สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1385 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1285

“เกลียดอ่ะ! ล้อเลียนฉัน!” ติงยียียกถุงน้ำแข็งขึ้นตั้งท่าจะตี นับตั้งแต่เรื่องที่ไห่โจ๋ซวนช่วยตนเองหาโทรศัพท์ ติงยียีรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างตนเองกับเขาถูกดึงให้ใกล้กันกว่าเดิมมากและเทียบกันแล้วเข้ากันได้ง่ายกว่าเย่เนี่ยนโม่
ติงยียีทำท่าจะตีไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนแสร้งเป็นใช้มือใหญ่จับสองมือของติงยียีเอาไว้ แล้วมืออีกข้างลูบบนศรีษะของติงยียี เป็นการกระทำที่ค่อนข้างจะสนิทสนม
“ยียี ฉันช่วยลาหยุดให้เธอแล้วนะ” ซ่งเมิ่นเจ๋พูดขณะที่ผลักประตูเปิดออก สีหน้าท่าทางที่แสดงของออกเธอนั้นแตกร้าวเมื่อเห็นการกระทำที่สนิทสนมของทั้งสองคนบนเตียง
“ลาแล้วเหรอ ขอบคุณมากเลยนะ” ติงยียียิ้มหวานให้กับซ่งเมิ่นเจ๋ไห่โจ๋ซวนดึงมือกลับ ลุกขึ้นแล้วพูดว่า : “เมิ่นเจ๋ ถ้างั้นเธออยู่เป็นเพื่อนยียีนะ ฉันยังมีธุระฉันไปก่อนล่ะ”
ซ่งเมิ่นเจ๋พยักหน้าอย่างสติแตกเล็กน้อย จู่ๆซ่งเมิ่นเจ๋ก็เกิดปมในใจ เห็นไห่โจ๋ซวนกับติงยียีเข้ากันได้ดีขนาดนั้น เกิดความรู้สึกว่าถูกพี่น้องที่สนิทมาแย่งเอาคนที่ตนเองชอบไป
“เมิ่นเจ๋ เธอกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ!” ติงยียีมองซ่งเมิ่นเจ๋ยืนทื่ออยู่ที่ประตู แม้แต่ไห่โจ๋ซวนจะเดินไปแล้วก็ยังไม่ไปส่งจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
ซ่งเมิ่นเจ๋เดินไปหาติงยียีที่ด้านข้าง ลังเลอยู่นาน เธอกัดริมฝีปากแล้วหน้างอถามว่า : “ยียี เมื่อกี้นี้เธอกับโจ๋ซวน? เมื่อกี้นี้ที่ฉันเห็นดูเหมือนว่าพวกเธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากเลยนะ!”
ติงยียีผงะ ในไม่ช้าก็เข้าใจแล้วว่าเมิ่นเจ๋หึงเพราะเห็นตนเองเล่นกับไห่โจ๋ซวน ในใจรู้สึกขำพร้อมกับช๊อคไปด้วยในเวลาเดียวกัน น้องสาวที่แสนดีของฉันคนนี้อ่อนไหวเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่าต่อจากนี้จะต้องระวังตัว
ติงยียีดึงมือซ่งเมิ่นเจ๋มา ติงยียีพูดอย่างจริงจังว่า : “ฉันขอสาบาน ว่าไม่ได้คิดอะไรกับไห่โจ๋ซวนเลยแม้แต่นิดเดียว! ถ้าหากว่าคิดขอให้ฉันสอบไม่ผ่านและสอบตกทุกวิชา! นอกจากนี้ไห่โจ๋ซวนก็ไม่ใช่สไตล์ที่ฉันชอบเลย”
ซ่งเมิ่นเจ๋ขำพรืดออกมาแล้วแอบตำหนิตัวเองที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ติงยียีไม่มีทางหักหลังตนเองได้หรอกแล้วถามอย่างเจ้าเล่ห์ว่า : “ถ้าอย่างนั้นแล้วยียีเธอชอบสไตล์ไหนล่ะ?”
ติงยียีอยากจะทำให้เมิ่นเจ๋โล่งใจอย่างถึงที่สุด สมองร้อนรน จนโพล่งออกมาว่า : “ฉันชอบแบบเย่เนี่ยนโม่”
ซ่งเมิ่นเจ๋แสดงท่าทางว่ารู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างนี้! ติงยียีพูดออกมาหมดเปลือกขนาดนี้ ใบหน้าก็ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เธอผลักซ่งเมิ่นเจ๋ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับพูดว่า : “จากการคาดการณ์ของฉัน ไห่โจ๋ซวนยังไม่ได้ไปไหนไกลแน่ๆ เธออยากไปคุยกับเขาสักหน่อยไหม?”
ซ่งเมิ่นเจ๋บิดไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าแดงก่ำนั้นพยักหน้าแล้ววิ่งไปข้างนอก ติงยียีพึมพำว่า : “ถ้าชอบก็สารภาพไปตรงๆสิ ไม่งั้นเมื่อไหร่สาวน้อยคนนี้จะคว้าเอาไห่โจ๋ซวนมาได้จริงๆเสียทีล่ะ”
“ได้ยินว่าเธอชอบสไตล์ฉันงั้นเหรอ?” เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึงตรงประตูที่ประตูทำให้ติงยียีตกตะลึง
เย่เนี่ยนโม่ถือถุงน้ำแข็งและพิงประตูมองติงยียี ดวงตาของเขาหรี่แคบลง
“เมื่อกี้นี้ฉันแค่พูดมั่วๆไปเท่านั้นเอง อ้าวเสว่เป็นยังไงบ้าง!” พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาจริงๆ ถ้าตนเองไปซื้อลอตเตอรี่ไม่แน่ว่าอาจจะถูกรางวัลที่หนึ่งเลยก็ได้!
ติงยียีคิดฟุ้งซ่านพร้อมกับเบี่ยงเบนประเด็นไปด้วยเลย
เย่เนี่ยนโม่เขย่าถุงน้ำแข็งในมือ ติงยียีเข้าใจได้ในทันทีว่าเย่เนี่ยนโม่มาที่ห้องพยาบาลอีกห้องที่อยู่ข้างๆตนเองเพื่อเอาถุงน้ำแข็งให้กับอ้าวเสว่ แล้วตอนที่เดินผ่านมาก็ได้ยินคำพูดแสนจะมุทะลุของตนเอง
เมื่อเห็นว่าบนข้อมือของเย่เนี่ยนโม่ยังคงมีรอยช้ำสีเขียวอยู่ติงยียี เอ่ยว่า : “ขอโทษด้วยจริงๆกับอาการบาดเจ็บที่มือของนาย”
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า : “ถ้าอย่างนั้นเธอก็พักผ่อนเถอะ ฉันไปล่ะ อ้าวเสว่ยังรอฉันอยู่”
“เย่เนี่ยนโม่” ติงยียีเอ่ยขึ้น เย่เนี่ยนโม่หันกลับมา ติงยียีกลืนน้ำลายและมองไปที่เย่เนี่ยนโม่แล้วพูดว่า : “วันนั้นนายจูบฉันที่โรงแรม”
เย่เนี่ยนโม่เลิกคิ้วขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับติงยียีมาก เหมือนจะเคยเจอที่ไหนมาก่อนสักแห่ง ยิ่งไม่แปลกใจเลยที่โดยเรียกว่าอันธพาลมาตลอด ดูเหมือนว่าอาชญากรรมที่ก่อนี้จะได้รับการยืนยันแล้วว่าผิดจริง
ติงยียีเห็นว่าเย่เนี่ยนโม่ไม่ได้มีการแสดงท่าทีอะไรจึงรีบพูดต่อเลยว่า : “อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันพูดออกมาเพราะอยากจะบอกว่าฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว ฉันยกโทษให้นาย ต่อไปนี้ฉันจะไม่เรียกนายว่าพวกกุ๊ยอีก”
เย่เนี่ยนโม่ยิ้มอย่างงดงามแล้วเดินไปตรงหน้าติงยียี เขายื่นมือออก “สวัสดี ฉันชื่อเย่เนี่ยนโม่”
ติงยียีผงะ แล้วกลั้นหัวเราะไม่อยู่ก่อนจะยื่นมือออกมา : “สวัสดี ฉันชื่อติงยียี”
ข่าวนักศึกษาใหม่สุดหล่อปีที่1ท้าทายรุ่นพี่ปีสองเป็นประเด็นร้อนในมหาวิทยาลัยไปในชั่วข้ามคืน วันรุ่งขึ้น ในตอนที่กลุ่มของเย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนมาถึงสนามบาสเกตบอล ทั้งด้านในด้านนอกก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว
จางถังกำลังถือลูกบาสรออยู่ที่กลางสนามแล้ว หลังจากเห็นกลุ่มของเย่เนี่ยนโม่ก็ยิ้มอย่างเย่อหยิ่งแล้วพูดว่า : “ยังนึกว่าพวกนายจะไม่กล้ามาเสียอีก!”
“หยุดพูดไร้สาระ แล้วมาเริ่มกันเลย!” เย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนพยักหน้าให้กันและกัน คนของทั้งสองฝ่ายต่างเข้าอิรุงตุงนังกันติงยียีที่อยู่ข้างๆอ้าวเสว่และซ่งเมิ่นเจ๋ต่างดูอย่างตื่นเต้น
เย่เนี่ยนโม่คว้าลูกบาสจากมือของจางถัง แล้วหมุนตัวทำแต้มได้อย่างรวดเร็ว นักศึกษาสาวๆที่อยู่รอบๆต่างปรบมือให้ จางถังถูกหักหน้า เมื่อเห็นท่าทางการแสดงออกของเย่เนี่ยนโม่ยิ่งรู้สึกเลวร้าย
จางถังตะโกนใส่คนที่ทำผมไฮไลท์สีฟ้าที่อยู่ถัดจากเขาว่า : “เหยนหมิงเย้า! ป้องกันให้ฉันด้วย!”
“เหยนหมิงเย้า?” อ้าวเสว่หันไปมองเด็กผู้ชายที่กำลังวิ่งอยู่ในสนามอย่างประหลาดใจ สมัยเป็นเด็กก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งชื่อว่าเหยนหมิงเย้า ในตอนนั้นยังถูกคุณลุงที่ไม่ทราบชื่อคนหนึ่งตำหนิยกใหญ่
เกิดคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่งขึ้นในใจของอ้าวเสว่ ในสนามเข้าขั้นดุเดือดกันแล้ว จางถังและเย่เนี่ยนโม่พันกันอิรุงตุงนังจนยากจะแยกออกจากกัน ผู้คนโดยรอบต่างก็ปรบมือให้
จางถังหันไปขยิบตาให้กับเหยนหมิงเย้า เหยนหมิงเย้าพยักหน้าเข้าใจแล้วรีบวิ่งเข้าใส่ไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนหลบไม่ทันถูกกระโจนใส่ทั้งตัวจนล้มลงไปบนพื้น หน้าผากกระแทกกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“โจ๋ซวน!”
“พี่โจ๋ซวน!”
เย่ชูฉิงที่รู้เรื่องการแข่งขันวันนี้จากปากของเย่เนี่ยนโม่ได้ดูอยู่ที่ด้านนอกสนามมาตลอด เมื่อเห็นไห่โจ๋ซวนถูกผลักลงบนพื้นอย่างรุนแรงจึงอุทานพร้อมกับก้าวมาข้างหน้า
จางถังมองเย่ชูฉิงอย่างตกตะลึง เขาขว้างลูกบาสลงบนพื้นด้านข้างของสนามทันที จางถังวิ่งเหยาะๆไปด้านหน้าของไห่โจ๋ซวน เย่ชูฉิงมองดูผู้ร้ายคนนี้ด้วยความโมโห เธอยืนอยู่ด้านหน้าไห่โจ๋ซวน และพูดอย่างโกรธเคืองว่า : “นายยังคิดจะทำอะไรอีก!”
“ฉันอยากรู้จักเธอ!” จางถังยิ่งมองเย่ชูฉิงก็ยิ่งชอบ แฟนสาวเหล่านั้นของตนเองเทียบกับผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้านี้ไม่ได้เลย บนตัวของอีกฝ่ายยังมีกลิ่นหอมฟุ้ง!
“ชูฉิง!” ไห่โจ๋ซวนลุกขึ้นแล้วส่ายหัวและดึงเย่ชูฉิงไปไว้ด้านหลังของตนเอง แล้วมองจางถังด้วยสีหน้าที่ไร้ความปราณี
“ชูฉิง? ชื่อเพราะดีนะ รู้จักกันนะๆ?” จางถังไม่มีความคิดที่จะเล่นบาสแล้ว เขามองเย่ชูฉิงขณะที่เอ่ยถามอย่างยิ้มระรื่น
เย่เนี่ยนโม่เดินมาด้านหน้าด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วต่อยไปที่หน้าของจางถัง “ทิ้งความคิดสกปรกของนายไปได้เลย” เย่เนี่ยนโม่มองดูจางถังที่ถูกตนเองต่อยจนล้มลงไปบนพื้นแล้วพูด
“แกกล้าต่อยฉันเหรอ!” จางถังปีนลุกขึ้นมาอย่างโคลงเคลงแล้วเหวี่ยงหมัดไปทางเย่เนี่ยนโม่ มือออกไปได้ครึ่งทางก็ถูกคว้าเอาไว้ เหยนหมิงเย้ากระซิบที่ข้างหูว่า : “อาถัง ลืมที่คุณลุงพูดไปแล้วเหรอ? ถ้าหากนายมีการทะเลาะวิวาทในเขตสถานศึกษา เขาจะริบโรลส์รอยซ์ของนายคืน!”
จางถังเอามือลงอย่างไม่พอใจ ปีที่แล้วเขาตีคนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือกล้ามาจีบแฟนของเขาจนกระดูกหัก ตาแก่ที่บ้านได้บอกไว้ว่า ในช่วงระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย ถ้ามีเรื่องชกต่อยในสถานศึกษาอีกครั้งก็จะริบรถของตนไป ถ้าไม่มีรถแล้วจะรวมกลุ่มกับกลุ่มแข่งรถได้ยังไง
“เล่นต่อ!” เสี้ยววินาทีที่ดวงตาของจางถังผ่านเย่ชูฉิงไปเผยให้เห็นความมุ่นมั่นที่จะเอาชนะอย่างชั่วร้าย
“นายเป็นยังไงบ้าง?” เย่เนี่ยนโม่ถามไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่ถือแว่นตาแล้วพูดว่า : “ปวดหัวยังทนได้ แต่แว่นเพิ่งจะถูกเหยียบแตกเมื่อกี้นี้น่ะสิ!”
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว สถานการณ์ของไห่โจ๋ซวนเป็นแบบนี้แล้วเขาไม่อาจยอมให้ไห่โจ๋ซวนลงสนามอีก มันเป็นแค่เกมการแข่งขันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้น้องชายที่แสนดีของตนเองต้องมาขาดทุนด้วย
เย่เนี่ยนโม่เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบๆ เพื่อนร่วมชั้นเรียนเดิมที่เคยเล่นบาสด้วยกันเหล่านั้นต่างเสมองไปทางอื่นด้วยความรู้สึกผิด ไม่มีใครอยากจะเป็นศัตรูกับจางถัง ท้ายที่สุดแล้วแบ็คอัพของจางถังก็อยู่ที่นั่น ถ้าไม่มีแบ็คอัพที่ใหญ่จริงก็ไม่อยากจะไปอวดเบ่งด้วยเลย
“ฉันว่าพวกนายทำไม่ได้! ทำไม่ได้ก็แค่ก้มหน้ายอมรับความผิดพลาดไปซะ!” เหยนหมิงเย้าเยาะเย้ยถากถางอย่างหยิ่งผยอง
“เหยนหมิงเย้า!” ตะโกนออกไปด้วยความโกรธ ทั้งสนามชะงักไปในทันที แม้แต่เย่เนี่ยนโม่ยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเหยนหมิงเย้ากับอ้าวเสว่
เหยนหมิงเย้าเองก็ผงะด้วยเช่นกัน เดิมทีเขาเห็นอ้าวเสว่แล้วก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างเล็กน้อย แต่การที่อีกฝ่ายตะโกนใส่เขาเมื่อสักครู่นี้ยิ่งคล้ายกับเพื่อนร่วมชั้นสมัยเด็กของตนเอง
“ฉันจะลงเล่นแทนเขาเอง!” ติงยียีเดินไปที่สนามและสายตาของทุกคนทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
“เธอเหรอ?” จางถังมองติงยียีจากหัวจรดเท้า มีประกายเย้ยหยันชัดเจนในดวงตา : “ฉันไม่เล่นบาสกับผู้หญิง”
หลังจากเงียบไปพักหนึ่งเย่เนี่ยนโม่ก็ตบไหล่ติงยียีแล้วกระซิบว่า : “ตอนอยู่ในสนามให้วิ่งวนรอบๆ แค่เข้าไปใกล้ๆเท่านั้น ไม่ต้องปะทะรุนแรงกับอีกฝ่าย”
ติงยียีพยักหน้า เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าไปทางผู้ตัดสิน “การแข่งขันเริ่มใหม่ได้!” ภายใต้คำสั่งของผู้ตัดสิน ร่างที่คล่องแคล่วคว้าลูกบาสจากมือของเหยนหมิงเย้าแล้ววิ่งตรงเข้าไปยังเขตการป้องกันที่อ่อนแอ
ติงยียีเลี้ยงลูกบาสอย่างคล่องแคล่ว เมื่อชายร่างใหญ่รู้ตัวอีกทีก็ได้เข้ามาขนาบที่ด้านข้าง ติงยียีหยุดแล้วฉีกยิ้มให้อย่างน่ารัก ทั้งสองคนยังไม่ทันที่จะมีการตอบสนอง ติงยียีก็ขยับหลอกแล้วฝ่าวงล้อมของทั้งสองออกไปโดยตรงแล้ววิ่งตรงไปที่แป้นบาส
ทั้งสนามเงียบไปในทันที แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงเชียร์ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เย่เนี่ยนโม่คิดไม่ถึงว่าการระเบิดพลังของติงยียีจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ หลังจากที่แปลกใจอยู่ชั่วขณะ ก็รีบวิ่งตรงไปข้างหน้าติงยียีอย่างรวดเร็ว
จางถังก้าวไปข้างหน้าเพื่อสกัดติงยียี ติงยียีและเย่เนี่ยนโม่มองตาอีกฝ่ายก็เข้าใจโดยไม่ต้องบอก ติงยียียิ้มเผยให้เห็นฟันขาวไปทางจางถัง แล้วขยับหลอกส่งลูกบาสในมือให้กับเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่วิ่งไปพร้อมกับดีดตัวชู้ตลูกเป็นท่าสามสเตป แล้วชู้ตลงไปอย่างสวยงาม ที่สนามเสียงเชียร์ได้ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
“ผู้หญิงคนนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ พี่โจ๋ซวน เธอชื่อว่ายียีใช่ไหมคะ” เย่ชูฉิงมองติงยียีอย่างชื่นชม ถ้าหากตนเองสามารถมีพลังและจิตวิญญาณองอาจราววีรบุรุษเหมือนอีกฝ่ายก็คงจะดี
“อืม” ไห่โจ๋ซวนตอบกลับเย่ชูฉิงอย่างใจลอย เขาติดสินบนนักศึกษาชายที่ชื่อเหยนหมิงเย้าคนนั้น จงใจให้เขาชนอย่างแรงในสนามจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ เย่เนี่ยนโม่ย่อมไม่อาจไม่สนใจ ถึงเวลานั้นก็ขัดแย้งกับจางถังอย่างแน่นอน เขาได้ตรวจสอบจางถังผู้นี้แล้วคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์อย่างแน่นอน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset