สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1382 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1282

เย่เนี่ยนโม่ที่อยู่ข้างๆเย่ชูฉิงได้ยินอ้าวเสว่เรียกตนเอง เขาผงกหัวกลางอากาศแล้วเงยหน้าไปทางไห่โจ๋ซวนและเดินไปด้านข้างของอ้าวเสว่ แต่มีคนๆหนึ่งเข้ามาขวางทางเย่ชูฉิงเอาไว้
“สาวน้อย ช่วยบอกข้อมูลติดต่อเธอให้กับฉันได้ไหม?” นักศึกษาชายคนหนึ่งมองเย่ชูฉิงด้วยรอยยิ้มที่มีความชื่นชมอยู่ในดวงตาอย่างไม่ปิดบัง
“ขอโทษนะ ฉันไม่ใช่นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยของนาย” เย่ชูฉิงต้องการจะเดินอ้อมนักศึกษาชาย แต่นักศึกษาชายไม่ยอม ทั้งยังล้อมไว้ไม่ให้เย่ชูฉิงเดินไปอีกด้วย ไห่โจ๋ซวนขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้า มีร่างหนึ่งพุ่งมาจากด้านข้างแล้วกระแทกหมัดใส่นักศึกษาชายล้มลงบนพื้น
“อย่ามาก่อกวนเธอ!” หลี่ยี่ซวนขยับข้อมือพร้อมกับมองไปที่นักเรียนชายแล้วยิ้มเยาะและเอ่ยตามมาว่า : “เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน หลังจากนี้ถ้ามารบกวนเธออีกฉันจะซัดนายอีกรอบ”
นักศึกษาชายลุกขึ้นยืนด้วยความรู้สึกอับอาย มีเสียงหัวเราะรอบด้านและยังมีคนส่งเสียงเชียร์หลี่ยี่ซวน เย่ชูฉิงดึงแขนเสื้อของหลี่ยี่ซวนเอาไว้แล้วส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
ใบหน้าที่ภาคภูมิใจในชัยชนะถูกดึงลงมาแล้วยืนนิ่งอยู่ด้านหลังเย่ชูฉิงอย่างซื่อสัตย์จริงใจ “พี่โจ๋ซวน” เย่ชูฉิงวิ่งไปที่ด้านข้างของไห่โจ๋ซวนอย่างมีความสุข
ติงยียีเห็นว่ามีคนจำนวนมากแอบเหลือบมองเย่ชูฉิง เย่เนี่ยนโม่, ไห่โจ๋ซวนและอ้าวเสว่ คนเหล่านี้มีแสงสว่างอยู่บนตัว ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีคนให้ความสนใจ
ติงยียีไม่ค่อยชอบความรู้สึกประเภทนี้จึงดึงซ่งเมิ่นเจ๋แล้วทำท่าว่าตนเองจะเดินออกไปก่อน ซ่งเมิ่นเจ๋จึงยื่นใบปลิวให้กับติงยียีแล้วชี้ไปที่ประกาศรับสมัครที่อยู่ด้านบนพร้อมกับพูดว่า : “เร็วๆนี้สหภาพนักศึกษา กำลังสรรหาคนใหม่อยู่นะ ได้ยินว่าครั้งนี้มีข้อกำหนดใหม่ ตำแหน่งหัวหน้าสหภาพนักศึกษา ไม่มีการจำกัดอายุ ขอเพียงแค่ชนะการแข่งขัน แม้แต่นักเรียนปีหนึ่งก็สามารถเป็นหัวหน้าสหภาพนักศึกษาได้”
ฟังคำพูดของซ่งเมิ่นเจ๋ แล้ว ทั้งไห่โจ๋ซวนและเย่เนี่ยนโม่ล้วนแต่เกิดความสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ละคนได้หยิบใบปลิวขึ้นมาดู
ติงยียีรีบยัดใบปลิวลงไปในกระเป๋าเรียนก่อนจะพยักหน้าให้กับทุกคนแล้ววิ่งไปทางตึกเรียนซ่งเมิ่นเจ๋ตะโกนจากด้านหลังอย่างเป็นกังวลว่า : “อย่าลืมนะ คืนพรุ่งนี้ตอนสองทุ่มนะ!”
เมื่อติงยียีมาถึงห้องเรียนและหาที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ใบปลิวได้หลุดออกมาพร้อมกับกระดาษใบหนึ่ง บนกระดาษคือ “งานเลี้ยงต้อนรับและพบปะสังสรรค์นักออกแบบเครื่องประดับเซี่ยชีหรั่น”
ติงยียีทั้งดีใจและทั้งประหลาดใจแล้วนึกถึงเด็กผู้ชายคนนั้นที่เจอโดยบังเอิญเมื่อคืนนี้และได้ยัดกระดาษใส่มือเธอ เขาได้บัตรใบนี้มาได้ยังไง ได้ยินว่าทันทีที่บัตรทั้งสิบห้าใบออกมาก็ถูกปล้นไปหมดแล้ว
ช่วงเวลาคือวันนี้ตอนสองทุ่ม ติงยียี มีความสุขอย่างมากจากนั้นตามมาด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะไปทำงานที่โรงแรมตี้เหาในเย็นนี้
“เธอกำลังคิดอะไร หน้าถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนั้น” อ้าวเสว่เป็นฝ่ายมานั่งข้างๆติงยียีก่อน ติงยียี ส่ายหน้า ไม่มีใครชอบฟังเรื่องราวในใจของผู้อื่น เธอเคยชินกับนิสัยไม่ชอบบอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องกลุ้มใจของเธอ
เลิกเรียนแล้ว ติงยียีเก็บกระเป๋าเรียนโดยไม่ได้สนใจอะไร หน้าโต๊ะเรียนถูกพับขึ้น ติงยียีแล้วมองไปที่เย่เนี่ยนโม่อย่างประหลาดใจ
“เจ้ากุ๊ยตัวเหม็น นายมาทำอะไรที่นี่?” ติงยียีเอ่ยถาม
“พวกเราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม? ที่โรงแรมตี้เหาน่ะ” ทันใดนั้นเย่เนี่ยนโม่ก็นึกถึงวันที่ตนเองเมาในงานเลี้ยงวันเกิดนั้นได้ ดูเหมือนจะได้ยินว่ามีคนตะโกนใส่ตนเองด้วย เขาได้ยินติงยียีตะโกนหลายครั้งแล้วรู้สึกว่าเสียงของเธอคล้ายกับเสียงที่เขาได้ยินในวันนั้นเป็นอย่างยิ่ง
ติงยียีรู้สึกโกรธ เย่เนี่ยนโม่มักจะโผล่มาอยู่ข้างๆตนเองด้วยลักษณะที่ตกเป็นเหยื่อและยังตั้งคำถามตนเองอย่างไร้เดียงสาเสมอ
ติงยียีเก็บกระเป๋าและเตรียมพร้อมจะจากไปโดยไม่คิดจะสนใจเย่เนี่ยนโม่อีก บัตรผ่านประตูร่วงจากกระเป๋าเรียนลงบนโต๊ะ
ด้วยความที่เย่เนี่ยนโม่สายตาเฉียบคม เขาหยิบบัตรผ่านประตูขึ้นมาแล้วพูดว่า : “แปลกจัง เธอได้บัตรแม่ของฉันมาได้ยังไง?”
“แม่ของนาย? แม่ของนายชื่อเซี่ยชีหรั่นงั้นเหรอ?” ติงยียีมองไปที่เย่เนี่ยนโม่ด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าแล้วชูตั๋วในมือขึ้น เขาอยากรู้มากติงยียีได้บัตรใบนี้มาจากที่ไหนกันแน่ ไม่ใช่เป็นเพราะบัตรขาดแคลนหรอก แค่ราคาของบัตรก็ชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่สิ่งที่ติงยียีจ่ายไหว
“เป็นของเพื่อน คืนมานะ” ติงยียียื่นมือออกไปจะคว้าบัตรคืน เย่เนี่ยนโม่ชูมือขึ้นสูงไม่ยอมให้ติงยียี คว้าไปได้แล้วพูดว่า : “เล่าเรื่องเพื่อนของเธอมา ไม่แน่ว่าฉันอาจจะรู้จัก”
ติงยียีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนูทดลองตัวเล็กๆที่ถูกเย่เนี่ยนโม่แกล้งเล่นยังไงยังงั้น มองเห็นดวงตาแห่งชัยชนะของเย่เนี่ยนโม่แล้ว หัวสมองของติงยียีก็ว่างเปล่าแล้วกระโดดขึ้นทันทีเพื่อหวังจะคว้าเอาบัตรในมือของเย่เนี่ยนโม่
เย่เนี่ยนโม่ตกใจและยังไม่ทันที่เขาจะตอบโต้ ติงยียีก็คว้าแขนของเขาเอาไว้ ทั้งสองคนก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเพราะจุดศูนย์ถ่วงไม่มั่นคงติงยียีโน้มไปข้างหน้าด้วยความเคยชินแล้วล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับเย่เนี่ยนโม่
“แคว้ก” ติงยียีจ้องมองตั๋วที่ขาดเป็นสองท่อนอย่างตะลึงงัน โดยนั่งอยู่บนตัวของเย่เนี่ยนโม่อยู่นานเพราะยังไม่หายจากอาการช็อค
“พวกเธอกำลังทำอะไรกันน่ะ?” อ้าวเสว่ที่กลับมาจากห้องน้ำ ทันทีที่มาถึงประตูก็มองเห็นติงยียีนั่งอยู่บนตัวของเย่เนี่ยนโม่
ในช่วงเวลาที่ตื่นตะลึงนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปทันที
“ยังไม่รีบลุกขึ้นอีก!” เย่เนี่ยนโม่แยกเขี้ยวยิงฟันพร้อมกับยันแขนของตัวเองขึ้น การล้มลงเมื่อกี้นี้ทำให้ตนเองเจ็บมากจริงๆ
“ไอ้สารเลว!” ติงยียีปีนลุกขึ้นมาแล้วกระทืบลงไปบนน่องของเย่เนี่ยนโม่อย่างรุนแรงแล้วก้มหน้าวิ่งพุ่งออกไปจากห้องเรียน
“เนี่ยนโม่คุณไม่เป็นอะไรนะ!” อ้าวเสว่รีบวิ่งไปหาเย่เนี่ยนโม่แล้วพยุงเย่เนี่ยนโม่จากด้านข้างให้ลุกขึ้น เย่เนี่ยนโม่รู้สึกได้ว่าข้อมือของตนเองเคล็ดจึงกัดฟันพูดว่า : “ไปโรงพยาบาล”
ในโรงพยาบาล มือของเย่เนี่ยนโม่มีรอยฟกช้ำส่วนหนึ่ง คุณหมอกำลังขับเลือดให้อยู่ อ้าวเสว่นั่งอยู่ข้างๆอย่างตึงเครียดขณะที่มองดูมือของคุณหมอกำลังบีบนวดไปมาจนทั่วข้อศอกที่บวมเป่งของเย่เนี่ยนโม่
“สาวน้อย แฟนของเธอไม่เป็นไรแล้วล่ะ เธอมองดูฉันมาทั้งคืนแล้วนะ” คุณหมอที่เข้าเวรรักษาพูดอย่างช่วยไม่ได้
“คุณนวดของคุณไปสิคะ ฉันจะดูโดยไม่พูดอะไรค่ะ” อ้าวเสว่พูดเสียงอ่อนนุ่ม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อ้าวเสว่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เป็นแม่ที่โทรมา เธอนิ่งอึ้งแล้วกดปิด
แผ่นกระดาษใบหนึ่งในกระเป๋าได้ดึงดูดความสนใจของเย่เนี่ยนโม่ เขาดึงมันออกมาตามอำเภอใจ บนกระดาษมีคำถามเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องประดับถี่ยิบ บางอันยังมีสีแดงทำเครื่องหมายไว้เป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าจะทำการเตรียมความพร้อมมาอย่างหนัก
“เดิมทีฉันวางแผนไว้ว่าจะฉวยโอกาสถามในงานของคุณน้าเซี่ย คิดไม่ถึงเลยว่าจะพลาดซะแล้ว” อ้าวเสว่ถอนหายใจ ถ้ามองจากมุมของของคนทั่วไปเธอไม่ชอบแม่ของเย่เนี่ยนโม่เลยจริงๆ แต่ถ้ามองจากมุมมองของนักออกแบบเครื่องประดับ ความสูงส่งที่แม่ของเย่เนี่ยนโม่ไปถึงมันทำให้เธอทั้งชื่นชมและอิจฉาอย่างมาก
ทันใดนั้นในใจของเย่เนี่ยนโม่ก็รู้สึกสงสารอ้าวเสว่ เพราะตนเองได้รับบาดเจ็บ อ้าวเสว่จึงยอมทิ้งโอกาสการไปงานแล้วมาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขาแทน ตอนเป็นเด็กอ้าวเสว่มีนิสัยก้าวร้าวเอาแต่ใจ คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะมีด้านคิดถึงผู้อื่นขนาดนี้
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เย่เนี่ยนโม่รับสาย : “แม่ เสร็จงานแล้วเหรอครับ?”
“ที่รัก เมื่อวานลูกได้บอกว่าจะมาที่งานงานประเมินมณีงั้นไม่ใช่เหรอ? แม่ประชุมจนเสร็จงานแล้ว แม่เตรียมตัวจะขึ้นเครื่องไปโรมาเนีย กับพ่อของลูกแล้วนะ ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน?” เซี่ยชีหรั่นอยู่ที่สนามบินและกำลังจะขึ้นเครื่องในอีกสองชั่วโมง ไม่ว่ายังไงก็อยากจะได้เจอลูกชายก่อนขึ้นเครื่อง
“ถ้าไม่ทันก็นั่งเครื่องไฟลท์ถัดไป” ถึงแม้ว่าเย่เชินหลินจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มีอารมณ์เช่นเดียวกันกับเซี่ยชีหรั่น
เย่เนี่ยนโม่มองไปยังอ้าวเสว่ที่ยืดหัวแล้วเงี่ยหูฟังมาทางนี้แล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า : “แม่ครับ ผมจะไปถึงในหนึ่งชั่วโมง อยากให้แม่เจอคนๆหนึ่งครับ”
วางสายแล้ว เย่เนี่ยนโม่ก็โบกมือไปทางหมอ สวมเสื้อคลุมเสร็จแล้วก็เดินออกไป อ้าวเสว่วิ่งไล่ตามอยู่ด้านหลังแล้วถามว่า : “คุณจะไปเจอคุณน้าเซี่ยใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ผมแต่เป็นเราต่างหากล่ะ” เย่เนี่ยนโม่จับมืออ้าวเสว่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
ในสนามบิน เซี่ยชีหรั่นมองดูอ้าวเสว่แล้วพูดอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ว่า : “คิดไม่ถึงเลยว่าอ้าวเสว่จะเติบโตขึ้นมาเป็นสาวรูปร่างสะโอดสะองขนาดนี้เลยนะเนี่ย”
อ้าวเสว่ยิ้มและพยักหน้า สมัยเธอยังเล็กไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอจงใจหลบเลี่ยงเซี่ยชีหรั่น เย่เนี่ยนโม่เป็นคนกตัญญูถึงเพียงนั้น ถ้าหากตนเองต้องการแต่งงานกับเย่เนี่ยนโม่ก็จะต้องได้รับความชื่นชอบของเซี่ยชีหรั่น ด้วย สำหรับบุญคุณความแค้นระหว่างแม่กับเซี่ยชีหรั่น เธอไม่อยากจะไปสนใจอีกแล้ว
“แม่ครับ อ้าวเสว่มีคำถามบางส่วนอยากจะถามแม่ด้วยครับ” เย่เนี่ยนโม่ขยิบตาให้อ้าวเสว่
เซี่ยชีหรั่นได้ยินเย่เนี่ยนโม่เรียกอ้าวเสว่อย่างสนิทสนมจึงมองยังทั้งสองคนแล้วลากเสียงยาว พูดแซวว่า : “เนี่ยนโม่ เป็นไปได้ไหมว่าลูกกับอ้าวเสว่เป็นแฟนกัน ถ้าอย่างนั้นติงยียีเมื่อคราวก่อนล่ะ?”
เมื่อเย่เชินหลินได้ยิน สายตาของเขาก็ดุเดือดรุนแรงขึ้นมาทันที ถ้าหากลูกชายของเขาเหยียบเรือสองแคม เขาจะต้องสั่งสอนเย่เนี่ยนโม่
“แม่ครับ ติงยียี เป็นแค่คนที่รู้จักโดยบังเอิญเท่านั้น เป็นแค่คนแปลกหน้านะครับ!” เย่เนี่ยนโม่ถูกติงยียี ทำให้อับอายครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจยังมีไฟโกรธอยู่
“โอ้ แต่ลูกยังไม่ได้โต้แย้งเรื่องอ้าวเสว่เป็นแฟนของลูกเลยนะ” เซี่ยชีหรั่นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
อ้าวเสว่มองไปที่เย่เนี่ยนโม่อย่างประหม่า ในใจรู้สึกตุ๊มๆต่อมๆ เย่เนี่ยนโม่ตัดบทโดยไม่มีการโต้แย้ง เสียงประกาศของสนามบินดังเพื่อเตรียมพร้อมขึ้นเครื่อง
เซี่ยชีหรั่นให้คำชี้แนะที่จริงใจต่อเด็กทั้งสองว่า : “ลูกลำบากกับแม่มามากเมื่อตอนยังเล็ก อ้าวเสว่เองก็ถือได้ว่าแม่เห็นมาจนเติบใหญ่ ถ้าหากรู้สึกว่าอีกฝ่ายคือคนที่ใช่ในชีวิต อย่างนั้นแล้วก็อย่ายอมแพ้รู้ไหม?”
เย่เนี่ยนโม่ยันหน้าผากอย่างปวดหัว ตนเองแค่ไม่ได้ปฏิเสธเท่านั้นเอง แม่ก็คิดไปไกลเกินไปแล้ว ชีวิตช่างยาวไกล จะรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายคือคนที่ต้องการ
“รู้แล้วครับรู้แล้ว แม่รีบขึ้นเครื่องเถอะครับ!” เย่เนี่ยนโม่ผลักไหล่ เซี่ยชีหรั่นเบาๆ
เย่เชินหลินโอบเอวของเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดกับเย่เนี่ยนโม่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “ตระกูลเย่ของเราไม่มีใครมีความคิดล้าหลังเรื่องคู่ครองที่เหมาะสมกันหรอกนะ”
เย่เชินหลินพูดจบแล้วก็ดึงภรรยาของตนไปที่ประตูขึ้นเครื่องอย่างเย็นชา เย่เนี่ยนโม่ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา นี่มันคืออะไรกันแน่? ตนเองแค่รู้สึกละอายใจเลยอยากจะชดเชยให้กับอ้าวเสว่เท่านั้นเอง แล้วมันไปเกี่ยวข้องกับปัญหาคู่ครองที่เหมาะสมได้ยังไง
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” อ้าวเสว่ถามด้วยเสียงที่อ่อนโยนบาๆ วันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในรอบสิบปีที่ผ่านมา พอพิจารณาถึงท่าทีของเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินมันก็คือการยอมรับตัวเธออย่างสมบูรณ์
“ไม่มีอะไร” เย่เนี่ยนโม่ตอบอย่างเก้อเขิน แล้วแก้มก็รู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้น หลังจากที่อ้าวเสว่จูบเย่เนี่ยนโม่แล้วก็กระโดดเด้งเดินออกไปจากประตูของสนามบินแล้วหันมากวักมือเร่งเย่เนี่ยนโม่
เย่เนี่ยนโม่เอามือเช็ดหน้าตัวเองโดยไม่รู้ตัว แล้วรีบเดินอย่างรวดเร็วหลายๆก้าวเพื่อไล่ตามอ้าวเสว่
ในโรงแรม ติงยียีที่กำลังเช็ดชักโครกอยู่ในห้องน้ำ ความคิดได้ล่องลอยไปบนท้องฟ้า ตนเองย่ำเท้าลงไปอย่างแรง เย่เนี่ยนโม่คงไม่เป็นไรหรอกนะ ใครให้เขามาฉกเอาบัตรของเธอไปล่ะ ไม่ง่ายเลยที่จะได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบตัวต่อตัวกับอาจารย์เซี่ยชีหรั่นมีชื่อเสียงมากขนาดนั้น แถมยังเป็นแม่ของเย่เนี่ยนโม่ด้วย โลกใบนี้มันจะเล็กเกินไปแล้วจริงๆ!

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset