สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1389 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1289

“เนี่ยนโม่ แม่ว่าเราควรพูดคุยกันเรื่องไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตส่วนตัวของลูกสักหน่อย งั้นแค่นี้นะ สองสามวันนี้แม่ก็จะกลับไปแล้วนะ” เซี่ยชีหรั่นพูดจบก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับเย่เชินหลินด้วยจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่ายว่า “ถ้าเนี่ยนโม่เรียนแย่จะทำยังไงดีคะ?”
หลังจากที่เย่เชินหลินทําให้เธอเกิดประหลาดใจในช่วงระยะเวลาสั้นๆเขาก็ขยับมือขึ้นลงต่อไป พอได้ยินเรื่องนี้แล้วก็เพียงแต่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ใช้กฎของบ้านไง!”
เซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เย่เชินหลินฉวยโอกาสปิดริมฝีปากของเซี่ยชีหรั่นเอาไว้และดื่มด่ำกับความหวานชื่นนั้น ปัญหาที่เดิมทีควรจะทำให้เซี่ยชีหรั่นต้องเป็นห่วงกังวลทั้งคืนก็ได้มลายหายไปกับจูบของเย่เชินหลินแล้ว
ติงยียีตกใจไปกับโทรศัพท์สายนั้นของแม่เย่เนี่ยนโม่และคิดไม่ถึงว่าเธอจะมีแรงผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าแล้วจริงๆ จนในที่สุดทั้งสองคนก็พบรถแท็กซี่คันหนึ่งที่ทางแยก
รถได้วิ่งไปจนถึงซอยเล็กๆที่ติงยียีอาศัยอยู่ สักพักหนึ่งก็มีสุนัขหลายตัวเห่าขึ้นมาติงต้าเฉินจึงถือท่อนไม้วิ่งออกมาจากบ้าน เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นติงยียี จากนั้นเขาก็กวัดแกว่งไม้ไปตีเย่เนี่ยนโม่
เย่เนี่ยนโม่หลบหลีกออกไปจากอันตราย ติงยียีจึงรีบกอดพ่อของเธอเอาไว้และพูดว่า “พ่อ ใจเย็นๆหน่อย!”
“จะให้พ่อใจเย็นได้ยังไง ลูกรู้ไหมว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว พ่อจะตีไอ้เด็กเวรคนนี้ให้ตายเลย” ติงต้าเฉินโกรธจนตัวสั่น ลูกสาวที่น่ารักของตัวเองถูกพาไปทำให้เสียคนอย่างนี้เสียแล้ว
“คุณลุงครับ ผมคิดว่าคุณลุงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับ” ถึงแม้ว่าเย่เนี่ยนโม่จะโกรธแต่ก็ไม่สามารถระเบิดความโกรธนั้นออกมาได้ เขาจึงพูดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา
ติงยียีก็รีบพูดเสริมขึ้นว่า “พ่อ! เราไม่มีอะไรกันจริงๆ ก็แค่เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้น!” เย่เนี่ยนโม่อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน ยัยบ๊องนี่พูดอย่างนี้คนอื่นก็ยิ่งเข้าใจผิดได้ง่ายๆน่ะสิ!
พอติงต้าเฉินได้ยินก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ แล้วกวักแกว่งไม้ชี้ไปทางเย่เนี่ยนโม่และถามว่า “พวกเธอมีอะไรเกินเลยกันแล้วหรือยัง!”
เย่เนี่ยนโม่ตกตะลึง แล้วส่ายหน้าไปมา ติงยียีหน้าแดง ก็เลยลากติงต้าเฉินเข้าไปในบ้าน ติงต้าเฉินจึงตบไปที่หลังมือของติงยียีไปมาเพื่อปลอบใจ แล้วพูดในขณะที่กำลังมองเย่เนี่ยนโม่ว่า “ช่างมันเถอะ หนุ่มสาวรักกันคนแก่อย่างเราก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยว แต่พ่อขอแค่อย่างเดียว เป็นผู้หญิงจะต้องรักตัวเองด้วย”
ติงยียีอยากจะมุดศีรษะเข้าไปในพื้นแล้ว ในขณะที่กำลังหันหลังให้เย่เนี่ยนโม่อยู่พ่อที่อยู่ฝั่งหนึ่งก็ปลอบใจตัวเองและคิดคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ และอีกฝั่งหนึ่งก็โบกมือให้เย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่จึงรู้ดีว่าจะต้องจากไปแล้ว สถานการณ์นี้ในตอนนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่อาจพูดให้เข้าใจได้เลยจริงๆ
“ยียีอ่า พ่อมองผู้ชายคนนั้นแล้วดูเหมือนว่าฐานะทางบ้านไม่เลวเลย แต่พวกเราไม่ต้องกลัว ลูกไปรักกับเขาได้อย่างวางใจเลย” ติงต้าเฉินพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ เขาไม่เคยรู้สึกว่าการเป็นคนจนจะด้อยกว่าคนอื่น และลูกสาวของตัวเองก็ไม่สามารถคบหาดูใจกับคนรวยได้ ติงยียีถอนหายใจ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะยิ่งอธิบายยิ่งงงไปกันใหญ่แล้วจริงๆ
วันรุ่งขึ้น ติงยียีหอบสังขารที่เหนื่อยล้าของเธอไปเข้าเรียน อ้าวเสว่ไม่ได้มาเข้าเรียน ติงยียีช่วยขานชื่อให้อีกฝ่าย เพิ่งจบคลาสแรก ก็มีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “ติงยียี มีคนมาหาเธอ”
ทันทีที่เย่เนี่ยนโม่ปรากฏตัวที่หน้าประตูก็ทำให้เกิดเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมา ถึงขั้นมีผู้หญิงบางคนวิ่งตรงไปยืนอยู่ด้านข้างของเย่เนี่ยนโม่แล้วขอหมายเลขโทรศัพท์กับเย่เนี่ยนโม่เลยทีเดียว
“ผมมาหาติงยียีครับ” เย่เนี่ยนโม่ยิ้มอย่างสุภาพ เมื่อเห็นติงยียีแสดงเจตนาให้ฝ่ายตรงข้ามทราบว่าจะเดินไปกับตัวเอง เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนมุงดูแบบนี้เลย
“เกิดอะไรขึ้น?” ในระเบียง ติงยียีกำลังมองเย่เนี่ยนโม่ทำสีหน้าจริงจังอย่างงุนงง
“เธอรู้ไหมว่าอ้าวเสว่ไปไหนแล้ว?” เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว เขาโทรหาอ้าวเสว่หลังจากที่บอกลาติงยียีเมื่อวานนี้ แต่อีกฝ่ายกลับปิดโทรศัพท์ ถ้าอ้าวเสว่เพียงแค่โกรธที่ตัวเองทิ้งเธอไว้ก็คงดี แต่ถ้ากลับบ้านแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น เขาจะต้องตำหนิตัวเองไปจนตายแน่ๆ
ติงยียีเองก็รู้สึกแปลกใจมากเช่นกัน หรือว่าที่อ้าวเสว่ไม่มาวันนี้อาจจะตกอยู่ในอันตรายเข้าแล้ว เธอจึงรีบพูดเรื่องที่อ้าวเสว่ไม่ได้มาเรียนในวันนี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“พวกเราไปแจ้งความกันไหม?” ติงยียียิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง อ้าวเสว่ชอบเย่เนี่ยนโม่ขนาดนี้ ไม่มีทางไม่รับสายของเย่เนี่ยนโม่ได้และหายไปอย่างกะทันหันแบบนี้หรอก
“ยังไม่เกิน24ชั่วโมงเลยแจ้งความไปตำรวจก็ไม่รับแจ้งความอยู่ดี จริงสิ!” เย่เนี่ยนโมนึกถึงคุณลุงที่ชื่อBakerที่มาเป็นแขกที่บ้านของเขาตอนเด็กๆได้ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นตำรวจ เย่เนี่ยนโม่จึงพยักหน้ากับติงยียี แล้วก็วิ่งออกไป
ในขณะที่ติงยียีกำลังมองดูแผ่นหลังของเย่เนี่ยนโม่อยู่นั้น เธอก็เป็นห่วงฝ่ายตรงข้าม และก็เป็นห่วงอ้าวเสว่มาก เธอจึงรีบวิ่งตามหลังเย่เนี่ยนโม่ไปอย่างไม่ลังเล ในคลาสที่สอง อาจารย์แก่ๆที่มักจะชื่นชมติงยียีคนนั้นพบว่านักเรียนที่ชอบจดบันทึกมากที่สุดในห้องเรียนก็โดดเรียนไปด้วยกัน เขาจึงโกรธจนหน้าดำหน้าแดงขึ้นมา
ณ สถานีตำรวจ Bakerได้เป็นผู้กำกับแล้ว ในขณะที่เขากำลังดื่มกาแฟอยู่นั้น สายตาก็เหลืบไปเห็นเด็กสองคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างหน้าตัวเอง เขาจึงจุ๊ปากแล้วพูดว่า “ทำไมพวกเธอถึงคิดว่าเพื่อนของพวกเธอเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วล่ะ?”
“ลางสังหรณ์น่ะครับ” เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ Bakerฟังจบก็พ่นน้ำกาแฟหนึ่งคำไปบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที “ฮ่าๆๆๆ คิดไม่ถึงเลยว่าลูกชายของไอ้สาระเลวคนนั้นอย่างเย่เชินหลินจะโตมาแล้วน่ารักขนาดนี้!”
“จริงๆนะคะ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่รับโทรศัพท์เลย อีกทั้งเธอก็ไม่เคยขาดเรียนด้วยค่ะ!” ติงยียีรีบพูดเสริม Bakerมองติงยียีด้วยความสงสัยแล้วถามว่า “นักเรียนคนนั้นเป็นแฟนของเนี่ยนโม่ งั้นเธอคือ…?”
สายตาของBakerมองเย่เนี่ยนโม่กับติงยียีกลับไปกลับมา แล้วทำท่าทางสืบสาวราวเรื่องด้วยความสงสัย เย่เนี่ยนโม่เหลืออดเหลือทนจึงยืนขึ้นและพูดว่า “เราไปกันเถอะ!”
Bakerหยอกล้อสองคนนี้พอสมควรแล้ว เพื่อแก้แค้นทั้งเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ที่เย่เชินหลินล้อตัวเองเล่นในตอนแรก แล้วพูดด้วยความเต็มใจว่า “ผมสามารถให้เจ้าหน้าที่ที่รักษาการณ์อยู่ในป้อมจราจรคอยเฝ้าระวังให้ได้นะ พวกคุณไม่ต้องโกลาหลไปเองหรอก ความจริงแล้วช่วงนี้มีแก๊งค์ซิ่งรถกลุ่มหนึ่ง พวกเราคอยจับตามองพวกมันมานานแล้ว”
Bakerสามารถเปิดเผยออกมาได้ว่าเยอะขนาดนี้มันมากเกินขอบเขตหน้าที่ของเขาแล้ว แต่ก็เห็นแก่หน้าของเซี่ยชีหรั่น เห็นได้ชัดว่าเย่เนี่ยนโม่ไม่ใช่คนโง่ เขาจึงหันหลังไปพยักหน้าให้Baker แล้วพูดอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณครับ”
ในขณะที่Bakerกำลังมองดูใบหน้าที่ดูคล้ายกับเย่เชินหลินอยู่ห้าส่วนด้วยความตกตะลึง เขาก็ยกหน้าผากพูดว่า “ผมถูกเย่เชินหลินบีบบังคับจนเคยชินแล้ว จึงรู้สึกว่าคำขอบคุณนี้ของคุณมีไอพิฆาตรวมอยู่ด้วยเลย รีบไปเถอะ” ผมจะช่วยคุณเอง”
หลังจากที่ออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว เย่เนี่ยนโม่ก็เดินสาวเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แม้แต่ติงยียีที่เดินอยู่ข้างหลังก็ไม่พบ ติงยียีก็กังวลใจมาก จึงเดินตามเย่เนี่ยนโม่ไปอย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า “นายไม่ต้องห่วง อ้าวเสว่อาจจะทำโทรศัพท์หายหรือไปอยู่ที่บ้านเพื่อนก็ได้ รออีกสักครู่ก่อนเถอะ”
เย่เนี่ยนม่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ และโทษตัวเองทำให้ตอนนี้เขาเพียงแค่อยากจะรีบไปตามหาอ้าวเสว่ให้เร็วอีกสักหน่อย “เธอกลับไปที่โรงเรียนเองได้ใช่ไหม?” เย่เนี่ยนโม่อยากไปลองหาอ้าวเสว่ที่สถานสงเคราะห์อีก
ติงยียีพยักหน้า เย่เนี่ยนโม่จึงรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ติงยียีกำลังมองไปที่ด้านหลังของรถแท็กซี่ที่แล่นออกไปทันใดนั้นก็คิดถึงเย่ชูหวินกำลังเล่นรถอยู่หรือเปล่านะ? ปกติคนที่ชอบเล่นรถแบบนี้มักจะมีกลุ่มเล็กๆ บางทีเขาอาจรู้ก็ได้ว่าอ้าวเสว่ถูกแก๊งค์ซิ่งรถแก๊งค์ไหนพาตัวไป ยิ่งคิดก็ยิ่งคิดว่ามันเป็นไปได้ ติงยียีจึงรีบวิ่งอย่างสุดฝีเท้า เธอน่าจะรู้แล้วว่าจะสามารถหาเย่ชูหวินได้ที่ไหน
อ้าวเสว่กำลังมองดูวัยรุ่นมากหน้าหลายตากำลังกินหม้อไฟต่อหน้าเธออยู่ และตรงหน้าตัวเองก็มีชามใบหนึ่งวางอยู่เช่นกัน แต่มือทั้งสองข้างของตัวเองกลับถูกมัดอยู่ข้างหลัง
“พวกนายเข้าใจไหมว่านี่คือการลักพาตัวเลยนะ พวกนายปล่อยฉันไปดีไหม ฉันสัญญาว่าจะไม่พูดอะไรเลย” อ้าวเสว่พูดอย่างน่าสงสาร วัยรุ่นที่มีอายุมากที่สุดอยู่ตรงหน้าในกลุ่มนี้ดูเหมือนว่าจะอายุ 20 ต้นๆ
“เราไม่ได้ลักพาตัวเธอนะ ไม่ใช่ว่ากำลังเชิญเธอมากินหม้อไฟหรอกเหรอ?” ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มคนหนึ่งเช็ดน้ำมันที่เต็มปากแล้วพูดขึ้นมา
อ้าวเสว่รู้สึกกลุ้มใจ จึงยืนขึ้นมากรี๊ดหนึ่งเสียง ทันใดนั้นกระแทกผลไม้ลงบนโต๊ะอย่างแรง ผู้คนที่อยู่บนโต๊ะกรีดร้องและกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง แล้วเด็กชายคนหนึ่งก็เดินมาอยู่ตรงหน้าอ้าวเสว่ด้วยท่าทางที่ดุดัน ในใจของอ้าวเสว่รู้สึกกลัวมาก เธอจึงเดินถอยหลังไปสองสามก้าว
“หยุดโวยวายได้แล้ว พี่รองมาแล้ว” มีคนหนึ่งในนั้นตะโกนขึ้นมา ประตูถูกเปิดออก แล้วชายหนุ่มที่ทำไฮไลท์ผมสีฟ้าและสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์คนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” เหยนหมิงเย้ากำลังมองดูความระเกะระกะที่อยู่เต็มห้องและยังมีอ้าวเสว่ที่ถูกจับตัวเอาไว้ที่มุมห้องด้วยความประหลาดใจ
อ้าวเสว่เห็นเหยนหมิงเย้าก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดโพล่งออกมาว่า “เหยนหมิงเย้า ช่วยฉันด้วย ?”
เหยนหมิงเย้าเดินไปอยู่ข้างๆอ้าวเสว่แล้วขมวดคิ้วในขณะที่เห็นมือทั้งสองข้างของอ้าวเสว่ถูกมัดอยู่และยังมีใบหน้าที่น่าสงสารนั้นอีก เขาจึงตำหนิวัยรุ่นเหล่านั้นเสียงดังขึ้นมาว่า “พวกแกรู้หรือเปล่าว่านี่คือการลักพาตัวเลยนะ! อยากจะเล่นสนุกก็ไม่ใช่ให้เล่นสนุกด้วยวิธีนี้!”
เหล่าเด็กวัยรุ่นมองหน้ากัน ลักพาตัวก็ต้องติดคุก พี่รองบอกว่าคือการลักพาตัว งั้นก็มีความผิดน่ะสิ พวกเขาจึงแย่งกันถามขึ้นมาคนละคำว่า “พี่รอง งั้น”จะทำยังไงดีอ่ะ แค่อยากจะลองเล่นสนุกเอง เมื่อกี้ยังเชิญเขามากินหม้อไฟด้วยนะ”
“อย่าเสียงดัง!” เหยนหมิงเย้าตะโกนใส่พวกเขา แล้วเดินไปตรงหน้าอ้าวเสว่และพูดว่า “เธอจะไม่พูดส่งเดชออกไปใช่ไหม” อ้าวเสว่ส่ายหน้าไปมาอย่างเชื่อฟัง
“พี่รอง อย่าเชื่อเธอนะ ไม่แน่ว่าพอเลี้ยวซ้ายออกประตูไปเธอก็คงนั่งอยู่ในสถานีตำรวจแล้ว” คนที่อยู่ข้างๆสอดปากสอดคำขึ้นมา เหยนหมิงเย้าเหลือบมองเด็กชาย และคิดจะไปคลายเชือกที่มัดให้อ้าวเสว่ด้วยตัวเอง
“รอเดี๋ยวก่อน” มีชานอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกประตู แล้วทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ยืนขึ้นและตะโกนด้วยความเคารพว่า “พี่ใหญ่”
จางถังจำอ้าวเสว่ได้ว่าคือคนที่อยู่ข้างๆเย่เนี่ยนโม่ ต่อมาก็สืบทราบมาว่าแท้จริงแล้วอ้าวเสว่คือแฟนสาวของเย่เนี่ยนโม่นั่นเอง ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกที่ชั่วร้ายอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา ในขณะที่มองดูผิวที่ขาวราวกับหิมะและใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของอ้าวเสว่อยู่นั้น ในใจของจางถังก็มีความคิดที่สกปกลอยขึ้นมา
เหยนหมิงเย้าก้าวถอยหลังออกไปอย่างเฉยเมยและให้จางถังได้ก้าวไปข้างหน้ามองอ้าวเสว่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ว่าคุณชายใหญ่คนนี้จะทำเรื่องเลวร้ายอะไรก็ล้วนมีพ่อของเขาคอยสนับสนุนเขาเสมอ ตัวเองจึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“ฉันถามเธอหน่อย เธอรู้จักผู้หญิงที่ม้วนผมอยู่ในสนามบาสเก็ตบอล หน้าตาดูเหมือนตุ๊กตาคนนั้นไหม” จางถังประทับใจผู้หญิงที่เขาเห็นในสนามในวันนั้นจริงๆ และกำลังคิดว่าจะเอาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นแฟนได้อย่างไร
อ้าวเสว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยปากออกมาว่า “คนที่นายพูดถึงคือเย่ชูฉิงเหรอ?”
ที่แท้อีกฝ่ายก็แซ่เย่นี่เอง จางถังพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม รู้จักชื่อก็ง่ายต่อการจัดการแล้ว พอสายตาของเขาได้มองไปที่ใบหน้าของอ้าวเสว่ จากนั้นจางถังจึงยื่นมือมาสัมผัสแก้มของอ้าวเสว่ไปมาอย่างช้าๆ
ในใจของอ้าวเสว่เริ่มที่จะลนลานแล้ว จึงส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากเหยนหมิงเย้า แต่เหยนหมิงเย้ากลับนั่งรับประทานลูกชิ้นเนื้อในชามที่ไม่ได้ถูกตีคว่ำอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างเบาๆ และทำท่าทางที่ไม่อยากไปสนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
“นายคิดจะทำอะไร!” อ้าวเสว่หดตัวเข้าไปในมุมห้อง จางถังยิ้มแย้ม ก่อนหน้านี้เขามีผู้หญิงหน้าตาท่าทางแบบนี้เยอะมาก หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้วก็ให้เงินนิดหน่อย หรือไม่ก็ข่มขู่เล็กน้อย ก็จะไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมพูดเรื่องนี้ออกมาได้แล้วไม่ว่าเขาจะเลวอีกสักแค่ไหนก็ยังมีพ่อของตัวเองคอยหนุนหลังอยู่เสมอ
“พี่ใหญ่ ยังเป็นโรงแรมที่คุ้นเคยแห่งนั้นและห้องชุดห้องนั้นใช่ไหมครับ!” ลูกน้องตัวเล็กๆที่อยู่โดยรอบต้องการจะจับตัวอ้าวเสว่อย่างกระตือรือร้น ลูกท่านหลานเธออย่างจางถัง แม้ว่าจะบีบบังคับคนอื่นให้ไปขึ้นเตียงด้วย ก็ต้องอยู่กับอีกฝ่ายในสภาพแวดล้อมที่โรแมนติกและสะอาดสะอ้าน ทุกคนต่างก็รู้จักนิสัยใจคอนี้ของเขาแล้ว ไม่แน่ว่าถ้าทำได้ดี จางถังยังจะให้ทิปอีกด้วย คุณชายคนนี้เป็นคนที่ฟุ่มเฟือยมากเลยทีเดียว

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset