สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1403 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1303

“ฉันพูดว่า ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่โจ๋ซวน พี่คะ พี่อย่าพูดแบบนั้นกับพี่โจ๋ซวนอีกนะคะ!” เย่ชูหลับตาแล้วพูดออกมาเสียงดัง
“ปัง!” แจกันดอกไม้ตกลงบนพื้น เย่ชูฉิงมองพี่ชายด้วยความหวาดกลัว แต่ไหนแต่ไรพี่ชายไม่เคยโกรธจัดขนาดนี้
ประตูถูกเปิดออก อ้าวเสว่รีบวิ่งเข้ามาแล้วสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นภาพความยุ่งเหยิงในที่เกิดเหตุ เธอรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อปลอบโยนเย่ชูฉิงที่กำลังน้ำตาคลอเบ้าอยู่ : “ชูฉิง พี่ชายของเธออารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย เธออย่าได้เอามาใส่ใจเลย”
เย่ชูฉิงเข้าไปซ่อนตัวในถ้ำ ใช้ผ้าห่มคลุมศรีษะเอาไว้แล้วส่งเสียงสะอื้นเบาๆออกมาจากถ้ำนั้น เย่เนี่ยนโม่สะบัดมือเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย อ้าวเสว่มองไปที่ชูฉิงแล้วมองเงาด้านหลังของเย่เนี่ยนโม่แล้วถอนใจไล่ตามออกไป
นานๆครั้งเย่เนี่ยนโม่ถึงจะเอนตัวพิงรถสูบบุหรี่ อ้าวเสว่เดินเข้าไปอย่างระมัดระวังแล้วพูดว่า : “เนี่ยนโม่ ฉันเคยได้ยินมาบ้างแล้ว ฉันคิดว่าชูฉิงยังเด็กอยู่ จากนี้ค่อยๆสอนเธอไปต้องดีขึ้นแน่”
เย่เนี่ยนโม่สูดควันบุหรี่เข้าไปอีกสองครั้งอย่างแรง เขาดับก้นบุหรี่แล้วหันหน้ามายิ้มให้กับอ้าวเสว่ : “ไปกันเถอะ บอกว่าอยากไปสวนสัตว์ไม่ใช่เหรอ?”
อ้าวเสว่อึกๆอักๆ เห็นได้ชัดว่าเย่เนี่ยนโม่มีเรื่องในใจ ทำไมถึงไม่พูดกับตนเองแต่ซ่อนเอาไว้ในใจ หรือว่าตนเองเป็นแค่ดอกไม้ประดับของเขางั้นเหรอ?
ทั้งสองคนมาถึงสวนสัตว์โดยต่างฝ่ายต่างมีเรื่องในใจ อ้าวเสว่ถูกชายคนหนึ่งเข้ามาชนตอนเข้าคิวเพื่อซื้อตั๋วที่ประตู
“ขอโทษทีๆ” ชายคนนั้นมองอ้าวเสว่อย่างประหลาดใจแล้วก้มหน้าเดินจากไป
ติงต้าเฉินไล่ตามลูกสาวมาตลอดทางจนถึงสวนสัตว์ คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแวบเดียวไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปไหนแล้ว ติงต้าเฉินหมุนไปรอบๆด้วยความร้อนใจ แล้วชนเข้ากับเด็กสาวคนนั้นที่ตนเองเห็นในรถโดยบังเอิญ
หลังจากถูกชนแล้ว อ้าวเสว่ก็ลูบกระเป๋าเงินด้วยความเคยชินแล้วสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “เนี่ยนโม่ กระเป๋าเงินของฉันหายไป จะต้องเป็นผู้ชายที่ชนฉันเมื่อนี้หยิบไปแน่ๆเลยค่ะ”
เย่เนี่ยนโม่มีสีหน้าประหลาดใจแล้วเอ่ยถามว่า : “จำรูปร่างหน้าตาของคนๆนั้นได้หรือเปล่า?” อ้าวเสว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอพยักหน้าแล้วชี้มือไป : “ฉันเห็นว่าเขาเดินไปที่ไหน”
ติงต้าเฉินยังคงตามหาลูกสาวของเขาทั่วทุกที่ ข้อมือถูกกระชากอย่างรุนแรง ติงต้าเฉินส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด : “โอ๊ะโอ๊ยปล่อยนะ เจ็บๆๆๆ!”
“คุณลุงงั้นเหรอ?” เย่เนี่ยนโม่มองติงต้าเฉินด้วยความสงสัย แล้วหันหน้าไปมองพร้อมตั้งคำถามกับอ้าวเสว่ นี่คือพ่อของติงยียีไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นโจรขโมยกระเป๋าเงินของอ้าวเสว่ไปแล้ว
อ้าวเสว่ไล่ตามมาจากด้านหลัง เห็นเย่เนี่ยนโม่จับขโมยได้แล้ว เธอก้าวมาข้างหน้าข้างหน้าอย่างเดือดดาลแล้วพูดว่า : “ขโมยคนนี้รีบเอากระเป๋าเงินฉันออกมาเลย”
“กระเป๋าเงินเหรอ? ฉันไม่ได้เอากระเป๋าเงินเธอไปนะ” ติงต้าเฉินผงะไปครู่หนึ่งก่อน จากนั้นความโกรธก็ผุดขึ้นมา สาวคนนี้พูดได้ยังไงกัน ตนเองหยิบกระเป๋าเงินของเธอเมื่อไหร่กัน ติงต้าเฉินจ้องมองเย่เนี่ยนโม่อย่างโกรธจัด อีกฝ่ายคือเพื่อนหญิงชายของลูกสาวตนเอง จะต้องไม่สงสัยในตัวเขาสิ
ผู้คนรายล้อมรอบตัวมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆแล้วชี้ไปที่ติงต้าเฉิน ติงต้าเฉินทนไม่ได้ที่จะถูกฉีกหน้า ตลอดชีวิตนี้เคยถูกคนเข้าใจผิดขนาดนี้เมื่อไหร่กัน
เย่เนี่ยนโม่คอยจับตาดูติงต้าเฉินอยู่ตลอด เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสร้งทำ กำลังจะเอ่ยปากพูด ฝูงก็ถูกแหวกออก
“พ่อ!” ติงยียีที่อยู่ข้างนอกได้ยินคนพูดถึงขโมย ทั้งยังได้ยินเสียงที่เหมือนกับพ่อมากจึงเข้ามาดูด้วยท่าทางสงสัย คิดไม่ถึงว่าจะเห็นพ่อยืนอยู่ตรงกลางคนเดียว และมีกลุ่มคนประณามเขาไม่หยุด
“ยียี!” ติงต้าเฉินยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อเห็นยียี เย่ชูหวินปกป้องอยู่ข้างๆติงยียีและติงต้าเฉินด้วยอารมณ์สงบนิ่ง แล้วถามอ้าวเสว่ : “เกิดอะไรขึ้น?”
สีหน้าของเย่ชูหวินเย็นชา อ้าวเสว่ทั้งประหลาดใจทั้งรู้สึกผิด ผู้ชายคนนั้นคือพ่อของติงยียีงั้นเหรอ? เย่เนี่ยนโม่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องอ้าวเสว่แล้วจ้องมองเย่ชูฉิง : “อ้าวเสว่ทำกระเป๋าเงินของเธอหาย”
ทันทีที่ติงยียีได้ยินความโกรธก็ระเบิดขึ้นและเดินไปตรงหน้าเย่เนี่ยนโม่พร้อมกับพูดว่า : “ถ้าหากเป็นคนแปลกหน้า ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดหรอกนะ แต่นายเองก็รู้จักพ่อของฉัน นายไม่รู้จริงๆเหรอว่าเขาทำเรื่องแบบนั้นได้หรือเปล่า?”
อ้าวเสว่มองผู้คนในสถานที่เกิดเหตุอย่างประหลาดใจ อะไรคือการที่เนี่ยนโม่รู้จักกับพ่อของติงยียี สายตาตกไปอยู่บนตัวของติงยียี ชุดเดรสนี้เป็นแบบเดียวกันกับที่อยู่บนใบเสร็จเสื้อผ้าของเย่เนี่ยนโม่ ปรากฏว่าที่แม่พูดว่าเนี่ยนโม่อยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งนั่นคือติงยียี หนำซ้ำตนเองยังรอเขาอย่างโง่เขลา
เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของอ้าวเสว่ที่อยู่ด้านหลังของเขา เขาพูดเรียบๆกับติงยียีว่า : “ฉันเพียงแค่พูดถึงข้อเท็จจริงที่ฉันเห็นเท่านั้น”
“สิ่งที่นายเห็นจะต้องความเป็นจริงเหรอ!” ติงยียีแว้ดใส่ ไม่มีใครจะมาทำร้ายพ่อของเธอได้ทั้งนั้น ติงต้าเฉินที่เดือดดาลตรงกันข้ามกลับสงบลง แล้วจับมือติงยียีต้องการเดินออกไป : “ยียี แฟนแบบนี้ไม่มีก็ไม่เป็นไรหรอก กลับไปกับพ่อ”
“พอได้แล้ว!” อ้าวเสว่ตะโกน เธอมองไปที่เย่เนี่ยนโม่ด้วยน้ำตาที่ไหลเต็มหน้า พร้อมกับร้องไห้แล้วแหวกฝูงชนวิ่งหนีไป เย่เนี่ยนโม่ตกตะลึง ติงยียีที่อยู่ข้างๆร้องตะโกนอย่างเป็นกังวล : “ยังไม่รีบตามไปอีก!”
สายตาของเย่เนี่ยนโม่อยู่บนตัวติงยียีแล้วมองไปรอบๆ จากนั้นถึงได้ไล่ตามอ้าวเสว่ที่จากไป
“เธอกับเขาเป็นแฟนกันเหรอ?” เย่ชูหวินที่มองเห็นทั้งหมดนี้ในดวงตา และคำพูดนั้นของติงต้าเฉินทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดขึ้นมาในทันที ติงยียีโกหกเขามาตลอดงั้นเหรอ?
ติงยียีส่ายหน้า ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายอะไรแล้ว สายตาไม่ไว้ใจของเย่ชูหวินเมื่อกี้นี้ชัดเจนขนาดนั้น เธอดึงข้อศอกของติงต้าเฉินแล้วยิ้มขอโทษกับเย่ชูหวิน : “ขอโทษด้วยนะคะ ที่นัดเดทวันนี้มันพังเสียแล้ว แต่ว่าฉันจะกลับไปกับพ่อก่อนค่ะ”
หลังจากอ้าวเสว่จากไป เธอไม่ได้วิ่งไปไกล แต่หลบซ่อนตัวอยู่ในศาลาที่ทางสวนสัตว์ตั้งไว้สำหรับแขกที่มาเที่ยว ศาลาถูกบังด้วยดอกผักบุ้งที่บานสะพรั่ง มีร่างหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล อ้าวเสว่ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น จากนั้นนั่งลงอย่างขุ่นเคือง ในสมองมีแต่คำพูดเหล่านั้นของพ่อติงยียีแล้วยังมีชุดของติงยียีอีก มีพร้อมทั้งพยานและหลักฐาน ตัวเธอยังจะคาดหวังอะไรอีก
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อ้าวเสว่รีบกดตัดสายแล้วมองดูเย่เนี่ยนโม่ที่กำลังตามหาตนเองพร้อมกับร้องไห้ออกมาเงียบๆ เย่เนี่ยนโม่กระแทกหมัดใส่ม้านั่งหินที่เก่าโทรมตรงหน้า
อ้าวเสว่กลั้นน้ำตาขณะที่มองเห็นปลายนิ้วของเย่เนี่ยนโม่มีรอยเลือดอยู่จางๆ รู้สึกเจ็บปวดใจจนไม่อาจควบคุมไว้ได้ เห็นอยู่ชัดๆว่าเป็นความผิดของเย่เนี่ยนโม่ แต่แล้วทำไมตนเองถึงได้เจ็บปวดขนาดอะไรขนาดนั้น!
“อ้าวเสว่! เมื่อไหร่เธอถึงจะเลิกระแวงสงสัยสักทีนะ พอมีเรื่องก็วิ่งหนีไป แต่ไม่หยุดและฟังฉันเลย!” เย่เนี่ยนโม่หัวเราะอย่างตำหนิตัวเอง เพราะว่าอ้าวเสว่จงใจที่จะซ่อนตัวจากเขา ถึงเขาตามหาต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก
อ้าวเสว่ฟุบตัวลงมองเย่เนี่ยนโม่เดินไกลออกไป เธออยากจะหาใครสักคนเพื่อพูดระบายความในใจ แต่กลับพบว่าไม่มีเลยสักคนที่จะฟังคำพูดของเธอ เธอกดชื่อหนึ่งที่มีอยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อของโทรศัพท์มาโดยตลอดอย่างสั่นเทา แล้วตะโกนเสียงสั่นว่า : “แม่คะ?”
ซือซือแปลกใจเล็กน้อย และฟังออกว่าน้ำเสียงของอ้าวเสว่นั้นต่างไปจากเดิม ถึงถามอย่างรวดเร็วในทันทีเลยว่า : “เป็นอะไรไป ทะเลาะกับเย่เนี่ยนโม่เหรอ?”
“เขาโกหกฉัน เขามีปัญหากับผู้หญิงอีกคนค่ะ เขาซื้อเสื้อผ้าให้เธอแล้วยังไปถึงบ้านของผู้หญิงคนนั้นด้วย” สมองของอ้าวเสว่สับสนมากแล้วพูดทุกอย่างออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
ในสมองของซือซือปรากฏภาพของเย่เนี่ยนโม่และนักศึกษาสาวที่ชื่อติงยียีคนนั้นอยู่ด้วยกันที่โรงแรม ในใจเกิดความภาคภูมิใจเล็กน้อย เธอว่าแล้วเชียว ผู้ชายตระกูลเย่ล้วนแต่โหดเหี้ยมแบบนี้ทั้งนั้น น้ำเสียงได้เปลี่ยนไปและพูดว่า : “เด็กดี แม่เคยพูดไว้แล้วว่าผู้ชายตระกูลเย่ไว้ใจไม่ได้ มีแต่แม่เท่านั้นที่ห่วงใยลูก ถ้าหากว่าลูกร่วมมือกับแม่…”
ฟังยังไม่จบอ้าวเสว่ก็วางสาย ไม่ เธอไม่มีวันทรยศเย่เนี่ยนโม่ แต่ใจกลับเริ่มสั่นไหว ตนเองไม่ทรยศเย่เนี่ยนโม่ แล้วที่ได้กลับมาคืออะไร? มันจะเป็นความรักของเขาใช่ไหม?
ติงต้าเฉินพาติงยียีกลับมา และให้เธอสัญญากับตนเองนับพันครั้งหมื่นครั้งว่าจากนี้จะไม่ไปเจอเย่เนี่ยนโม่อีก จะได้มีโอกาสออกไปทำงาน
ที่ห้องรับรองโรงแรมตี้เหา ผู้จัดการเดินมาพูดกับติงยียีว่า : “เสี่ยวติง เธอไปที่ห้องส่วนตัวหมายเลขสองหน่อยแล้วคอยติดตามงานของห้องส่วนตัวด้วย”
ติงยียีพยักหน้า ห้องส่วนตัวทุกห้องจะต้องมีการหมุนเวียนคนเพื่อรอเรียกและนี่คือเหตุผลว่าทำไมคนจำนวนมากถึงชอบเลือกโรงแรมตี้เหา
เห็นติงยียีเดินไปแล้วโม่ซวนหลินก็เดินมาข้างหน้าแล้วกระซิบผู้จัดการว่า : “ผู้จัดการคะทำไมจู่ๆถึงเรียกติงยียีไปล่ะคะ ก่อนหน้านี้เรียกฉันตลอดไม่ใช่เหรอ?”
ภูมิหลังของคนที่สามารถใช้จ่ายที่โรงแรมตี้เหาได้นั้นล้วนแต่อยู่ในระดับที่ดีและไปได้ทุกที่ ตนเองใช้ความพยายามอย่างมากที่จะปีนขึ้นไปเป็นหญ้าอ่อนน้อยๆของผู้จัดการ น่าเสียดายเป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้พบกับคนที่เหมาะสมโม่ซวนหลินคิดอย่างโกรธเคือง
ผู้จัดการหันไปมองรอบๆเห็นว่าไม่มีใครก็เข้ามาตบบั้นท้ายของโม่ซวนหลินอย่างใกล้ชิดพร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า : “วันนี้คุณบริการคนๆนี้ไม่ได้จริงๆ เขาคือคุณชายแห่งตระกูลเย่ หน้าตาบูดบึ้งสุดๆทั้งคืน นี่เพราะผมเห็นแก่คุณนะ”
เมื่อโม่ซวนหลินได้ยิน ก็แสร้งยิ้มพร้อมกับอิจฉาติงยียีไปด้วย ทำไมถึงให้เธอทำเรื่องที่ได้ผลประโยชน์อีกแล้วนะ มันน่าโมโหจริงๆ
ติงยียีมาถึงห้องส่วนตัวหมายเลข2 เมื่อเปิดประตูกลิ่นเหล้าอย่างรุนแรงได้โชยเข้ามา ในห้องส่วนตัวมีเพียงแสงสลัวของโคมไฟตั้งพื้น มีร่างหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นเอนตัวพิงโซฟา ด้านหน้ามีขวดเหล้าที่วางระเกะระกะ
ติงยียีหยิบขวดเหล้าขึ้นมาทีละขวดแล้วแล้วถามอย่างสุภาพว่า : “คุณผู้ชายคะ ขอสอบถามว่าต้องการให้จัดหาบริการคนขับรถให้ท่านหรือเปล่าคะ?
เย่เนี่ยนโม่ได้ยินเสียงติงยียีท่ามกลางความพร่ามัว เขาเงยหน้าขึ้นอย่างสับสน ตาของเขาหันไปมาอยู่นานก่อนจะมาโฟกัสตัวของติงยียี
สีหน้าของติงยียีเปลี่ยนไปทันที เธอโยนขวดเหล้าแล้วเดินออกไป เย่เนี่ยนโม่ยิ้มแล้วหยิบขวดเหล้าขึ้นมาเทลงไป วันนี้มันเป็นวันบ้าอะไรกันเนี่ย!
ติงยียีเดินออกมาจากห้องส่วนตัวอย่างโกรธเคือง เงาหนึ่งพุ่งออกมาจากความมืดโม่ซวนหลิน คิดว่านี่จะต้องเป็นโอกาสที่พระเจ้ามอบให้ตัวเองอย่างแน่นอน เธอค่อยๆเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ เย่เนี่ยนโม่ที่ดื่มเหล้าจนเมา คิดว่าติงยียีกลับมาแล้ว จึงไม่ได้สนใจ
โม่ซวนหลินกลืนน้ำลาย เย่เนี่ยนโม่คือเป้าหมายที่ดีที่สุดของเธอ เป็นคนรวย พ่อเป็นประธานของบริษัทเย่ซื่อ แม่เป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียง ครอบครัวมีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านหยวนและหน้าตาหล่อเหลามาก
โม่ซวนหลินเอ่ยถามสองสามครั้ง เย่เนี่ยนโม่ดูเหมือนจะเมาไปแล้ว จึงไม่ได้ตอบกลับ สองมือที่สั่นเทาของโม่ซวนหลิน เข้าหาเย่เนี่ยนโม่และเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่ม ขอเพียงตนเองได้เป็นผู้หญิงของเย่เนี่ยนโม่ ความพัวพันระหว่างคนสองคนก็จะลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หลังจากที่ติงยียีออกมาจากห้องส่วนตัวแล้วกลับไปที่ห้องรับรอง พนักงานในห้องรับรองล้วนแต่พากันพูดไม่หยุดถึงโม่ซวนหลิน เดิมทีติงยียีไม่ได้ตั้งใจที่จะฟัง เธอเดินอ้อมสองสามคนมาที่ด้านข้างแต่เท้ากลับหยุดชะงักไม่รู้ตัว

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset