สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1394 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1294

ตอนที่ติงยียีรับโทรศัพท์นั้นกำลังเดินอยู่ในร้านหนังสือ เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งเมิ่นเจ๋ก็ตกใจขึ้น ทำไมทุกคนต่างรู้ว่าไปท่องเที่ยวกันวันนี้ มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่ไม่รู้
“ยียี อย่างนั้นเธอยังจะมาหรือเปล่า” ซ่งเมิ่นเจ๋ถามขึ้น เธอรู้นิสัยของติงยียีดี ปกติแล้วจะไม่ค่อยชอบเซ้าซี้ อีกอย่างยียีก็ไม่ค่อยชอบเข้าร่วมกิจกรรมที่คึกคักแบบนี้
ติงยียีตอบรับเสียงเบาๆ เธอรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย ทำไมถึงลืมเธอเพียงเธอคนเดียว ใบรายชื่อต้องผ่านการตรวจสอบจากเย่เนี่ยนโม่ก่อนไม่ใช่เหรอ เย่เนี่ยนโม่ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าใบรายชื่อนั้นตกหล่นไปหนึ่งรายชื่อ โดยเฉพาะตัวเองที่ไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า หรือว่าเป็นการจงใจไม่ให้ตัวเองไป
เธอติงยียีไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย ยิ่งไม่อยากให้ตัวเองไป ตัวเองก็ยิ่งอยากจะไป! ติงยียีพลางวิ่งพลางพูดกับซ่งเมิ่นเจ๋:“40นาทีใช่ไหม ฉันจะรีบไปให้ทัน”
เมื่อวางสายลง ติงยียีได้เรียกแท็กซี่มาหนึ่งคัน แท็กซี่จึงได้จอด ผู้หญิงแต่งตัวดีสองคนแย่งที่จะขึ้นรถ ติงยียีจึงได้ดึงประตูรถไว้ แล้วพูดขึ้นอย่างสุภาพ :“ขอโทษนะคะ นี่เป็นรถที่ดิฉันเรียกมา พอดีว่าดิฉันก็มีธุระ รบกวนทำตามกฎด้วยค่ะ”
หนึ่งในผู้หญิงมองสำรวจติงยียีที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ธรรมดา กลั่นแกล้งติงยียีที่เป็นเพียงนักศึกษา จึงอ้าปากแล้วพูดเสียงดังขึ้น:“ใครเห็นว่าเธอเป็นคนเรียกรถมา พวกเรามาก่อนต้องได้ขึ้นก่อน!”
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงสองคนนี้ไม่มีเหตุผล ติงยียีโกรธจัด คนขับรถที่อยู่ข้างๆก็พยายามให้ติงยียีปล่อยมือ สักพัก รอบๆรถแท็กซี่ก็มีกลุ่มคนเข้ามามุงดู
คนขับรถก็ช่วยผู้หญิงสองคนนั้น ถึงแม้ว่าติงยียีจะโกรธ แต่ก็รู้ว่าดึงดันต่อไปแบบนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ จึงได้ปล่อยมือ รอบข้างยังมีคนหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย จนถนนหนทางติดขัด
“คุณชายชูหวินครับ ข้างหน้าเหมือนมีรถติด เวลาอาจจะนานหน่อยครับ” คนขับรถพลางมองถนนพลางขับรถ ฝู้เฟิ่งหยีที่อายุมากแล้ว มักจะให้เนี่ยนโม่เย่กับชูหวินหลานสองคนมาหาตัวเองประจำ วันนี้เป็นอีกความตั้งใจที่ต้องการให้เย่ชูหวินไปเป็นเพื่อนในการออกกำลังเพื่อสุขภาพ
เย่ชูหวินมองไปตามถนนอย่างไม่ตั้งใจ ฝูงคนยืนล้อมติงยียีไว้ ติงยียีที่โกรธจนหน้าแดงก่ำ คนขับรถมองตามก็แล้วกล่าวขึ้น:“สังคมเดี๋ยวนี้ ขอแค่มีเงินก็เป็นแบบนี้หมด แถวนี้เป็นย่านไฮโซด้วย ผมเห็นไม่น้อยกว่าหนึ่งกรณี นิสัยนักศึกษาเองก็ใจร้อนรุนแรง ก็แค่แท็กซี่คันเดียวเอง”
“ขับไปข้างหน้า” เย่ชูหวินจ้องมองติงยียี แล้วพูดสั่งเบาๆ
รถแท็กซี่ต้องการจะออกตัวจากไป ทันใดนั้นได้มีรถโรลส์รอยซ์ปาดเข้ามา และจอดขวางสนิทอยู่ที่หน้าของตัวเอง คนขับรถเหยียบเบรกแทบไม่ทัน ถ้าหากว่าชนเข้ากับรถโรลส์รอยซ์ แค่สีถลอกเล็กน้อย ก็อย่าได้หวังว่าครึ่งชีวิตที่เหลือของตัวเองจะได้สบายเลย
คนรอบๆต่างมองรถหรูคันนี้ที่มีวัยรุ่นคนหนึ่งลงมาจากตัวรถแล้วคว้าดึงหญิงสาวที่สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาเดินขึ้นไปในรถ ติงยียีถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ:“คุณไม่ใช่ขับบิ๊กไบค์เหรอ”
“ก็ต้องเปลี่ยนรสชาติบ้างบางครั้งบางครา” เย่ชูหวินขึงตาใส่แววตาหนึ่งที่กำลังจะถ่ายรูป เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะหยุดการกระทำถึงได้ยอมเลิกรา
ในสถานีรถไฟ เย่เนี่ยนโม่จ้องมองที่โทรศัพท์ ยังเหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก็จะต้องตรวจตั๋วแล้ว ถ้าหากติงยียีมาไม่ทัน เขาก็จะไม่มีทางรอเธอแค่เพียงคนคนเดียว อ้าวเสว่ที่ยืนรออยู่ข้างๆรู้สึกเมื่อยนิดๆ มือถูกจับขึ้น เย่เนี่ยนโม่พลางจับมืออ้าวเสว่พลางดูแผนที่ มุมปากอ้าวเสว่ยกโค้งขึ้น แล้วก็รออย่างอดทน
มีเย่ชูหวินที่เป็นคนส่งตัวเอง สักพักติงยียีก็มาถึงสถานีรถไฟ “อยู่ตรงนั้น!” ติงยียีร้องขึ้นด้วยความดีใจ หันหน้ามากล่าวขอบคุณเย่ชูหวิน:“เย่ชูหวิน ขอบคุณคุณมากจริงๆนะ”
เย่ชูหวินปรายตามองเย่เนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล จากนั้นพูดเบาๆ:“อยากจะขอบคุณผมจริงๆเหรอ”
“แน่นอน คุณอยากได้ของขวัญอะไร ฉันก็จะให้หากฉันสามารถ” ติงยียีกล่าวออกมาจากใจจริง
“อย่างนั้นรอคุณกลับมาพวกเรานัดเดทกันนะ” เย่ชูหวินมองติงยียี ในแววตามีรอยยิ้ม สมองของติงยียีลั่นขึ้น ที่ประตูหน้าบ้านวันนั้น รอยจูบของเย่ชูหวินถูกตัวเองฝังไว้ในก้นบึ้งที่ลึกที่สุดของหัวใจ เธอตั้งใจไม่ไปคิด จนกระทั่งตอนนี้ที่เย่ชูหวินเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“ยังเหลืออีก 9 นาที” เย่ชูหวินมองดูนาฬิกาในมือ ติงยียีจึงรีบเปิดประตูแล้วหันหน้ามาตอบรับประโยคหนึ่งเบาๆ “อืม”
เย่เนี่ยนโม่เก็บแผนที่ลง แล้วประกาศขึ้น:“ไม่รอแล้ว!” ทันใดนั้นซ่งเมิ่นเจ๋ก็ร้องขึ้นด้วยความดีใจ:“พวกเธอดูสิ นั่นใช่ติงยียีไหม!”
ทุกคนมองตาค้างไปทางติงยียีที่ลงมาจากรถโรลส์รอยซ์ เย่เนี่ยนโม่ดูออกว่านั่นเป็นรถของคุณย่า จึงมั่นใจว่าคนที่นั่งอยู่ข้างในนั้นต้องเป็นเย่ชูหวินแน่นอน
“นักศึกษาติงยียี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมรายชื่อของคุณถึงไม่ปรากฏอยู่ในใบรายชื่อ” จางถังแกล้งพูด เขาต้องการที่จะทำให้เย่เนี่ยนโม่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“โอเค พวกเรารีบไปกันเถอะ วันนี้ออกมาท่องเที่ยวต้องสนุกเฮฮากันหน่อย” อ้าวเสว่ที่อยู่ข้างๆได้พูดตัดปัญหา ถึงแม้ว่าตัวเธอนั้นไม่อยากจะให้ติงยียีมาก็ตาม
คนทั้งหมดขึ้นรถไฟไป เย่ชูฉิงย่อมต้องการอยากจะนั่งกับไห่โจ๋ซวน ทางเดินที่ค่อนข้างคับแคบ เสื้อไหมของเย่ชูฉิงไปติดพันกับกระเป๋าสะพายหลังของนักศึกษาคนอื่น มีมือคู่หนึ่งเข้ามาช่วยเย่ชูฉิงอแกะเสื้อที่พันติดกันอออก
“ขอบคุณค่ะ” เย่ชูฉิงเงยหน้ากล่าวขอบคุณ เมื่อเห็นจางถังแล้วก็ตกใจชะงัก เธอไม่ค่อยประทับใจผู้ชายคนนี้สักเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรครับ ผมชื่อจางถัง ครั้งก่อนเป็นผมที่หยาบกระด้างไปหน่อย หวังว่าคงไม่ได้ทำให้คุณตกใจ ที่นี่ยังมีที่ว่าง คุณสามารถนั่งตรงนี้ได้นะครับ” การแสดงของจางถังช่างแตกต่างจากครั้งก่อนที่ยโสโอหังอย่างสิ้นเชิง
เย่ชูฉิงเงยหน้าขึ้นมองที่นั่งของไห่โจ๋ซวน ซ่งเมิ่นเจ๋กับติงยียีและอีกหนึ่งคนที่ไม่รู้จักได้แบ่งแยกที่นั่งข้างๆ ที่นั่งตรงข้ามไห่โจ๋ซวนแล้ว พี่โจ๋ซวนไม่ได้เหลือที่นั่งไว้ให้ตัวเองจริงๆเหรอ เย่ชูฉิงรู้สึกผิดหวัง พยักหน้าแล้วก็ตอบรับจางถัง
ไห่โจ๋ซวนที่สังเกตสถานการณ์ของเย่ชูฉิงโดยตลอด เห็นจางถังเอามือโอบเข้าที่ไหล่ของเย่ชูฉิง มือก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น แล้วก็แน่นขึ้น เสียงของซ่งเมิ่นเจ๋ดังลอยขึ้นข้างใบหู ไห่โจ๋ซวนถึงได้คล้ายกับตื่นจากฝัน
“โจ๋ซวน สีหน้าของคุณดูไม่ค่อยดีเลย ยังโอเคอยู่ไหม” ซ่งเมิ่นเจ๋ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ไห่โจ๋ซวนหันไปยิ้มให้กับซ่งเมิ่นเจ๋ บังคับตัวเองไม่หันไปมองทางเย่ชูฉิง แต่ใบหูก็อดไม่ได้ที่จะยื่นไปฟังเสียงฝั่งนั้น
ติงยียีนั่งนึกถึงคำพูดของเย่ชูหวินอย่างเหม่อลอย สำหรับรอยจูบกับคำเชิญของเย่ชูหวินในวันนี้ ติงยียีรู้สึกรางๆเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น ขณะที่กำลังเหม่อลอย แขนก็ถูกสะกิดขึ้น ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมแว่นชี้มาทางหญิงสาวที่อยู่ข้างๆแล้วพูดขึ้นด้วยความเกรงใจ:“ยียี ไม่ทราบว่าจะขอแลกที่นั่งกับคุณหน่อยได้ไหม”
ติงยียีมองดูนักศึกษาสองคนนั้นที่ท่าทางเขินอาย คิดว่าสองคนนี้น่าจะเป็นแฟนกัน เมื่อสักครู่คงไม่สามารถแย่งที่นั่งคู่กันได้ จึงยิ้มแล้วพยักหน้าพร้อมขยับไปข้างๆ เมื่อติงยียีนั่งก็เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามตัวเองคือเย่เนี่ยนโม่
อ้าวเสว่ที่ดูเหมือนจะเมารถหนักมาก นั่งหลับตาพิงอยู่ที่ไหล่ของเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ที่กำลังนั่งดูหนังสือวรรณกรรมต่างประเทศ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆต่อติงยียีที่จู่ๆนั่งลงตรงด้านหน้าของตัวเอง
พนักงานเดินผ่านไป เย่เนี่ยนโม่หันไปพูดกับพนักงานสองสามประโยค สักพักพนักงานก็ได้ถือน้ำร้อนมาเสิร์ฟ พอดีเข้ากับที่อ้าวเสว่ตื่นขึ้นมา จึงถูไถออดอ้อนเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ใช้กระดาษทิชชู่พันรอบแก้วน้ำอย่างใส่ใจก่อนที่จะยื่นไปให้กับอ้าวเสว่
“เนี่ยนโม่คุณช่างดีจริงๆ” อ้าวเสว่รู้สึกหวานชื่นในใจ ค่อยๆจิบน้ำอย่างระมัดระวัง รถไฟมาถึงที่สถานี คนกลุ่มหนึ่งลงจากรถ คนอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมาบนรถ บนรถจึงแน่นขนัดขึ้น มือของอ้าวเสว่ถูกชนกระแทกเข้าอย่างจัง น้ำร้อนในแก้วจึงถูกสาดลงที่แขนของติงยียีที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
เย่เนี่ยนโม่ที่กำลังดูหนังสือ จึงไม่ทันสังเกตเห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ จนกระทั่งอ้าวเสว่ร้องขึ้น :“ร้อนๆ!” เย่เนี่ยนโม่วางหนังสือลง ยกแขนของอ้าวเสว่ที่ถูกลวกจนแดงขึ้น หว่างคิ้วขมวดย่น ดึงอ้าวเสว่ลุกขึ้นแล้วพูดว่า:“ไปห้องน้ำคลายความร้อนก่อน”
ท่อนแขนของติงยียีถูกน้ำร้อนสาดใส่ เจ็บปวดจนต้องกัดฟัน เย่ชูฉิงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง:“พี่ยียี พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฉันเห็นท่อนแขนของพี่แดงไปหมดแล้ว”
“นักศึกษาเย่นั้นปฏิบัติกับแฟนดีมาก แต่บาดแผลของคนอื่นกลับทำเป็นมองไม่เห็น” จางถังพูดใส่ไฟ สามารถทำให้เย่เนี่ยนโม่มีศัตรูเพิ่ม ความสุขเช่นนี้ทำไมเขาจะไม่ทำเล่า”
“พี่ชายของฉันไม่ใช่เป็นคนแบบนี้สักหน่อย” เย่ชูฉิงพูดด้วยความไม่พอใจ ลูกตาจางถังกลอกขึ้น แล้วรีบเปลี่ยนวิธีการพูดใหม่:“ฮ่าๆ ผมก็แค่พูดไปอย่างนั้น ใช่แล้ว คุณชอบเบเกอรี่ไหม ผมชอบเบเกอรี่มากเลย”
จางถังนั้นได้สืบมาตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่าเย่ชูฉิงเข้าออกร้านเบเกอรี่เป็นประจำ และมีการโพสต์รูปถ่ายการทำขนมของเธอบนเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์ก คงน่าจะชอบเบเกอรี่มาก
แววตาเย่ชูฉิงเป็นประกาย:“คุณก็ชอบเบเกอรี่ด้วยเหรอ” จางถังเห็นปฏิกิริยาของเย่ชูฉิงที่ไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้ จึงเริ่มวาทศิลป์พูดเรื่องที่ตัวเองค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวกับเบเกอรี่
ทั้งท่อนแขนของติงยียีปวดแสบปวดร้อนไปหมด ครุ่นคิดว่าเย่เนี่ยนโม่น่าจะช่วยอ้าวเสว่จัดการแผลเรียบร้อยแล้ว ไปห้องน้ำตอนนี้ก็คงไม่น่าจะเจอสองคนนี้ จึงได้ลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ
เมื่อติงยียีลุกเดินไป วิสัยทัศน์การมองเห็นของไห่โจ๋ซวนจึงกว้างขึ้น เห็นจางถังที่สนทนากันกับเย่ชูฉิงอย่างเฮฮา เย่ชูฉิงที่พูดแทรกบางในครั้งบางคราว จางถังที่พูดสมทบ บรรยากาศช่างกลมกลืนเข้ากันได้ดิบได้ดี
ไห่โจ๋ซวนตะโกนในใจอยากจะโยนจางถังออกไปนอกรถไฟ มือจับที่พนักเก้าอี้ไว้แน่น เขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ เขาทำไม่ได้อย่างแน่นอน สายตาเหลือบไปเห็นซ่งเมิ่นเจ๋ที่อยู่ข้างๆ ไห่โจ๋ซวนจึงยิ้มขึ้น ยื่นมือไปจัดผมที่ปรกตรงหน้าของซ่งเมิ่นเจ๋ จากนั้นพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน:“ดูผมของคุณสิยุ่งเหยิงไปหมดเลย อดทนอีกหน่อยนะเดี๋ยวก็ใกล้ถึงแล้ว”
ซ่งเมิ่นเจ๋ชะงัก นิ้วมืออุ่นๆของไห่โจ๋ซวนไปสัมผัสโดนผิวทำให้รู้สึกถึงความละมุน ซ่งเมิ่นเจ๋ออดไม่ได้ที่จะหน้าจะแดง
เย่ชูฉิงเห็นแล้วจิตใจถึงกับหม่นหมองลง ทำให้ไม่มีอารมณ์ที่จะคุยสนทนากับจางถังเรื่องเบเกอรี่ต่อไปอีก น้ำใสๆเริ่มคลอซึมอยู่ในเบ้าตา เย่ชูฉิงจึงบังคับตัวเองหันไปมองออกนอกหน้าต่าง
เย่เนี่ยนโม่พาอ้าวเสว่กลับมา มือของอ้าวเสว่ไม่ได้แดงขนาดนั้นแล้ว เมื่อเดินผ่านที่นั่ง เย่เนี่ยนโม่เหลือบเห็นคราบน้ำที่นั่งและบนพื้นของติงยียีอย่างไม่ตั้งใจ
“อ้าวเสว่ คุณนั่งลงก่อนนะ ผมจะไปช่วยคุณเอาน้ำแข็ง” เย่เนี่ยนโม่พูดอย่างอ่อนโยน อ้าวเสว่พยักหน้า ปรายตามมองสายตาอิจฉาของหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ อ้าวเสว่รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขจนจะบ้าตายแล้ว
ติงยียีกำลังราดน้ำอยู่ที่อ่างล้างหน้า อากาศที่ร้อนมาก รอยแดงขนาดใหญ่บนแขน ทำให้ปวดแสบปวดร้อน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset