สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1384 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1284

นักศึกษาหญิงรอบๆพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์เย่เนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่ติงยียีอดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง ปรากฏว่าเรื่องเย่เนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่เป็นคนรักกันได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียนแล้ว เช่นกันว่าจะต้องเป็นคนที่โดดเด่นสองคนเดินด้วยกันถึงจะถูกใช่ไหม ติงยียีเริ่มคิดเพ้อเจ้อ จนเมื่อไห่โจ๋ซวนที่อยู่ข้างๆผลักไหล่ของตนเองถึงได้สติกลับคืนมาทันทีว่าตนเองต้องขึ้นเวทีแล้ว
เมื่อเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยความเร่งรีบแล้ว ติงยียีมองไปรอบๆอย่างประหม่า เธอกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า : “ไม่งั้นฉันจะเล่าเรื่องตลกให้ทุกคนฟังดีไหมคะ?”
เย่เนี่ยนโม่ที่อยู่ข้างๆเดิมทีไม่ได้สนใจในตัวของติงยียีเลย เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้แล้วก็กลับเงยหน้าขึ้นมองติงยียีหลายครั้ง
“กาลครั้งหนึ่ง มีนกเพนกวินตัวหนึ่งอยากไปเล่นกับเพื่อนหมีขั้วโลกของตนเองที่ขั้วโลกเหนือ มันใช้เวลาสองปีถึงจะเดินไปได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ปิดแก๊สที่บ้าน ดังนั้นจึงใช้เวลาอีกสองปีถึงจะกลับไปถึงบ้านเพื่อปิดแก๊ส หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปหาหมีขั้วโลกอีกครั้งหนึ่ง หลังจากใช้เวลาอยู่ห้าปี ในที่สุดก็มาถึงบ้านของหมีขั้วโลก เจ้านกเพนกวินพูดอย่างมีความสุขมากว่า: “หมีขั้วโลกฉันมาเล่นกับนายแล้ว” หมีขั้วโลกเปิดประตูแล้วพูดเงียบๆว่า : “ไม่เล่น” ฮ่าๆๆ”
ติงยียีหัวเราะแห้งๆสามสี่ครั้ง ที่ตรงนั้นเงียบสนิท “แปะๆ” เสียงที่คมชัดดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ติงยียีหันไปทางไห่โจ๋ซวนที่กำลังปรบมืออย่างซาบซึ้งใจ
“แปะๆ” ผู้คนในสถานที่นั้นพากันมองไปทางเย่เนี่ยนโม่ มันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้สองหนุ่มหล่อประจำมหาวิทยาลัยปรบมือแสดงความชื่นชมนักศึกษาหญิง ทุกคนต่างมองไปที่ติงยียีด้วยแววตาที่มีร่องรอยของการสอบสวน
ติงยียีเดินลงมาอย่างเศร้าหมองแล้วมองเห็นซ่งเมิ่นเจ๋เข้าพอดี “เธอหายไปไหนมา?” ติงยียีเอ่ยถาม
“เรื่องที่พ่อฉันพูดเมื่อวานนี้น่ะ ว่ากันว่ามีการตัดสินใจจองห้องพักที่โรงแรมตี้เหาแล้ว แต่เป็นแบบนั้นก็ดี ใช่แล้วล่ะ เมื่อกี้นี้ฉันเห็นเย่เนี่ยนโม่ปรบมือให้เธอด้วย ความสัมพันธ์ของพวกเธอไม่ดีจริงเหรอ?”ซ่งเมิ่นเจ๋หันสายตามองไปทางไห่โจ๋ซวนซ้ำแล้วซ้ำอีก
“บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องตลกที่ฉันเล่าก็ได้” ติงยียีได้ยินเพื่อนสนิทของตนเองพูดเช่นนี้แล้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองหาเย่เนี่ยนโม่โดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าเย่เนี่ยนโม่จะสังเกตเห็น เขากวาดสายตามองมาแล้วเดินออกไปอย่างเฉยเมยด้วยความรวดเร็ว
“อะไรเนี่ย” ติงยียีบุ้ยปากแล้วบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว นักศึกษาส่วนมากได้สัมภาษณ์ไปแล้วเกินครึ่งจนมีจำนวนเหลือเพียงนิดเดียว
“ยียี พวกเราไปกินข้าวที่โรงอาหารกันเถอะ ช่วงบ่ายฉันยังมีเรียนน่ะ”ซ่งเมิ่นเจ๋พูดพลางจับมือของติงยียี
เย่เนี่ยนโม่และอ้าวเสว่เดินผ่านติงยียีไปอย่างเฉยเมย รอยบวมแดงบนข้อมือที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนทำให้ติงยียีอดไม่ได้ที่จะมองไปหลายต่อหลายครั้ง
“เย่เนี่ยนโม่!” ติงยียีตะโกน เย่เนี่ยนโม่และอ้าวเสว่หยุดเดินแล้วหันมามองติงยียี
“มือของนาย?” ติงยียีเอ่ยอย่างลังเล
เดิมทีอ้าวเสว่ก็โกรธอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดของติงยียีก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า : “เล่นสนุกกันก็ต้องมีขอบเขต เธอรู้ไหมตอนที่เล่นเปียโนเมื่อกี้นี้ มือของเขาบาดเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว”
ติงยียีจ้องไปที่แขนที่ได้รับบาดเจ็บของเย่เนี่ยนโม่ เขาเหลือบมองติงยียีอีกครั้งแล้วพูดว่า : “ฉันเองก็ผิดที่แย่งบัตรของเธอ เธอไม่ต้องโทษตัวเองหรอก”
เย่เนี่ยนโม่พูดจบก็เดินไปข้างหน้า เขาเดินไปถึงหัวมุมแล้วหันมามองอ้าวเสว่ที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เย่เนี่ยนโม่พูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า : “ไม่ไปงั้นเหรอ?”
อ้าวเสว่ผงะแล้วพยักหน้าอย่างมีความสุขจากนั้นวิ่งไปทางเย่เนี่ยนโม่ ทั้งสองเดินหายเข้าไปในโถงทางเดินอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่าเย่เนี่ยนโม่จะชอบอ้าวเสว่จริงๆ”ซ่งเมิ่นเจ๋เดินมาที่ด้านข้างของติงยียี ติงยียีกลับไม่ได้สนใจ อย่างไรก็ตามเรื่องที่เธอสนใจต่อเย่เนี่ยน นั่นคือจูบในคืนนั้นเท่านั้นเอง
หลังเลิกเรียนในตอนบ่ายติงยียีถูกซ่งเมิ่นเจ๋ลากไปที่บอดร์ดประกาศเพื่อดูรายชื่อผู้ได้รับเลือก ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานคือนักเรียนชายปีสองที่กำลังศึกษาเศรษฐศาสตร์ชื่อจางถัง ส่วนเย่เนี่ยนโม่ได้รับเลือกให้เป็นรองประธาน
ไม่น่าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า อ้าวเสว่กับซ่งเมิ่นเจ๋และแม้กระทั่งติงยียีล้วนได้รับเลือก แต่ไม่มีไห่โจ๋ซวนอยู่ในรายชื่อ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เป็นไปไม่ได้ที่ไห่โจ๋ซวนจะไม่ได้รับเลือก”ซ่งเมิ่นเจ๋เอ่ยพึมพำอย่างเศร้าใจ
ติงยียีรู้ว่าซ่งเมิ่นเจ๋ลงสมัครแข่งขันการเลือกตั้งสหภาพนักศึกษาเป็นเพราะต้องการมีเวลาอยู่กับไห่โจ๋ซวนมากขึ้น
เห็นท่าทางโศกเศร้าของซ่งเมิ่นเจ๋เช่นนี้แล้ว ติงยียีก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน เธอดึงมือซ่งเมิ่นเจ๋ ไปที่สหภาพนักศึกษา
ภายในห้องทำงานสหภาพนักศึกษา อาจารย์ที่เข้าเวรอยู่กำลังพูดกับนักเรียนชายท่าทางเย่อหยิ่งคนหนึ่งที่มีรูปร่างสูง1.85เมตรอย่างจนใจ โดยค่อยๆพูดโน้มน้าวว่า : “คุณชายถัง คุณก็เห็นว่าคุณได้เป็น หัวหน้าสหภาพนักศึกษาแล้ว และเสียงเรียกร้องต่อเย่เนี่ยนโม่คนนี้ก็เยอะมากๆ มันไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยอมให้เขาได้รับเลือก”
ในใจของอาจารย์ก็โกรธนักเรียนที่ชื่อจางถังจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่เช่นกัน ปกติแล้วก็มักจะทำตัวเป็นเส้นขนานและเอาแต่ใจ ไม่ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเป็นอาจารย์ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังมาต่อว่าเสียงดังต่อหน้านักศึกษาจำนวนมากอย่างเปิดเผย ใครก็เรียกว่าเขาคือลูกชายของอาจารย์ใหญ่ ตนเองจะสร้างเรื่องไม่ได้งั้นก็ไปหลบอยู่!
“ผมตกลงกับเพื่อนของผมไว้เรียบร้อยแล้ว คุณก่อกวนแบบนี้คิดจะทำให้ผมเสียหน้าใช่ไหม?” จางถังไม่ยอมลดราวาศอก
ติงยียีและซ่งเมิ่นเจ๋เดินมาถึงประตูปากพอดี พอได้ยินเสียงภายในสำนักงานจึงได้หยุดชะงักลง ทั้งสองชำเลืองมองกันและกัน โดยยืนอยู่ที่เดิมแล้วแอบฟังต่อไปเงียบๆ
“คุณชายถัง เดิมทีเป็นเย่เนี่ยนโม่กับไห่โจ๋ซวนที่ได้รับเลือกนะ ตอนนี้เอาออกไปหนึ่งคนก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันของสาธารณะอย่างมากแล้ว คุณไปคุยกับเพื่อนคนนั้นเถอะ ยังไงก็ตามถ้าไม่ดี เทอมหน้าก็ยังมีตำแหน่งว่างไม่ใช่เหรอ?”
“ได้เลย งั้นผมจะทำให้เขาต้องหยุดเป็นก็แล้วกัน” จางถังเปิดประตูอย่างแรง สายตาของเขากวาดตามองไปที่ติงยียีและซ่งเมิ่นเจ๋ สองคน
“อาจารย์คะ คุณทำแบบนี้ไม่ถูกนะคะ แอบร่วมมือกับพวกอิทธิพลชั่วได้ยังไง!” ติงยียีตะโกนเสียงดังลั่นทันทีที่เข้าประตูมา อาจารย์ที่เข้าเวรก้มหน้าลง เดิมทีก็โดนลูกชายของอาจารย์ใหญ่สั่งสอน ตอนนี้ก็ยังจะถูกนักศึกษาใหม่มาสั่งสอนอย่างไม่มีที่มาที่ไปจึงตบโต๊ะแล้วยืนขึ้น : “นักศึกษาคนนี้! ระวังคำพูดด้วย! อิทธิพลชั่วอะไรกัน!”
“ยียี”ซ่งเมิ่นเจ๋ดึงแขนเสื้อติงยียีเอาไว้แล้วรีบออกมาทำการไกล่เกลี่ยว่า : คืออย่างงี้ค่ะอาจารย์ เพื่อนของฉันเป็นคนนิสัยค่อนข้างใจร้อน ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ”
ติงยียีถูกซ่งเมิ่นเจ๋พาเดินออกมาจากสหภาพนักศึกษา ซ่งเมิ่นเจ๋ตื้นตันใจอย่างมากที่เห็นใบหน้าที่โกรธจัดของติงยียี แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับติงยียี : “ยียี อาจารย์คนนั้นชื่อเจิ้นเจิ้ง เป็นผู้ดูแลเรื่องทุนการศึกษา ต่อจากนี้เธอพยายามอย่ามีเรื่องขัดแย้งกับเขาเลยนะ”
ติงยียีเม้มปากไม่พูดอะไร เสียงที่ดังมาจากสนามบาสเกตบอลดึงดูดความสนใจของทั้งสองคน ติงยียีเงยหน้าขึ้นมอง นั่นคือเย่เนี่ยนโม่ใช่ไหม?
เย่เนี่ยนโม่คว้าลูกบาสจากชายร่างสูงคนหนึ่ง เขาก้าวเท้าอย่างรวดเร็วไม่กี่ก้าวแล้วดังค์ลงไปอย่างสวยงาม นักศึกษาหญิงที่อยู่รอบๆพากันกรีดร้อง อ้าวเสว่ที่อยู่ด้านข้างปรบมือให้กำลังใจสุดชีวิต
ซ่งเมิ่นเจ๋ไม่สามารถขยับเท้าได้เลยเมื่อเห็นไห่โจ๋ซวนเล่นเข้าขากับเย่เนี่ยนโม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ ติงยียีลากซ่งเมิ่นเจ๋ตรงไปที่สนามบาสอย่างตลกขบขัน
ไห่โจ๋ซวนมองเห็นติงยียีและซ่งเมิ่นเจ๋โบกมือทักทายจากระยะไกล เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้หันกลับไปมองเลย ติงยียีมองดูมือที่ยังบวมจนเห็นได้อย่างชัดเจนของเขา รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองตนเองเลยด้วยซ้ำ จึงคิดว่าจะไม่แสดงความใส่ใจแต่ไร้ประโยชน์อีกเด็ดขาด อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนฉีกบัตรของเธอ!
“ยียี!” อ้าวเสว่เป็นฝ่ายเริ่มเข้ามากล่าวทักทาย หลังจากตัดสินใจที่จะรักเย่เนี่ยนโม่แล้ว อ่าวเสว่ไม่ได้มองติงยียีเป็นศัตรูเหมือนเมื่อก่อน
สามสาวหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานเฮฮา ฝูงชนที่อยู่ด้านข้างถูกผลักไปด้านหลัง นักศึกษาชายที่เป็นผู้นำคือจางถัง เขาเดินอยู่หน้าสุด มีนักศึกษาชายคนหนึ่งที่ทำผมไฮไลท์สีฟ้าถือลูกบาสอยู่ข้างๆ อ้าวเสว่รู้สึกคุ้นหน้านักเรียนชายที่ทำผมไฮไลท์สีฟ้า จนอดไม่ได้ที่จะมองดูอีกสองสามครั้ง
“พวกเราเล่นที่สนามนี้ทุกครั้งในเวลานี้ พวกนักศึกษาใหม่ไม่รู้กฎเกณฑ์เลยสินะ” จางถังหยิบลูกบาสขึ้นมาหมุนบนนิ้วแล้วมองเย่เนี่ยนโม่อย่างยั่วยุ
“แล้วพวกนายคิดจะทำอะไร?” เย่เนี่ยนโม่ยืนอยู่ตรงหน้าจางถังทันทีที่จางถังเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้ยินว่า ลูกชายของอาจารย์ใหญ่ ดูเหมือนจะยังอยู่ปีสองเพราะไม่ผ่าน ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาจะไม่สนใจคนประเภทนี้เลย
“มันง่ายมากเลย สู้กับพวกเรา คนแพ้คุกเข่าลงบนพื้นแล้วเรียนวิธีเห่า” จางถังพูดพร้อมกับยิ้มระรื่น ในดวงตามีร่องรอยความชั่วร้ายวาบผ่านไป
“ช่างมันเถอะ เนี่ยนโม่ พวกเราไปกันเถอะ ถึงยังไงก็เล่นใกล้จะเสร็จอยู่แล้ว” คนที่อยู่ข้างๆดึงมือของเย่เนี่ยนโม่แล้วเอ่ยกระซิบ ไห่โจ๋ซวนเองก็เคยได้ยินเรื่องของอันธพาลคนนี้และไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่จึงเอ่ยเสียงเบาว่า : “ช่างมันเถอะ เห็นอยู่ชัดๆว่ามาหาเรื่อง”
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วก่อนก้มตัวลงหยิบลูกบาสแล้วหันหลังเดินไป จางถังเป่านกหวีดอยู่ด้านหลัง คนสามสี่คนเริ่มเล่นส่งบอลอยู่ด้านหลัง
อ้าวเสว่ที่ตกไปอยู่ท้ายสุดของฝูงชนพอเหลือบมองนักศึกษาชายที่ทำไฮไลท์อีกสามสี่ครั้ง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย
“ระวัง!” ติงยียีที่อยู่ขนานกับอ้าวเสว่ มองเห็นจางถังชู้ตลูกบาสบินตรงมาทางนี้จึงผลักอ้าวเสว่ออกไปอย่างไม่ต้องคิดเลย
อ้าวเสว่ถูกติงยียี ผลักออก เธอเดินโงนเงนสองสามก้าว รองเท้าส้นสูงบิดเบี้ยวแล้วทั้งตัวล้มลงไปบนพื้น ติงยียีเพิ่งได้สติ ลูกบาสก็กระแทกไปที่ท้ายทอยของติงยียีโดยตรง
“อ้าวเสว่! ยียี!” เย่เนี่ยนโม่ ,ซ่งเมิ่นเจ๋ และยังมีไห่โจ๋ซวนต่างรีบหันมามองเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของอ้าวเสว่และ ติงยียี
อ้าวเสว่และติงยียีต่างล้มลงไปอีกด้านหนึ่ง เย่เนี่ยนโม่มองไปทางติงยียี เห็นได้ชัดว่าติงยียีค่อนข้างจะร้ายแรงกว่า เธอหมอบอยู่บนพื้นเอามือกุมหัวไว้อย่างเจ็บปวด
เย่เนี่ยนโม่เดินไปทางอ้าวเสว่แล้วโอบเอวอุ้มอ้าวเสว่ขึ้นมาพร้อมกับมองจางถังที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า : “สองทุ่มคืนพรุ่งนี้”
“เนี่ยนโม่ มันเจ็บมากเลย” ถึงแม้ในปากของอ้าวเสว่จะร้องว่าเจ็บ แต่ในใจรู้สึกพอใจมาก แฟนหนุ่มประกาศสงครามกับผู้อื่นเพราะอาการบาดเจ็บของตน สิ่งนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าตนเองยังมีตำแหน่งอยู่ในใจของเขา
“ยียี!”ซ่งเมิ่นเจ๋ที่อยู่ข้างๆน้ำตาแทบร่วง ติงยียีจับศรีษะขณะที่ลุกขึ้นมาและอยากจะปลอบใจซ่งเมิ่นเจ๋แล้วเวียนหัวขึ้นมาทันที มีแขนคู่หนึ่งคว้าติงยียีได้ทันเวลา
ไห่โจ๋ซวนเองก็อุ้มติงยียีขึ้นเช่นเดียวกัน แล้วพูดกับซ่งเมิ่นเจ๋ ว่า : “ไปที่ห้องพยาบาลก่อน”ซ่งเมิ่นเจ๋พยักหน้า กลุ่มคนรีบไปที่ห้องพยาบาล
ในห้องพยาบาล ติงยียีถือถุงน้ำแข็งประคบไว้บนหัว ในใจรู้สึกหงุดหงิดที่ตนเองทำไมถึงโชคร้ายได้ขนาดนั้น ไห่โจ๋ซวนยื่นมืออกมาแล้วแกว่งไปมาที่ด้านหน้าของติงยียี พร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า : “เธอทำให้ฉันนึกถึงเพลงๆหนึ่ง”
“เพลงอะไร?” ติงยียีถามด้วยความสงสัย
ไห่โจ๋ซวนบีบจมูกแล้วฮัมเพลงขึ้นมาทั้งอย่างนั้น : “บนหัวของฉันมีเขา ข้างหลังของฉันมีหาง!”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset