สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1395 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1295

“คุณผู้หญิงคะ ตรงนี้มีน้ำแข็ง ลองประคบสักหน่อยนะคะ” พนักงานหยิบน้ำแข็งยื่นให้กับติงยียี ติงยียีรับมาอย่างซาบซึ้งใจ พนักงานยิ้มให้แล้วก็กลับไปที่ห้องโดยสาร
“คุณผู้ชายคะ ได้ส่งก้อนน้ำแข็งไปให้คุณผู้หญิงคนนั้นตามที่ขอแล้วค่ะ” พนักงานมองชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ตรงหน้าแทบไม่อยากจะกระพริบตา
“ขอบคุณครับ” เย่เนี่ยนโม่ยืนกรานที่จะทิ้งเงินจำนวนสองเท่าไว้ แล้วก็เดินออกจากประตู ติงยียียังคงเอาน้ำแข็งประคบที่แขนอยู่ในห้องน้ำ เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นแขนที่แดงก่ำของติงยียี
“เนี่ยนโม่ คุณไปทำอะไรตรงนั้น” อ้าวเสว่ตะโกนเรียกจากไกลๆ เย่เนี่ยนโม่เก็บความคิดแล้วก็หันหลังจากไป
รถไฟจอดที่เมืองs ทุกคนได้มุ่งตรงไปที่โรงแรม อ้าวเสว่ ซ่งเมิ่นเจ๋ ติงยียีและเย่ชูฉิงผู้หญิงทั้งหมดนี้พักห้องเดียวกัน เย่เนี่ยนโม่ ไห่โจ๋ซวนและผู้ชายอีกสองคนพักห้องเดียวกัน
ที่ล็อบบี้ของโรงแรม จางถังยืนหมุนกุญแจอยู่ในมือแล้วพูดอย่างกระหยิ่มใจกับเย่ชูฉิงว่า:“ชูฉิง อันที่จริงคุณไม่ต้องไปนอนเบียดเสียดกับคนอื่นก็ได้ พ่อของผมพอดีรู้จักกับผู้จักการที่นี่ ห้องที่ผมได้คือห้องวีไอพี ให้ผมเปิดอีกห้องหนึ่งให้คุณนะ”
เย่ชูฉิงยิ้มแล้วพูดอย่างอ่อนโยน:“ขอบคุณคุณมากค่ะ แต่ว่าฉันนอนกับทุกคนดีกว่า” จางถังที่ถูกปฏิเสธ แอบคิดในใจว่าเย่ชูฉิงไม่รู้จักเพลิดเพลินกับความสุข จึงเดินหมุนกุญแจเข้าไปที่ลิฟต์วีไอพีคนเดียว
เหลือเพียงคนผมสั้นเกรียน ชายหนุ่มที่หน้าอกแขวนป้ายผู้จัดการไว้ ได้เดินเข้ามาที่ข้างๆเย่เนี่ยนโม่กับเย่ชูฉิง จากนั้นพูดเสียงเบาๆอย่างนอบน้อม:“คุณชายน้อยครับ ท่านแน่ใจนะครับว่าจะไม่พักห้องห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีท ที่เก็บไว้ให้ท่านมาโดยตลอด”
เย่เชินหลินมีหุ้นส่วนของโรงแรมที่นี่ อีกทั้งหุ้นส่วนที่ถือก็ไม่น้อย หากผู้จัดการรู้ว่าจางถังนั้นมาด้วยกันกับลูกชายของประธานเย่ พูดอย่างไรก็ไม่มีทางให้อภิสิทธิ์แก่จางถัง ถ้าทำให้คุณชายตัวจริงคนนี้โกรธขึ้นมาต้องแย่แน่ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ให้จัดการตามนี้แล้วกัน” เย่เนี่ยนโม่กำชับเบาๆ ในห้องอ้าวเสว่กับเย่ชูฉิงกำลังคุยกันเรื่องแฟชั่นแบรนด์เนม ซ่งเมิ่นเจ๋ที่พูดแทรกขึ้นบางครั้งบางคราว ส่วนติงยียีนั้นไม่รู้เรื่องเลยว่าสามคนนี้พูดอะไรกัน จึงหยิบโบชัวของโรงแรมมาดู เห็นว่าในนั้นมีแช่ออนเซ็น จึงหยิบผ้าคลุมอาบน้ำและมุ่งไปที่ออนเซ็น
ที่อ่างแช่ออนเซ็น เนื่องจากเป็นฤดูร้อน ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีคน น้ำพุร้อนที่ไหลจากไผ่บนกำแพงลงสู่อ่าง ดวงตาของติงยียีถูกปกคลุมด้วยไอหมอก จึงมองหารอบๆด้วยสายตาที่พร่ามัว ก็หาป้ายที่แยกห้องชายหญิงไม่เจอ จึงได้สุ่มเดินตรงเข้าไปในอ่างแช่น้ำ
อุณหภูมิน้ำสูงนิดหน่อย ติงยียีนอนแช่อย่างสบายที่อ่างแช่น้ำ ประสาทที่ตึงเครียดมาตลอดทั้งวันในที่สุดก็ได้ผ่อนคลาย จนนอนหลับใหลไปอย่างสะลึมสะลือ
“คุณชายน้อยครับ คนทั้งหมดได้จัดการออกไปหมดแล้วครับ น้ำในอ่างก็ได้เปลี่ยนใหม่หมดแล้วครับ” ผู้จัดการได้ติดป้าย’ห้ามเข้า’ที่หน้าประตูห้องแช่ออนเซ็น
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปที่ห้องแช่ออนเซ็น ถอดชุดคลุมอาบน้ำแล้วเดินลงไปในอ่างน้ำแช่ เย่เนี่ยนโม่ เอนกายพิงสระอย่างสบาย ดวงตาเห็นไอหมอกที่อยู่ไม่ไกลเหมือนมีร่างหนึ่งคนรางๆ ผู้จัดการจัดการคนให้ออกไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ
เย่เนี่ยนโม่ส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ ผู้จัดการอาจจะผิดพลาดไป สักพักเย่เนี่ยนโม่ลืมตาแล้วขมวดคิ้วขึ้น มองร่างรางๆท่ามกลางไอหมอกที่อยู่ไม่ไกล
ออนเซ็นไม่ควรแช่นานเกินไป โดยเฉพาะหน้าร้อน อย่าให้เกิน45นาที ตอนที่ตัวเองลุกขึ้นมานั้น คนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะแช่อยู่นานมากแล้ว อีกทั้งไม่มีการขยับเปลี่ยนท่า
เย่เนี่ยนโม่จึงได้ว่ายเข้าไปข้างๆเพื่อไปดู แต่แล้วก็ผงะขึ้น “ติงยียี!”ติงยียีใบหน้าแดงก่ำ หายใจเร็ว เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการแช่ในออนเซ็นที่อุณหภูมิสูงนานเกินไปจนหมดสติ
เย่เนี่ยนโม่ยื่นมือไปแตะผิวของติงยียี แต่แล้วก็ต้องดึงกลับมาอย่างไวเหมือนกับถูกไฟช็อต ติงยียีไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า ผิวที่ขาวเนียนนุ่มเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเบลออยู่ในไอหมอก เย่เนี่ยนโม่ที่คลุมส่วนล่างด้วยผ้าเช็ดตัว หันหลังไปหยิบผ้าคลุมอาบน้ำมาปิดร่างติงยียีไว้ จากนั้นอุ้มขึ้นแล้วมุ่งไปที่คลับเฮาส์ของออนเซ็น
ผู้จัดการที่เฝ้าอยู่ที่นอกประตูตลอดเวลา เห็นเย่เนี่ยนโม่อุ้มติงยียีออกมาจากประตูก็รู้สึกประหลาดใจมาก:“ คุณชายน้อย นี่คือ”
เสื้อคลุมอาบน้ำปกปิดไม่มิดต้นขาที่ขาวเรียวของติงยียี เย่เนี่ยนโม่คิดว่าถ้าพาไปที่ห้องปฐมพยาบาล สถานการณ์แบบนี้ของติงยียีคงจะอับอายน่าดู จึงหันไปพูดกับผู้จัดการว่า:“ไปที่ห้อง”
ผู้จัดการพาเย่เนี่ยนโม่ไปห้องที่อยู่ชั้นบนสุด ชั้นบนสุดมีแค่เพียงไม่กี่ห้อง และได้แบ่งให้ผู้ถือหุ้นของโรงแรมใช้เมื่อเข้ามาพัก
เมื่อเข้าไปในห้อง ผู้จัดการเหลือบมองติงยียีแล้วก็ออกจากห้องไปทันที แขกต้องการจะทำอะไรไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเป็นกังวล
เย่เนี่ยนโม่เปิดหน้าต่างให้อากาศได้ระบาย เมื่อหันหลังมา ติงยียีเนื่องจากรู้สึกร้อนจึงได้สลัดเสื้อผ้าทิ้ง หน้าอกชมพูวับๆแวมๆ
เย่เนี่ยนโม่รีบเบือนหน้าไปทันที ติงยียีที่อยู่บนเตียงเกิดการจามขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องเป็นหวัดเนื่องจากความต่างของอุณหภูมิอย่างแน่นอน
เย่เนี่ยนโม่เบือนหน้าไปแล้วค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ติงยียี จากนั้นดึงผ้าห่มปรับอุณหภูมิมาห่มคลุมปิดเรือนร่างให้ติงยียี เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ใบหน้าของเย่เนี่ยนโม่ก็แดงขึ้นผิดธรรมชาติ นอกจากคืนนั้นที่ดื่มเหล้าแล้วอ้าวเสว่เสียตัวให้กับตัวเอง เย่เนี่ยนโม่ก็ไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้อีก
ติงยียีนอนหลับอย่างสะลึมสะลือ รู้สึกเย็นเล็กน้อยบนใบหน้า ขมวดคิ้วจากนั้นล้มตาขึ้น แล้วเห็นเย่เนี่ยนโม่ที่กำลังใช้พัดพัดเบาๆมาที่ใบหน้าของตัวเอง
เย่เนี่ยนโม่ไม่มีเสื้อผ้าอยู่ในห้อง ทั้งตัวจึงคลุมด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ติงยียีกะพริบตาขึ้น ภาพพร่ามัวเนื่องจากไม่ได้ใส่แว่น เห็นชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายตัวเอง จึงใช้แรงทั้งหมดตบด้วยฝ่ามือไปหนึ่งที
“ติงยียี!” เย่เนี่ยนโม่ดึงแขนของติงยียีในขณะที่ติงยียีต้องการจะขัดขืน ติงยียีตกอยู่ในสภาพที่สับสนมืนงง จึงได้แต่ชกต่อยถีบอยู่อย่างนั้น
ทรวงอกของเย่เนี่ยนโม่ถูกติงยียีถีบเข้าไปหนึ่งที ความโกรธจึงปะทุขึ้น พลิกตัวติงยียีลงบนเตียง มือทั้งสองข้างกดมือสองข้างของติงยียีไว้ ขาที่เรียวยาวก็กดทับขาติงยียีที่เตะถีบไม่ยั้งไว้
“ติงยียี นี่ผมเองเย่เนี่ยนโม่!”เย่เนี่ยนโม่กัดฟันแล้วพูด
เย่เนี่ยนโม่? ติงยียีหยีตาขึ้นพยายามเงยหน้าเข้าไปใกล้เย่เนี่ยนโม่ จนกระทั่งริมฝีปากไปสัมผัสโดนความนุ่มละมุนเข้า
เย่เนี่ยนโม่เบิกตากว้าง ติงยียีโน้มตัวไปข้างหน้าจูบเข้าที่ริมฝีปากตัวเอง ริมฝีปากเกิดความนุ่มนวลที่แตกต่างกัน ดึงสติตัวเองว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เย่เนี่ยนโม่รีบลุกจากติงยียี เดิมทีที่โกรธจนหน้าดำเขียว ได้กลายเป็นแดงอย่างผิดธรรมชาติ ติงยียีก็ไม่ต่างกัน ลุกขึ้นมาควานหาทุกซอก เมื่อควานได้แว่นของตัวเองแล้วก็สวมใส่ขึ้น จากนั้นพูดว่า:“เมื่อกี้นั้นฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้ใส่แว่น!”
เย่เนี่ยนโม่หันกลับไป แต่แล้วก็ต้องหันกลับมาอย่างฉับไว ติงยียีจึงก้มหน้ามองตัวเอง “ว๊ายๆๆ!”เสียงดังสนั่นลั่นทั่วห้อง
วันรุ่งขึ้น ทุกคนได้มารวมตัวกันทานอาหารที่ห้องอาหารแต่เช้า จางถังที่ต้องการจะเอาอกเอาใจเย่ชูฉิง จึงตั้งใจเรียกผู้จัดการมาแล้วพูดขึ้น:“ มาๆ ผู้จัดการเป็นเพื่อนของพ่อของผมเอง ทุกคนอยากได้อะไรก็ขอให้บอกกับผู้จัดการได้เลย”
ผู้จัดการมองจางถังด้วยความโกรธแต่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เขาแทบอยากจะเตะเจ้าหมอนนี่กระเด็นไปข้างๆ ทำแบบนี้ไม่ใช่เป็นการบอกกับทุกคนว่าเขานั้นมักใช้อภิสิทธิ์เป็นประจำหรอกหรือ!
เย่เนี่ยนโม่ไม่มีอะไรจะกล่าว หยิบแผนที่มาจากนั้นพูดเบาๆ:“ตามที่ทุกคนได้โหวตกัน อีกสักครู่พวกเราจะไปเที่ยวชมวัดโบราณของสถานที่ท่องเที่ยวที่นี่”
ทุกคนตอบรับกันอย่างโอ้วลัลล้า แววตาติงยียีล่องลอย และก็ไม่ยอมล่องไปที่ร่างของเย่เนี่ยนโม่ ซ่งเมิ่นเจ๋จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง:“ยียี เธอเป็นอะไรไป ทำไมจิตใจถึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”
สายตาของเย่เนี่ยนโม่ได้หันมามอง จากนั้นก็หันไป อ้าวเสว่หันมามองติงยียี แล้วก็มองเย่เนี่ยนโม่ หัวใจกระตุกขึ้น แล้วพูด้วยเสียงอ่อนโยน :“ในเมื่อตัดสินใจกันแล้ว อย่างนั้นก็รีบไปกันเถอะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา
อ้าวเสว่เอ่ยปากพูด ทุกคนต่างสมทบ ทุกคนโอ้วลัลล้ากันมุ่งหน้าเดินทางไปที่วัดโบราณสถาน ที่วัดโบราณสถานมีคนเข้าออกจำนวนไม่น้อย เย่เนี่ยนโม่ปกป้องอ้าวเสว่ไว้ด้านหน้า หลีกเลี่ยงอ้าวเสว่โดนเบียดเสียดจากคนผ่านไปมา
จางถังอยากเลียนแบบเย่เนี่ยนโม่ปกป้องเย่ชูฉิง เย่ชูฉิงยืนอยู่ด้านหลังของไห่โจ๋ซวน เห็นไห่โจ๋ซวนคอยปกป้อง
ซ่งเมิ่นเจ๋อยู่ข้างๆ สักพักยื่นมือไปดึงมือของซ่งเมิ่นเจ๋หลบผู้คน สักพักก็คอยเปิดทางอยู่ด้านหน้า
“โอ๊ย” คนผ่านทางคนหนึ่งชนเข้ากับเย่ชูฉิง เย่ชูฉิงจึงล้มกองไปกับพื้นจนหัวเข่าถลอก
“ชูฉิง!” เย่เนี่ยนโม่กับไห่โจ๋ซวนวิ่งเข้าไปที่ข้างๆเย่ชูฉิง เย่ชูฉิงเจ็บจนน้ำตาซึม ไม่อยากให้พี่ชายกับพี่โจ๋ซวนเป็นห่วง จึงฝืนส่ายหน้าขึ้น
“ที่พื้นสกปรก อากาศก็ร้อนขนาดนั้น ต้องรีบทายาด่วนถึงจะโอเค” เย่เนี่ยนโม่กล่าว
ถึงแม้ว่าจางถังอยากจะโชว์สปิริต แต่ในสภาพอากาศที่ร้อนเช่นนี้ และก็ต้องวิ่งเต้าทำงานอีก จึงรู้สึกไม่ค่อยโอเค นั่งอยู่ข้างๆไม่พูดไม่จา ส่วนคนอื่นถ้าไม่ใช่ไม่สนิทกับเย่ชูฉิง ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
“ผมไปเอง” ไห่โจ๋ซวนลุกขึ้น แต่นิ้วมือได้ถูกดึง ความรู้สึกที่คุ้นเคยในวัยเด็ก ไห่โจ๋ซวนก้มหน้าลงทันที
“พี่โจ๋ซวนอยู่ที่นี่ได้ไหม” ความอ่อนแอของเย่ชูฉิได้โพล่งออกมาในตอนนี้ ทำตามที่ใจต้องการ ดึงนิ้วมือของไห่โจ๋ซวนที่เป็นปกตินิสัยเหมือนกับตอนที่เป็นเด็กๆ
ไห่โจ๋ซวนอยากจะสลัดหลุดจากเย่ชูฉิง แต่ทว่ามือของเย่ชูฉิงที่จับมือของตัวเองนั้นราวกับมีเวทมนตร์ สะกดให้ตัวเองก้าวขาไม่ออก
“ฉันไปเอง!”ติงยียีลุกยืนขึ้นพูด ซ่งเมิ่นเจ๋อยากจะห้าม ในสถานที่ไม่คุ้นเคยมันอันตรายเกินไปสำหรับยียีที่จะไปคนเดียว
เย่เนี่ยนโม่ที่เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วย และกำลังจะเอ่ยปากพูด ติงยียียิ้มออกมาอย่างกับไม่มีหัวจิตหัวใจ:“ฉันเดินเร็ว อีกทั้งยังดุหน้าตาก็ยังไม่สวยอีก ไม่มีใครอยากมาลักพาตัวฉันหรอก”
เย่เนี่ยนโม่รู้ว่าตัวเองในฐานะหัวหน้าทีมจะต้องควบคุมไม่ให้ทุกคนจากไป ปรายตาไปมองอ้าวเสว่ อ้าวเสว่ที่มีจิตใจลำเอียงได้พยักหน้าแล้วพูดขึ้น:“พวกเราจะรอเธออยู่ที่นี่”
ติงยียีรีบส่งเสียงตอบรับคำ ไม่ได้หันไปมองเย่เนี่ยนโม่ หันหลังไปทักกับซ่งเมิ่นเจ๋แล้วก็จากไป คนที่เหลืออยู่รอติงยียีอยู่ที่เดิม
อากาศร้อนจัด ทุกคนรออยู่ใต้ต้นไม้ยังแทบจะทนไม่ไหว สาวๆหลายคนตากแดดจนใบหน้าแดงก่ำ ไห่โจ๋ซวนขมวดคิ้วแล้วพูดกับเย่เนี่ยนโม่ว่า:“เห็นทีจะรออยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว อากาศร้อนมากๆ สาวๆทนกันไม่ไหว”
จางถังที่อยู่ข้างๆก็รีบคว้าโอกาสในการเอาอกเอาใจเย่ชูฉิง จึงได้พูดตะโกนขึ้น:“ชูฉิงยังบาดเจ็บอยู่นะ ตากแดดอยู่อย่างนี้ผมเป็นห่วงว่าเธอจะทนไม่ไหว!”
“พวกคุณทั้งหมดไปไปหาที่พักผ่อนก่อน ผมจะรอเธออยู่ที่นี่” เย่เนี่ยนโม่คิดว่าทุกคนพูดก็มีเหตุผล ให้ทุกคนไปพักผ่อนอยู่ในที่ร่มก่อน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset