สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1383 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1283

“ติ๊งๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นซ่งเมิ่นเจ๋ถามตรงๆโดยไม่อ้อมค้อมเลยว่า “ยียีเธอจะต้องลืมการลงสมัครชิงตำแหน่งของสหภาพนักศึกษา ในวันพรุ่งนี้ตอนแปดโมงเช้าไปแล้วแน่ๆ”
“ขอโทษที ฉันลืมไปจริงๆ ฉันไม่ได้สนใจ” ยียีเช็ดชักโครกไปพลางแล้วพูดไปพลาง
เมื่อซ่งเมิ่นเจ๋ได้ยินว่ายียีไม่ได้มีความสนใจเลยและรู้ว่าติงยียีกำลังหาทุนทรัพย์ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตซ่งเมิ่นเจ๋เอ่ยว่า : “ในการลงสมัครของสหภาพนักศึกษายังมีประโยชน์เยอะมากเลยนะ ตัวอย่างเช่นการยื่นเอกสารขอทุนการศึกษาเอย กองทุนยากจนเอยล้วนแต่ค่อนข้างสะดวกกว่ามาก ยียีเธอไม่ได้ต้องการเงินงั้นเหรอ?”
ติงยียีใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้ยินซ่งเมิ่นเจ๋โปรโมทสหภาพนักศึกษาขนาดนี้ เธอจงใจพูดด้วยโทนเสียงลากยาวว่า : “พูดมาเถอะ เหตุผลที่อยากให้ฉันลงสมัครของสหภาพนักศึกษาคืออะไรกันแน่?”
ซ่งเมิ่นเจ๋รู้ว่าไม่อาจปิดบังติงยียีได้แล้วจึงพูดอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า : “โจ๋ซวนก็จะร่วมลงสมัครเลือกตั้งด้วยเหมือนกัน”
ติงยียีเข้าใจในทันทีที่ซ่งเมิ่นเจ๋พูด แล้วรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้จะลากตัวเองไปทำเรื่องไม่ดี เธอจะได้สร้างพันธมิตรภายในสหภาพนักศึกษาคอยช่วยเธอวางแผนไล่ตามจีบไห่โจ๋ซวนสินะ
ซ่งเมิ่นเจ๋เองก็รู้สึกเขินขึ้นมาเล้กน้อย เดิมทีตนเองเป็นคนหน้าบางอ่อนไหวง่าย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความตั้งใจที่มีต่อไห่โจ๋ซวนถึงขีดสุดแล้วจริงๆ
“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้ ยียี พรุ่งนี้เช้าตอนแปดโมงนะ”ซ่งเมิ่นเจ๋วางสายโดยไม่รอให้ติงยียีตอบกลับ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ส้งซูหาวเปิดประตู โดยมีเซียวเสี่ยวลี่ยืนอยู่ด้านหลังส้งซูหาว ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องทีละคน
“เมิ่นเจ๋คุยโทรศัพท์กับใครงั้นเหรอ?” ส้งซูหาวมองดูลูกสาวของตนเองที่เติบโตขึ้นมาสุภาพเรียบร้อยและงามสง่าและในสายตายังเผยให้เห็นความเมตตาและอ่อนโยนด้วยเช่นกัน
“มีใครอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นเรียนยากจนที่ชื่อติงยียีอะไรนั่น” เซียวเสี่ยวลี่ที่อยู่ข้างๆเปิดปากพูด
ซ่งเมิ่นเจ๋ขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบที่คนอื่นประเมินค่าเพื่อนของเธอแบบนี้เลย ส้งซูหาวเห็นซ่งเมิ่นเจ๋ขมวดคิ้วก็กังวลว่าอีกเดี๋ยวเรื่องที่คุยกับซ่งเมิ่นเจ๋จะเป็นการปลุกเร้าความรู้สึกต่อต้านภายในใจของอีกฝ่ายเขาจึงขยิบตาให้เซียวเสี่ยวลี่และพูดว่า : “คุณออกไปก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับเมิ่นเจ๋”
“รู้อยู่แล้วว่าพวกคุณทำกับฉันเป็นคนนอกเสมอ ได้เลย พวกคุณสองพ่อลูกคุยกระซิบกระซาบกันไปเถอะ ฉันที่เป็นคนนอกขอตัวก่อนล่ะ!” เซียวเสี่ยวลี่ปิดประตูกระแทกดังปัง
ส้งซูหาวมีสีหน้าเย็นชา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เซียวเสี่ยวลี่มีอารมณ์ที่ดีมาก ส้งซูหาวระงับความโกรธในใจแล้วพูดชี้แนะอย่างจริงใจว่า : “เมิ่นเจ๋ พ่อจะไม่ก้าวก่ายในอิสระในการคบหาเพื่อนของลูกมากเกินไป แต่ในการคบหาเพื่อนก็ต้องเลือกคนที่มีเส้นสายและทรัพยากรที่มั่งคั่ง คนที่จะมีประโยชน์ต่อชีวิตของเราในอนาคตรู้หรือเปล่า?”
แน่นอนว่าซ่งเมิ่นเจ๋ รู้ว่าพ่อหมายความว่าอะไร เพียงแค่ให้ตนเองคบหาพวกคนรวยรุ่นที่สองมากขึ้นเท่านั้นเองซ่งเมิ่นเจ๋ไม่อยากทำตัวไม่เชื่อฟังพ่อ เธอพูดว่า : “รู้แล้วค่ะพ่อ”
ส้งซูหาวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาหยิบบัตรเชิญออกมาจากกระเป๋าใบหนึ่งแล้ววางไว้บนเตียง ในน้ำเสียงมีความยินดีอย่างปิดไม่มิด
“เมิ่นเจ๋ พ่อไปถามมาแล้วว่า อีกสามวันจะมีกลุ่มผู้นำของคณะกรรมการกลางพรรคลงมา ในบรรดาผู้นำกลุ่มนั้น มีคนหนึ่งเป็นลูกชายของผู้นำระดับกลาง ถ้าลูกหมั่นขยันคบหาเพื่อน พ่อก็จะรู้สึกว่าลูกทำได้ดี”
ส้งซูหาวพูดพร้อมกับสังเกตปฏิกิริยาของลูกสาว นี่ไม่ใช่การขายลูกสาวหรอกนะ ถ้าหากประสบความสำเร็จจริงๆล่ะก็ ประการแรกลูกสาวจะได้แต่งงานกับตระกูลที่ดี ประการที่สองธุรกิจของตนเองก็จะได้รับการรับประกันเช่นกัน
“พ่อคะ หนูมีคนที่ชอบแล้วค่ะ”ซ่งเมิ่นเจ๋พูดด้วยใบหน้าที่เขินอาย
“มีคนที่ชอบแล้ว? ภูมิหลังครอบครัวเป็นยังไงบ้าง? พ่อแม่ทำงานอะไร?” ส้งซูหาวถามเป็นชุดๆ
ซ่งเมิ่นเจ๋รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอหวังว่าพ่อจะถามว่าคนที่เธอชอบคือใครและพูดคุยเรื่องความรักกับเธอเหมือนกับพ่อแม่ทั่วไป
ในใจของเธอไม่มีความปรารถนาที่จะพูดต่ออีกซ่งเมิ่นเจ๋ส่ายหน้า ส้งซูหาวเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน คนหนุ่มสาววัยนี้ล้วนแต่ชอบเล่นสนุกสนาน และในจุดนี้ไม่เป็นไรหรอก
“งั้นก็ดีแล้ว ลูกพักผ่อนเถอะนะ สองวันนี้ไปร้านเสริมสวยดูแลและบำรุงตัวเองนะลูก” ส้งซูหาวเดินออกจากห้องไปอย่างมีความสุขซ่งเมิ่นเจ๋พลิกตัวและกดทับลงบนโทรศัพท์
“พ่อของเธอไปแล้วเหรอ?” ทันใดนั้นเสียงของติงยียีก็ดังขึ้นมาซ่งเมิ่นเจ๋สะดุ้งตกใจ เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูถึงพบว่าตนเองไม่ได้กดปิด ติงยียีได้ยินที่พูดเมื่อกี้นี้ไปแล้ว
“พ่อของเธอทำแบบนี้มันต่างจากขายเธอตรงไหน!” ติงยียีโมโหขึ้นมา ฟังไปฟังมา พ่อของซ่งเมิ่นเจ๋ ก็มีอยู่ความหมายเดียวว่ามีเนื้อชิ้นอ้วนอยู่ระหว่างทาง อย่าลืมเซ็นชื่อแล้วส่งกลับบ้าน!”
“ยียี พ่อของฉันก็ทำเพื่ออยากให้ฉันมีชีวิตที่ดีเท่านั้นเองแหละ”ซ่งเมิ่นเจ๋ถอนใจและพูดว่าแต่ติงยียีไม่คิดแบบนั้น ถ้าหากลูกชายผู้นำเป็นพวกบ้ากามแล้วจะทำยังไง เมิ่นเจ๋ เป็นคนที่มีนิสัยขี้กลัวขนาดนี้จะต้องถูกรังแกแน่นอน
“ฉันคิดๆดูแล้ว เธอไปคนเดียวไม่ได้เด็ดขาด อย่างนี้แล้วกัน อีกสามวันฉันจะขอลาหยุดกับผู้จัดการสักสองสามชั่วโมงไปเป็นเพื่อนเธอ ถ้าอีกฝ่ายกล้าคิดที่จะทำอะไร รอดูว่าฉันจะบิดหัวเขาไม่ปล่อยเลย!” ติงยียีพูดอย่างดุเดือดซ่งเมิ่นเจ๋ก็รู้สึกขบขันกับน้ำเสียงที่ดุดันของติงยียีเช่นกัน ทั้งสองคุยกันสักพักจึงได้วางสาย
วันรุ่งขึ้น ติงต้าเฉินจะต้องจัดส่งสินค้าทางไกลจึงออกไปตั้งแต่เช้าติงยียีไม่มีเรียนในตอนเช้า จึงคิดไปเข้าร่วมการเลือกตั้งสหภาพนักศึกษากับซ่งเมิ่นเจ๋
“ทำไมตอนนี้ถึงแค่เจ็ดโมงล่ะ?” ติงยียีมองดูนาฬิกาเรือนเก่าที่บ้านแล้วพูดอย่างแปลกใจหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อเปิดโทรศัพท์ดูเป็นเวลา 7:40 น.แล้ว
ติงยียีรีบร้อนออกไปด้วยกังวลว่าจะไปถึงสาย เธอกัดฟันเรียกรถแท็กซี่ รถแท็กซี่จอดหน้าประตู คนขับรถลูบแบงค์หนึ่งร้อยหยวนที่ ติงยียีมอบให้แล้วมองดูอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างอารมณ์ดีว่า : “สาวน้อย ให้อีกใบหนึ่งสิ?”
“อีกใบงั้นเหรอ?” ทั้งตัวของติงยียีก็มีอยู่แค่ร้อยหยวน เธอพูดอย่างกระดากอายกับคนขับว่า : “พี่คนขับ มี Alipay หรือเปล่า? ไม่งั้นฉันโอน Alipayให้ไหม?”
สีหน้าของคนขับรถบึ้งตึงแล้ว สาวน้อยคนนี้หน้าตาสวยมากแล้วทำไมเธอถึงคิดอยากจะเบี้ยวค่ารถได้ล่ะ?
ติงยียีทั้งเขินอายทั้งกังวล ทำได้เพียงแค่โทรหาซ่งเมิ่นเจ๋ให้เอาเงินมาให้เธอหน่อย สิบห้านาทีต่อมาไห่โจ๋ซวนได้โผล่มาช่วยติงยียีจ่ายค่ารถไปก่อน แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า : “เมิ่นเจ๋กำลังสัมภาษณ์พอดีน่ะ เธอเลยขอให้ฉันมา”
ติงยียีมองหน้าผากที่เหงื่อออกจนชุ่มของไห่โจ๋ซวนอย่างซาบซึ้ง เธอจึงยืนกรานที่จะเลี้ยงเครื่องดื่มไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนสังเกตดูติงยียีขณะไปเดินไปด้วย สองวันมานี้ดูเหมือนว่าเย่เนี่ยนโม่และอ้าวเสว่จะเข้ากันได้ดี แล้วผู้หญิงที่ชื่อติงยียีจะเป็นตัวแปรได้หรือไม่?
“บนหน้าฉันมีอะไรติดอยู่งั้นเหรอ?” ติงยียีสังเกตเห็นสายตาของไห่โจ๋ซวนแล้วถามอย่างแปลกใจ
ไห่โจ๋ซวนกดปุ่มตู้ขายของอัตโนมัติ เขายื่นน้ำพีชขวดหนึ่งให้กับติงยียี โดยแสร้งเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า : “เธอกับเย่เนี่ยนโม่รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ? เธอไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นคนที่จุกจิกและยากที่จะรับมือสุดๆเลยนะ”
“งั้นเหรอ? ฉันไม่ได้สนิทกับเขา เคยเจอเขาที่โรงแรมครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เจอกันแค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น” ติงยียีประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย เย่เนี่ยนโม่มอบความประทับใจที่เลวร้ายให้กับเธอแล้วยังอีโก้สูงอย่างมากด้วย
ไห่โจ๋ซวนพยักหน้าแล้วไม่ซักไซ้อีก เขามองออกว่าติงยียีไม่ใช่พวกหัวหมอที่มีแผนการร้ายซ่อนไว้แบบนั้น เดินไปได้ครึ่งทาง จู่ๆติงยียีก็ร้องขึ้น : “แปลกจัง! มือถือฉันล่ะ!”
ค้นหาอยู่พักหนึ่ง ติงยียีถึงนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ของตนเองจะต้องตกอยู่รถในตอนที่คุยกับคนขับรถแน่ๆ
ไห่โจ๋ซวนยื่นโทรศัพท์ของตนเองให้กับติงยียี เธอรีบกดเบอร์โทรของตนเองและมีการรับสายอย่างรวดเร็ว
“นี่แม่สาวน้อย! ทำไมรายชื่อติดต่อของเธอถึงมีแค่สองชื่อล่ะ แถมยังโทรไม่ติดอีก ตอนนี้ฉันอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยของเธอ รีบมาเร็ว!” เมื่อคนขับได้ยินติงยียีตามหาโทรศัพท์ก็พูดพล่ามออกมาเป็นชุด
ติงยียีและไห่โจ๋ซวนรีบไปที่ประตูมหาวิทยาลัย เธอรับโทรศัพท์มาแล้วถอนหายใจยาว ถ้าหากโทรศัพท์หายไปอีกก็จะต้องเสียเงินซื้ออีกแล้ว
โทรศัพท์สั่นและมีเบอร์แปลกหน้าโทรเข้ามา ไห่โจ๋ซวนเขย่าโทรศัพท์ในมือของตนเองแล้วยิ้มให้กับติงยียีและพูดว่า : “ตอนนี้ในรายชื่อติดต่อของเธอมีคนที่สามแล้ว”
ใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างมากของไห่โจ๋ซวนมีเหงื่อไหลหลังจากวิ่งอย่างสุดพลัง แต่แทนที่จะให้ความรู้สึกสง่าผ่าเผยเหมือนก่อนหน้านี้ กลับดูเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ติงยียีขำพรืดออกมาเสียงดังและได้ยื่นน้ำพีชที่ยังไม่ไม่ได้เปิดในมือให้กับไห่โจ๋ซวน แล้วพูดอธิบายกับอีกฝ่ายที่ตั้งคำถามอยู่ในสายตาว่า : “ฉันแพ้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกพีชน่ะ”
ในตอนที่ทั้งสองคนมาถึงสถานที่สัมภาษณ์ก็มีคนอยู่ในห้องเรียนเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น มีการตั้งกลุ่มอยู่จนทั่วทั้งด้านนนอกและด้านในและพอดีกับที่อ้าวเสว่ลงสนามเพื่อสัมภาษณ์
“คุณมีทักษะที่ต้องการจะแสดงหรือไม่?” ผู้สัมภาษณ์ซักถาม อ้าวเสว่พยักหน้าและพูดอย่างมั่นใจว่า : “ความสามารถที่ฉันเตรียมมาคือความจำค่ะ”
มีตัวเลขหลายสิบตัวเขียนบนกระดานไวท์บอร์ด อ้าวเสว่อ้าปากอ่านเงียบๆในใจอยู่หลายรอบแล้วหันไปพยักหน้าให้กับเพื่อนร่วมชั้นที่รับผิดชอบดูแลไวท์บอร์ด
กระดานไวท์บอร์ดถูกถอดออกแล้วตัวเลขก็กระโจนออกมาจากปากของอ้าวเสว่อย่างแม่นยำทีละตัว ทั่วทั้งห้องตกตะลึง เสียงปรบมือที่มีชีวิตชีวาดังขึ้นแล้วเงียบเสียงลง
ติงยียีเองก็มองอย่างตกตะลึงด้วยเช่นกัน อ้าวเสว่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ผลการเรียนของเธอก็ดีมาก รูปร่างหน้าตาก็สวยงาม ความจำยังโดดเด่นขนาดนี้อีก
“ตกใจเลยสินะ ตอนที่ฉันกับเย่เนี่ยนโม่เจอเธอครั้งแรกยังไปกวนให้เธอแก้รูบิคให้เลย” จู่ๆไห่โจ๋ซวนก็กระซิบพูดที่ข้างหูของติงยียี
ติงยียีตกใจจนสะดุ้งโหยง รีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็วแล้วมองไปที่ไห่โจ๋ซวนอย่างประหลาดใจ แต่เขาหันหน้าไปมองที่สถานที่สัมภาษณ์ด้วยท่าทางเป็นปกติเรียบร้อยแล้ว
ติงยียีแอบตำหนิตัวเองที่ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม อ้าวเสว่ที่อยู่ทางด้านนั้นจดจำตัวเลขทั้งหมดได้อย่างถูกต้องแล้วเดินกลับไปอยู่ข้างๆเย่เนี่ยนโม่ที่นั่งเชิดหน้าทำท่าสูงส่งอยู่
สายตาของทุกคนมองตามไป ติงยียีถึงได้ค้นพบว่าเย่เนี่ยนโม่ที่กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน ข้อมือของเขาฟกช้ำอย่างเห็นได้ชัด
“ต่อไปคือเย่เนี่ยนโม่จากห้องภาษานานาชาติ” ดวงตาของติงยียีกระพริบ เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องและนั่งลงตรงเปียโนที่อยู่ด้านข้าง
ไม่มีการพูดพล่ามไร้สาระเลยแม้แต่น้อย เสียงเพลงที่ผ่อนคลายค่อยๆบรรเลงช้าๆ สถานที่นั้นเกิดความแตกตื่นอีกครั้ง ศรีษะของเย่เนี่ยนโม่ลดลงมาเล็กน้อย ขนตายาวที่โค้งงอนภายใต้แสงไฟสลัวนั้นให้ความรู้สึกเงียบสงบ
ห้องที่มีเสียงดังอึกทึกค่อยๆเงียบลงเรื่อยๆ เหลือเพียงแค่ท่วงทำนองของเปียโนของเย่เนี่ยนโม่ที่ยังคงดังอยู่ จนกระทั่งเสียงนั้นได้หยุดนิ่งลงแล้วมีเสียงปรบมือดังสนั่น ติงยียีถึงจะได้สติกลับมาและอดไม่ได้ที่จะปรบมือ
เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้น กวาดตามองไปทั่วตัว ติงยียีแล้วออกไปอย่างรวดเร็ว เขาเดินกลับมาที่ตำแหน่งเดิม อ้าวเสว่ที่รออยู่ข้างๆจับมือของเย่เนี่ยนโม่เอาไว้แล้วขมวดคิ้วพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง เย่เนี่ยนโม่เองก็ไม่ได้โต้แย้ง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset