สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1401 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1301

หลี่ยี่ซวนส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว เขายังไม่รู้เลยว่าจะบอกเรื่องนี้กับชูฉิงยังไงดี คนหนึ่งคือพี่ชายของเธอ คนหนึ่งคือคนที่เธอรัก
“ยี่ซวน ฉันถือว่าว่านายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันมาตลอด ทุกเรื่องที่ฉันไม่สามารถพูดกับพี่ชายได้ฉันสามารถบอกนายได้โดยไม่ลังเล”
เย่ชูฉิงกล่าวอย่างจริงใจ เธอรู้สึกขอบคุณเพื่อนคนนี้จริงๆ เขายืนอยู่ข้างหลังเธออย่างเงียบๆมาโดยตลอด ตอนเป็นเด็ก เพียงแค่เธอรู้สึกไม่มีความสุข อีกฝ่ายจะมาอยู่เคียงเธอแน่นอน บางครั้งก็คอยรับฟังคำพูดของเธอ บางครั้งก็มีการให้คำแนะนำ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลี่ยี่ซวนได้ยินเย่ชูฉิงพูดเช่นนี้ เขายิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจ เนื่องจากอีกฝ่ายถือว่าตนเองเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแล้วกัน
หลี่ยี่ซวนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มแล้วยกมือขึ้นดีดจมูกเย่ชูฉิงพร้อมกับมองดูอีกฝ่ายเอามือปิดจมูกแล้วมองเขาทั้งน้ำตาด้วยท่าทางน่ารัก หลี่ยี่ซวนยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า : “เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแล้วยังพูดเกรงใจกันแบบนี้อยู่อีก อยากถูกอัดเหรอ!”
เย่ชูฉิงก้มหน้าลงแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่มีการเตือน หลี่ยี่ซวนทั้งประหลาดใจทั้งตื่นตระหนก เขาวิ่งวุ่นหยิบกระดาษทิชชู่ยัดเข้าไปในมือของเย่ชูฉิงแล้วรีบพูดว่า : “น้องสาวของฉัน เธอเรียนเอกการแสดงที่มหาวิทยาลัยใช่ไหม? ทำไมแค่พูดก็ร้องไห้เลยล่ะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรล้อเธอเล่นเลย”
เย่ชูฉิงหัวเราะทั้งน้ำตาแล้วเอ่ยถามเบาๆว่า : “ยี่ซวน นายว่าต้องทำยังไงถึงจะได้หัวใจของพี่โจ๋ซวน?”
คำถามนี้อีกแล้ว หัวใจของหลี่ยี่ซวนเจ็บปวด แต่เขากลับพูดด้วยสีหน้าท่าทางปกติ “ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ผู้ชายชอบผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว”
“ผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวงั้นเหรอ?” เย่ชูฉิงกระพริบตาแล้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ หลี่ยี่ซวนหลับตาและพูดพลางส่ายหัวว่า : “ละครโทรทัศน์ทุกเรื่องไม่ได้แสดงแบบนั้นหรือไง ผู้ชายล้วนแต่ถูกผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นดึงดูดนี่นา”
เย่ชูฉิงหยิบสมุดออกมาจากลิ้นชักแล้วขีดๆเขียนๆอย่างเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลงบนสมุด หลี่ยี่ซวนหยุดชะงักแล้วพูดอย่างลังเล : “เนี่ยนโม่ไม่ยอมให้ไห่โจ๋ซวนมาเจอเธอหรอก”
“ทำไมล่ะ?” เย่ชูฉิงเอ่ยอย่างประหลาดใจ พี่ชายควรจะรู้ว่าตนเองชอบพี่โจ๋ซวน เขาจะไม่ห้ามให้อีกฝ่ายมาหาตนถึงจะถูก
หลี่ยี่ซวนเพียงแต่เอาคำพูดของไห่โจ๋ซวนมาพูดอีกรอบเท่านั้น เขาพูดอย่างระมัดระวังว่า : “เนี่ยนโม่ก็คิดถึงเธอเช่นกัน เขาให้ความสำคัญกับเธอที่เป็นน้องสาวมากนะ”
เย่ชูฉิงนิ่งเงียบพร้อมกับยิ้มและพูดกับหลี่ยี่ซวนว่า : “ยี่ซวน ฉันเหนื่อยนิดหน่อย พรุ่งนี้นายมาหาฉันหน่อยได้ไหม? ฉันยังต้องการที่จะเรียนรู้จากนายต่อ!”
หลี่ยี่ซวนได้ยินเย่ชูฉิงเอ่ยเชิญตัวเองก็พยักหน้าแล้วจากไปพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มของเย่ชูฉิงได้ทลายลง เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยใบหน้าเศร้าหมองแล้วกดเบอร์โทรหาพี่ชาย
เย่เนี่ยนโม่วางสายแล้วเงยหน้ามองบ้านแบบหนึ่งห้องนอนสองห้องนั่งเล่นตรงหน้า ก่อนหน้านี้อ้าวเสว่พูดว่าต้องการจะย้ายออก ฉวยโอกาสตอนภาคเรียนนี้กำลังจะจบลง ก็ได้เวลาบอกข่าวดีนี้กับอ้าวเสว่
เย่เนี่ยนโม่หันไปรอบๆ หลังจากที่ได้รับสัญญาจากนายหน้าแล้วเซ็นชื่อซื้อบ้านหลังนี้ อ้าวเสว่น่าจะมีความสุขมากใช่ไหม
ไม่รู้ว่าชูฉิงมีอะไรจะพูดกับตนเอง หลังจากที่เย่เนี่ยนโม่รีบเร่งเซ็นสัญญาก็ออกจากชุมชนไปทันที ด้านนอกของชุมชนนั้นสว่างไสวด้วยแสงไฟ ร้านค้าตรงถนนฝั่งตรงข้ามก็เปิดไฟแล้ว เย่เนี่ยนโม่ประหลาดใจที่เห็นติงยียียืนอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้า
ติงยียีเพิ่งจะเลิกงานและเห็นเสื้อผ้าในหน้าต่างของร้านเข้าพอดีจึงอดไม่ได้ทุกจะหยุดเดินแล้วมองดู มันเป็นชุดเดรสสีเหลืองที่ตัดเย็บมาอย่างดีและผูกโบว์ตรงช่วงเอว นางแบบสวมแล้วสวยมาก ติงยียีอดไม่ได้ที่จะมองดูอยู่หลายครั้ง
“เธอกำลังดูอะไรอยู่?” เสียงที่คาดไม่ถึงได้ดังขึ้นที่ด้านข้างจนทำติงยียีตกใจจนสะดุ้งโหยงแล้วหันไปมองเย่เนี่ยนโม่อย่างประหลาดใจ
เย่เนี่ยนโม่เหลือบมองดูชุดที่นางแบบสวมอยู่ในหน้าต่างของร้าน เขาดึงเอากระเป๋าเรียนของติงยียีไปแล้วเดินเข้าร้าน
“ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานมองทั้งสองคนอย่างสุภาพ เมื่อเห็นเย่เนี่ยนโม่ก็มีความกระตือรือร้นเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำการค้ามานานจนพวกเขาสามารถมองเห็นว่าคนแบบไหนที่มีกำลังซื้อ
เย่เนี่ยนโม่ยึดกระเป๋าเรียนของติงยียีเอาไว้และเดินมาถึงด้านข้างของนางแบบตรงหน้าหน้าต่าง เขาชี้ไปที่ชุด แล้วพูดว่า : “ชุดนี้”
“นายกำลังทำอะไร!” ติงยียีต้องการจะสลัดให้หลุดออกจากพันธนาการของเย่เนี่ยนโม่ ตัวของเธอส่ายไปมาแต่ไม่อาจสลัดให้หลุดจากมือยาวใหญ่ของเย่เนี่ยนโม่ได้ พนักงานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ติงยียีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนิ่งอยู่กับที่และได้เพียงแค่นิ่งอยู่กับที่อย่างอัดอั้นตันใจ
ชุดถูกถอดลงมา เย่เนี่ยนโม่รับมาแล้ววางไว้ในมือของติงยียี เมื่อพลิกมือกระเป๋าเรียนของติงยียีก็ถูกเย่เนี่ยนโม่ถือเอาไว้แล้ว
“ไปลองดูสิ” เยี่เนี่ยนโม่ถือกระเป๋าเรียนของติงยียีแล้วนั่งบนโซฟาแล้วพูดพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
ติงยียีพลิกดูป้ายราคา หนึ่งหมื่นแปดพันหยวน พระเจ้า ชุดนี้ทำจากทองคำหรือไง ทำไมถึงแพงขนาดนี้
ติงยียีหันไปยิ้มให้กับพนักงาน แล้วเดินช้าๆไปอยู่ที่ข้างๆเย่เนี่ยนโม่แล้ววางป้ายลงตรงหน้าเขาอย่างระมัดระวัง เธอเอนตัวแล้วกระซิบแนบหูของเย่เนี่ยนโม่แล้วกล่าวว่า : “นี่มันแพงเกินไป ปล้นกันเลยเถอะ หนึ่งหมื่นแปดพันหยวนนี่ฉันสามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้หนึ่งเทอมเลยนะ”
เสียงของติงยียีนั้นนุ่มนวลและอ่อนโยน ทั้งสองคนขยับเข้าใกล้กัน หัวใจของเย่เนี่ยนโม่เต้นแรง ความรู้สึกคุ้นเคยแต่ว่าแปลกหน้าตอนอยู่ในถ้ำได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาถอยกลับเพื่อขยายระยะห่างกับติงยียี
“ไปลองดูก่อน” เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าให้กับพนักงานเพื่อปิดบังอาการ พนักงานเข้าใจทันทีแล้วพาติงยียีไปห้องลองเสื้อทั้งดันทั้งเกลี้ยกล่อมให้เข้าไปในนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูเปิดออก ติงยียีเดินออกมาอย่างระมัดระวัง บนตัวเป็นชุดราคาหนึ่งหมื่นแปดพันหยวน จะประมาทไม่ได้เลย
“สวยไหม?” ติงยียีเดินมาถึงด้านหน้าของเย่เนี่ยนโม่แล้วถามอย่างประหม่า เย่เนี่ยนโม่จ้องมองขึ้นและลงจนทั่ว ขายาวๆที่ปกติจะถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงยีนส์ได้ถูกปลดปล่อยออกมา มันเรียวสวยและขาวอย่างคาดไม่ถึง ช่วงเอวที่ตัดเย็บมาอย่างดีช่วยขับรูปร่างของติงยียีอย่างมาก เย่เนี่ยนโม่คิดว่าอ้าวเสว่และติงยียีนั้นมีหน้าตาที่ทัดเทียมกัน
หรือว่าตนเองจะคิดถึงอ้าวเสว่จนเป็นโรคจิตไปแล้ว? ด้วยวิธีคิดที่แปลกประหลาดนี้ เย่เนี่ยนโม่จึงส่ายหัวอย่างตลกขบขัน มือทั้งสองข้างของติงยียีหมุนกระโปรงโดยไม่รู้ตัวแล้วถามอย่างผิดหวังเล็กน้อยว่า :”ไม่สวยเหรอ?”
เย่เนี่ยนโม่ส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า : “ได้เวลาโกนขนรักแร้แล้ว”
“ไปตายซะ!” ติงยียีหน้าแดง สาวเท้าเร็วมากเหมือนกับวิ่งเข้าไปในห้องลองเสื้อแล้วปิดประตูอย่างแรง
“ฮ่าๆๆ” เย่เนี่ยนโม่หัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้ มองเห็นลูกแมวโกรธแล้วมันสนุกจริงๆ แล้วเขาก็หันไปพูดกับพนักงานว่า : ”ห่อชุดนั้นด้วยครับ”
ด้านนอกร้าน ติงยียีหลบสายตาของเย่เนี่ยนโม่อย่างไม่รู้ตัว ถุงเสื้อผ้าที่อยู่ในมือเหมือนเป็นเผือกร้อนลวกมือ
เย่เนี่ยนโม่ถอนหายใจแล้วพูดว่า : ”รู้สึกเขินๆและเป็นหนี้บุญคุณนิดๆใช่ไหม?”
ติงยียีพยักหน้า เธอไม่คุ้นเคยกับการติดหนี้บุญคุณผู้อื่น แต่ในเวลาเพียงแค่ห้านาทีเมื่อกี้นี้ เธอก็ติดหนี้ในความกรุณาไปแล้วหนึ่งหมื่นแปดพันหยวน
“ติงยียี บนโลกใบนี้มีความกรุณาบางอบ่างที่แม้แต่เงินก็ยังซื้อไม่ได้ เธอช่วยน้องสาวของฉัน ช่วยชีวิตเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันและคนรักของฉัน มันอาจจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยนะถ้าจะบอกว่าฉันไม่ได้สนใจชีวิตคนอื่นเลย แต่คนที่ฉันห่วงใย ฉันไม่สามารถที่จะเพิกเฉยได้ ของขวัญชิ้นนี้ในวันนี้เพียงข้าวเม็ดหนึ่งในมหาสมุทรเมื่อเทียบกับชีวิตของพวกเขา ดังนั้นฉันหวังว่าเธอจะรับเอาไว้”
เย่เนี่ยนโม่พูดมาถึงส่วนนี้แล้ว ติงยียีก็ไม่โต้เถียงอะไรอีก หลังจากกล่าวขอบคุณแล้วก็รับมาแล้วจดจำบัญชีหนี้นี้ไว้เงียบๆ คุณยืนหยัดของคุณ ฉันติงยียีก็มีความภาคภูมิใจของตนเช่นกัน
เย่เนี่ยนโม่กำลังจะไปส่งติงยียีกลับบ้าน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงของอ้าวเสว่แสดงถึงความเจ็บปวด : ”เนี่ยนโม่ คุณมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ไหม? ฉันปวดท้องขึ้นน่ะ เดิมทีก็ไม่อยากรบกวนคุณเลย แต่มันเจ็บมากจริงๆจนอึดอัดไปหมด”
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าแล้ววางสายก่อนจะพูดกับติงยียีว่า : ”อ้าวเสว่ปวดท้องนิดหน่อย ฉันต้องรีบไปดูตอนนี้ เธอกลับคนเดียวจะเป็นอะไรไหม?”
ติงยียีส่ายหน้าแล้วเร่งเย่เนี่ยนโม่ : “นายรีบไปเถอะ อ้าวเสว่อยู่คนเดียวต้องการนายมากแน่ๆ”
เย่เนี่ยนโม่กวักมือเรียกรถแท็กซี่ให้กับติงยียีตามอำเภอใจแล้วจ่ายเงินให้ด้วยก่อนจะหันมาพูดกับเธอว่า : “ราตรีสวัสดิ์”
รถแท็กซี่เริ่มเคลื่อนตัว ติงยียีแนบติดกับหน้าต่างรถแล้วพูดเสียงดังกับเย่เนี่ยนโม่ว่า : “นายกลับบ้านก็ระวังตัวด้วยนะ”
เย่เนี่ยนโม่ตะลึงงัน เมื่อเห็นรถแท็กซี่เคลื่อนตัวออกไปแล้วส่ายหัวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ตนเองเป็นถึงคุณชายร่างใหญ่ ถูกสาวน้อยตัวเล็กๆเป็นห่วงความปลอดภัยในการเดินทางจะให้เขาพูดอะไรดีล่ะ
รีบร้อนจนมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คณบดีต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม สำหรับตระกูลเย่ เธอรู้สึกซาบซึ้งใจ เซี่ยชีหรั่นได้ช่วยเหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาเป็นเวลาหลายปีและก็ไม่เคยที่จะพร่ำบ่นและได้ช่วยเติมเต็มความฝันของเด็กไปมากมาย
“เนี่ยนโม่คุณมาแล้ว” อ้าวเสว่ต้อนรับเย่เนี่ยนโม่ที่เข้ามาในห้องอย่างมีความสุข พร้อมกับกดไหล่ของเขาให้นั่งลงบนTatami แล้วนำเค้กชิ้นเล็กๆที่อบเสร็จแล้วออกมาจากไมโครเวฟ
“ลองชิมดูสิ วันนี้ฉันทดลองทำทั้งวันเลย” ในดวงตาของอ้าวเสว่มีความคาดหวังอย่างชัดเจน ล้วนพูดกันว่าอยากได้ความชอบของชายหนึ่งต้องได้ท้องเขาเสียก่อน(นี่เป็นสำนวนการพูดของชาวจีนพูดบ่อย) เธอพยายามมากขนาดนี้ เนี่ยนโม่จะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน
“อ้าวเสว่” เย่เนี่ยนโม่วางส้อมลงแล้วขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าอ้าวเสว่จะไม่ได้ปวดท้องเลย ถ้าอย่างนั้นการที่เธอใช้ข้ออ้างแบบนี้มาทำให้ตัวเขากังวลใจเพื่ออะไรกัน?
อ้าวเสว่มองไปที่เย่เนี่ยนโม่อย่างระมัดระวังและรู้ด้วยว่าฝ่ายตรงข้ามโกรธแล้วจึงก้มหน้าลงแล้วพูดว่า : “ฉันแค่อยากให้คุณประหลาดใจเท่านั้นเอง”
เย่เนี่ยนโม่วางส้อมลงแล้วลุกขึ้นยืน เขาปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดแรกแล้วคิ้วขมวดอย่างแรง อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าเซอร์ไพรส์เขา? ใช้ความเจ็บป่วยมาเป็นข้ออ้างจนทำให้ตัวเขาต้องร้อนใจราวกับเป็นคนโง่ยังไงยังงั้น
สายตาของเขาเหลือบไปเห็นด้านในถังขยะข้างหน้าต่าง มีเศษเค้กจำนวนมากอยู่ในนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป มองแวบแรกก็รู้ว่าทำมาแล้วหลายครั้ง เย่เนี่ยนโม่รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย เขาหันไปมองอ้าวเสว่ อ้าวเสว่กำลังก้มหน้าลงและไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เย่เนี่ยนโม่ถอนใจเงียบๆแล้วเดินกลับมานั่งบนTatami เขาหยิบส้อมขึ้นตักชิมไปหนึ่งคำแล้วแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจังว่า : “อร่อยมากเลย”
“จริงเหรอ!” อ้าวเสว่เงยหน้าขึ้นอย่างตื่นเต้น ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจหลังจากได้รับคำชม
เย่เนี่ยนโม่ใช้ช้อนตักเค้กคำหนึ่งแล้วป้อนเข้าปากอ้าวเสว่
อ้าวเสว่ตกตะลึงแล้วอ้าปากกินเค้กด้วยความเขินอาย หลังจากเคี้ยวไปครู่หนึ่งจึงได้พูดด้วยใบหน้าทุกข์ระทมว่า : “พระเจ้า มันอร่อยที่ไหนกัน มันหวานเกินไปชัดๆเลย”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset