สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1398 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1298

“กร๊อบ” เสียงกิ่งไม้หนึ่งแตกหัก ซ่งเมิ่นเจ๋มองสีหน้าของปกติของไห่โจ๋ซวนที่โยนกิ่งไม้อยู่ในมือทิ้งไป เกิดความคิดหนึ่งในใจค่อยๆปรากฎขึ้นมา
“ครึ่งชั่วโปงผ่านไปแล้ว” ติงยียีมองท้องฟ้าที่ฝนยิ่งตกยิ่งหนัก เสียงฟ้าผ่าที่ดังมากสว่างวาบบนท้องฟ้า แต่ว่าเย่เนี่ยนโม่ก็ยังไม่กลับมา”
อ้าวเสว่ล้วงโทรศัพท์ออกมา พูดขึ้นอย่างกระวนกระวาย :“ไม่มีสัญญาณ” เย่ชูฉิงพูดอยู่ข้างๆ:“เมื่อกี้ยังสามารถใช้ได้ ตอนนี้ไม่มีสัญญาณแล้ว”
“พวกคุณรออยู่ที่นี่ ฉันจะออกไปตามหาเขา” ติงยียีหยิบไฟฉายออกมาจากกระเป๋าแล้วเดินออกไป อ้าวเสว่ได้วิ่งตามมา:“ฉันไปพร้อมกับเธอ”
ติงยียีขมวดคิ้วขึ้น อ้าวเสว่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาคสนามเลย ตามตัวเองไปก็มีแต่จะทำให้ลำบากและเสียเวลาในการตามหาเย่เนี่ยนโม่
“ฉันจะตามเธอไปด้วย จะต้องไปด้วย!” อ้าวเสว่มองความลังเลใจของติงยียี ดึงมือของติงยียีไว้ไม่ยอมปล่อยติงยียีไป
ติงยียีไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องนี้ ทำให้เสียเวลาในการตามหาคน จึงได้ยื่นไม้เท้าปีนเขาเพียงหนึ่งเดียวให้กับอ้าวเสว่ ทั้งคู่มุ่งไปทางที่เย่เนี่ยนโม่จากไป
ติงยียีก้มหน้าลงมองพื้นด้วยความผิดหวังที่พบว่าฝนตกหนักเกินไป รอยเท้าถูกฝนชะล้างจนมองไม่เห็นรอย อ้าวเสว่ที่ตามอยู่ด้านหลังร้องตะโกนขึ้นไม่หยุด:“ยียี รอฉันด้วย ฉันมองไม่เห็นเธอ”
ติงยียีจนปัญญา จึงได้แต่หยุดฝีเท้ารอให้อ้าวเสว่ตามขึ้นมา อ้าวเสว่ตามมาอย่างหอบๆ แล้วโบกมือบอกว่า:“ไม่ไหวแล้ว ขอฉันนั่งพักห้านาทีก่อน”
พักห้านาทีข้างนอกนี่นะ ห้านาทีสามารถช่วยชีวิตคนคนหนึ่งได้ และก็สามารถทำให้คนคนหนึ่งเสียชีวิตได้!
“เธอเป็นแบบนี้อาจจำทำร้ายเย่เนี่ยนโม่ได้” น้ำเสียงของติงยียีไม่ค่อยดี ตั้งแต่ที่แม่จากไป เธอรู้ดีว่าคนคนเดียวนั้นอ่อนแอมากแค่ไหน อาจจะไม่สามารถมองเห็นตลอดไปได้ทุกเมื่อ
“เนี่ยนโม่เป็นแฟนของฉัน ฉันมีสิทธิ์มากว่าใคร และก็ยิ่งเป็นห่วงมากกว่าใครๆ”
อ้าวเสว่ไม่พอใจ เดินมาที่หน้าติงยียีแล้วพูดทีละคำๆออกมา
ติงยียีไม่อยากจะเถียงกับอีกฝ่าย ทันใดนั้นอ้าวเสว่เอ่ยปากขึ้น:“เธอดูนั่น ตรงนั้นเป็นถ้ำใช่ไหม”
ทั้งสองคนเดินไปถึงข้างๆถ้ำ เป็นถ้ำจริงๆด้วย เพียงพอที่จะให้คนเจ็ดแปดคนหลบได้ อ้าวเสว่พูดด้วยความตื่นเต้น:“ทุกคนสามารถมาหลบอยู่ในถ้ำนี้เพื่อรอฝนให้หยุดตก ถ้ำใหญ่มาก อีกทั้งยังแห้งด้วย”
ติงยียีถอยหลังสองสามก้าวแล้วเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบน ข้างบนของถ้ำนั้นเป็นหน้าผา มีต้นไม้ที่ตั้งอย่างเอนเอียง ติงยียีหยิบดินขึ้นมา เป็นดินที่หยิบขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ไม่มีความแน่นเหนียวเลยสักนิด
“อาจจะไม่ได้ ถ้ำตรงนี้ไม่ได้ไม่ได้ถูกพยุงด้วยหิน แต่เป็นโคลน และฝนก็ตกหนักมาก มีโอกาสที่จะถล่มได้”
ก่อนหน้านี้เนื่องจากเกิดการใกล้ชิดจากความร่วมมือของติงยียีกับเย่เนี่ยนโม่ ทำให้อ้าวเสว่ก็อยากจะทำอะไรให้เย่เนี่ยนโม่ได้ชื่นชม จึงไม่ได้ฟังคำพูดของติงยียี พลางเดินพลางพูด:“ฝนตกหนักขนาดนี้ ทุกคนตากฝนจะทำให้หลงทางได้ ฉันคิดว่าถ้ำนี้ก็ตั้งอยู่มานาน คงไม่ถล่มเอาในครั้งนี้หรอก”
อ้าวเสว่กลับไปหาทุกคนด้วยความดีใจ แล้วบอกเรื่องถ้ำให้กับทุกคน จางถังเป็นแกนนำพาทุกคนมุ่งเดินไปที่ถ้ำ
ติงยียีไล่ตามอ้าวเสว่มาตลอดทาง เจอเข้ากับเย่เนี่ยนโม่ในระหว่างทางที่กลับมา ทั้งสองมุ่งหน้าไปที่พักเดิม ที่พักว่างเปล่าไม่มีคน ติงยียีคิดไม่ถึงว่าอ้าวเสว่จะเร็วได้ขนาดนี้ จึงรีบพาเย่เนี่ยนโม่มุ่งไปยังถ้ำเมื่อสักครู่
“มีถ้ำจริงๆด้วย ในที่สุดก็ไม่ต้องตากฝนแล้ว” จางถังวิ่งนำเข้าไปก่อน ไห่โจ๋ซวนขมวดคิ้วพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง:“อย่าเพิ่งเข้าไปก่อนดีกว่า เพราะว่าคนที่มีประสบการณ์ด้านนี้ไม่อยู่ทั้งสองคน”
อ้าวเสว่พูดอย่างอ่อนโยน:“ติงยียีบอกว่าได้” ซ่งเมิ่นเจ๋จามอยู่ข้างๆ ไห่โจ๋ซวนปกป้องอยู่ข้างๆด้วยความเป็นห่วง เย่ชูฉิงจึงมุ่งเดินเข้าไปในถ้ำ ไห่โจ๋ซวนขมวดคิ้ว และพาซ่งเมิ่นเจ๋เข้าไปในถ้ำพร้อมกัน
อ้าวเสว่เดินสองสามก้าวก็เกิดอาการเซ พื้นดินใต้ฝ่าเท้านั้นร่วนไม่เกาะกัน อ้าวเสว่ไม่ได้เก็บมาคิดใส่ใจ แล้วก็เดินเข้าถ้ำไป
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้อง ต้นไม้ที่หน้าผาถูกกลมพัดกระโชกส่ายไปส่ายมา รากของต้นไม้บางต้นผุดออกมาเนื่องจากหน้าดินถูกฝนชะล้างอย่างต่อเนื่อง
“พวกคุณได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า” ซ่งเมิ่นเจ๋ที่อยู่ในถ้ำเอ่ยปากขึ้น อ้าวเสว่เริ่มรู้สึกกลัวในใจ นึกถึงคำพูดของติงยียี คงไม่เกิดเรื่องอะไรจริงๆขึ้นหรอกนะ
เกิดเสียงฟ้าร้องดังขนาดใหญ่ และดินก็ตกลงมาในทันที ดินที่เกาะติดกันต้นไม้ได้ร่วงลงมาปกคลุมถ้ำพร้อมด้วยเสียงที่ดังมหึมา!
ในห้องยิม หลี่ยี่ซวนมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายความประหลาดใจ ความวิตกกังวลในใจรู้สึกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หยิบโทรศัพท์ออกมาเสิร์ชสถานการณ์ของเมืองs “ เมืองsได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก ปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จุดชมวิวที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาในเขตชานเมืองประสบดินโคลนถล่ม”
ดินโคลนถล่ม เหมือนสถานที่ชูฉิงบอกจะเป็นที่นี่นะ หรือว่าโทรศัพท์ถูกตัดสายเมื่อสักครู่เกิดจากประสบกับอันตราย
หลี่ยี่ซวนจึงรีบโทรศัพท์หาหมายเลยของเย่เนี่ยนโม่ ไห่โจ๋ซวน และเย่ชูฉิง ล้วนเป็น “สวัสดีค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
ไม่ได้การ ต่อให้เป็นเพียงสัญญาณเตือนให้กระต่ายตื่นตูม แต่ก็จะไม่ยอมให้เกิดอุบิตเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น หลี่ยี่ซวนจึงหันไปโทรหาเย่เชินหลิน:“สวัสดีครับ ลุงเย่ คือแบบนี้ครับ เย่ชูฉิงกับเย่เนี่ยนโม่ขาดการติดต่อที่เมืองsครับ
เย่เชินหลินวางสายลงแล้วก็รีบเปิดทีวีช่องเมืองsทันที เกิดพายุลมฝนจริงๆด้วย เซี่ยชีหรั่นเดินเข้ามามองสีหน้าของเย่เชินหลิน มือสองข้างโอบเข้าที่ไหล่ของเย่เชินหลินแล้วถามขึ้นเบาๆ:“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
เย่เชินหลิน ส่ายหน้า ตอนนี้เรื่องราวยังไม่กระจ่างชัดเจน เขาไม่อยากให้ชีหรั่นไม่สบายใจ สำหรับเมืองs ตัวเองจะต้องเดินทางไปที่นั่น
“โกหก ฉันรู้ได้ทันทีที่คุณโกหก” อยู่ด้วยกันนานมาขนาดนั้น นานจนสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายไม่สามารถเล็ดลอดออกไปจากอีกฝ่ายสายตาได้
“ผมต้องไปที่เมืองsหน่อย เนี่ยนโม่กับชูฉิงตัดขาดการติดต่ออยู่ที่นั่น” เย่เชินหลินรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นไม่ช้าก็เร็วก็จะรู้เรื่องนี้ ในเมื่อปิดบังไม่ได้ ก็คงต้องพูดออกมา เขาเคยรับปากกับเธอ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็จะเผชิญไปด้วยกัน
เซี่ยชีหรั่นล้มฟุบลงโซฟา แววตาเกิดความสับสน สักพักก็ลุกขึ้นมาทันใด มุ่งหน้าเดินไปที่ประตู เมื่อเดินไปถึงประตูนึกขึ้นได้ว่ายังมีเชินหลิน เดินกลับมาดึงมือของเย่เชินหลิน ดวงตานั้นเกิดความสับสนกระวนกระวาย:“เชินหลิน ลูกของพวกเรากำลังรอความช่วยเหลือจากพวกเรา!” เย่เชินหลินกุมฝ่ามือที่นุ่มนวลไว้แน่น นี่ต่างหากคือคนที่เขารัก
ณ เมืองs ติงยียีมองดูถ้ำที่ถล่มลงมาอย่างไม่เชื่อสายตา ดินโคลนกับต้นไม้ปกคลุมปิดทั่วถ้ำ ทั้งคู่วิ่งเข้าไปขุดดินหน้าถ้ำอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไมคุณถึงไม่ห้ามพวกเขาไว้ เห็นๆอยู่ว่าทีเพียงคุณที่มีประสบการณ์ ทำไมคุณถึงไม่ห้ามพวกเขา” เย่เนี่ยนโม่ตกใจกระวนกระวายจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ในถ้ำมีน้องสาวของเขา มีเพื่อนสนิทของเขา และชีวิตคนอื่นๆ
ติงยียีขุดดินอย่างเงียบๆ เย่เนี่ยนโม่พูดไม่ผิด เป็นเพราะตัวเอง ถ้าหากตัวเองอดทนอีกสักนิด อดทนอีกสักหน่อยก็คงจะดี!
“มีคนอยู่ข้างนอกหรือเปล่า!” มีเสียงดังมาจากในถ้ำที่มืดสนิท ติงยียีกับเย่เนี่ยนโม่สบตากัน ในแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
“พวกเราอยู่ข้างนอกกำลังช่วยเหลือพวกคุณ!” เย่เนี่ยนโม่ตะโกนขึ้นดังๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงตอบกลับมาทันที:“ผมโจ๋ซวน จางถังกับชูฉิงได้รับบาดเจ็บ ข้างในมีแต่ดินโคลน ถูกปิดมืดมิด อากาศก็เริ่มเหลือน้อยแล้ว!”
เมื่อรู้สถานการณ์ข้างในแล้วยังไม่ถือว่าเลวร้าย เย่เนี่ยนโม่กับติงยียีถึงได้เบาใจลง แล้วก็ทำการขุดดินอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงการถล่มลงมาครั้งที่สอง
ในถ้ำ ไห่โจ๋ซวนก็พยายามขุดดินเช่นกัน จางถังที่อยู่ข้างๆพยายามโทรศัพท์ แต่ไม่ติดแล้วก็วางสายลง อดไม่ได้จึงสบถคำหยาบออกมา
“หุบปาก” ไห่โจ๋ซวนทนไม่ได้จึงดุขึ้น เย่ชูฉิงเดินเข้ามาข้างไห่โจ๋ซวนอย่างเงียบๆ ยื่นมือมาช่วยขุดดิน สักพักก็มีเลือดไหลกระซิกออกมาจากมือ
เย่ชูฉิอยากจะร้องไห้ แต่เมื่อคิดถึงพี่ชายตัวเองที่พยายามอยู่ข้างนอก จึงกลั้นน้ำตาไว้แล้วก็ทำการขุดต่อไป
สถานการณ์ด้านนอกก็ไม่ได้ดีไปกว่าสักเท่าไหร่ มือทั้งสองข้างของติงยียีถูกก้อนหินบาดจนเลือดไหลเต็มมือ เย่เนี่ยนโม่หันไปเห็นโดยบังเอิญ จึงรีบคว้าสองมือของติงยียี แล้วก็ตกใจเมื่อเห็นดินเปื้อนเลือดในมือ
“คุณพักผ่อนก่อน เดี๋ยวผมทำเอง” เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา ห้ามไม่ให้ติงยียีขุดต่อไปอีก ในหัวสมองของติงยียีมีแต่การขุดดินช่วยคน ไม่รู้สึกเจ็บปวดที่มือแต่อย่างใด สะบัดเย่เนี่ยนโม่ออกแล้วก็ทำการขุดดินต่อ
“ติงยียี” เย่เนี่ยนโม่จับมือติงยียีอีกครั้ง ในใจรู้สึกสับสนมาก ความมุ่งมั่นและอดทนอดกลั้นของติงยียีที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“คุณดูสิ คุณดูสิ ตรงนี้มีช่องว่าง” ติงยียีชี้ไปก้อนหินที่ถูกดึงออกมาด้วยความดีใจ ปรากฏช่องกลมๆเล็กๆขึ้น
ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก เบนท์ลีย์สีดำขับแล่นทะลุม่านฝนตรงไปยังชานเมือง ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตไม่มีทางที่จางเฟิงอี้จะขับรถด้วยตัวเอง รถจอดอยู่ที่หน้าเส้นทางรุกรังที่เดินเข้าป่า คนขับรถตู้ได้เข้ามาขวางไว้
“ไม่ต้องขึ้นไปแล้ว เส้นทางข้างบนไม่สามารถเดินได้ วันนี้มีกลุ่มนักศึกษาขึ้นไป ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นลงมาเลย” คนขับรถตู้มองอากาศและถอนหายใจ เกรงว่านักศึกษากลุ่มนั้นจะเกิดอันตราย
“มีการแจ้งความหรือยัง เข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่” เซี่ยชีหรั่นรีบลงจากรถ คนขับรถมองอย่าตกใจ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ถึงแม้ว่าที่หางตาจะมีริ้วรอยนิดหน่อย แต่ว่าใบหน้านั้นยังคงเนียนสว่างใส คิ้วงามวิจิตร เสื้อผ้าที่สวมใส่แค่มองก็รู้ว่าเป็นแบรนด์เนม
“ครับๆ แจ้งความแล้วครับ แต่ตำรวจบอกว่าตอนนี้ฝนตกหนักมาก รอให้ฝนซาก่อนแล้วถึงค่อยมาได้” ผ่านไปสักพักคนขับรถตู้ถึงรู้สึกตัว แล้วรีบตอบขึ้นท่านใด
“ทำอย่างไรดี” อ้าวเสว่จับเย่ชูฉิงด้วยความกระวนกระวาย เย่ชูฉิงและซ่งเมิ่นเจ๋ร้องไห้น้ำตาร่วงเผาะๆ โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด ทำอย่างไรถึงจะดี
ไห่โจ๋ซวนจ้องมองอยู่ที่หน้าถ้ำ หากเย่เนี่ยนโม่หายไปแบบนี้ ตัวเองก็จะสบายใจแล้วใช่ไหม ใช่ ถ้าหากเย่เนี่ยนโม่หายไปเพราะเรื่องนี้จริงๆ เขาก็จะไม่ต้องแก้แค้นอีก มองเย่ชูฉิงที่ร้องไห้ดุจดอกสาลี่ต้องหยาดฝน แววตาของไห่โจ๋ซวนก็อ่อนลง
มีเสียงลอยมาจากผืนป่าด้านล่าง ทุกคนเห็นตำรวจจึงดีใจจนลืมตัว
เมื่อสองร่างปรากฏตัวอยู่ในสายตา เย่ชูฉิงก็ร้องแล้วโผเข้าไปกอด:“พ่อ! แม่!”เซี่ยชีหรั่นตบที่หลังเบาๆด้วยความรักใคร่ เห็นเด็กๆประสบความทุกข์แล้วก็รู้สึกสงสาร จากนั้นถามขึ้น :“พี่ชายของหนูล่ะ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset