สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1400 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1300

“นักศึกษาเย่ คุณรู้ไหมว่าในฐานะนักเรียน คุณไม่สามารถจัดกิจกรรมอันตรายเช่นนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต” อาจารย์ใหญ่กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
“อาจารย์ใหญ่ครับ ถ้าหากท่านให้ลูกชายควบคุมตัวเองหน่อย ก็จะไม่เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้น” ติงยียีไม่กลัวคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ใหญ่คนนี้หรอก
“นักศึกษาติง นี่คือกิริยาท่าทางอะไรกัน! นี่คือการแสดงความเคารพต่อครูเหรอ!” อาจารย์ใหญ่ตบโต๊ะแล้วลุกยืนขึ้น
เย่เนี่ยนโม่ปรายตามองติงยียีที่ไม่พอใจ มุมปากอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้น นอกจากความอ่อนแอที่อยู่ในห้องผู้ป่วยแล้ว ติงยียีก็แปลงร่างเป็นแมวน้อยที่ปราดเปรียว ใช่! แมวน้อย! เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า
อาจารย์ใหญ่มองท่าทางของติงยียีที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน และเย่เนี่ยนโม่ที่ท่าทางจะยิ้มไม่ยิ้ม จึงโกรธจนความดันขึ้น กำลังอยากที่จะอ้าปาก ประตูก็ถูกผลักออก ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวดีมีเกียรติได้เดินเข้ามา
เซี่ยชีหรั่นยิ้มขึ้นแล้วมองอาจารย์ใหญ่ พยักหน้าให้อย่างสุภาพ เมื่อเห็นการแต่งตัวที่ไม่ธรรมดาเหมือนคนทั่วไปของเซี่ยชีหรั่น จึงระงับความไม่พอใจทันทีแล้วกล่าวขึ้น:“ขออนุญาตถามว่าเป็นผู้ปกครองของนักศึกษาคนไหนครับ ที่นี่เป็นห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่”
“สวัสดีค่ะ คือแบบนี้ ดิฉันเป็นมารดาของเนี่ยนโม่ พวกเราอยากจะมาถามว่าทางมหาวิทยาลัยจะจัดการอย่างไรกับเรื่องราวในครั้งนี้คะ ได้ยินมาว่าลูกชายของท่านเป็นคนเสนอให้ไปท่องเที่ยวที่ป่า จนทำให้เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้น เรื่องราวนี้ควรจะจัดการอย่างไรค่ะ”
เซี่ยชีหรั่นเดิมทีคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล่นสนุกกันระหว่างเด็กๆ ไม่อยากจะทำให้เรื่องราวใหญ่โต แต่คิดไม่คิดว่าเมื่อไปถามที่ห้องเรียนของเนี่ยนโม่ ถึงได้รู้ว่าลูกชายตัวเองถูกเรียกตัวมาที่ห้องอาจารย์ใหญ่ อยู่นอกห้องอาจารย์ใหญ่ก็ได้ยินว่าผู้ชายคนนี้อยากจะผลักความผิดทั้งหมดไปให้ลูกชายตัวเอง เธอที่จิตใจดีไม่อยากจะหาเรื่องใคร แต่ว่าไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองถูกคนอื่นรังแก
อาจารย์ใหญ่พูดไม่ออก กำลังอยากจะอ้าปากพูด ประตูก็ถูกผลักออก เย่เชินหลินที่สวมชุดสูทรองเท้าหนังเดินไปที่ข้างๆเซี่ยชีหรั่น แล้วโอบเซี่ยชีหรั่นไว้ในอ้อมกอด จากนั้นกล่าวอย่างเย็นชา:“อยากจะจัดการอย่างไรครับ”
เย่เชินหลินอยู่ที่เมืองตงเจียงสิบกว่าปี ได้วางรากฐานไว้มั่นคงไว้แล้ว เรื่องที่ผลักจงหวีฉวนได้เล่าลือกันวงใน อาจารย์คิดไม่ถึงว่า เย่เนี่ยนโม่นั้นจะเป็นลูกชายของเย่เชินหลิน จึงคอตกแล้วยอมจบทุกอย่าง
·
เมื่อออกจากห้องอาจารย์ใหญ่ ติงยียีก็มุ่งหน้ากลับไปที่ห้องเรียน ด้านหน้ามีชายหนุ่มสูงโปร่งสวมชุดสูทรองเท้าหนังยืนขวางทางยียีไว้ แล้วชี้ไปที่ข้างในรถ เซี่ยชีหรั่นเปิดกระจกรถลงแล้วยิ้มอย่างละมุนให้กับติงยียี
ติงยียีมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความสงสัย หรืออีกฝ่ายคิดว่าตัวเองนั้นไปยั่วลูกชายของเธอแล้วมาเตือนตัวเองเหมือนในละคร
เมื่อเข้าไปในรถ ติงยียีเริ่มพูดขึ้นก่อน:“คุณน้าคะ หนูไม่ได้สนใจในตัวลูกชายของท่าน”
เซี่ยชีหรั่นตกใจขึ้น แล้วกล่าวขึ้น “:หรือว่าหนูสนใจในตัวชูหวิน”
“ชูหวินเหรอ หนูกับเขาเป็นเพื่อนกันค่ะ” บทสนทนาที่ผ่อนคลายทำให้ผู้หญิงทั้งสองคนที่อายุต่างกันสิบกว่าปี สาวใหญ่กับสาวน้อยต่างชะงักขึ้น จากนั้นก็หัวเราะกันออกมา
เซี่ยชีหรั่นยิ้มอย่างละมุน เด็กสาวคนนี้ดูเหมือนไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ตัวเองตอนนั้นก็เป็นแบบนี้ และก็เป็นแบบนี้ถึงได้ถูกทำร้ายมากมาย
“ครั้งนี้ที่ฉันมาหาหนู คือต้องการอยากจะมาขอบคุณที่ช่วยลูกสาวของฉันเอาไว้ ยังมีโจ๋ซวน นี่เป็นของขวัญสำหรับเธอ” เซี่ยชีหรั่นยื่นกล่องเครื่องประดับให้กับติงยียี
ติงยียีเปิดออกแล้วมองแวบหนึ่ง แล้วพูดตะกุกตะกักขึ้น: “โอ้พระเจ้า นี่เป็นชุดขมไม่ใช่เหรอ จะให้หนูจริงๆเหรอคะ ท่านแน่ใจเหรอคะ”
เซี่ยชีหรั่นคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตื่นเต้นได้ขนาดนี้ จึงพยักหน้าด้วยความสงสัย วินาทีต่อมามือก็ถูกคว้าไว้ ติงยียีมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความตื่นเต้นดีใจแล้วกล่าวขึ้น:“คุณน้าคะ หนูก็เรียนออกแบบเครื่องประดับ หนูชื่นชมท่านมาก ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ หนูจะต้องพยายามอย่างแน่นอนค่ะ แล้วเจอกันนะคะ!”
ติงยียีตื่นเต้นดีใจจนหน้าแดงคอแดงไปหมด เขย่ามือของเซี่ยชีหรั่นจากนั้นก็ลงจากรถไป แล้วยังหันหน้ามาโค้งคำนับให้กับรถของเซี่ยชีหรั่น แล้ววิ่งกระโดดโลดเต้นจากไปอย่างดีใจ
เซี่ยชีหรั่นชะงักมองร่างของติงยียีวิ่งจากไป ร่างถูกความแข็งแกร่งโอบไว้ เย่เชินหลินถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ:“ทำไมเหรอ”
เซี่ยชีหรั่นได้สติคืนมา วางน้ำหนักของร่างกายลงที่ร่างของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ยิ้มแล้วกล่าวเบาๆ:“ฉันรู้สึกได้ถึงความงดงามของวัยเยาว์ หรือว่าพวกเรานั้นแก่แล้วจริงๆ”
เย่เชินหลินส่งเสียงหัวเราะเบาๆขึ้น สั่งคนขับรถให้ออกรถ คนที่อยู่ในอ้อมกอดตัวเองนั้นแก่หรือไม่ อีกสักครู่เขาจะพิสูจน์ให้เธอได้เห็น
“นักศึกษาที่อยู่ที่นี่ทุกท่าน เร็วๆนี้ก็จะถึงงานกีฬาของมหาวิทยาลัย หนังแข่งขันกีฬาแล้วก็เป็นวันสอบปลายภาค ดังนั้นเวลาค่อนข้างกระชั้นชิด ผมหวังว่าทุกคนจะทำได้ดีในการเตรียมตัวสำหรับงานกีฬา ”
เย่เนี่ยนโม่นั่งอยู่ตำแหน่งที่สูงที่สุดแล้วพูดเคร่งขรึมขึ้น จางถังตั้งแต่ที่สุดพ่อของตัวเองสั่งสอนไปหนึ่งยก แล้วก็เตือนว่าถ้าหากไปหาเรื่องเย่เนี่ยนโม่อีก ก็จะยึดรถทุกคันในโรงจอดรถของตัวเอง จากนั้นก็สลดและโดดเรียนเรียนไปหลายวัน
ผู้คนต่างเห็นด้วย สำหรับความสามารถการจัดการของเย่เนี่ยนโม่ ไม่มีใครที่ไม่พอใจแล้ว สายตาของเย่เนี่ยนโม่มองไปทางติงยียี ติงยียีที่ก้มหน้าก้มตา แมวน้อยตัวนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เย่เนี่ยนโม่อยากรู้ขึ้นทันใด จึงได้ถามติงยียี วิสัยทัศน์ของเขาถูกบดบังขึ้น อ้าวเสว่ยิ้มหวานให้ แต่ในใจนั้นกลับขมขื่น
ติงยียีไม่รู้ว่ากระแสใต้น้ำระหว่างเย่เนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่นั้นเป็นไร ความคิดนั้นหยุดอยู่แต่กับเรื่องเมื่อเช้า เมื่อเช้าตอนที่ออกมาจากประตูนั้นถูกเย่ชูหวินขวางไว้ อีกฝ่ายนัดตัวเองให้ไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกันในวันเสาร์ บอกว่าเป็นการออกเดท
ออกเดทเหรอ ติงยียีครุ่นคิดสับสนวุ่นวาย จิตใจกระวนกระวายขึ้น ปากกาที่อยู่ในมืออดไม่ได้ที่จะขีดเขียนชื่อของเย่ชูหวิน หลังจากที่เลิกประชุม เย่เนี่ยนโม่ได้เดินผ่านติงยียี หลังจากเห็นจดบันทึกของติงยียีก็กระจ่างเข้าใจทุกอย่าง แมวน้อยตัวนี้กำลังคิดถึงเย่ชูหวินเจ้าหมอนั่น
หลังจากประชุมเสร็จ เย่เนี่ยนโม่กลับไปที่ห้องเรียน ในห้องเรียนนั้นไห่โจ๋ซวน กำลังคุยกับซ่งเมิ่นเจ๋ ซ่งเมิ่นเจ๋ที่กำลังก้มหน้าหัวเราะ
“พี่โจ๋ซวน ตอนนี้พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำไมสองสามวันมานี้ถึงไม่มาหาฉันบ้างเลย” ในหัวสมองวกวนแต่ภาพที่ชูฉิงคุยคนเดียวกับรูปถ่ายของโจ๋ซวน เย่เนี่ยนโม่จึงเจ็บแทนน้องสาวของตัวเอง
ที่ดาดฟ้า ไห่โจ๋ซวนยิ้มแล้วกล่าว :“ทำไม มีเรื่องถึงต้องขึ้นมาคุยที่ชั้นดาดฟ้า ยังเหลืออีกหนึ่งเดือนที่ยังไม่ได้เริ่ม ผมไม่อยากจะสอบตกตั้งแต่ภาคเรียนแรก”
“ชูฉิงคิดถึงนายมาก” เย่เนี่ยนโม่จ้องแววตาของไห่โจ๋ซวน ถ้าหากเป็นไปได้ เขาก็อยากจะให้เพื่อนของตัวเองสามารถอยู่กับน้องสาวของตัวเอง
“เหรอ ผมก็คิดถึงชูฉิงเหมือนกัน แต่ว่าช่วงนี้การเรียนนั้นยุ่งเหลือเกิน” ไห่โจ๋ซวนกล่าวอย่างทอดถอนใจ
เย่เนี่ยนโม่ไม่พอใจไห่โจ๋ซวนที่พูดจาบ่ายเบี่ยง จึงโมโหขึ้น แล้วดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายกดยันเข้ากับกำแพงดาดฟ้าแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม:“ชูฉิงนั้นชอบนายมาตลอด ผมรู้ว่านายเข้าใจดี อย่าทรมานน้องสาวผมแบบนี้อีก”
ไห่โจ๋ซวนพลิกมือแล้วดันเย่เนี่ยนโม่กดติดกำแพง น้ำเสียงก็เย็นชาลง :“นายเป็นเพื่อนของผม ดังนั้นน้องสาวของนายผมจะต้องชอบอย่างนั้นเหรอ นายบอกว่าอย่าให้ความหวังกับชูฉิง ผมก็ทำแล้ว ไม่ไปหาเธอ ตอนนี้ยังต้องการจะให้ผมทำอะไรอีก!”
เย่เนี่ยนโม่ปล่อยมืออย่างเศร้าใจ ไห่โจ๋ซวนพูดถูก ในโลกใบนี้มีเพียงความรักเท่านั้นที่ไม่สามารถบังคับกันได้ จึงหวังเพียงว่าสักวันหนึ่งน้องสาวของตัวเองนั้นจะสามารถคิดได้
ไห่โจ๋ซวนมองหลังเย่เนี่ยนโม่ ใบหน้าที่เดิมทีโกรธก็ค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งมุมปากยกรอยยิ้มขึ้น ไม่ผิด จงเจ็บปวดทรมานเถอะ เย่เนี่ยนโม่กับเย่ชูฉิง ความทุกข์ทรมานของพวกคุณผมเคยลิ้มลองเมื่อสิบกว่าปีก่อน
“พักนี้บาดแผลของชูฉิงแย่ลงขึ้นเรื่อย” เย่เนี่ยนโม่พูดทิ้งประโยคสุดท้าย จ้องมองอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะจากไป
ความมืดได้เข้ามาปกคลุมห้องผู้ป่วย ห้องผู้ป่วยที่หรูหรา เงาร่างหนึ่งค่อยๆเปิดแง้มประตู จากนั้นเดินมาถึงที่หน้าเตียงของเย่ชูฉิง
รอยบาดแผลของเย่ชูฉิงที่ได้รับบาดเจ็บตอนที่อยู่ในถ้ำได้ถูกพันไว้ ในห้องมีกลิ่นยาจางๆ เย่ชูฉิงขมวดคิ้ว นอนหลับไม่สนิท แล้วก็นอนเพ้อ
ไห่โจ๋ซวนก้มหน้าเข้าไปใกล้เย่ชูฉิง ได้ยินเย่ชูฉิงเรียกชื่อของตัวเองอย่างอ่อนหวาน ที่เย่ชูฉิงต้องการเขาขนาดนี้คือผลลัพธ์จากการพยายามของตัวเอง ให้ความรักความเป็นห่วงอย่างไม่มีที่สิ้นสด ทำให้เธอแนบชิดติดกับตัวเอง แต่ว่าทำไมหัวใจของตัวเองถึงได้เจ็บขนาดนั้น
“พ่อครับ ผมทำแบบนี้แท้ที่จริงแล้วทำถูกไหม” ไห่โจ๋ซวนพึมพำเบาๆ เย่ชูฉิงสะบัดผ้าห่มบนตัวทิ้ง ผ้าห่มไถลตกไปที่อยู่ข้างเท้าของไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนเก็บผ้าห่มขึ้นมา มองชุดคลุมผู้ป่วยของเย่ชูฉิง เห็นผิวที่ขาวราวหิมะและกระดูกไหปลาร้าอันใสเนียน ในใจมีความคิดที่กึกก้อง จัดการกับผู้หญิงคนนี้ แล้วค่อยทิ้งผู้หญิงคนนี้ ให้เธอเจ็บปวดทรมานทั้งชีวิต!
ที่ประตูมีเสียงฝีเท้าก้าวเดิน ไห่โจ๋ซวนคลุมผ้าห่มให้กับเย่ชูฉิง แล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว หลี่ยี่ซวนที่กลางคืนนอนไม่หลับอยากจะมาหาเย่ชูฉิง เห็นเงาร่างหนึ่งเดินแวบผ่านไปจากหน้าประตูของเย่ชูฉิง จึงได้วิ่งตามไป
“หยุดนะ!” หลี่ยี่ซวนพลางวิ่งพลางเรียกคนที่อยู่ด้านหน้าให้หยุด เมื่อเห็นคนที่หันมาเป็นไห่โจ๋ซวนแล้ว หลี่ยี่ซวนก็ตกใจชะงัก
“คุณมาเอาป่านนี้มีประโยชน์อะไร รู้ไหมว่าสองสามวันมานี้ชูฉิงเอาแต่พร่ำเพ้อถึงแต่นาย” หลี่ยี่ซวนไม่ชอบไห่โจ๋ซวนมาโดยตลอด เพราะเขามักจะทำให้ชูฉิงเสียใจเสียน้ำตา และการอยู่ในโลกใบนี้ สิ่งที่เขาต้องการที่สุดก็คือสามารถทำให้ชูฉิงมีความสุข
“อย่าบอกว่าชูฉิงว่าผมมาที่นี่” ไห่โจ๋ซวนเอ่ยเบาๆ แล้วก็หันหลังจากไป หลี่ยี่ซวนไล่ตามไปแล้วก็ขวางไห่โจ๋ซวนไว้ แล้วพูดอย่างไม่อ้อมค้อม:“นายกับเนี่ยนโม่เป็นเพื่อนสนิทกัน ทำไมต้องไร้ความปรานีกับชูฉิงด้วย”
เป็นเพื่อนสนิทกับเนี่ยนโม่ ไร้ความปรานีกับชูฉิงงั้นเหรอ ไห่โจ๋ซวนยิ้มเย็นชาขึ้น ทุกคนต่างคิดว่าตัวเองนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับเนี่ยนโม่ แน่นอนว่าจะต้องดีกับชูฉิงเป็นธรรมดา ช่างน่าขำชะมัด อย่างนั้นพ่อของตัวเองล่ะ เป็นเพื่อนสนิทของเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลิน ตอนนี้มีใครบ้างที่คิดถึงพ่อว่าเคยช่วยเหลือพวกเขามาก่อน
มีคลื่นปั่นป่วนอยู่ในใจของ ไห่โจ๋ซวน พริบเดียวก็มีแผนการของตัวเอง จากนั้นพูดกับหลี่ยี่ซวนว่า:“ผมเห็นชูฉิงเป็นน้องสาวมาโดยตลอด เนี่ยนโม่ไม่ต้องการให้ผมมาเจอกับชูฉิง”
พูดถึงขนาดนี้ไห่โจ๋ซวนนั้นพอใจมากแล้ว ขอเพียงแค่หลี่ยี่ซวนนำคำพูดเหล่านี้ไปบอกกับเย่ชูฉิง ละครความรักของพี่น้องที่เดิมทีลึกซึ้งจะดำเนินการแสดงต่อไปอย่างนะนะ
ในห้องผู้ป่วย เย่ชูฉิงนั้นลุกขึ้นจากเตียงแล้ว เห็นหลี่ยี่ซวนเข้ามาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย:“ยี่ซวน เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงของคุณ คุณคุยกับใครเหรอ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset