สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1386 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1286

เรื่องราวยังคงเริ่มต้นด้วยดีเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าอ้าวเสว่ดูเหมือนจะรู้จักกันเหยนหมิงเย้าคนนี้ด้วย จึงเป็นการยากที่จะรับประกันว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ทำให้สารภาพออกไปเพราะอยากประจบเอาใจเย่เนี่ยนโม่ และติงยียีผู้หญิงคนนี้ก็ยังเป็นตัวแปรอีกคนหนึ่งเช่นกัน
ซ่งเมิ่นเจ๋หันหน้ามาด้วยความดีอกดีใจ แล้วเห็นไห่โจ๋ซวนกำลังจ้องมองติงยียีอยู่ตลอดเวลาเข้าพอดี หัวใจที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจก็ลดต่ำลงเล็กน้อย ตัวเองคงคิดมากไปแล้วล่ะมั้ง
หลังจากที่ต่อสู้อย่างดุเดือดรอบแล้วรอบเล่า ติงยียีก็หลายใจหอบ ถึงแม้ว่าตอนเริ่มต้นเธอจะมีความกล้าหาญมากมายแค่ไหนก็ตามถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง พอวิ่งลงมาจากสนามเธอจึงรู้สึกเหนื่อยจนทนไม่ไหว เย่เนี่ยนโม่ตบไหล่ของติงยียี แล้วพูดเบาๆว่า “ยังโอเคใช่ไหม?”
ติงยียีพยักหน้า แล้วหันไปยิ้มแหยๆให้เย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ตบไหล่ติงยียีเพื่อให้กำลังใจเธอแล้วพูดว่า “รอบสุดท้ายแล้วนะ สู้ๆ!”
จางถังก็เหนื่อยจนทนไม่ไหวเช่นเดียวกัน สายตาของเขาจ้องมองไปที่เย่ชูฉิงหลายครั้ง แต่สายตาอีกฝ่ายกลับจับจ้องไปที่ตัวของเย่เหนี่ยนโม่อยู่ตลอดเวลา หรือว่าเย่เนี่ยนโม่จะเป็นแฟนของผู้หญิงคนนี้ จางถังยิ่งเกลียดเย่เนี่ยนโม่มากขึ้นไปอีกจนต้องกัดฟันกรอดกรอด
เย่เนี่ยนโม่วิ่งสามก้าวชู๊ตบาสขึ้นไปอย่างสวยงาม แล้วหันไปมองจางถังอย่างทะนงองอาจ จากนั้นทั้งสนามก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจ ติงยียีกับเย่เนี่ยนโม่ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แล้วทั้งสองคนก็โอบกอดกันไปโดยธรรมชาติ
ฝีเท้าของอ้าวเสว่ชะงักงันเล็กน้อย หัวใจที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจก็เย็นชาลงเล็กน้อยเช่นเดียวกัน เธอเดินไปพร้อมกับสะกดจิตตัวเองไม่หยุด ฉันคงคิดมากไปแล้ว พวกเขาทั้งสองคนไม่มีอะไรกันสักหน่อย อย่าคิดมาก อย่าคิดมาก
“เนี่ยนโม่! นายเก่งจัง!” อ้าวเสว่ยื่นน้ำที่อยู่ในมือให้เย่เนี่ยนโม่ จากนั้นเย่เนี่ยนโม่จึงถือโอกาสยื่นให้ติงยียีแล้วสายตาของอ้าวเสว่ก็มืดสลัวลงมา
“พี่โจ๋ซวน เราไปโรงพยาบาลกันเถอะ” เย่ชูฉิงยังคงเป็นห่วงกังวลเล็กน้อย ซ่งเมิ่นเจ๋ก็คล้อยตามอยู่ข้างๆ
ไห่โจ๋ซวนก้มหน้ายิ้มให้กับเย่ชูฉิงด้วยความรักและเอ็นดูเป็นอย่างมาก “ในเมื่อชูฉิงพูดอย่างนี้ ก็ไปสิ ไม่อยากให้เธอต้องเป็นกังวลน่ะ”
เย่ชูฉิงยิ้มหวาน พี่โจ๋ซวนมักจะเป็นห่วงความรู้สึกของเธอแบบนี้อยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นเมื่อตัวเองกลับไปจะต้องเป็นห่วงเขามากจนนอนไม่หลับแน่นอน
“ใช่แล้ว! เลียนเสียงสุนัขที่ตกลงกันไว้ล่ะ!” ในขณะที่ติงยียีกำลังมองจางถังกับคนกลุ่มหนึ่งเตรียมจะออกไปจากสนาม เธอก็เท้าสะเอวแล้วพูดเสียงดังออกมา
“จริงด้วย! เลียนเสียงสุนัข ทำไมถึงได้หนีไปแล้วล่ะ!” มีคนบางคนที่อยู่ในสนามด้วยเมื่อวานเอะอะโวยวายขึ้นมาในฝูงชน อย่างไรซะคนเยอะขนาดนี้ก็ไม่หาตัวเองไม่เจออยู่แล้ว
สีหน้าของจางถังเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาวซีดขึ้นมา สายตาของเหยนหมิงเย้ากวาดไปทางไห่โจ๋ซวน ความหมายชัดเจนมากว่า นายให้ฉันชนนายแล้ว ตอนนี้พวกนายชนะแล้วก็ต้องแสดงน้ำใจช่วยอะไรสักหน่อยใช่หรือไม่?
“ช่างมันเถอะ!” เย่เนี่ยนโม่หยิบบาสเกตบอลขึ้นมาแล้วพูดอย่างเฉยเมย อภัยคนได้พึงให้อภัยคือสิ่งที่แม่สอนตัวเองมาโดยตลอด แม้ว่าพ่อจะคิดว่าทำเช่นนี้จะดูใจอ่อนเหมือนผู้หญิงมากเกินไปก็ตาม แต่เขากลับไม่คิดว่ามันผิดอะไร
ความใจกว้างของเย่เนี่ยนโม่ไม่ได้ทำให้จางถังถอนหายใจด้วยความโล่งอกเลย กลับทำให้เขายิ่งเกลียดเย่เนี่ยนโม่มากขึ้นไปอีก แล้วคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จากไปด้วยความเอือมระอา
“คืนนี้ไปหาที่ฉลองกัน!” คนในทีมบาสเกตบอลตบเย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวน ติงยียีแกว่างแขนที่ปวดเมื่อยไปมาอย่างเงียบๆ และวางแผนที่จะจากไป พอเพิ่งจะหันหลังไป ข้อมือก็ถูกเย่เนี่ยนโม่คว้าเอาไว้ “มาด้วยกันเถอะ” เย่เนี่ยนโม่พูด
ภายในห้องคาราโอเกะของโรงแรมตี้เหา บรรดาเด็กหนุ่มของทีมบาสเกตบอลเหล่านั้นกำลังแย่งไม่โครโฟนกันและร้องเล่นเต้นรำกันอย่างบ้าคลั่ง เย่ชูฉิงกับซ่งเมิ่นเจ๋ต่างคนต่างนั่งอยู่ทั้งสองข้างของไห่โจ๋ซวน ผู้หญิงทั้งสองคนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เพราะในใจต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายสนใจไห่โจ๋ซวนอยู่
“ชูฉิง ได้ยินว่าเธออยากเป็นช่างทำขนมอย่างนั้นเหรอ?” ไห่โจ๋ซวนเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
ชูฉิงพยักหน้า และหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อพูดถึงอุดมคติของตัวเอง แต่เธอก็ยังพูดอย่างหนักแน่นออกมาว่า “ก็ได้พูดคุยกับคุณแม่แล้วค่ะ ท่านบอกว่าท่านสนับสนุนการตัดสินใจของฉันค่ะ”
ดวงตาของเย่ชูฉิงเป็นประกายด้วยความมั่นใจ สวยจนทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้ ไห่โจ๋ซวนมองดูด้วยความตกตะลึงอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เล็กน้อย และยังมีนักบาสเกตบอลกำลังมองดูด้วยความตกตะลึงอีกสองสามคน แต่พอมองไปที่ไห่โจ๋ซวนเท่านั้น ทั้งหมดก็บังคับตัวเองไม่ให้ไปสนใจสาวสวยที่อยู่ตรงหน้า เพราะยังไงซะผู้หญิงที่ขาวรวยสวยอย่างอีกฝ่ายก็ไม่เห็นตัวเองอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
“พี่โจ๋ซวน?” เย่ชูฉิงหน้าแดงยิ่งขึ้น ก้มหน้าลงแล้วเรียกเบาๆ
“ฉันจะออกไปซื้อน้ำสักขวดนะ” ซ่งเมิ่นเจ๋ยืนขึ้นและพูดอย่างอ่อนโยน เธอไม่สามารถช่วงชิงไห่โจ๋ซวนกับคนอื่นได้ แต่เธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจเหมือนกัน และเมื่อรู้สึกเจ็บปวดใจเธอก็มักจะหลีกเลี่ยงจนเคยชิน
ไห่โจ๋ซวนที่กำลังคุยกับเย่ชูฉิงหันกลับมาและพูดว่า “ตอนนี้ก็มืดค่ำแล้ว ผู้หญิงออกไปข้างนอกคนเดียวมันอันตรายนะ ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอ”
ไห่โจ๋ซวนลูบศีรษะของเย่ชูฉิงแล้วพาซ่งเมิ่นเจ๋ออกไปข้างนอก เย่ชูฉิงอยากจะร้องไห้ เธอรู้สึกเหมือนตกจากสวรรค์ลงสู่นรกในทันที จากนั้นก็มีคนที่อยู่ข้างๆตบตัวเอง แล้วเย่ชูฉิงก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
ติงยียีชอบชูฉิงที่มีเสียงเล็กๆและหน้าตาที่สวยหวานมาก พอเห็นอีกฝ่ายเบ้าตาแดงนิดๆ ก็นึกว่าตัวเองมือหนักเกินไป จึงรีบโบกมือแล้วพูดว่า “ขอโทษนะ ฉันทำให้เธอกลัวหรือเปล่า”
เย่ชูฉิงส่ายหน้าให้ติงยียี แล้วพยายามฝืนยิ้ม อ้าวเสว่ยื่นไมโครโฟนมาตรงหน้าเย่ชูฉิง แล้วพูดอย่างประจบเอาใจว่า “ชูฉิง อยากร้องเพลงด้วยกันกับฉันไหม?”
อ้าวเสว่ดีต่อเย่ชูฉิงมาโดยตลอด เย่ชูฉิงเป็นลูกของเซี่ยชีหรั่น ถ้าหากตัวเองอยากจะแต่งงานกับเนี่ยนโม่ก็ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่ชูฉิง แต่ดูเหมือนว่าตั้งแต่เล็กจนโตเย่ชูฉิงจะไม่มีท่าทีที่กระตือรือร้นต่อตัวเองเลย ครั้งนี้ก็เช่นกัน เย่ชูฉิงหยิบไมโครโฟนมาแล้วเปลี่ยนมือส่งให้เย่เนี่ยนโม่ที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็ไปนั่งอยู่ข้างๆติงยียี ดูไปแล้วก็เหมือนกับกำลังซ่อนตัวเองอยู่อย่างไรอย่างนั้น
อ้าวเสว่รู้สึกกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเล็กน้อย ผู้ชายที่อยู่รอบข้างก็เอะอะโวยวายขึ้นมาว่า “เย่เนี่ยนโม่ ไม่ร้องเพลงกับคู่หูของนายสักเพลงเหรอ? วันนี้พวกนายสองคนร่วมมือกันได้เทพจริงๆ คู่รักก็ไม่มีใจตรงกันขนาดนี้เลยนะ”
รอบๆมีคนที่รู้ว่าอ้าวเสว่เหมาะสมที่จะเป็นแฟนของเย่เนี่ยนโม่ได้จับตัวเพื่อนร่วมชั้นที่พูดจาไม่รู้จักกาลเทศะคนนั้นเอาไว้ และแล้วในห้องนี้จึงเงียบลงอย่างน่าประหลาดใจ
ประตูถูกเปิดออก มีพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งกำลังยกจานผลไม้เข้ามา และสายตาก็มองเย่หนี่ยนโม่อยู่ตลอดเวลาอย่างเหนียมอาย เย่เนี่ยนโม่เป็นแขกประจำของที่นี่ เธอจึงชอบเย่เนี่ยนโม่มานานมากแล้ว
พอวางจานผลไม้ลงเธอก็เห็นติงยียีที่นั่งอยู่ข้างๆเย่เนี่ยนโม่ พนักงานเสิร์ฟก็รู้สึกประหลาดใจ หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกอิจฉาอย่างบ้าคลั่ง ทำไมเป็นพนักงานเสิร์ฟเหมือนกัน แต่ติงยียีกลับสามารถไปนั่งอยู่ข้างๆเย่เนี่ยนโม่ได้ เธอจึงพูดด้วยจิตใจที่อยากจะแก้แค้นออกมาบ้างว่า “ติงยียี เธอรู้หรือเปล่าว่าวันนี้เธอต้องไปเข้ากะนะ”
สายตาของคนสิบกว่าคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างก็จ้องมองไปที่ตัวของติงยียีทั้งหมด หญิงสาวล้วนใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์ต่อหน้าชายหนุ่มเป็นอย่างมาก ถ้าทำให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นพนักงานเสิร์ฟ เช่นนั้นจะต้องเสียหน้ามากอย่างแน่นอน พนักงานเสิร์ฟกำลังคิดอย่างเป็นสุขใจ
ติงยียีถูกยัดไมโครโฟนใส่ในมือ เย่เนี่ยนโม่หยิบรีโมทมาเลือกเพลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “จะร้องอะไร?”
ใครๆต่างก็มองออกว่าเย่เนี่ยนโม่กำลังปกป้องติงยียีอยู่ แม้แต่หนุ่มหล่อประจำโรงเรียนก็ไม่สนใจว่าติงยียีจะเป็นอะไร แล้วพนักงานเสิร์ฟอย่างเธอมาอวดดีอะไรอยู่ตรงนี้?
พนักงานเสิร์ฟโดนตบหน้า เธอจึงเดินจากไปอย่างเศร้ามอง แล้วบรรยากาศในห้องนี้ก็ดีขึ้นมา อ้าวเสว่รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย เธอพยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดชีวิตไม่ให้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาตรงนี้ แล้วโยนไมโครโฟนในมือของติงยียีทิ้ง ส่วนเย่ชูฉิงก็กล้ำกลืนความเจ็บซ้ำน้ำใจและรอคอยความรักอยู่ เธอจึงทำไม่ได้
ประตูถูกเปิดออก คนที่เดินเข้ามาไม่ได้มีเพียงไห่โจ๋ซวนกับซ่งเมิ่นเจ๋เท่านั้น แต่ยังมีหลี่ยี่ซวนด้วย เมื่อเห็นเย่ชูฉิง หลี่ยี่ซวนก็ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “ชูฉิง!”
“ยี่ซวน!” เย่ชูฉิงก็ดีใจมากเช่นกัน จากนั้นเธอก็มองไปบนใบหน้าที่ได้รับบาดเจ็บของไห่โจ๋ซวนกับหลี่ยี่ซวนด้วยความแปลกใจ แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพวกพี่เหรอ?”
“ฉันต่อยเขาเอง!” หลี่ยี่ซวนพูดอย่างรวบรัดชัดเจน
“นั่งลงก่อน” เย่เนี่ยนโม่ขยิบตาให้หลี่ยี่ซวน และเขาก็เข้าใจความคิดของหลี่ยี่ซวนเช่นกัน เพียงแต่ทั้งคู่ล้วนเป็นเพื่อนเล่นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงไม่สามารถเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งได้
“พี่โจ๋ซวน วันนี้ศีรษะของพี่ถูกกระแทกอีกแล้ว ไปโรงพยาบาลไหมคะ” เย่ชูฉิงพูดด้วยความเป็นห่วง และอยากจะตรวจดูอาการบาดเจ็บของไห่โจ๋ซวนแต่ก็อายที่จะเริ่มทำ
หลี่ยี่ซวนยิ้มเจื่อนๆ คิดไม่ถึงเลยว่าในหัวใจของเย่ชูฉิง จุดยืนของไห่โจ๋ซวนจะเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดจริงๆ หลี่ยี่ซวนส่ายหน้าให้เย่เนี่ยนโม่ แล้วเดินออกไป “ช่างเถอะ ฉันนึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระ ฉันขอตัวก่อนนะ”
“เมื่อกี้ฉันไม่ระวังเลยเกือบจะล้มลงไป โจ๋ซวนเลยมาช่วยประคองฉัน แล้วเขาก็พุ่งเข้ามาเลย” ซ่งเมิ่นเจ๋อธิบายด้วยเสียงเบาๆ
เย่เนี่ยนโม่เข้าใจแล้วว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลี่ยี่ซวนคงจะบังเอิญไปเห็นไห่โจ๋ซวนประคองซ่งเมิ่นเจ๋เข้าพอดี ก็เลยเป็นเดือนเป็นร้อนแทนชูฉิงจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้
“ฉันจะออกไปดูสักหน่อย” เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้น แล้วเปิดประตูตามออกไป หลังจากที่ค้นหาอยู่พักหนึ่ง เขาก็บังเอิญเห็นหลี่ยี่ซวนขึ้นแท็กซี่ออกไปแล้ว
“เนี่ยนโม่” อ้าวเสว่ค่อยๆเดินไปหาเย่เนี่ยนโม่ แล้วเอียงตัวจูบเย่เนี่ยนโม่หนึ่งทีอย่างเขินอายเล็กน้อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อกี้ก็อยากจะทำแบบนี้ แต่หาโอกาสไม่ได้เลย”
เย่เนี่ยนโม่ชำเลืองมองอ้าวเสว่อย่างตลกขบขัน “ด้วยนิสัยของเธอจะยังรู้ตัวว่าต้องหาโอกาสด้วยเหรอ?”
อ้าวเสว่ทำหน้ามุ้ยแล้วพูดอย่างไม่สนใจไยดีว่า “เพราะว่าฉันหึงไง ฉันเห็นนายกับยียีมีปฏิสัมพันธ์กัน ดูเหมือนพวกนายเป็นแฟนกันเลย”
อ้าวเสว่งอนครึ่งหนึ่งและสังเกตสีหน้าของเย่เนี่ยนโม่อยู่อย่างจริงใจครึ่งหนึ่ง เย่เนี่ยนโม่มองตาของอ้าวเสว่ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น แล้วพูดกับอ้าวเสว่อย่างจนใจว่า “ในหัวของเธอคิดอะไรอยู่กันแน่?”
เมื่อเห็นว่าเย่เนี่ยนโม่ไม่มีความคิดที่ไม่พอใจ อ้าวเสว่ก็เลยลูบไล้เย่เนี่ยนโม่ไปมา สีหน้าของเขาก็แดงก่ำขึ้น แล้วก้มหน้าอย่างเขินอายเล็กน้อย เธอมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยเกินไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงอยากจะใกล้ชิดกับเย่เนี่ยนโม่ตลอดเวลา อย่างน้อยก็ได้ใกล้ชิดกันทางร่างกาย บรรยากาศที่มีความหมายในคืนวันเกิดของเย่เนี่ยนโม่นั้นล้วนกำลังส่งสัญญาณหนึ่งออกมาว่า อ้าวเสว่ได้เป็นผู้หญิงคนแรกของเย่เนี่ยนโม่แล้ว
ติงยียีออกมาจากห้องคาราโอเกะพอดี เย่เนี่ยนโมได้สังเกตเห็นเข้า จึงหันไปมองติงยียี
“พวกเธอเชิญต่อเลย เชิญต่อเลย” ติงยียียิ้มเยาะและพูดออกมา แล้วเดินไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว อ้าวเสว่ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย และก็ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่นี้ติงยียีจะเห็นการแสดงที่แสดงให้รู้เป็นนัยๆเหล่านั้นของตัวเองหรือไม่
“อ้าวเสว่” เย่เนี่ยนโม่พูดออกมา ในขณะที่กำลังมองดวงตาที่ใส่แจ๋วของอ้าวเสว่ เย่เนี่ยนโม่ก็พูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าคนคนนั้นเป็นเธอ อย่างงั้นฉันก็หวังว่าทั้งหมดนี้จะคงอยู่จนถึงวินาทีสุดท้ายนะ นี่คือวิธีที่ฉันรับผิดชอบต่อเธอ”
เย่เนี่ยนโม่เอาสายตาที่ประหลาดใจของอ้าวเสว่เก็บไว้ในดวงตา บางที่สิ่งที่เขาให้มันอาจจะน้อยเกินไป จึงทำให้อ้าวเสว่รู้สึกไม่สบายใจ เขาเองก็รู้จักเธอมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงไม่ได้มีความคิดที่อยากจะใช้ชีวิตไปด้วยกันกับเธอ หรืออาจเป็นเพราะว่าในงานวันเกิดของเขานั้นอ้าวเสว่เป็นฝ่ายกระทำ ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในฐานะฝ่ายถูกกระทำและถูกเอาเปรียบแล้ว ดังนั้นเขาจึงแสดงความเฉยชาที่มีต่ออ้าวเสว่ออกมา แต่ถ้าถามว่ารักไหม? บางทีรอนานกว่านี้อีกสักหน่อยเขาอาจจะสามารถรักผู้หญิงคนนี้มากขึ้นกว่านี้ก็ได้
“นายกำลังสารภาพรักใช่ไหม?” อ้าวเสว่กระพริบตาไปมา แล้วเย่เนี่ยนโม่ก็ยิ้มและจูงมือของอ้าวเสว่เดินไปที่ห้องคาราโอเกะ ไห่โจ๋ซวนซ่อนตัวในความมืดอยู่หน้าประตูห้องคาราโอเกะอย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าอ้าวเสว่จะดำเนินการได้อย่างราบรื่นมาก ถ้าอยู่ในระดับนี้ต่อไป อ้าวเสว่อยากจะแต่งงานเข้าบ้านตระกูลเย่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset