สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่1391 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1291

ติงยียีไม่อยากให้ซ่งเมิ่นเจ๋เป็นห่วง จึงพูดอ้ำๆอึ้งๆสองสามประโยคกลับไป ด้านหน้ามีเงาแวบขับผ่านไป ติงยียีตะโกนขึ้น :“เย่ชูหวิน!”
“เย่ชูหวิน?” ซ่งเมิ่นเจ๋ที่อยากจะถามให้ชัดเจน แต่โทรศัพท์ได้ถูกวางสายเสียแล้ว ติงยียีวิ่งตามไปสองสามก้าว มองรถของเย่ชูหวินที่ยิ่งอยู่ยิ่งห่างไกลออกไปจากตัวเอง จึงถอดรองเท้ากีฬาของตัวเองออกแล้ววิ่งตามรถไปตีรถบิ๊กไบค์ของเย่ชูหวิน
รองเท้าตีเข้าที่เบาะหลังรถบิ๊กไบค์ รถจึงได้หยุดลง ติงยียี่วิ่งโซซัดโซเซไปที่ข้างๆเย่ชูหวิน แล้วก็หายใจหอบเหนื่อยอย่างแรง
“มีธุระเหรอ” เย่ชูหวินหันไปมองที่นั่งเบาะหลังรถตัวเอง สีเบาะรถถูกหมุดย้ำในรองเท้าของติงยียีครูดจนถลอกหลุดลอก แค่ค่าบำรุงรักษาก็เหยียบหลักหมื่น
“ช่วยๆหน่อย เพื่อนของฉันหายไป” ติงยียีรีบเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบอีกรอบ เย่ชูหวินจึงพูดย้ำว่า:“คุณหมายถึงแฟนของเนี่ยนโม่เหรอ”
ติงยียีพยักหน้า เย่ชูหวินสตาร์ทรถเบาๆ และหันหลังจะจากไป :“เรื่องเล็กๆแค่นี้เนี่ยนโม่จัดการเองได้”
ติงยียีวิ่งไปที่ด้านหน้ารถบิ๊กไบค์ของเย่ชูหวิน เย่ชูหวินเกือบจะชนเข้ากับติงยียี จึงรีบเหยียบเบรกแล้วตวาดขึ้น:“ติงยียี คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ รู้ไหมถ้าเมื่อกี้ผมไม่รู้แล้วเหยียบคันเร่ง คุณก็คงบินกระเด็นกระดอนไปแล้ว!”
ติงยียียืนอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกกลัวนิดหน่อย แต่ก็ยังใจกล้าฮึดพูดขึ้น :“คุณแค่บอกฉันมาว่าคุณรู้จักกลุ่มคนเหล่านี้ใช่หรือไม่ แล้วพวกเขาอยู่ที่ไหน ฉันสามารถไปเองได้!”
เย่ชูหวินลงจากรถ และเข้าไปสำรวจติงยียี ใกล้ๆ จากนั้นถามขึ้น:“คุณชอบเย่เนี่ยนโม่?”
ติงยียีชะงัก รีบแก้ตัวขึ้น:“ฉันไม่ได้ชอบสักหน่อย!”
“อย่างนั้นคุณก็เป็นคนแสนดี” เย่ชูหวินกล่าวเหน็บแนม ในโลกใบนี้คนแสนดีไม่สามารถอยู่ได้หรอก ติงยียีก้มหน้าแก้ต่างอธิบาย:“ฉันไม่ใช่คนแสนดีหรอก ฉันแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับตัวฉัน ถ้าหากฉันไม่ทำอะไรเลย ฉันก็จะรู้สึกไม่สบายใจ ฉันไม่อยากจะติดค้างใคร”
น้ำเสียงของติงยียียิ่งพูดยิ่งเบา และมือก็ถูกยัดด้วยหมวกกันน็อกอันหนึ่ง ติงยียีเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ เย่ชูหวินส่งสายตาบอกให้ติงยียีขึ้นรถ “ไม่ใช่บอกจะไปตามหาคนเหรอ ผมรู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน พวกเราไปดูลาดเลากันก่อน”
เย่ชูหวินพาติงยียีไปถึงอาคารร้างแห่งหนึ่ง จากนั้นนำรถไปจอดซ่อนไว้ในที่ลับๆ แล้วเย่ชูหวินก็กระซิบขึ้นเบาๆ:“ คนพวกนี้เพิ่งจะมากันเมื่อเร็วๆนี้นี่เอง ได้ยินว่าใช้บิ๊กไบค์ในการแข่งพนันเงิน ไม่เพียงแต่บิ๊กไบค์ ยังมีพวกรถแข่งที่ผิดกฎหมาย”
ติงยียีกวาดตามองไปรอบๆที่มืดสสิท แล้วก็ถามขึ้น:“อย่างนั้นจะทำอย่างไรดี วันนี้พวกเขาจะตัดปรากฏตัวไหม”
เย่ชูหวินพยักหน้า คนพวกนี้มีเวลาที่แน่นอนในการแข่งขันพนัน ขอเพียงพวกเราเฝ้ารออยู่ที่นี่ จะต้องเห็นตัวพวกนั้นอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นก็จับตัวหนึ่งคนถามรายละเอียดก็ได้แล้ว
ติงยียีนั่งยองๆอยู่ที่พื้นหญ้า เบิกตากว้างจ้องมองอาคารร้างอย่างไม่ละสายตา ต้นขาที่สวมกางเกงสั้นรัดรูปปวดเมื่อยเป็นระยะๆ “แปะ!” ติงยียีใช้ฝ่ามือตบยุงตายไปตัวหนึ่ง จากนั้นพบว่ามียุงมากมายที่กำลังกัดตัวเองอยู่ เสียงตบมือจึงดังขึ้นอย่างไม่ลดละ
เย่ชูหวินเห็นแขนและขาของติงยียีถูกกัดแล้วกัดอีกจนเป็นตุ่มแดงๆ อดไม่ได้จึงพูดขึ้น:“กลับไปก่อนไหม ผมจะเฝ้าดูอยู่ที่นี่เอง ไม่ต้องเป็นห่วง ผมรับปากว่าจะช่วยคุณแล้วก็ต้องทำได้”
ติงยียีกัดฟันตบยุงตัวที่กำลังดูดเลือดอยู่ที่แขนตาย ส่ายหน้าแล้วก็นั่งยองๆต่อไป เย่ชูหวินมองดูท่าทางกังวลใจของติงยียี ริมปากที่ยิ้มยากเหยียดขยายเป็นเส้นโค้งที่ดูดีขึ้น
มีเสียงดังสนั่นลอยมาแต่ระยะไกลๆ พร้อมด้วยแสงไฟวิบวับที่ส่องแยงเข้ามาในดวงตา บิ๊กไบค์ขับต่อกันเป็นแถวยาวเหยียดกันเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เย่ชูหวินกดไหล่ของติงยียีไว้ รู้สึกเสียใจที่พาติงยียีมาที่นี่ คนพวกนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม ถ้าหากถูกจับได้ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมา
ติงยียีตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเห็นกับภาพฉากแบบนี้ ชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่บนรถส่งร้องเสียงร้องโห่กันเป็นกลุ่ม รถทั้งหมดได้จอดอยู่บนทางหลวงเส้นหนึ่ง ทางหลวงที่ทรุดโทรมไม่ได้รับการซ่อมแซมมาเป็นเวลานาน ทุกที่จึงเป็นหลุมเป็นบ่อ
“พวกเขาใกล้จะเริ่มการแข่งขันกันแล้ว” เย่ชูหวินกระซิบเบาๆที่ข้างใบหูติงยียี ติงยียีรู้สึกคันสยิวเล็กน้อยจึงทำการหลบ เย่ชูหวินรู้สึกสนุกดีจึงแกล้งขยับเข้าไปใกล้ขึ้นอีกหน่อย เห็นว่าใบหูของติงยียีที่มองด้วยตาเปล่านั้นแดงระเรื่อขึ้นอย่างรวดเร็ว
การแข่งขันฝั่งนั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว รถแต่งแต่ละคันพุ่งพรวดออกไปดุจลูกศรธนู ได้ยินเพียงแต่เสียงไม่เห็นเงา บิ๊กไบค์คันหนึ่งวิ่งแซงจากด้านหลังบังคับให้รถอีกคันจอด รถอีกคันถูกล้อมจนเสียหลักเซเอียง คนขับรถได้ล้มกระเด็นกระแทกพื้นอย่างแรง คนอื่นๆไม่เพียงแต่ไม่เข้าไปช่วยพยุง ยังปรบมือหัวเราะชอบใจ
“เกินไปแล้ว !”ติงยียีสบถคำออกมาอย่างไม่พอใจ หรือการแข่งรถนั้นสำคัญกว่าชีวิตคน เย่ชูหวินอยากจะอุดปากของติงยียีให้ติงยียีเบาเสียงลง แต่ก็ยังคิดไม่ถึงจะถูกคนที่ยืนอยู่ไกลๆพบเข้า
สองคนใช้ไฟฉายโทรศัพท์ส่องตามพงหญ้า ตามหาที่มาของเสียงเมื่อสักครู่ เย่ชูหวินเห็นว่าไม่น่าจะหลบซ่อนต่อไปได้อีก จึงดึงติงยียีมาแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า:“ผมรู้จักกับพวกเขา พวกเขาไม่ทำอะไรผมหรอก แต่ถ้าคุณไม่แน่ หลบอยู่ตรงนี้ดีๆนะ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามออกมา รู้ไหม”
ติงยียีที่ไม่เห็นด้วยอยากจะอ้าปาก เย่ชูหวินจึงดุใส่:“อย่าสร้างปัญหาให้กับผมมาก!”
“ใครอยู่ตรงนั้น!”
“ผมเอง เย่ชูหวิน” เย่ชูหวินลุกยืนขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นก็รู้จักว่าเย่ชูหวินเป็นใคร ถอนหายใจโล่งอกแล้วหันไปพูดกับคนที่อยู่ไกลๆ:“ดูซิว่าใครมา”
เย่ชูหวินจงใจเดินออกมาให้ห่างจากที่ที่ติงยียีหลบซ่อนอยู่ ชายหนุ่มส่วนหนึ่งเข้ามาล้อมเย่ชูหวินไว้ เย่ชูหวินเป็นผู้มีฝีมือดีในวงการการแข่งรถแห่งเมืองตงเจียง ตอนที่พวกเขาเพิ่งมานั้นก็ต้องการจะแข่งรถกับเขา แต่ก็ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เขากลับมาปรากฏตัวด้วยตัวเอง
“นายไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น” ชายหนุ่มที่เป็นหัวโจ๊กมองเย่ชูหวินด้วยความสงสัย กวาดตาไปมองที่พงหญ้า เย่ชูหวินพูดขึ้นเบาๆ:“แข่งรถ!”
“โอเค นายอยากเดิมพันเท่าไหร่ ที่นี่เริ่มต้นที่สามหมื่นนะ” ชายหนุ่มที่เป็นหัวโจ๊กหัวเราะขึ้น เย่ชูหวินเลิกคิ้ว:“ตกลง”
ชายหนุ่มก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ให้เย่ชูหวินเลือกรถได้ตามสบาย บางคนที่รู้เรื่องราววงในต่างรู้ดีว่าพ่อของเย่ชูหวินคือโม่เสี่ยวจุน มีจำนวนคนไม่น้อยลือกันให้แซดถึงความสัมพันธ์ของเย่ชูหวินกับเย่เชินหลินประธานแห่งบริษัทเย่ซื่อองค์กรใหญ่แห่งเมืองตงเจียง นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องการตีสนิทเย่ชูหวิน
เย่ชูหวินจับบิ๊กไบค์มาคันหนึ่งแล้วก็พยักหน้าให้กับชายหนุ่ม สาวงามคนหนึ่งจึงถือผืนผ้าแล้วเดินมาอยู่ตรงด้านหน้าพวกเขาสองคน วินาทีที่ผ้าผืนนั้นสะบัดลง รถทั้งสองคันก็พุ่งพรวดออกไป
ติงยียีมองเย่ชูหวินที่ขับนำโด่งอยู่ไกลๆด้วยความตื่นเต้น คอยหมอบหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่บนถนนตลอดเส้นทาง ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังก็ค่อยไล่ขับตาม
ติงยียีเห็นชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังทำท่าหลังโบกไม้โบกมือ จากนั้นก็มีคนสองสามคนปรากฏตัวอยู่ที่เส้นชัยอย่างเงียบๆ แล้วเทน้ำมันของเหลวราดลงบนถนน
“เย่ชูหวินระวัง! พวกเขาเล่นตุกติกที่เส้นชัย!” ติงยียีมุดออกมาจากพงหญ้าแล้วยืนขึ้นตะโกน
ทันใดนั้นเย่ชูหวินจึงดริฟบิ๊กไบค์ไปหนึ่งรอบจนรถจอดสนิท สายตาดุดันจ้องไปยังคนที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นบิดคันเร่งขับมุ่งไปทางคนที่อยู่ด้านหลัง
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ!” คนที่อยู่ด้านหลังเห็นเย่ชูหวินที่ยิ่งอยู่ยิ่งขับเร็วพุ่งเข้ามาหาตัวเองจึงเกิดความกลัว เลยขยับรถเอียงหลบเย่ชูหวิน จนล้อรถไหลถลาไปโดนกองน้ำมันที่อยู่ที่เส้นชัย คนขับรถจึงสะบัดหลุดกระเด็นออกไปไกล นอนกองลงบนพื้นเป็นตายไม่แน่นอน
“บังอาจมาหาเรื่องในถิ่นกู! จับตัวไว้!” ชายหนุ่มที่เป็นหัวโจ๊กโบกมือขึ้น เย่ชูหวินเห็นมีคนวิ่งพุ่งเข้าไปหาติงยียี จึงรีบทิ้งรถแล้วจัดการคนที่ขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วสาวเท้ายาววิ่งเข้าไปหาติงยียี
ติงยียีก้าวถอยหลังไม่หยุด แล้วตวาดเสียงดังขึ้น:“ เฮ้ย พวกคุณอย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
คนเหล่านั้นมองแวบหนึ่งแล้วก็ไม่ใส่ใจ และก็ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ติงยียี ทันใดนั้นติงยียีจึงหยิบขวดสเปรย์จากด้านหลังแล้วฉีดพ่นใส่ดวงตาของชายหนุ่มเหล่านั้น ชายหนุ่มเหล่านั้นที่ไม่ทันได้ระวังตัว ปิดตาแล้วพุ่งเข้ามาจับตัวติงยียี ติงยียีจึงได้ยกเท้าเตะใส่เป้าของชายหนุ่มเหล่านั้นคนละที
เหล่าชายหนุ่มร้องครวญครางกลิ้งไปมา เย่ชูหวินที่วิ่งเข้ามาได้เพียงครึ่งทางก็หยุดชะงักลง จากนั้นยกนิ้วโป้งให้กับติงยียี ทำไมเขาถึงลืมไปได้ว่าผู้หญิงคนนี้มีลูกเล่นที่แพรวพราว
“หยุดได้แล้ว! พวกเรามีเรื่องอยากจะถาม!” เย่ชูหวินเห็นว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องไม่จบไม่สิ้น และฝ่ายตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่ๆ จึงได้พูดตรงๆออกมาก่อน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ติงยียีได้นั่งอยู่ที่เบาะหลังรถของเย่ชูหวิน และพูดขึ้นด้วยความกังวล:“ในเมื่อพวกเขาไม่ได้จับตัวอ้าวเสว่ อย่างนั้นอ้าวเสว่ไปไหนแล้วล่ะ”
“ไปหาเนี่ยนโม่ก่อน อย่างน้อยก็นำข่าวนี้ไปบอกกับเขา ถ้าหากที่พวกเขาก็ไม่มี อย่างนั้นก็คงต้องไปแจ้งความ” น้ำเสียงของเย่ชูหวินค่อนข้างแตกเมื่อกระทบลม
เย่ชูหวินถูกจี้ที่เอว เย่ชูหวินจึงถามด้วยความโมโห:“ทำอะไร”
ติงยียีจึงพูดเสียงดังๆ:“โทรศัพท์ของฉันหล่นแตกตอนที่ลุกขึ้นเมื่อสักครู่ ให้ฉันยืมโทรศัพท์หน่อย ฉันจะโทรแจ้งตำรวจให้มาจับพวกมัน”
เย่ชูหวินจึงยื่นโทรศัพท์ไปให้ติงยียีอย่างเงียบๆ เขาลืมไปเลยนิสัยติงยียีที่เห็นความชั่วร้ายดุจศัตรู จึงแอบปาดเหงื่อแทนเหล่านักบิดที่ยังอยู่ที่เดิม
รถได้วิ่งเข้ามาสู่อาณาเขตคนรวย เป็นครั้งแรกที่ติงยียีเข้ามาในเขตแบบนี้ จึงมองตึกรอบๆด้วยความตื่นตาตื่นใจ หน้าคฤหาสน์ตระกูลเย่ เมื่อติงยียีลงจากรถก็เห็นเย่เนี่ยนโม่ลงมาจากรถพอร์ชพอดี กำลังที่จะอ้าปาก เย่เนี่ยนโม่ก็ได้เดินไปฝั่งข้างคนขับ จากนั้นก็เปิดประตูขึ้น โดยที่มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่หลังคารถ อ้าวเสว่เดินลงมาจากรถอย่างอ่อนช้อย คล้องแขนของเย่เนี่ยนโม่ไว้ แล้วทั้งคู่ก็สนทนาหัวเราะเฮฮาเดินเข้าประตูไปพร้อมกัน
“อ้าว! ที่แท้อ้าวเสว่กลับมาแล้วเหรอเนี่ย เย่เนี่ยนโม่ทำไมถึงไม่บอกสักคำ ปล่อยให้ปล่อยไก่อยู่ได้” ติงยียีเดินถอยหลังสองสามก้าวด้วยความอาย ช่างน่าอายชะมัดที่ตัวเองตื่นตูมไปเอง
เย่ชูหวินมองแขนของติงยียีที่ถูกยุงกัดจนเป็นตุ่มเต็มไปหมด เนื้อตัวมอมแมมจากการถูไถพื้นหญ้าไปมา คิ้วจึงขมวดแน่นขึ้น ดึงแขนของติงยียีแล้วเดินเข้าไปในบ้านตระกูลเย่
เซี่ยชีหรั่นที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่ในบ้าน เย่เชินหลินจึงคว้าเอวของเซี่ยชีหรั่นมาโอบไว้ แล้วให้เซี่ยชีหรั่นนั่งอยู่บนตักของตัวเอง จากนั้นได้พูดขึ้น:“นั่งเครื่องมาตั้งสิบกว่าชั่วโมงยังกระปรี้กระเปร่าขนาดนี้อีก?”
เซี่ยชีหรั่นมองออกไปข้างนอกอย่างถี่ๆ แล้วพูดด้วยความความรู้สึกที่ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวลใจ:“เนี่ยนโม่บอกว่าวันนี้จะพาคนกลับมาที่บ้าน ฉันตื่นเต้นจัง นึกไม่ถึงแค่เพียงพริบตา ลูกก็มีคนที่ชอบแล้ว”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset