สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1399 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1299

“เย่เนี่ยนโม่ที่ต้องการช่วยติงยียี ดังนั้นจึงถูกฝังอยู่ในดินอีกครั้ง” อ้าวเสว่ที่อยู่ข้างๆรีบพูดขึ้น เย่เชินหลินมองตำรวจที่อยู่ข้างๆ ตำรวจจึงได้ส่ายหน้าแล้วพูด:“มันได้พังถล่มแล้ว ตอนนี้พวกเราได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามา”
“ลำบากพวกท่านแล้วนะ” เซี่ยชีหรั่นกลั้นความทุกข์แล้วพูดขึ้น นึกถึงติงยียีที่อยู่ในบ้านตัวเองวันนั้น เย่เนี่ยนโม่กับเด็กสาวคนนั้นมีความสัมพันธ์กันจริงหรือเปล่านะ
ติงยียีที่สะลึมสะลือถูกเขย่าให้ตื่น สักพักถึงพบว่าศีรษะตัวเองนั้นหนุนอยู่ในที่ที่สบาย จึงถูไถ เสียงเย่เนี่ยนโม่ดังขึ้น“:ไม่ใช่หลบผมอยู่เหรอ”
ติงยียีรีบเงยหน้าขึ้น จากนั้นก้มหน้าลงเพราะอาการวิงเวียนศีรษะ เย่เนี่ยนโม่ช่วยติงยียีนวดขมับ ติงยียียกมือขึ้นจับ ศีรษะของทั้งคู่ล้วนมีแต่ดินโคลน จิตใจติงยียีรู้สึกเย็นวาบ การถล่มสองครั้งทำให้ถูกฝังยิ่งลึก
“ไม่มีหนทางแล้ว ครั้งนี้อาศัยกำลังของคนก็คงไม่อาจจะทำให้เราสองคนออกไปจากที่นี่ได้” ติงยียีท้อใจ คิดถึงพ่อที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเกิดเรื่องขึ้นแล้วรู้สึกเจ็บปวดทรมาน ถ้าหากว่าตัวเองไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ แล้วจะทำอย่างไรหากทิ้งพ่อไว้คนเดียวให้อยู่บนโลกใบนี้
เย่เนี่ยนโม่มองไม่เห็นสีหน้าของติงยียี แต่สามารถได้ยินเสียงที่ท้อใจดังออกมาจากความมืดมิด อาศัยความรู้สึกแตะไปที่ศีรษะของติงยียี เย่เนี่ยนโม่พยายามทำเสียงให้ผ่อนคลายที่สุดแล้วพูดขึ้น:“ ก่อนหน้านี้ยังเห็นคุณฮึกเหิมเหมือนมังกรผาดโผนเหมือนเสืออยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
ติงยียีพึมพำเบาๆ:“ สาวๆเยอะขนาดนั้น ฉันต้องปกป้องพวกเธอไง” ในความมืดมิด เย่เนี่ยนโม่ไม่มีการตอบกลับ สายตาจ้องไปทางที่มาของเสียงอย่างจดจ่อ ผู้หญิงอย่างติงยียี จะไม่สนใจความปลอดภัยของทุกคน ให้ทุกคนมาสถานที่แบบนี้จริงๆหรือ
เวลาผ่านไปทีละนิดๆ ติงยียีรู้สึกที่หน้าอกปวดแสบปวดร้อน แค่เอ่ยปากพูดก็เป็นเรื่องที่ลำบาก อยากที่จะพูดบางสิ่งบางอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองหลับ :“อันที่จริงตอนที่พ่อฉันตามจีบแม่ฉันนั้นเป็นเหมือนดังละครเลยนะ”
“อืม” เย่เนี่ยนโม่ตอบกลับเบาๆ ติงยียียิ้มขึ้นแล้วพูดต่อ :“พ่อของฉันบอกว่า ตอนนั้นผู้หญิงคนที่พ่อของฉันชอบ เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในที่ตรงนั้น พ่อของฉันมีฐานะยากจน แต่พ่อก็พยายามนำนมไปวางไว้ที่หน้าบ้านของผู้หญิงคนนั้นทุกๆวัน โดยที่พ่อไม่เคยรู้ว่านมนั้นถูกหมาที่ผู้หญิงคนนั้นดื่มกิน สิ่งที่พ่อทำทุกอย่างผู้หญิงคนนั้นไม่เคยรับรู้ และตอนนั้นแม่ของฉันคือเด็กสาวข้างบ้านของผู้หญิงคนนั้น
ติงยียีนั้นพูดวกไปวนมา ได้ยินเพียงเสียงของเย่เนี่ยนโม่ที่แหอบแห้งเอ่ยขึ้น:“ความรักของเขาย่อมต้องมีคนเห็น”
เย่เนี่ยนโม่ก็มีความรู้สึกที่จะอดทนต่อไปไม่ไหว ด้านในนั้นไม่มีอากาศให้ถ่ายเท หรือว่าจะต้องถูกฝังให้ตายอยู่ตรงนี้จริงๆ ติงยียีที่อยู่บนตักไม่มีความเคลื่อนไหวตั้งนานแล้ว เย่เนี่ยนโม่ใช้แรงทั้งหมดที่มีเขย่าติงยียี
จิตใจที่ตระหนกกระวนกระวาย ผู้หญิงคนนี้จะตายอยู่ที่อ้อมอกของตัวเองจริงหรือ เย่เนี่ยนโม่วางติงยียีให้นอนราบ ใช้มือทั้งสองข้างกดที่ช่วงอกของติงยียี พยายามสุดชีวิตทำให้หัวใจของติงยียีกลับมาเต้นอีกครั้ง
“พ่อ อย่าเพิ่งเรียกหนู หนูยังอยากจะนอนพักอีกสักครู่” ติงยียี เริ่มมีสติที่เลอะเลือน จับมือของ เย่เนี่ยนโม่ไว้ไม่ยอมปล่อย
เย่เนี่ยนโม่ปล่อยให้ติงยียีจับอย่างตามใจชอบ เขามองไม่เห็นสถานการณ์ของติงยียี แต่กลับสามารถรับรู้ได้ว่าชีวิตอีกฝ่ายนั้นกำลังจะสิ้นลง แล้วตัวเองก็ไร้ความสามารถ ใครก็ได้มาช่วยเหลือหญิงสาวคนนี้ที
“ โคลม!” เสียงดังถล่มและเสียงคนดังขึ้นพร้อมกัน มีแสงสาดส่องเข้ามา เย่เนี่ยนโม่ดวงตาที่ยังไม่สู้แสงจึงหรี่ตาลง ผู้คนจึงโผเข้ามาอุ้มติงยียี เย่เนี่ยนโม่จึงกอดติงยียีไว้ไม่ทำคนเหล่านั้นกระทำเช่นนั้น
“เนี่ยนโม่ ปล่อยมือ พวกเขาคือคนที่มาช่วยพวกเรา” ไห่โจ๋ซวนพูดอยู่ข้างๆ เย่เนี่ยนโม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย จากนั้นถึงได้ค่อยๆปล่อยมือ แล้วก็สลบไป
“คุณหมอครับ ลูกสาวของผมทำไมยังไม่ฟื้นขึ้นมาสักที! ทั้งๆที่คนอื่นๆที่ไปด้วยกันแป๊บเดียวก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว”
ติงยียี ได้ยินเสียงของพ่อตัวเอง จึงพยายามลืมตาขึ้น แล้วเรียกเสียงเบาๆ:“พ่อ”
ติงต้าเฉินดีใจแล้วก็ปล่อยตัวหมอ วิ่งมาที่ด้านหน้าของติงยียี กุมมือติงยียีแล้วพูดพึมพำ: “ยียี จ๊ะ ฟื้นขึ้นมาก็ดีๆ”
ติงยียีลุกขึ้นมามองห้องนอนผู้ป่วย ห้องนอนผู้ป่วยที่ดูแล้วมีระดับ ไม่เพียงแต่เป็นห้องเดี่ยวที่น่าจะใกล้เคียงหนึ่งร้อยตารางเมตร ข้างในมีเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างที่พร้อมสมบูรณ์ เหมือนกับห้องชุดคอนโดฯ
“เย่เนี่ยนโม่ เป็นอย่างไรบ้าง” ติงยียีถามขึ้น ติงต้าเฉินพลางปลอกผลไม้พรางพูดขึ้น:“ฟื้นตั้งนานแล้ว แต่ว่าถูกพ่อแม่ของเขาบังคับให้ไปตรวจเช็คทุกอย่าง ยียีอีกเดี๋ยวหนูก็ทำด้วย เงินเราจะออกเอง พวกเราจะไม่ติดค้างคนอื่น”
ติงยียียิ้มขึ้นแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินสองรอบให้ติงต้าเฉินดู แล้วพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ:“พ่อ ดูหนูสิคะ ดูเหมือนเป็นคนที่ต้องทำการตรวจเช็คซะที่ไหน ให้ไปออกรบยังได้เลย”
ติงต้าเฉินเห็นลูกสาวของตัวเองที่ฮึกเหิมอย่างมังกรผาดโผนอย่างเสือ จึงยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข จากนั้นออกไปซื้ออาหารกลางวันให้กับติงยียี ติงยียีกลับไปนอนที่เตียง สำรวจมองเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหรา มีการเคาะที่ประตู เย่เนี่ยนโม่ ยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างๆมองติงยียี
ติงยียีจำได้เพียงรางๆว่าเย่เนี่ยนโม่นั้นถูกขังข้างในพร้อมกัน จะได้ถามขึ้นอย่างสุภาพว่า:“มีธุระอะไรหรือเปล่า”
เย่เนี่ยนโม่มองดูท่าทางที่ห่างเหินของติงยียี เดิมทีความคิดที่อยากจะถามไถ่อย่างอบอุ่นก็จางลง พยักหน้า เย่เนี่ยนโม่ไม่แม้แต่ไม่เข้ามาข้างใน อีกทั้งยืนถามอยู่ด้านนอก:“รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม”
ติงยียีหันไปพยักหน้าให้กับเย่เนี่ยนโม่ แล้วถามขึ้น:“ คนอื่นๆเป็นอย่างไรบ้าง เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพราะฉัน ถ้าหากไม่ใช่ฉัน ทุกคนก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้”
ทั้งสองคนเหมือนมีกำแพงกั้นไว้ เย่เนี่ยนโม่ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ ออกไปเที่ยวด้วยกัน ติงยียีที่ทำทุกอย่างมากมาย ต่อให้ทำผิดก็น่าจะถือว่าได้ชดเชยแล้ว
“ไม่เป็นไร อย่างนั้นก็พักผ่อนเถอะ ค่ารักษาพยาบาลไม่ต้องเป็นห่วง” เย่เนี่ยนโม่พูดเสร็จก็จากไป
“ค่ารักษาพยาบาลฉันจะเป็นคนออกเเอง” ติงยียีกล่าว เขาไม่อยากจะติดค้างใคร ไม่อยากสักนิดเดียว
เย่เนี่ยนโม่เท้าชะชักขึ้น จากนั้นก็จากไปอยากรวดเร็ว เขาต้องยับยั้งตัวเองไม่ให้โมโหแล้วไปตะโกนใส่ติงยียี ให้อีกฝ่ายเชื่อฟังตัวเองเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ
เย่เนี่ยนโม่ โมโหโทโสเข้าไปในห้องผู้ป่วยของตัวเอง อ้าวเสว่ร้องเรียกเย่เนี่ยนโม่อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นอ้าวเสว่ อารมณ์โกรธของเย่เนี่ยนโม่ก็เบาบางลง ยกรอยยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า:“ทำไมถึงไม่พักผ่อนอยู่ในห้องผู้ป่วยล่ะ ทำแบบนี้ผมจะเป็นห่วงได้นะ”
อ้าวเสว่สายหน้า เมื่อเห็นเย่เนี่ยนโม่ก็ร้องไห้ขึ้นทันใด ใบหน้าที่ขาวซีดบวกกับใบหน้าที่เนียนใส ทำให้คนรู้สึกอยากจะปกป้อง
เย่เนี่ยนโม่จึงรีบก้าวไปข้างหน้าโอบอ้าวเสว่เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เจ้านั้นพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ:“เป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่ เนี่ยนโม่ ความจริงแล้วเรื่องนี้ต้องโทษฉัน” อ้าวเสว่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเย่เนี่ยนโม่
“ เกิดอะไรขึ้น ค่อยๆพูด” เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน อ้าวเสว่พูดสะอึก:“ความจริงแล้วถ้ำนั้นฉันเป็นคนเห็น ฉันแค่ไม่อยากให้ทุกคนต้องตากฝนเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายถ้ำจะถล่มลงมา ล้วนเป็นเพราะฉัน”
อ้าวเสว่ยิ่งพูดก็ยิ่งร้องไห้หนัก ที่แผ่นหลังมีเสียงตบเบาๆเป็นจังหวะของเย่เนี่ยนโม่ อ้าวเสว่เงยหน้าขึ้นมองเย่เนี่ยนโม่ด้วยน้ำตาคลอเบ้าทั้งสองข้าง แล้วก็พูดสะอึกขึ้น:“เนี่ยนโม่ คุณไม่โกรธเหรอ”
เย่เนี่ยนโม่สายหน้าแล้วยิ้ม จากนั้นพูดอย่างอ่อนโยน:“คุณทำแบบนี้ก็เพื่อหวังดีกับทุกคน ผมไม่โกรธหรอก รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
อ้าวเสว่พยักหน้า เขารู้ว่าเย่เนี่ยนโม่จะต้องปกป้องตัวเองไม่มีทางโกรธอย่างแน่นอน
มองดูอ้าวเสว่เดินจากไป เย่เนี่ยนโม่คิ้วถึงได้ขมวดขึ้น การยอมรับผิดเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่การแบกรับความผิดพลาดที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นึกถึงก่อนหน้านี้ที่ตัวเองตะคอกใส่ติงยียี เย่เนี่ยนโม่ก็อดไม่ได้ที่จะก้าวเท้ากลับไปที่ห้องผู้ป่วยของติงยียีอีกครั้ง
เดินมาถึงที่หน้าห้องผู้ป่วยของติงยียี เย่เนี่ยนโม่ก็ยืนหยุดนิ่ง เย่ชูหวินกำลังคุยหัวเราะอยู่ในห้องติงยียี
“ทำไมคุณถึงรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่” ติงยียีถามเย่ชูหวินด้วยความประหลาดใจ เมื่อสักครู่ที่เห็นเย่ชูหวินปรากฏตัวอยู่หน้าตัวเอง ตัวเองก็ถึงกลับตกใจ !
“ บังเอิญเจอกับคุณลุงก็เลยถาม” เย่ชูหวิน กล่าวเบาๆ ความจริงแล้วหลังจากที่ติงยียีจากไป ตัวเองนั้นจู่ๆอยากจะเจออีกฝ่ายมาก เมื่อมีเวลาว่างก็จะไปที่หน้าบ้านของติงยียี วันนั้นเห็นพ่อของติงยียีออกจากบ้านไปอย่างรีบร้อน ถึงได้รู้ว่าติงยียีตกอยู่ใจอันตราย
“รู้ไว่าตัวเองผิดตรงไหน” เย่ชูหวินสีหน้าเย็นชากว่าเวลาปกติ เมื่อฟังคุณลุงเล่าเหตุการณ์แล้ว เขาก็โกรธขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก
“เอ่อ ไม่ควรที่จะเข้าไปในถ้ำเพียงคนเดียว แต่คุณก็น่าจะรู้ ชูฉิงเป็นผู้หญิงฉันต้องปกป้องเธอ” ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อแสดงการยอมแพ้และกล่าวอย่างเอาใจ
“ติงยียี” น้ำเสียงเย่ชูหวินเริ่มเย็นชาลงเรื่อยๆจนแทบจะตกผลึกเป็นน้ำแข็ง มือเย็นๆคว้าสองมือของติงยียีแล้วบังคับให้เข้าใกล้จากนั้นถามซ้ำๆขึ้น :“คุณคิดว่าคุณเป็นฮีโร่แบบนี้ คุณคิดว่าคุณช่วยคนอื่นแบบนี้ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าหากคุณเป็นอะไรขึ้นมา แล้วความรู้สึกของคนที่เป็นห่วงคุณล่ะเป็นอย่างไร”
ติงยียีมองใบหน้าของเย่ชูหวินที่เคร่งขรึม น้ำเสียงไม่ค่อยดีที่เต็มไปด้วยความกังวล และความทุกข์ใจที่ไม่สามารถบอกกับคุณพ่อ กลับได้ปะทุออกมาตอนที่ถูกเย่ชูหวินถาม ติงยียีก้มหน้าก้มศีรษะไปซบพิงที่หน้าอกของเย่ชูหวิน ทุกความอบอุ่นของช่วงอกอีกฝ่ายแผดเผาสติ จึงพูดขึ้นเบาๆ :“ขอโทษ”
เย่เนี่ยนโม่เฝ้าดูอย่างเงียบๆและฟังอยู่ที่หน้าประตู เห็นติงยียีซบลงที่หน้าอกของเย่ชูหวิน แสดงด้านความอ่อนแอและต้องการการปกป้องออกมา สิ่งเหล่านี้เขาไม่เคยเห็นในตัวของติงยียี ผู้หญิงคนนี้แท้ที่จริงแล้วมีกี่ด้านกันแน่
อ้าวเสว่แอบอยู่ที่มุม จ้องมองแผ่นหลังของเย่เนี่ยนโม่ด้วยความตกใจ ครั้งนี้ต้องสูญเสียแล้วจริงๆใช่ไหม ความจริงใจของตัวเองแลกความจริงใจกลับมาไม่ได้ใช่ไหม หรือว่าจะเป็นเหมือนที่คุณแม่พูด ความสามารถของผู้ชายตระกูลเย่ก็คือการทำให้คนอื่นเสียใจ
เย่ชูฉิงถูกเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินรับกลับไปที่บ้าน เย่เนี่ยนโม่กับติงยียีพักที่โรงพยาบาลอยู่สองวัน เพราะที่มหาวิทยาลัยใกล้ถึงเวลาสอบกลางภาค จึงต่างอดทนกลับไปที่มหาวิทยาลัย
เมื่อกลับไปถึงมหาวิทยาลัย เย่เนี่ยนโม่กับติงยียีก็ถูกเรียกตัวไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่ได้ยินลูกชายสุดที่รักของตัวเองได้รับบาดเจ็บจากการไปท่องเที่ยว ใจก็ทุกข์มากพอแล้ว จางถังยังพูดจาใส่ไฟเรื่องไม่ดีของเย่เนี่ยนโม่ ทำให้อาจารย์ใหญ่เรียกเย่เนี่ยนโม่กับติงยียีมา เพื่ออยากให้ทั้งคู่เป็นแพะรับบาป และระบายอารมณ์ให้กับลูกชายตัวเอง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset