกี้นี้ทำไมไม่ให้เขาไปส่งลูกล่ะ อาวุธที่สำคัญของผู้หญิงคือการออดอ้อนรู้หรือเปล่า?”
ซือซือเดินออกมาจากเงามืดและมองไปยังทิศทางที่เย่เนี่ยนโม่จากไปแล้วเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“แม่คะ ฉันต้องการความรักที่บริสุทธิ์ ฉันหวังว่าสักวันหนึ่ง เย่เนี่ยนโม่จะไม่ได้รักฉันที่ทำตัวอ่อนโยนเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนั้น แต่ยังมีบางครั้งที่ยังเห็นแก่ตัวและชอบทำตัวขี้งอนด้วย” อ้าวเสว่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เย่เนี่ยนโม่สนใจติงยียีอย่างเห็นได้ชัด
ซือซือมองใบหน้าตรงหน้าที่มีความคล้ายคลึงกับตนเองอยู่หลายส่วนแล้วพูดเบาๆว่า : “ฉันไม่สนว่าแกจะใช้วิธีอะไร ฉันแค่ต้องการให้แกแต่งงานเข้าตระกูลเย่ หลายปีมานี้ ฉันใช้เงินกับแกไปไม่น้อย”
อ่าวเสว่นิ่งเงียบ เธอไม่มีกำลังจะไปโต้เถียงกับแม่ที่เป็นเช่นนี้ ซือซือเองก็ไม่สนใจด้วยเช่นกัน เธอเรียกรถแท็กซี่แล้วรถส่งเสียงคำรามขับออกไป
หน้าโรงแรมมีผู้คนผ่านไปมา มีแสงไฟสว่างไสวทั่วทุกที่ แต่จะมีใครที่จะสนใจตัวเธอจริงๆ จะมีที่ไหนที่ตนเองจะสามารถหัวเราะได้อย่างไร้ยางอายได้ล่ะ? ทันใดนั้นอ่าวเสว่รู้สึกเศร้าใจอย่างมาก เศร้าใจจนหายใจไม่ออก สองขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพยุงตัวไว้ได้ ทำได้เพียงแค่หมอบลงไปบนพื้น
ข้างหูมีเสียงรถคำรามดังขึ้น “เธอกำลังทำอะไรน่ะ?” เสียงของเย่เนี่ยนโม่ดังขึ้นโดยฉับพลัน อ้าวเสว่เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“เธอกำลังทำอะไรอยู่? ไม่สบายใจหรือเปล่า?” เย่เนี่ยนโม่ถามอีกครั้ง
อ้าวเสว่ส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนและเอ่ยถามเย่เนี่ยนโม่พร้อมกับแสร้งทำท่าทางผ่อนคลาย : “ลืมของเหรอคะ?”
เย่เนี่ยนโม่เหยียดแขนออกมาและชี้เวลาบนนาฬิกาพร้อมกับพูดว่า : “ตอนนี้ใกล้จะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ผู้หญิงอยู่ข้างนอกไม่ปลอดภัย ฉันจะส่งเธอกลับบ้าน”
“ขอบคุณค่ะ” อ่าวเสว่นิ่งอึ้งไปแล้วเอ่ยตอบ
เย่เนี่ยนโม่ขำพรืดออกมา เขามองเข้าไปในดวงตาของอ้าวเสว่แล้วพูดหยอกว่า : “พูดมาตามตรงว่าเธอยังเป็นแฟนฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย? รีบขึ้นรถได้แล้ว ขวางทางคนอื่นที่หน้าประตูโรงแรมไม่ดีแน่”
อ้าวเสว่วิ่งขึ้นรถ ใบหน้ารู้สึกแดงและร้อนฉ่า เพราะคำว่าแฟนของเย่เนี่ยนโม่หัวใจจึงได้เต้นแรง
เย่เนี่ยนโม่มองถนนด้านหน้าตาไม่กระพริบ โดยเหลือบมองอ้าวเสว่อยู่เป็นบางครั้ง แล้วพูดเบาๆว่า : “แล้วเรื่องนั้นเป็นเพราะอะไรงั้นเหรอ?”
อ้าวเสว่หันไปมองเย่เนี่ยนโม่ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากวันนั้น เย่เนี่ยนโม่ไม่เคยพูดถึงอีกเลยแล้วยังตอบรับความต้องการของตนที่จะเปลี่ยนเป็นคนรักอีกด้วย
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบ เย่เนี่ยนโม่หันมามองหน้าอ้าวเสว่ หัวใจของอ้าวเสว่ม้วนตัวกลิ้งไปมา สิ่งที่แม่ให้เธอทำนั้นเป็นเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่กดทับบนตัวเธอ ถ้าบอกกับเย่เนี่ยนโม่เธอก็ได้รับการปลอดปล่อย แต่เธอจำเป็นต้องหักหลังแม่ของเธอ ถ้าไม่บอกเย่เนี่ยนโม่แล้วเธอจะทำให้เขาตกหลุมรักตัวตนที่แท้จริงของเธออย่างที่เธอเพิ่งจะพูดกับแม่เมื่อกี้นี้ได้อย่างไร?
“ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดหรอก” เย่เนี่ยนโม่ไม่บังคับอีก เขาจอดรถตรงประตูทางเข้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
อ้าวเสว่เปิดประตูแล้วลงจากรถ แต่รูบิคที่เก่าโทรมลูกหนึ่งได้ตกลงมาจากกระเป๋าที่ไม่ได้ปิด เย่เนี่ยนโม่เห็นเข้าพอดีจึงหยิบขึ้นมาแล้วลงจากรถ
“รูบิคของเธอ” เย่เนี่ยนโม่ยื่นรูบิคให้อ้าวเสว่
อ้าวเสว่รับรูบิคไปพร้อมกับยิ้มและพูดว่า : “มันควรจะเป็นรูบิคของคุณค่ะ”
อ้าวเสว่พูดเตือน เย่เนี่ยนโม่เองนึกขึ้นได้ว่าตอนเป็นเด็กเขาได้มอบรูบิคอันหนึ่งให้แก่อ้าวเสว่ คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายยังเก็บเอาไว้จนถึงตอนนี้
บรรยากาศค่อนข้างจะกำกวมเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ อ้าวเสว่ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า : “วันพรุ่งนี้ฉันไปร่วมงานประเมินมณีของคุณน้าเชี่ยได้หรือเปล่าคะ? เพราะว่าฉันเองก็เรียนการออกแบบเครื่องประดับด้วย”
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าแล้วพูดว่า : “ไปสิ แม่ของฉันจะต้องดีใจมากที่ได้พบเธอ”
อ้าวเสว่กัดริมฝีปากแล้วกระทืบเท้า พูดเสียงแผ่วเบาว่า : “ความหมายของฉันคือคุณอยากจะไปด้วยกันหรือเปล่า!”
“ไปสิ”
อ้าวเสว่เบิกตากว้างทันที เย่เนี่ยนโม่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับรถเรียบร้อยแล้ว หลังจากโบกมือให้อ้าวเสว่แล้วก็สตาร์ทรถ อ้าวเสว่ไล่ตามไปสามสี่ก้าวแล้วตะโกนเสียงดังอยู่ด้านหลังรถ : “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะรอคุณที่ชั้นเรียนนะ!”
ไม่มีคำตอบ รถเลี้ยวโค้งจนมองไม่เห็น อ้าวเสว่ดีดตัวกระโดดขึ้นทันทีและแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าอย่างมีความสุข เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เธอยังคิดว่าเย่เนี่ยนโม่ถูกติงยียีฉกไปแล้ว คืนนี้เธอมีความสุขจริงๆ!
หยิบโทรศัพท์ออกมา นิ้วมือของอ้าวเสว่หยุดอยู่ที่ชื่อ “แม่” ของรายชื่อผู้ติดต่อ คิดๆดูแล้วจึงได้ส่งข้อความไป
“แม่ ฉันจะใช้หัวใจที่จริงใจทำให้เย่เนี่ยนโม่ตกหลุมรักฉัน ฉันเชื่อว่าในที่สุดเขาจะเป็นของฉันโดยไม่ต้องใช้วิธีการของคุณ!”
ภายในห้องที่มีแสงสลัว ซือซือดื่มไวน์ชั้นเลิศพร้อมกับอ่านข้อความที่อ้าวเสว่ส่งให้กับตนเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้า เธอต้องการจะทำให้เย่เนี่ยนโม่ตกหลุมรักลูกสาวของตนเอง คิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวของตนเองจะตกหลุมรักเย่เนี่ยนโม่ หรือว่าผู้ชายของตระกูลเย่ถูกกำหนดให้มาควบคุมและทำให้เธอกับลูกสาวไม่มีวันเปลี่ยนใจใช่ไหม?
วันรุ่งขึ้น เมื่อตื่นนอนแล้ว ติงยียีจึงได้พบว่าตนเองจอดรถจักรยานไว้ที่โรงแรม รถเมล์ไปถึงถนนสายหลักใกล้ๆมหาวิทยาลัยเท่านั้น หลังจากลงจากรถ ติงยียีเดินอย่างช้าๆไปที่มหาวิทยาลัย
“ติงยียี” อ้าวเสว่ชะลอความเร็วแล้วหยุดลงข้างๆตัวติงยียี แล้วโบกมือไปทางติงยียี สำหรับอ้าวเสว่แล้วเห็นว่าติงยียียังคงเป็นศัตรูความรักของตน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอจะสามารถคอยตรวจดูติงยียีได้ทั่วทุกทิศทาง เธอจะได้ไม่มีโอกาสติดต่อกับเย่เนี่ยนโม่
“อ้าวเสว่ เธอมีใบขับขี่แล้ว!” ติงยียี มองอ้าวเสว่ที่กำลังขับรถฮอนด้า สีแดงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ได้อิจฉาเลยเพราะคนสวยอย่างอ้าวเสว่ต้องมีภูมิหลังครอบครัวที่ดีอยู่แล้ว
“ฉันซื้อรถคันนี้ตอนที่เก็งกำไรได้จากการขายหุ้นน่ะ ไม่เลวเลยนะ มาสิ ฉันจะไปส่งเธอ” อ้าวเสว่ทำท่าให้ ติงยียีขึ้นมาบนรถ
รถแล่นไปจนสุดทางถึงประตูมหาวิทยาลัย ทันทีที่เข้าไปในประตู เสียงดังจนหูแทบแตกทำให้ทั้งสองคนสะดุ้งตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” อ้าวเสว่มองไปรอบๆ ทั่วทุกที่มีซุ้มเล็กๆที่สร้างขึ้นชั่วคราว บนซุ้มจะมีชื่อคณะห้อยอยู่ นักศึกษาจำนวนมากกำลังแจกใบปลิว ผู้คนเดินผ่านไปมา มันช่างมีชีวิตชีวา
ติงยียีมองเห็นเมิ่นเจ๋กำลังยืนอยู่ในซุ้มเล็กๆ จึงลงจากรถแล้วตะโกนว่า : “เมิ่นเจ๋เมิ่นเจ๋!”
เพราะว่าไห่โจ๋ซวนถูกรุ่นพี่ปีสามลากมาเพื่อดึงดูดนักศึกษารุ่นน้องสาวๆ ดังนั้นซ่งเมิ่นเจ๋จึงรีบมาแต่เช้าเช่นกัน เมื่อเห็นติงยียี แล้ว ซ่งเมิ่นเจ๋ก็วิ่งเข้ามา : “ยียี! วันนี้สโมสรรับสมัครสมาชิกใหม่! ลองดูสิว่ามีอะไรที่เธอชอบแล้วเข้าร่วมด้วยหรือเปล่า”
ไห่โจ๋ซวนตามมาแล้วแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นติงยียีกับอ้าวเสว่อยู่ด้วยกัน อ้าวเสว่คิดจะทำอะไรนั้นเขาสามารถคาดเดาได้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
ไห่โจ๋ซวนขยับแว่นตาแล้วพูดถึงคำพูดของเมิ่นเจ๋ว่า : “เมิ่นเจ๋พูดถูก ลองดูหน่อยว่าสโมสรมีอะไรบ้าง แบบนี้จะได้ขยายแวดวงเพื่อนได้ด้วย”
ติงยียี ส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า : “ฉันต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ตอนกลางคืน อาจจะมีเวลาไม่มากพอที่จะเข้าร่วมกิจกรรมของชมรม”
เมื่อได้ยินติงยียีพูดเช่นนี้ ไห่โจ๋ซวนกับซ่งเมิ่นเจ๋ ก็ไม่ได้บังคับอีก นักศึกษาหญิงสองสามคนเดินเข้ามาข้างๆ แล้วพากันกระซิบกระซาบว่า : “พวกเธอดูเดือนมหาลัยปีหนึ่งคนนั้นสิ แล้วยังแฟนที่ยืนอยู่ข้างๆอีก เหมาะสมกันมากจริงๆเลยเนอะ”
ทุกคนหันมองไปตามทิศทางที่พวกนักศึกษาหญิงชี้ไปแล้วอ้าวเสว่เป็นฝ่ายร้องออกมาก่อน : “เนี่ยนโม่”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset