“ฮ่าๆๆ” เย่เนี่ยนโม่ใช้ช้อนตักอีกคำ แล้วกินอย่างสบายๆ โดยไม่รู้สึกลำบากกับการกลืนลงไปเลย
อ้าวเสว่ทั้งทนไม่ได้ทั้งมีความสุข เธอลุกขึ้นเพราะอยากจะเทน้ำผลไม้ให้เขา
เดินไปได้ไม่กี่ก้าวหลังจากเทน้ำผลไม้แล้ว ตาของอ้าวเสว่ก็พร่ามัว เดินโซเซอยู่ชั่วครู่ เย่เนี่ยนโม่คว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทันเวลา น้ำผลไม้ก็หกรดตัวเธอ
“ทำไมจู่ๆถึงได้เวียนหัว วันนี้เธอกินข้าวหรือเปล่า?” เย่เนี่ยนโม่อุ้มอ้าวเสว่ไปวางไว้บนโซฟาแล้วก้มหน้าถาม ใบหน้าของอ้าวเสว่เป็นสีแดงขึ้นมาเล็กน้อยและส่ายหน้า เมื่อเห็นเย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วก็รีบพูดว่า : “กินข้าวเช้าแล้วค่ะ”
เพื่อทำเค้กชิ้นนี้ให้เย่เนี่ยนโม่กิน กินข้าวเช้าเสร็จแต่เช้าตรู่ก็ไปหาซื้อวัตถุดิบแล้วก็ยุ่งทั้งวันจนลืมกินข้าวไปเลย
เย่เนี่ยนโม่ถอนใจแล้วถอดชุดนอกที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำผลไม้มาวางไว้บนเก้าอี้ เขาหยิบกุญแจออกมาแล้วพูดกับอ้าวเสว่ : “ตอนนี้ถ้ากินเค้กจะไม่ดีกับท้องของเธอ ฉันจะไปซื้อโจ๊กมาให้”
อ้าวเสว่มองเย่เนี่ยนโม่ออกประตูไปด้วยสายตาหวานฉ่ำ เนี่ยนโม่ไม่ได้ตำหนิตนเองที่โกหกเขาแล้วยังออกไปซื้อโจ๊กให้อีก ในใจของเธอรู้สึกอยู่ตลอดว่าความสุขที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องจริง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าตนเองสามารถเชื่อใจเนี่ยนโม่ได้แล้วล่ะและเชื่อว่าเขาสามารถนำความสุขมาให้เธอได้
และในเวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น : “แม่ มีอะไรเหรอคะ?”
“แกเป็นลูกสาวของฉัน ไม่มีเรื่องอะไรก็มาหาแกไม่ได้งั้นเหรอ?” เสียงของซือซือนั้นค่อนข้างคลุมเครือ อ้าวเสว่รู้ว่าแม่ของตนเองจะต้องเมาอีกแล้ว ตอนเป็นเด็กเอาตัวเธอจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปเลี้ยงเป็นลูกแล้วส่งกลับมาอีกครั้ง ตอนนี้ก็นึกอยากจะเชื่อมสัมพันธ์กับเธอ ความรักในครอบครัวแบบนี้ช่างน่าเศร้าจริงๆ
“แม่ ถ้าไม่มีอะไร ฉันจะวางสายแล้ว ฉันเหนื่อยจริงๆ” อ้าวเสว่ทำท่าจะวางสาย
“คืนนี้ฉันเห็นเย่เนี่ยนโม่อยู่กับผู้หญิงคนอื่น แกบอกว่าเย่เนี่ยนโม่จะต้องชอบแก ฉันคิดว่าความชอบแบบนี้มันอันตรายมากนะ ฉันเคยบอกแล้วว่าผู้ชายของตระกูลเย่จะไม่มีทางลงหลักปักฐานเร็วขนาดนั้น” ซือซือพูดอธิบายอย่างช้าๆและไม่รีบร้อน เนื่องจากลูกสาวที่บ่มเพาะมาอย่างยากลำบากไม่เชื่อฟัง ถ้าอย่างนั้นตนเองต้องค่อยๆล้างความสุขของเธอไปทีละน้อยทำให้เธอต้องพึ่งพาได้แค่ตัวเธอเท่านั้น
หัวใจของอ้าวเสว่เต้นแรงขึ้นมาในทันใด เธอตื่นตระหนกอย่างไม่อาจควบคุมได้ เนี่ยนโม่อยู่กับผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ? แล้วทำอะไรกันเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?
สายตามองไปยังเสื้อนอกที่เย่เนี่ยนโม่วางไว้บนเก้าอี้ด้วยใจที่ตื่นตระหนก เย่เนี่ยนโม่ไม่คิดหยุมหยิมที่ตนเองหลอกเขา และกินเค้กที่ไม่อร่อยเลย แถมยังออกไปซื้อโจ๊กด้วย ที่เขาทำทั้งหมดนี้ไม่ใช่เธองั้นเหรอ? ถ้าฉันยังสงสัยเขาอยู่ที่นี่ มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลยจริงๆ
อ้าวเสว่เห็นแสงสว่างในทันทีแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า : “แม่คะ ฉันเชื่อเนี่ยนโม่ ถ้าหากว่าเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ ฉันเชื่อว่าจะต้องมีเหตุผลว่ามีเรื่องจำเป็นที่ต้องพูดคุยด้วย”
ซือซือผงะไปแล้วเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างรวดเร็ว : “ลูกเอ๋ย แม่เพียงแค่อยากให้ลูกได้รู้ว่าในโลกใบนี้มีแต่แม่เท่านั้นที่คิดถึงลูก ในเมื่อลูกคิดอย่างนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ให้กาลเวลาพิสูจน์คนเถอะ”
ซือซือวางสายแล้วมองร่างเปลือยเปล่าในห้องน้ำ บนหน้าอกมีรอยแผลเป็นยาวแล้วยังมีจุดบกพร่องที่ทำให้ตนเองไม่อาจจะเงยหน้าขึ้นได้ตลอดชีวิต ถ้าต้องการให้อ้าวเสว่เชื่อฟังตนเองอย่างถึงที่สุด หนทางยังอีกยาวไกลทำจะทำให้เธอกลายเป็นหมากในการล้างแค้นตระกูลเย่ และเธอรอแทบจนไม่ไหวแล้ว
อ้าวเสว่ขว้างโทรศัพท์ไปอย่างไม่ใส่ใจ ในใจรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ไม่ได้เลือกที่จะมีแม่แบบนี้เลย เธอพลิกตัวไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนพื้น ทันใดนั้นสายตาก็ถูกใบเสร็จซื้อสินค้าแผ่นเล็กๆที่อยู่บนพื้นดึงดูด
เมื่อหยิบขึ้นมาดูแล้วเป็นร้านเสื้อผ้าหรูหราระดับสากล น่าแปลก ยี่ห้อนี้ผลิตแต่เสื้อผ้าผู้หญิงเท่านั้นนี่นา อ้าวเสว่พลิกใบเสร็จ บนใบเสร็จยังมีการ์ดใบเล็กๆที่เป็นสไตล์ของชุดติดอยู่ หรือว่าเนี่ยนโม่วางแผนจะซื้อเสื้อผ้าให้เธองั้นเหรอ?
อ้าวเสว่เอาใบเสร็จใส่กลับคืนไปในเสื้อคลุมของเย่เนี่ยนโม่ ในเมื่อต้องการที่จะเซอร์ไพรส์ตนเอง แน่นอนว่าตัวเธอจะต้องไม่รู้อะไรเลย ชุดนี้เป็นสไตล์ที่ฉันชอบจริงๆ ต้องใส่สร้อยคอและรองเท้าแบบไหนถึงจะเข้ากันล่ะ?
เนี่ยนโม่กลับมาพร้อมกับโจ๊ก อ้าวเสว่กินไปพลางพร้อมกับมองเขาไปพลาง รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากพูด
เนี่ยนโม่เพิ่งจะโทรหาชูฉิงเมื่อกี้นี้ ดูเหมือนว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายจะผิดปกติ จึงไม่ได้สังเกตสายตาที่คาดหวังของอ้าวเสว่
“เนี่ยนโม่คะ พรุ่งนี้วันเสาร์ พวกเราไปสวนสัตว์ดีไหม?” อ้าวเสว่กัดช้อนแล้วเสนอแนะ เนี่ยนโม่อาจจะอยากมอบของขวัญชิ้นนั้นให้ตนเองเนื่องในโอกาสพิเศษก็เป็นได้?
“สวนสัตว์เหรอ? อืม ก็ดีนะ แต่ว่าฉันต้องไปหาชูฉิงก่อน เธอโทรหาฉัน” เย่เนี่ยนโม่ยังคงพูดถึงคำพูดของชูฉิงจึงเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย
วันรุ่งขึ้น ประตูห้องเปิดออก ติงยียีนอนสะลึมสะลืออยู่ ติงต้าเฉินถือโทรศัพท์ที่ตกอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้วเขย่าปลุกติงยียีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ยียีเอ๊ย แฟนของลูกโทรมาน่ะ”
“แฟน? ฉันมีแฟนที่ไหนกัน พ่อคะไม่ต้องมาใช้แผนการนี้บังคับให้ฉันตื่นเลย” ติงยียีพลิกตัวแล้วนอนต่อ
ติงต้าเฉินร้อนใจแล้ว ชายหนุ่มยังคงรอสายอยู่นะ เขาเปิดผ้าห่มของติงยียีแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างหูของเธอ
“ยียีเหรอ?” เสียงของเย่ชูหวินดังออกมา ติงยียีตื่นขึ้นมาในทันที ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เขาต้องได้ยินบทสนทนาทั้งหมดที่เธอคุยกับพ่อเมื่อกี้แล้วแน่ๆ ครั้งนี้ดวงซวยแบบสุดๆจริงๆ
เสียงของเย่ชูหวินในโทรศัพท์ไม่เย็นชาเหมือนในความเป็นจริง ตรงกันข้ามกลับมีความทุ้มลึกเป็นพิเศษ เสียงเฉยเมยที่เอ่ยถามนั้นมีร่องรอยของรอยยิ้ม : “ให้ฉันไปรับเธอไหม?”
“รับฉันงั้นเหรอ?” ติงยียีถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองว่าวันนี้คือวันเสาร์ ก่อนหน้านี้ตอนที่กลับมาจากเมืองโบราณ ได้สัญญากับเขาไว้ว่าจะไปสวนสัตว์!
“ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้” ติงยียีพลิกตัวและลุกขึ้น เมื่อวางสายแล้วเรียบร้อย หัวใจก็เริ่มเต้น ปึงๆปังๆขึ้นมา หันหน้าไปก็เห็นว่าพ่อยังไม่ไป มองดูตัวเองด้วยอารมณ์ขำขัน
“เป็นเด็กผู้ชายที่มาส่งลูกที่บ้านเมื่อคราวก่อนเหรอ? แต่ว่าพ่อฟังเสียงแล้วว่าไม่ค่อยเหมือนเลย!”
ติงยียีไม่ต้องการอธิบายอะไรมาก เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อคิดเพ้อเจ้อ เธอสวมรองเท้าแตะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
ติงต้าเฉินคิดๆแล้วก็ยังไม่วางใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวคนสวยของเขาจะไปออกเดท ควรจะจับตาดูเสียหน่อยไม่ใช่เหรอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเป็นเรื่องจำเป็น ติงต้าเฉินปิดประตูพร้อมกับความคิดหลากหลาย
ติงยียีอาบน้ำเสร็จแล้วและเดินเข้าไปภายในตู้เสื้อผ้า สายตาจับอยู่บนชุดเดรสที่เย่เนี่ยนโม่ซื้อให้ หรือว่าจะใส่ชุดนี้ดีนะ? ชุดนี้ซื้อมาด้วยน้ำใจในราคาหนึ่งหมื่นแปดพันหยวนเลยนะ
สวมชุดเดรสแล้ว ติงยียีมองดูตัวเองในกระจกด้วยความประหม่าเล็กน้อย เธอรวบผมขึ้นมัดแล้วทาลิปสติก ตนเองในกระจกดูแปลกตาไปเล็กน้อย ติงยียีถอนใจแล้วเช็ดลิปสติกออกถึงได้ออกประตูไป
เดินไปถึงหัวมุม เสียงบีบแตรได้ดึงดูดความสนใจของติงยียี
ติงยียีหันหน้าไปมองเย่ชูหวินด้วยความประหลาดใจ เขามองเธออย่างสงบเยือกเย็นเช่นกัน
ต้องยอมรับว่าเสี้ยววินาทีที่ติงยียีปรากฏตัวทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ
หันหน้าไปพยักหน้าให้ติงยียีที่เขามองว่าเป็นทอมบอยมาตลอด เธอมักจะสวมกางเกงยีนส์ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะสวมชุดเดรส ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็นั่งรถจักรยานยนต์ไม่ได้แล้ว เย่ชูหวินต่อสายโทรออก
ไม่นานนัก รถAudiก็มาจอดอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน
เย่ชูหวินเปิดประตูให้เธอ ติงยียีมองไปทางเขาอย่างขอบคุณ เมื่อกี้นี้เธอกังวลจริงๆว่าจะซ้อนรถอย่างไร
ติงต้าเฉินขมวดคิ้วมองดูอยู่อีกด้าน เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ที่คนที่เห็นในครั้งแรกนี่นา เป็นไปไม่ได้ที่ลูกสาวของตนเองจะเหยียบเรือสองแคม! เห็นทั้งสองคนนั่งรถจากไปแล้ว ติงต้าเฉินรีบขับรถบรรทุกตามไปเงียบๆ
ติงต้าเฉินขับรถตามรถของเย่ชูหวิน ในตอนที่อยู่ตรงสัญญาณไฟจราจรได้บังเอิญหันหน้าไปเห็น จังหวะนี้เขาจ้องจนตาแทบถลน คนที่นั่งอยู่ในรถหรูคันข้างๆนี้เป็นเด็กผู้ชายที่ติดต่อกับลูกสาวของตนเองหลายครั้งไม่ใช่เหรอ? แล้วเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆคือใคร!
“เนี่ยนโม่ คุณไม่ชอบออกมาเที่ยวเหรอ?” อ้าวเสว่มองดูสีหน้าเย่เนี่ยนโม่อย่างระมัดระวัง หรือว่าการที่ตนเองขอให้เขาไปเที่ยวสวนสัตว์มันน่าอึดอัดมากงั้นเหรอ?
เย่เนี่ยนโม่คิดถึงเรื่องของเย่ชูฉิงอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้ยินจึงยื่นมือลูบหัวอ้าวเสว่ แล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า : “เธอคิดอะไร ฉันกำลังคิดถึงเรื่องอื่นอยู่”
“คุณบอกฉันได้ไหมว่าเรื่องอะไร? ฉันก็อยากจะช่วยแบ่งเบาคุณ” อ้าวเสว่ร้อนใจอยากจะรู้เรื่องทุกอย่างที่ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเธอกำลังคิดอยู่ จะดีหรือร้ายก็ได้ทั้งนั้น อย่างนั้นแล้วตนเองถึงจะรู้สึกว่าคว้าเขาเอาไว้ได้
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว ทำไมอ้าวเสว่ต้องถามละเอียดขนาดนี้ เรื่องพวกนี้เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เขายังตะขิดตะขวงใจแค่นั้นเอง ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบใจนักแต่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายผิดหวัง เย่เนี่ยนโม่จึงพูดออกมาว่า : “เมื่อวานชูฉิงอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันเป็นห่วงเธอ”
ที่แท้เป็นเพราะเย่ชูฉิงนี่เอง อ้าวเสว่ถอนใจยาว จากนั้นก็ตกอยู่ในความตื่นกลัวมากยิ่งขึ้น เนี่ยนโม่ไม่อยากให้ตนเองถามอะไรที่ละเอียดและรบกวนตัวเขาสินะ
ดังนั้น อ้าวเสว่จึงนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับแล้วคิดฟุ้งซ่านไปตลอดทางจนถึงโรงพยาบาล
เย่ชูฉิงนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเฉยชา เมื่อเย่เนี่ยนโม่และอ้าวเสว่เปิดประตูเดินเข้ามา เธอหันหน้าไปแล้วฝืนยิ้มออกมาพลางพูดกับอ้าวเสว่ว่า : “พี่อ้าวเสว่คะ ฉันมีเรื่องจะพูดกับพี่ชายค่ะ”
อ้าวเสว่ยิ้มแล้วพยักหน้า แต่ในใจรู้สึกอึดอัดอย่างมาก ตนเองเป็นแฟนของเนี่ยนโม่แล้ว เมื่อไหร่ที่ชูฉิงถึงจะปฏิบัติต่อเธอในฐานะพี่สะใภ้เสียที?
“ชูฉิง ดีขึ้นบ้างไหม” เย่เนี่ยนโม่อยากจะเข้าไปใกล้เพื่อวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของชูฉิง แต่ว่าเธอหลบเลี่ยง
“พี่ชาย พี่บอกฉันมาตรงๆ พี่ทำให้พี่โจ๋ซวนไม่มาเจอฉันงั้นเหรอ?” เย่ชูฉิงเจ็บปวดมาก ด้านหนึ่งก็พี่ชายของเธอ อีกด้านก็เป็นคนที่เธอรัก
เย่เนี่ยนโม่ยืดตัวขึ้นแล้วมองน้องสาวด้วยท่าทางจริงจัง “ถูกต้อง ฉันขอเขาเอง ถ้าหากเขาถูกกำหนดมาว่ารักเธอไม่ได้ก็อย่าอ่อนโยนกับเธอตั้งแต่แรก ”
“ไม่ๆ ไม่ใช่นะคะ” เย่ชูฉิงส่ายหน้าทันที มันไม่ใช่แบบนี้ เธอรักไห่โจ๋ซวนไม่ใช่เพียงแค่ความอ่อนโยนของเขาเท่านั้น แต่รักที่ตัวเขาด้วย เมื่อเขาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เธอมีความสุขมาก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวเลยว่าอีกฝ่ายจะยอมรับรักหรือไม่
พี่คะ ฉันชอบพี่โจ๋ซวนมาก ฉันหวังว่าพี่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องระหว่างเราสองคน” เย่ชูฉิงกัดฟันแล้วพูดการตัดสินใจของเธอออกมา
“เธอพูดอีกครั้งซิ” ใบหน้าของเย่เนี่ยนโม่เป็นสีเขียว เขาให้ความสำคัญกับญาติพี่น้องมากที่สุด แต่ตอนนี้ญาติของเขาบอกเขาว่า ต้องการให้ตนเองเลิกมายุ่มย่ามได้แล้ว
สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1402 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1302
Posted by ? Views, Released on September 29, 2021
, สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน
สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด
Recommended Series
Comment
Facebook Comment