สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1388 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1288

เย่เนี่ยนโม่เกลียดการเข้าสังคมแบบนี้มาโดยตลอด จึงหาข้ออ้างเดินออกมา เย่เนี่ยนโม่เดินไปที่หน้าต่างกระจกที่ชั้นห้าของโรงแรม แล้วก็เห็นติงยียีกำลังนั่งคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ และผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากำลังสวมหมวกกันน็อคอยู่
“ตอนนี้ก็ดึกขนาดนี้แล้ว ยัยบ๊องนั่นขึ้นไปนั่งบนรถคนอื่นตามใจชอบอย่างนี้ได้ยังไง!”
“เนี่ยนโม่ นายมาทำอะไรอยู่ตรงนี้?” อ้าวเสว่ออกมาหาเย่เนี่ยนโม่ จึงได้ยินเสียงพึมพำของเย่เนี่ยนโม่เข้าพอดี
เย่เนี่ยนโม่รู้ดีว่าปกติแล้วติงยียีจะไม่สามารถคบเพื่อนที่ออกไปซิ่งรถข้างนอกแบบนี้ได้ เขากังวลใจว่าคนไร้เดียงสาขนาดนี้อย่างติงยียีจะถูกหลอก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มสตาร์ทรถแล้ว เขาจึงรีบวิ่งไปที่ลิฟต์
“เนี่ยนโม่นายจะไปไหน?” อ้าวเสว่เห็นเย่เนี่ยนวิ่งลงบันไดไป จึงรีบวิ่งเหยียบรองเท้าส้นสูงตามออกไป
เย่เนี่ยนโม่วิ่งออกจากประตูโรงแรมไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็มาทันเพียงแค่เห็นรถที่ติงยียีโดยสารไปวิ่งออกไปไกลๆแล้ว
“ได้ยินมาว่าช่วงนี้จะมีพวกแก๊งค์ซิ่งรถคอยล่อลวงนักศึกษาหญิงโดยเฉพาะ จุ๊ๆ สังคมมันแย่ลงทุกวันจริงๆ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ข้างๆพูดหยอกล้อออกมา
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะพูดยังไงติงยียีก็ถือว่าเป็นเพื่อนของตัวเอง ในเมื่อตัวเองเห็นแล้วก็ไม่อาจปล่อยไปได้
เย่เนี่ยนโม่ขึ้นไปบนรถแท็กซี่คันหนึ่ง แล้วชี้ไปที่รถแท็กซี่ที่ยู่ข้างหน้า รถวิ่งหายวับไปกับตา อ้าวเสว่ไล่ตามออกมาจากประตูโรงแรม ก็มาทันได้เห็นเพียงด้านข้างของใบหน้าเย่เนี่ยนโม่เท่านั้น
“เขากำลังตามติงยียีไป ฉันเห็นว่าเขาเป็นห่วงคนที่ชื่อติงยียีคนนั้นเป็นพิเศษมากเลยนะ” โม่ซวนหลินพูดแต่งเสริมเติมสีอยู่ข้างๆ
อ้าวเสว่รู้สึกไม่สบายใจ อยากนั่งแท็กซี่ตามไป แต่ยิ่งรีบยิ่งโบกรถไม่ได้ อ้าวเสว่จึงทำได้เพียงวิ่งไปพลางโบกรถไปพลาง
“คนสวย จะไปไหนเหรอ ให้พวกพี่ไปส่งไหมจ๊ะ” รถมอเตอร์ไซค์ที่มีสมรรถนะสูงคันหนึ่งจอดขวางทางอ้าวเสว่อยู่ จากนั้นก็มีรถมอเตอร์ไซค์จำนวนมากล้อมรอบอ้าวเสว่เอาไว้
“หลีกไปนะ!” อ้าวเสว่พูดอย่างเย็นชา ในขณะเดียวกันสายตาก็มองคนที่สัญจรไปมาบนถนนเพื่อขอความช่วยเหลือ ผู้คนที่สัญจรไปมากลัวว่าจะเกิดปัญหา พวกเขาจึงเร่งฝีเท้าเดินไปอย่างรวดเร็วในทันที
“ฉันจะแจ้งตำรวจแล้ว พวกแกรีบไปซะ ฉันจะแจ้งตำรวจจริงๆนะ” ในขณะที่อ้าวเสว่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ ในใจรู้สึกหวาดกลัวเป็นที่สุด ถ้าเนี่ยนโม่มาปรากฏตัวออกมาในเวลานี้ก็คงดี
โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของอ้าวเสว่ถูกแย่งไปแล้ว ผู้ชายที่ยู่ในวงล้อมหัวเราะดังลั่น มีชายคนหนึ่งกำลังถือโทรศัพท์ของอ้าวเสว่เขย่าไปมา และชายอีกคนหนึ่งฉวยโอกาสตอนที่อ้าวเสว่ไม่สนใจ ฟันมือลงไปที่อ้าวเสว่หนึ่งที แล้วอ้าวเสว่ก็ค่อยๆทรุดตัวลงบนแขนของชายอีกคนหนึ่ง
เย่ชูหวินขับรถไปตามริมแม่น้ำตลอดทาง สายลมในฤดูร้อนที่เย็นสบายพัดมาทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นสบายมาก เขื่อนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเต็มไปด้วยดอกเดซี่สีเหลืองขนาดใหญ่ ดอกเดซี่พลิ้วไหวไปตามลมเป็นแนวเดียวกัน เหมือนกับคลื่นในมหาสมุทร
ติงยียีจิ้มไปที่เอวของเย่ชูหวิน เย่ชูหวินจึงจอดรถมอเตอร์ไซค์อยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ติงยียีกระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซค์ เย่ชูหวินจึงรีบไปประคอง พอติงยียีลงไปยืนบนพื้นก็วิ่งไปทางดอกเดซี่ผืนใหญ่ มือที่คว้าอากาศของเย่ชูหวินก็ชะงักงัน แล้วลงจากรถด้วยความจำใจ และยืนมองติงยียีวิ่งไปวิ่งมาท่ามกลางดอกเดซี่อยู่บนเขื่อน
“ไอ๊หยา!” ทันใดนั้นติงยียีก็กรีดร้องออกมาอย่างแรง และกำลังตกลงไปในทุ่งดอกเดซี่ “ติงยียี!” เย่ชูหวินเปลี่ยนสีหน้า แล้ววิ่งไปยังที่ที่ติงยียีหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆ! คุณโดนหลอกแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้เห็นสีหน้าอื่นๆนอกจากสีหน้าที่เคร่งขรึมของคุณ” ติงยียีรวบดอกเดซี่ขึ้นมาหนึ่งกำมือแล้วหว่านไปทางเย่ชูหวินและหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ
เย่ชูหวินจับข้อมือของติงยียีเอาไว้ แล้วกางแขนออก ติงยียีค่อยๆเข้าไปใกล้เย่ชูหวินเรื่อยๆ จิตใต้สำนึกของติงยียีอยากจะต่อต้าน แต่ร่างกายกลับอ่อนนิ่มไม่อยากขยับเลยแม้แต่นิดเดียว บนร่างกายของเย่ชูหวินยังคงมีกลิ่นสบู่จางๆ และหนังตาชั้นเดียวก็เต็มไปด้วยความจริงจัง
ติงยียีรู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ ในขณะที่ปล่อยให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกัน และในขณะที่เย่ชูหวินกำลังมองตาของติงยียีอยู่ ทันใดนั้นก็รวบดอกเดซี่ขึ้นมาหนึ่งกำมือแล้วให้ติงยียี หลังจากนั้นก็รีบปล่อยมือของติงยียีแล้วถอยออกไปไกลๆ
ติงยียีตกตะลึง ทันใดนั้นหน้าก็แดงขึ้นมา ขณะที่กำลังก้มหน้าและหันหลังไปอย่างเงียบๆ ในใจก็เขินอายจนแทบจะทนไม่ไหว เย่ชูหวินเห็นติงยียีหันหน้าไป สีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่ง ตอนที่ใกล้ชิดกันเมื่อสักครู่นี้เขารู้สึกได้ว่ามีไฟฟ้าช็อตอยู่ในหัวใจของเขาอย่างกะทันหัน และราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของสายลมเลย ในชั่วพริบตาเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีความรู้สึกอยากจูบติงยียีขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ
“นี่! คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยนะว่าคุณชื่ออะไร!” ติงยียีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่สีหน้าก็ยังคงร้องผ่าวอยู่เล็กน้อย
“เย่ชูหวิน” สถานการณ์ของเย่ชูหวินก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่ เขาพยายามหลบสายตาของติงยียี โดยที่ไม่ปรากฏเห็นความผิดปกติที่อยู่บนใบหน้าของติงยียี
“ฮ่าๆ!” ทันใดนั้นติงยียีก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา เย่ชูหนุนจ้องมองติงยียีแล้วพูดว่า “หัวเราะอะไร!”
“ขอโทษที ฉันคิดมาโดยตลอดเลยว่า คนที่เคร่งขรึมและจริงจังแบบคุณน่าจะมีชื่อที่มันเคร่งขรึมและจริงจังสักชื่อจึงจะถูก ชื่อนี้ก็ เป็นชื่อที่อ่อนโยนมากเกินไปจริงๆ” ติงยียีปาดน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะออกมา
เย่ชูหวินขมวดคิ้ว ทำท่าทางแยกเขี้ยวตะปบเล็บและพุ่งเข้าหาติงยียี แล้วติงยียีก็จงใจเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา
“ติงยียี!” เย่เนี่ยนโม่รีบไปที่เขื่อน เขาบังเอิญได้ยินเสียงกรีดร้องของติงยียีเข้าพอดีจึงพุ่งตัวไปอยู่ข้างๆสองคนนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจอะไรเลยและดึงติงยียีมาอยู่ข้างหลังของตัวเอง แล้วควงหมัดกำลังจะชกไปข้างหน้า
“ชูหวิน?”
“เนี่ยนโม่?”
เย่เนี่ยนโม่ยั้งหมัดของตัวเองที่จะชกเย่ชูหวินอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นสิบนาที เย่เนี่ยนโม่จึงถามว่า “จะบอกว่าพวกนายออกมากินลมชมวิวกันอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่!” ติงยียีตอบ ทันใดนั้นเย่เนี่ยนโม่ก็ตะโกนออกมา แล้วเกาศีรษะของตัวเองและบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “ตกลงว่าฉันกำลังเป็นห่วงอย่างไม่มีเหตุผลอะไรอยู่เนี่ย!”
เย่ชูหวินเดินขึ้นไปบนเขื่อน แล้วนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์และพูดกับสองคนที่ยืนอยู่บนเขื่อนว่า “ฉันไปก่อนนะ”
นิสัยที่มีมาตั้งแต่เด็กของเย่ชูหวินก็คือนิ่งเงียบ แม้แต่กับเย่เนี่ยนโม่ปกติก็วางตัวเฉยเช่นเดียวกัน สิบกว่าปีมาแล้วก็ล้วนแล้วแต่เป็นแบบนี้ เย่เนี่ยนโม่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่ชูหวินจะสามารถเข้ากับติงยียีได้จริงๆ ยังไม่ทันรู้สึกปลงอนิจจังเสร็จก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเย่ชูหนุนดังขึ้นแล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
“นี่ ชูหวิน ฉันนั่งรถแท็กซี่มาน่ะ” เย่เนี่ยนโม่เปลี่ยนจากน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวมาเป็นน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มลง แล้วสุดท้ายก็หายไปในลำคอ แต่รถของเย่ชูหวินก็วิ่งไปไม่เห็นแม้แต่เงาตั้งนานแล้ว
ติงยียีกับเย่เนี่ยนโม่มองหน้ากัน เย่เนี่ยนโม่เอามือลูบหน้าแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ!”
ติงยียีคิดเสมอว่าการเดินทางจะใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อเดินทางขึ้นมาจริงๆจึงรู้สึกว่าระยะทางนั้นใกล้มาก เพราะทักษะการซิ่งรถของเย่ชูหวินนั้นน่าตื่นตะลึงเกินไปจริงๆ!
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ติงยียีก็นั่งยองๆลงบนพื้นแล้วโบกมือไม่ยอมเดินต่อไป และพูดขึ้นมาว่า “ไม่ไหวแล้ว นายทิ้งฉันไว้ตรงนี้ตามยถากรรมเถอะ”
เย่เนี่ยนโม่รู้ว่าติงยียีเหนื่อย แต่แถวๆนี้ยังอยู่ในเขตชานเมือง ถ้าไม่เดินต่อไปก็จะไม่มีรถแท็กซี่ จากนั้นเย่เนี่ยนโม่ก็ตีหน้าขรึมและยื่นมือออกมา
ติงยียีจับมือของเย่เนี่ยนโม่เอาไว้แล้วแกว่งไปมา แต่ไม่ยอมลุกขึ้นมา “ไม่ไหวไม่ไหว! ฉันรู้สึกว่าเท้าของฉันมันหยั่งรากลึกแล้ว มันกำลังหยั่งรากลึกลงไปในดินผืนนี้แล้ว”
เย่นี่ยนโม่ปล่อยมือ ภายในหัวใจของติงยียีก็กระตุกหนึ่งที เย่เนี่ยนโม่จะไม่ทิ้งตัวเองไว้ที่นี่จริงๆใช่ไหม พอมองหน้าของเขาเมื่อสักครู่นี้แล้วก็มีความหมายแบบนี้เลยนี่นา!
เย่เนี่ยนโม่เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว หันหลังให้กับติงยียีแล้วนั่งยองๆลงมา จากนั้นก็พูดเร่งรัดว่า “เร็วสิ! เดินต่อไปอีกนิดก็จะได้ไปกินอาหารเช้ากันแล้ว”
ติงยียีลังเลเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปบนหลังของเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่เดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าวจึงจะสามารถยืนได้อย่างมั่นคง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หอบเล็กน้อยว่า “หนักจะตายอยู่แล้ว! ติงยียีวันนี้เธอไปกินอะไรมาเนี่ย!”
“กองทัพต้องเดินด้วยท้องไม่กินข้าวหนึ่งวันก็จะทำให้หิวจนตายได้เลยนะ” ติงยียีกำลังเร่งรัดเย่เนี่ยนโม่อย่างไม่รู้สึกอายใจเลย
เย่เนี่ยนโม่กำลังแบกติงยียีเดินไปตามเขื่อนอย่างช้าๆ ในขณะที่ติงยียีกำลังลู่ศีรษะลง ลมหายใจอุ่นๆก็ไปกระทบที่ลำคอของเย่เนี่ยนโม่ ทันใดนั้นเย่เนี่ยนโม่ก็พูดขึ้นมาว่า “ติงยียีเธอคงไม่ได้หลับไปแล้วใช่ไหม!”
ไม่มีใครตอบกลับมา ติงยียีเพียงรู้สึกว่าแผ่นหลังกว้างๆของเย่เนี่ยนโม่นี้มันช่างสบายเกินไปแล้วจริงๆ เธอจึงหลับตาลงอย่างโอนเอน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าทั้งตัวได้ล่วงลงไป ติงยียีจึงตกใจตื่นขึ้นมาแล้วจับคอของเย่เนี่ยนโม่เอาไว้แน่น
“อะแฮ่มๆ ติงยียี เธอรีบปล่อยมือเร็ว ฉันจะถูกรัดคอตายอยู่แล้ว!” เย่เนี่ยนโม่หน้าเขียวเล็กน้อย
ติงยียีรีบปล่อยมือออกแล้วพึมพำว่า “ใครใช้ให้นายทำให้ฉันตกใจกะทันหันล่ะ! ปฏิกิริยาตอบสนองของฉันปกติจะค่อนข้างรุนแรงนะ”
“ยังจะพูดมาได้นะ ฉันแบกเธออยู่นะ นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะหลับจริงๆ คราวหน้าฉันจะโยนเธอลงในน้ำไปเลย” เย่เนี่ยนโม่กับติงยียีทะเลาะกันในขณะที่กำลังเดิน
และแล้วโทรศัพท์ของเย่เนี่ยนโม่ก็ดังขึ้น “ช่วยฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาหน่อย มันอยู่ในกระเป๋ากางเกง” เย่เนี่ยนโม่พึมพำ
ติงยียีตอบกลับ แล้วเอี้ยวตัวไปคลำที่กระเป๋ากางเกงยีนส์ของเย่เนี่ยนโม่ หลังจากที่คลำหาไปสักพักใหญ่ติงยียีก็พึมพำขึ้นมาว่า “แปลกจัง ไม่มีอ่ะ”
ในขณะที่ติงยียีกำลังลูบๆคลำๆกระเป๋าซ้ายของตัวเองเสร็จก็ไปลูบๆคลำๆกระเป๋าขวาของตัวเองต่อเย่เนี่ยนโม่ก็อดทนด้วยใบหน้าที่ดำคล้ำ ผู้หญิงคนนี้เป็นนักเลงหัวไม้ใช่ไหม ถึงได้ลูบคลำได้อย่างรื่นมือขนาดนั้น เมื่อเห็นมือของติงยียีมีแนวโน้มว่าจะเคลื่อนไปยังส่วนที่อยู่ตรงกลางของตัวเองเย่เนี่ยนโม่จึงรีบเอ่ยปาก
“นี่ไง! หาเจอแล้ว!” ติงยียีหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าของเย่เนี่ยนโม่ แล้วกดรับสาย
“เนียนโม่ลูกหลับแล้วเหรอ?” เสียงของเซี่ยชีหรั่นดังออกมา
“แม่ ยังไม่หลับครับ ทำไมวันนี้ถึงมีเวลาโทรหาผมล่ะครับ?” เย่เนี่ยนโม่แบกติงยียีและเดินไปอย่างช้าๆในขณะที่พูดคุยกับแม่
“แม่คิดถึงลูกนิดหน่อยน่ะ จริงสิ แม่อ่านข่าวมาเขาบอกว่าช่วงนี้ที่เมืองตงเจียงดูเหมือนว่าจะมีข่าวว่ามีมอเตอร์ไซค์จำนวนหนึ่งกำลังมุ่งก่อเหตุจี้นักศึกษามหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ เนี่ยนโม่ต้องระวังตัวให้ดีนะ ชูฉิงก็ต้องระวังตัวเหมือนกันนะ” เซี่ยชีหรั่นเป็นห่วงลูกสองคนนี้มากจริงๆ
มือข้างหนึ่งค่อยๆลอยอยู่บนหลังของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นหันหน้าไปมองเย่เชินหลินอย่างโกรธเคือง เย่เชินหลินจูบเซี่ยชีหรั่นหนึ่งที แล้วไปดำเนินการธุรกิจกินเต้าหู้ของตัวเองต่อ ช่วงนี้เซี่ยชีหรั่นบอกว่าจะต้องบ่มเพาะอุปนิสัยที่ดี เรื่องแรกก็คือเลิกนิสัยไม่ดี เขาไม่อาจฝืนใจบีบบังคับเซี่ยชีหรั่นได้ ตัวเองจึงต้องทนกับความเจ็บปวดมากมาย
“ว๊าย!” เสียงแหลมๆของผู้หญิงที่ดังออกมาทางโทรศัพท์ทำให้เซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เซี่ยชีหรั่นจึงรีบถามออกไปว่า “เนี่ยโม่ ลูกเป็นอะไรไป? ใครอยู่กับลูกน่ะ?อ้าวเสว่เหรอ?”
“แม่ ไม่มีอะไรครับ แค่หกล้มน่ะครับ” เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้นมาจากในหลุม ใครมาเล่นพิเรนทร์ขุดหลุมเล็กๆหลุมหนึ่งไว้บนถนนแบบนี้ เย่เนี่ยนโม่มัวแต่พูดโทรศัพท์เลยไม่ปรากฏเห็นว่ามีหลุมอยู่แล้วขาหนึ่งจึงก้าวพลาดไป
ติงยียีลุกขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่ง แล้วให้สัญญาณว่าตัวเองไม่เป็นอะไร เซี่ยชีหรั่นที่อยู่ในสายด้านนั้นก็ทนไม่ไหวแล้ว จึงถามย้ำอีกว่า “เนี่ยนโม่ ลูกอยู่กับอ้าวเสว่ใช่ไหม?”
เย่เนี่ยนโม่พูดไม่ออก ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ถ้าบอกว่าอยู่กับอ้าวเสว่ก็ไม่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่บอกว่าอยู่กับอ้าวเสว่ก็ยิ่งไม่ถูกต้องไปกันใหญ่!

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset