สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่1392 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1292

“นายท่าน นายหญิง คุณชายเนี่ยนโม่กลับมาแล้วครับ” พ่อบ้านที่แววตากล่าวด้วยความดีใจ
เซี่ยชีหรั่นเห็นอ้าวเสว่ควงแขนของเย่เนี่ยนโม่เดินเข้าประตูมา เย่เนี่ยนโม่ตะโกนเรียกด้วยความดีใจ:“แม่!”
“เนี่ยนโม่ นี่คือผู้หญิงที่อยู่ข้างลูกเมื่อสองคืนก่อนเหรอ ที่แท้ก็เป็นอ้าวเสว่นี่เอง แล้วทำไมตอนนั้นลูกถึงไม่ยอมรับล่ะ” เซี่ยชีหรั่นยิ้มตาหยีแล้วกล่าว
เย่เชินหลินเห็นท่าทางของอ้าวเสว่แล้วชะงักขึ้น เขาไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เห็นท่าทางของอ้าวเสว่แล้ว จึงแอบคิดว่าเรื่องราวอาจไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
“น้าเซี่ยคะ คุณลุงคะ” อ้าวเสว่ควงแขนของเย่เนี่ยนโม่อย่างใกล้ชิดสนิทสนมแล้วเรียกขึ้นอย่างอ่อนหวาน จากนั้นหยิบกล่องของขวัญแล้วยื่นให้กับเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นเปิดกล่องออก แล้วก็มองอ้าวเสว่ด้วยความประหลาดใจ ในกล่องนั้นมีเม็ดทับทิมที่สวยงามมาก และราคาก็น่าจะไม่เบา เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าอ้าวเสว่เป็นเด็กกำพร้า ตอนนี้เพิ่งจะเรียนชั้นปีหนึ่ง ทำไมถึงได้ซื้อของขวัญที่แพงขนาดนี้
อ้าวเสว่เห็นใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นที่ท่าทางไม่ได้ดีใจเหมือนอย่างอย่างที่คิด จึงได้รีบพูดขึ้น :“น้าเซี่ยคะ นี่หนูซื้อด้วยเงินที่ได้จากการเล่นหุ้น หากน้าเซี่ยไม่ชอบสามารถนำไปเปลี่ยนได้นะคะ”
เซี่ยชีหรั่นแอบตำหนิตัวเองที่ไม่แสดงอาการชอบออกมาจนทำให้เด็กๆกังวล จึงยิ้มอย่างละมุนแล้วให้คนรับใช้นำไปเก็บ
“แม่ครับ ครั้งก่อนที่แม่อยู่ที่สนามบินแล้วถามผมว่าอ้าวเสว่ใช่แฟนผมหรือเปล่า วันนี้ผมจะมาให้คำตอบแม่ครับ” เย่เนี่ยนโม่มองแววตาของอ้าวเสว่ด้วยสายตาที่อ่อนโยน อ้าวเสว่ค่อนข้างเป็นคนคิดมาก เขาครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีก คงมีแต่สิ่งนี้ที่สามารถทำให้เธอสบายใจ
“นายหญิง นายท่าน ชูหวินมาครับ” พ่อบ้านพูดจบ เย่ชูหวินได้ลากมือของติงยียีเดินเข้ามาในบ้าน เซี่ยชีหรั่นรู้สึกประหลาดใจ แต่รู้สึกดีใจมากกว่า จึงเดินเข้าไปต้อนรับ:“ชูหวิน ช่วงนี้พ่อแม่ของผมเป็นอย่างไรบ้าง”
“ พ่อกับแม่ผมสบายดีครับอา” เย่ชูหวินสีหน้าที่ค่อนข้างผ่อนคลาย เซี่ยชีหรั่นมองไปทางติงยียีที่ค่อนข้างกระเซอะกระเซิง ติงยียีสะบัดมือของเย่ชูหวินทิ้ง แต่สะบัดไม่ออก จึงรีบยิ้มแล้วพูดขึ้น :“คุณน้าสวัสดีค่ะ หนูชื่อติงยียีค่ะ”
“เสียงของเธอ เสียงของเธอไม่ใช่เสียงของหญิงสาวที่อยู่กับเย่เนี่ยนโม่ในคืนนั้นเหรอ” เซี่ยชีหรั่นชี้ไปที่เย่เนี่ยนโม่กลับติงยียีด้วยความสงสัย อ้าวเสว่ที่ยืนฝืนยิ้มอยู่ข้างๆ แทบจะยืนต่อไม่ไหวแล้ว
“ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” น้ำเสียงที่เคร่งขรึมของเย่เชินหลิน ฝ่ามือที่ตบลงบนโต๊ะน้ำชา มองเย่เนี่ยนโม่ที่ด้วยความโกรธ เย่เนี่ยนโม่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรเรื่องที่ตัวเองไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับติงยียี
ติงยียีไม่รู้จักบ้านของตัวเองด้วยซ้ำ อย่างนั้นต้องเป็นเย่ชูหวินที่เป็นคนพาเธอมา ทำไมเธอถึงมาได้เวลาเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ แล้วทำไมจู่ๆถึงปรากฏตัวขึ้น หรือว่าเป็นความตั้งใจ ยิ่งคิดใจก็ยิ่งตระหนก ดวงตาของเย่เนี่ยนโม่ที่จ้องมองติงยียียิ่งมองก็ยิ่งเย็นชา หรือว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใสซื่อไร้เดียงสาเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก หรือว่าที่มาทำความรู้จักกับเย่ชูหวินงั้นมีวัตถุประสงค์
“ขออภัยค่ะ หนูมีธุระด่วนกะทันหันจึงต้องขอตัวก่อนนะคะ” อ้าวเสว่รีบโค้งคำนับเบาๆให้กับเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลิน จากนั้นเอามือปิดปากแล้วก็วิ่งออกไป
เย่เนี่ยนโม่จ้องติงยียีเขม็งตึงแวบหนึ่งแล้วก็วิ่งตามออกไป ติงยียีพูดอะไรไม่ออก สายตาของเย่เนี่ยนโม่ที่มองเหมือนคนแปลกหน้าทำให้จิตใจของเธอรู้สึกเศร้าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เศร้าแบบเหมือนถูกเพื่อนสนิทเข้าใจผิดอย่างไรอย่างนั้น ติงยียีจึงวิ่งตามหลังเย่เนี่ยนโม่ออกไป
“อ้าวเสว่ ผมได้บอกแล้วว่าผมกับติงยียีนั้นไม่มีความสัมพันธ์กันแต่อย่างใด” เย่เนี่ยนโม่ดึงแขนของอ้าวเสว่ไว้ด้วยความหงุดหงิด ทำไมเขาจะต้องอธิบายเรื่องเดิมๆซ้ำๆซากๆ
อ้าวเสว่สะบัดมือเย่เนี่ยนโม่ทิ้ง แล้วตะคอกเบาๆ:“ คุณเบื่อแล้วใช่หรือไม่ ใช่ เป็นฉันเองที่ตอนแรกเข้าไปหาตัวคุณก่อน ดังนั้นคุณถึงได้ไม่หวงแหนเช่นนี้ ว่ากันว่าใครตกหลุมรักใครก่อนก็มักจะเจ็บก่อน ฉันมันสมควร ฉันอยากจะอยู่เงียบๆคนเดียว”
อ้าวเสว่นั่งเข้าไปในรถแท็กซี่คันหนึ่งแล้วจากไป มือของเย่เนี่ยนโม่ ที่ยื่นออกไปได้ดึงกลับมาอย่างห่อเหี่ยวผิดหวัง เขาแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาไม่เป็น ถึงได้ถูกปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีก
“เย่เนี่ยนโม่ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความจริงที่ฉันมาหาคุณที่นี่ก็เพื่อ···”
“พอได้แล้ว!”
ติงยียียังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกเย่เนี่ยนโม่ขัดจังหวะให้หยุด เย่เนี่ยนโม่ขยี้ศีรษะด้วยความหงุดหงิด แล้วพูดกับติงยียีว่า:“คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับผมเหรอ แม้แต่เพื่อนก็ยังไม่ใช่เลยมั้ง หรือว่าการจูบในโรงแรมคืนนั้นทำให้คุณเกิดความคิดที่ไม่สมควรจะมี”
ใบหน้าของติงยียียิ่งอยู่ยิ่งขาวซีด ริมฝีปากเม้มแล้วเม้มอีก และไม่ได้พูดอะไรใดๆทั้งสิ้น “เย่เนี่ยนโม่!”
เย่ชูหวินชกเข้าที่ใบหน้าของเย่เนี่ยนโม่ด้วยกำปั้น แก้มของเย่เนี่ยนโม่ถูกชกจนแบน เมื่อถุยเลือดที่กลบปากทิ้งแล้ว เย่เนี่ยนโม่ก็ชี้ไปทางเย่ชูหวินแล้วตะคอกขึ้นด้วยความโมโห :“เย่ชูหวิน นายชอบติงยียีใช่ไหม อย่างนั้นก็ไปคบกับเธอไป จะพามาที่บ้านของผมทำไม !”
ติงยียีห้ามเย่ชูหวินที่ยังอยากจะก้าวไปข้างหน้า เย่ชูหวินมองดวงตาของติงยียีที่เอ่อท้นด้วยน้ำตา จึงหยุดชะงักแล้วปล่อยมือลง
สายตาของเย่เนี่ยนโม่กวาดไปยังติงยียีที่ยืนหันหลังให้กับตัวเอง แล้วแสยะยิ้มขึ้น เดินผ่านติงยียีแล้วก็เดินผ่านไป
“ยียี” เย่ชูหวินก้มหน้าเรียกเบาๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร รู้สึกว่าน้ำตาของผู้หญิงคนนี้สามารถเผาไหม้หัวใจของเขาได้
“ เย่ชูหวิน ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีทางที่ชาตินี้ฉันจะได้อาศัยอยู่ในบ้านแบบนี้ ฉันมีชีวิตที่แตกต่างจากพวกคุณ ฉันหวังแค่เพียงให้ทุกคนที่อยู่รอบกายฉันที่ฉันเห็นเป็นเพื่อนนั้นสามารถมีความสุขก็เท่านั้น”
น้ำเสียงที่เบาๆของติงยียี ศีรษะที่ก้มลง หยดน้ำตาได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นจนเกิดรอยตื้นลึก เย่ชูหวินอยากยื่นมือออกไป แต่ยังไม่ทันถึงตัวติงยียี ติงยียีก็หันหลังแล้ววิ่งหนีไป เท้าของเย่ชูหวินที่อยากจะวิ่งตามไปได้หยุดชะงักขึ้น สุดท้ายก็ปล่อยให้ติงยียีวิ่งหายไปจากสายตาตัวเอง
ติงยียีเดินกลับบ้านด้วยใจที่ห่อเหี่ยว ในซอยมีเพียงบ้านหลังเดียวที่ยังคงเปิดไฟสว่างอยู่ ติงยียีตบหน้าตัวเอง พยายามทำให้ตัวเองนั้นกระปรี้กระเปร่า เพิ่งจะเปิดประตู ติงต้าเฉินก็เดินออกมาจากในห้อง
“พ่อ” ติงยียีเรียกเบาๆ ติงต้าเฉินหยิบผลไม้จานหนึ่งจากตู้เย็นแล้วทำท่ามายากลวางไว้ที่ด้านหน้าของติงยียี จากนั้นพูดขึ้น :“พ่อนั่งรอหนูกลับมาบ้าน ผลไม้นี้หากวันนี้ไม่ทาน พรุ่งนี้ก็จะบูดเน่าแล้ว”
ติงยียีส่งเสียงตอบรับเบาๆ จากนั้นก้มหน้าทานผลไม้ ติงต้าเฉินนั่งอยู่พัดใบพัดอยู่ข้างๆให้กับติงยียี จากนั้นกล่าวชี้แนะจากใจจริง:“ยียีจ๋า พ่อไม่ใช่คนที่ใจแคบสักหน่อย ความรักน่ะสามารถมีได้ แต่ก็ต้องจำไว้ว่าผู้หญิงต้องรู้จักปกป้องตัวเอง เพราะว่าผู้ชายที่รักหนูไม่เพียงมีแต่แฟนของหนู ยังมีพ่ออีกคนด้วยนะ”
น้ำตาของติงยียีจะไหลออกมาอีกครั้ง จึงตอบเสียงเบาๆ จากนั้นก็ทานผลไม้ด้วยคำโตๆ กลืนความเจ็บปวดลงเข้าไปในท้องให้หมด
เกือบทั้งคืนที่นอนหลับไม่สนิท เสียงปิดประตูออกไปทำงานของติงต้าเฉินทำให้ติงยียีนั้นตื่นขึ้น ติงยียีเดินไปดึงเปิดผ้าม่านหน้าต่างอย่างสะลึมสะลือ ที่รั้วกำแพงหน้าประตูมีเงาคนหนึ่งเอนพิงกำแพงไว้ แล้วก็ก้มศีรษะลง
ติงยียีตะลีตะลานใส่เสื้อคลุมแล้ววิ่งลงด้านล่าง เมื่อเปิดประตู เย่ชูหวินที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูมาโดยตลอดได้ยินเสียงขึ้น จึงได้หันหน้ามาด้วยความประหลาดใจ มองผมเผ้าที่รุงรังของติงยียีแล้วชะงักไปชั่วครู่
ติงยียีมองดูเย่ชูหวินที่ยังสวมเสื้อผ้าชุดเมื่อวาน ที่เสื้อผ้ายังมีคราบสกปรกจากการต่อสู้จากเมื่อวาน จึงได้ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ:“เมื่อวานคุณไม่ได้กลับบ้านเลยเหรอ”
เย่ชูหวินตอบรับหนึ่งคำอย่างเรียบง่าย เขาไม่ได้บอกกับติงยียี ว่าเขาได้เดินตามหลังเธอ เห็นเธอขึ้นรถบัสสาธารณะไป แล้วเท้าซ้ายสะดุดกับเท้าขวา ถูกสุนัขตามตรอกซอยทำให้ตกใจไปหนึ่งครั้ง แล้วยังร้องไห้ที่ระเบียงอีกหนึ่งครั้ง
“ติงยียี” เย่ชูหวินเรียกชื่อเบาๆ น้ำเสียงเคร่งขรึม ติงยียีเงยหน้าขึ้น สัมผัสที่อ่อนโยนลอยกระทบเข้าที่แก้ม
เย่ชูหวินที่สัมผัสแล้วอยากจากไป ติงยียีมองเย่ชูหวินตะลึงงัน เย่ชูหวินลูบศีรษะของติงยียี ยิ้มขึ้นโบกมือให้จากนั้นก็จากไป
จนกระทั่งมาถึงมหาวิทยาลัย ติงยียียังคงมึนงง เย่ชูหวินจูบตัวเองเหรอ ทำไม เกิดอะไรขึ้น เมื่อเข้าไปในห้องเรียน อ้าวเสว่ไม่ได้นั่งอยู่ในที่เดิมที่นั่งปกติ แต่กลับไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง
ติงยียีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนั่งลงที่เดิมตามปกติที่นั่งกับอ้าวเสว่ เมื่อเลิกเรียน สหภาพนักศึกษาได้ประกาศว่าวันนี้มีประชุม ติงยียีเดินอยู่ด้านหลังอ้าวเสว่ ครุ่นคิดสักพักจึงได้เดินตามขึ้นไป
“อ้าวเสว่” ติงยียีจับมือของอ้าวเสว่ไว้ อ้าวเสว่หันหน้ามา ใบหน้ายังคงสดใสอ่อนโยน แต่ว่าติงยียีกลับรู้สึกถึงความเหินห่างของอีกฝ่าย อ้าวเสว่ถามย้อนขึ้น:“ นักศึกษาติงมีธุระอะไรหรือเปล่า”
ติงยียีที่รู้สึกอายจึงปล่อยมือลงภายใต้สายตาที่เย็นชาของอ้าวเสว่ จากนั้นพูดอย่างอึดอัดใจ:“วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ต่อมาฉันก็ได้ไปตามหา”
อ้าวเสว่รูสึกว่าติงยียีนั้นตั้งใจเอ่ยขึ้นเพื่อสะกิดรอยบาดแผลของตัวเอง จึงเพิ่มเสียงพูดดังขึ้น:“ยียี ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนมาโดยตลอด ฉันไม่รู้เราว่าเธอชอบเนี่ยนโม่หรือไม่ แต่การชอบใครสักคนไม่ใช่ใช้วิธีการแบบนี้เพื่อแย่งมา เมื่อคืนที่เธอทำแบบนั้น ต้องยอมรับว่าทำให้ฉันจากไปได้สำเร็จ แต่ว่าคนที่เนี่ยนโม่ชอบนั้นคือฉัน
ติงยียีต้องการจะอธิบายว่าตัวเองนั้นไม่ได้มีความคิดเชิงชู้สาวกับเย่เนี่ยนโม่ ที่หน้าบันไดปรากฏร่างที่คุ้นเคย เย่เนี่ยนโม่ที่ลงจากตึกมาพอดี เห็นอ้าวเสว่กับติงยียีที่ยืนกันคนละฝั่งและดูเหมือนจะกำลังทะเลาะกัน จึงถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม:“เกิดอะไรขึ้น”
อ้าวเสว่มองเย่เนี่ยนโม่ด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า หันหลังแล้วก็วิ่งขึ้นตึกไป “ติงยียี อยู่ให้ห่างจากตัวผมหน่อย” เย่เนี่ยนโม่ถอนหายใจ แล้วก็หันหลังเดินขึ้นตึกไป
ติงยียียืนอยู่กับที่ด้วยใบหน้าที่อยากจะหัวเราะแต่กลับร้องไห้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แค่เพียงคืนเดียวตัวเองก็ถูกรังเกียจได้ขนาดนี้
“ยียี !” ซ่งเมิ่นเจ๋ก็ได้มาถึงสถานที่ที่นักศึกษานัดประชุม เมื่อเห็นตีติงยียีก็รู้สึกเป็นห่วงจึงได้ถามขึ้น:“ยียี วันก่อนเธออยู่กับคนที่ชื่อเย่ชูหวินเหรอ เขาเป็นใคร เป็นคนดีหรือเปล่า”
“เมิ่นเจ๋ ขอบคุณเธอนะ!” ติงยียีกล่าวกับซ่งเมิ่นเจ๋ ไม่ว่าจะอย่างไรอย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนที่ดีคนนี้อยู่เคียงข้างตัวเองไม่ใช่เหรอ
ในห้องสำนักงาน ติงยียีนั่งอยู่ข้างประตูที่อยู่ไกลที่สุดจากเย่เนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่ สายตาของจางถังกวาดไปมองร่างของอ้าวเสว่ ดูท่าทางของอ้าวเสว่เหมือนจะไม่ได้พูดเปิดโปงตัวเขา แต่ทว่าเขาก็รู้สึกเฉยๆ เมื่อทำลำคอให้โล่งแล้ว จางถังก็เก๊กแล้วพูดขึ้น:
“สหภาพนักศึกษาในมหาวิทยาลัยZมีประเพณีอย่างหนึ่ง คือหลังจากที่ทำการต้อนรับน้องใหม่แล้วก็จะออกไปท่องเที่ยวด้วยกันหนึ่งครั้ง ทุกท่านมีมีข้อเสนอแนะใดๆหรือไม่ ผมคิดว่าเร็วๆนี้ก็จะเป็นวันหยุดวันแรงงานแห่งชาติตามกฎหมายประเทศประกาศ หรือว่าพวกเราจะไปต่างประเทศกันดี”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset