สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1405 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1305

“พี่โจ๋ซวนคะ อาทิตย์นี้คุณไม่ได้มาหาฉันเลย เพราะงานยุ่งมากใช่ไหม?” เย่ชูฉิงมองไปที่ไห่โจ๋ซวนอย่างดื้อรั้นโดยไม่สนใจสายตาของทุกคน เธอไม่เชื่อว่าเพียงเพราะคำพูดของพี่ชายไม่กี่คำ พี่โจ๋ซวนก็ไม่แยแสเธอเลยโดยสิ้นเชิง
ซ่งเมิ่นเจ๋นั่งอยู่ข้างๆไห่โจ๋ซวนพร้อมกับมองไห่โจ๋ซวนอย่างเป็นกังวล หลายวันมานี้ไห่โจ๋ซวนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าสาเหตุเป็นเพราะมีอะไรผิดปกติกับเย่ชูฉิงใช่ไหม?
“เพื่อนร่วมชั้นคนนี้ ขอเชิญออกไปเดี๋ยวนี้เลย ที่นี่คือชั้นเรียน!” อาจารย์ในคาบเรียนเคาะไม้บรรทัดอย่างแรงอยู่บนเวที
“เย่ชูฉิง กลับไปกับฉัน” เย่เนี่ยนโม่ใช้โทนเสียงที่ดังมากขึ้นและขมวดคิ้ว ตอนนี้เขาเริ่มคิดว่า เมื่อเขาทำเช่นนั้นในตอนแรก มันเด็ดขาดเกินไปหน่อยใช่ไหม ถ้าหากว่าเขาค่อยๆไปทีลทีละสเตปอาจจะดีกว่านี้
ไห่โจ๋ซวนลุกขึ้นยืนแล้วลูบศรีษะของเย่ชูฉิงน้ำเสียงยังคงอ่อนโยนอย่างเช่นที่เคยเป็นมาเสมอ : “ชูฉิงเด็กดี ที่นี่คือห้องเรียน เธอกลับไปก่อนดีไหม?”
พี่โจ๋ซวนยังคงอ่อนโยนเหมือนที่คาดไว้ เย่ชูฉิงกลั้นน้ำตาและส่ายหน้าและต้องการจะจับนิ้วมือของไห่โจ๋ซวนเหมือนตอนเป็นเด็ก ไห่โจ๋ซวนจงใจหลบเลี่ยงทำให้มือของเย่ชูฉิงต้องค้างกลางอากาศ
เย่เนี่ยนโม่ทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาดึงมือเย่ชูฉิงออกไป ท่าทางของไห่โจ๋ซวนชัดเจนมากขนาดนี้ น้องที่โง่เขลา ทำไมเธอถึงได้ดื้อรั้นแบบนี้นะ!
“พี่โจ๋ซวน ฉันเกลียดคุณ!” เย่ชูฉิงร้องไห้และตะโกนออกมา เธอสะบัดมือพี่ชายออกแล้ววิ่งไปข้างนอก
ซ่งเมิ่นเจ๋ยื่นอยู่ด้านหลังของไห่โจ๋ซวน มองเห็นไห่โจ๋ซวนค่อยๆกำหมัดของตัวเองแน่น แม้แต่จังหวะก้าวเท้ายังเบนออกไปด้านนอกเล็กนอก เห็นอยู่ชัดๆว่าใส่ใจ เห็นอยู่ชัดๆว่าอยากไล่ตามไป แต่ว่าทำไมต้องกดทับมันเอาไว้ล่ะ?
ติงยียีเพิ่งออกมาจากห้องสมุด มองเห็นคนที่วิ่งอย่างสุดกำลังอยู่บนทางเดินดูคล้ายกับเย่ชูฉิงจึงวิ่งโกยแนบไล่ตามไป สุขภาพของเย่ชูฉิงอ่อนแอตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลแล้วยังวิ่งตั้งแต่เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล ระหว่างที่วิ่งจึงเวียนหัวจนซวนเซและล้มลง
“ชูฉิง!” ติงยียีรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคอง ขณะที่อยู่ในศาลามองดูใบหน้าของเย่ชูฉิงที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแล้ว ติงยียีลังเลเล็กน้อยไม่รู้ว่าตนเองควรจะถามดีไหม
“พี่ยียีคะ? พี่ว่าทำไมพี่โจ๋ซวนถึงไม่ชอบฉัน?” เย่ชูฉิงอิจฉาที่ติงยียีนั้นดูเข้มแข็งอยู่เสมอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องราวในใจกับเธอ แล้วก็บางทีเป็นเพราะเธอเป็นคนรอบตัวที่ติดต่อด้วยน้อยที่สุด พอพูดเรื่องในใจกับเธอก็จะไม่มีใครหัวเราะเยาะเธอ
“ชูฉิง การชอบใครสักคนมันเจ็บปวดมากนะ เพราะว่าเธอจะกลายเป็นคนที่อ่อนไหวและเปราะบางมาก เธอจะมีความสุขมากจนลอยขึ้นไปก้อนเมฆเพราะคำพูดของอีกฝ่าย และภายในชั่วพริบตาก็ตกลงสู่หุบเหวลึกเพราะคำพูดของเขาด้วยเช่นกัน เธอจะกลายเป็นบริวารของเขา เป็นอย่างนี้แล้วเธอยังต้องการชอบใครสักคนอยู่ไหม?” ตัวของติงยียีไม่มีประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาของความรักมาก่อน เธออธิบายออกมาตามความเข้าใจในเรื่องความรักของตนเอง
เย่ชูฉิงตกตะลึง มองติงยียีอยู่ชั่วขณะแล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่นจากนั้นจึงพูดอย่างหงุดหงิดว่า : “แต่พี่ชายของฉันห้ามไม่ให้ฉันชอบพี่โจ๋ซวน”
ติงยียีกลั้นหัวเราะไม่อยู่ : “เด็กโง่ ความรักและการกินล้วนแต่เป็นสัญชาตญาณเดียวกัน หรือว่าตอนที่เธอ หิวก็จะพอมีคนมาห้ามเธอก็จะไม่กินงั้นเหรอ?”
เย่เนี่ยนโม่ยืนนิ่งอยู่นอกศาลา เมื่อเห็นว่าเย่ชูฉิงอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้วเพราะติงยียี เขาก็ถอนหายใจยาว นี่ถึงจะโล่งใจได้จริงๆ
เย่ชูฉิงและติงยียีคุยกันอยู่นานมาก ในตอนที่ออกมาจากประตูมหาวิทยาลัยพบว่ารถของบ้านตัวเองจอดอยู่ที่หน้าประตู เย่เนี่ยนโม่เอนตัวอยู่หน้ารถแล้วโบกมือให้เย่ชูฉิง
เย่ชูฉิงขึ้นรถ เงียบไปครู่หนึ่งและทันใดนั้นก็พูดว่า : “พี่คะ! ฉันชอบพี่โจ๋ซวน และฉันจะไม่ยอมแพ้!”
เย่เนี่ยนโม่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ติงยียีพูดอะไรกันแน่ถึงทำให้จู่ๆชูฉิงเปลี่ยนเป็นเชื่อมั่นได้ขนาดนั้น? แล้วก็ถอนใจอีกครั้ง หรือไม่ก็ลองอีกครั้งแล้วกัน ถ้าหากยังไม่เป็นผลอีก ครั้งหน้าเขาจะไม่ใจอ่อนอีกแล้ว
ส่งเย่ชูฉิงกลับไปที่โรงพยาบาลแล้ว ทันทีที่เย่เนี่ยนโม่เข้าบ้าน แม่บ้านก็เดินมาหาข้างหน้าแล้วพูดอย่างกังวลใจว่า : “คุณชายน้อยคะ เมื่อเร็วๆนี้ดอกไม้ส่งไปที่สถานเลี้ยงกำพร้าของคุณอ้าวเสว่แล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับไว้ค่ะ”
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว หลายวันมานี้ที่เขาไม่ได้ไปหาอ้าวเสว่เพราะหวังว่างจะให้ช่วงเวลาและพื้นที่สงบระว่างทั้งสองฝ่ายได้คิดว่าทำไมถึงได้ทะเลาะกัน แต่ผลที่ตามมาดูแล้วไม่ดีเลย เมื่อนิ้วมือแตะกุญแจในกระเป๋า เย่เนี่ยนโม่ก็เกิดความคิดในใจ
เขาขับรถมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เย่เนี่ยนโม่เดินตรงไปจนถึงห้องของอ้าวเสว่ หน้าต่างห้องไม่ได้ปิด อ้าวเสว่จ้องมองทีวีอย่างว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าในทีวีเป็นรายการตลก อ้าวเสว่กลับดูด้วยดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตา
โอ้ พระเจ้า นี่เธอร้องไห้กี่ครั้งแล้วเนี่ย! เย่เนี่ยนโม่มองดูดวงตาที่บวมแดงของอ้าวเสว่อย่างตกใจและอดไม่ได้ที่จะผลักประตูเข้าไป
อ้าวเสว่มองเย่เนี่ยนโม่ที่ผลักประตูเข้ามาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ร้องไห้แล้วโยนตุ๊กตาผ้าในอ้อมกอดไปบนตัวเย่เนี่ยนโม่ : “คุณไปเลยนะ ฉันไม่อยากเจอคุณ”
“อ้าวเสว่!” เย่เนี่ยนโม่ก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขนของอ้าวเสว่เอาไว้ ทำไมผ่านไปหลายวันแล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนถึงได้แย่ลงเรื่อยๆ? เขาจับอ้าวเสว่ที่ดิ้นรนไว้ในอ้อมแขนแล้วถามอย่างยอมแพ้ว่า : “อ้าวเสว่ บอกฉันได้ไหมว่ากำลังคิดอะไร?”
“หรือว่าคุณไม่รู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร? คุณซื้อเสื้อผ้าให้ติงยียี พ่อของติงยียีคิดว่าพวกคุณเป็นคู่รักกัน ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันล่ะ? ฉันคืออะไร?” อ้าวเสว่เสียใจอย่างมาก เธอปฏิบัติกับเย่เนี่ยนโม่อย่างอ่อนโยนเสมอมา
“ฉันอธิบายเรื่องนี้ไปแล้ว ฉันเคยบอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันกับติงยียีเราไม่มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกันแน่นอน!” เย่เนี่ยนโม่หงุดหงิดถึงขีดสุดแล้ว เพราะอะไรในเมื่อเขาอธิบายความสัมพันธ์ของตนเองกับติงยียี ความเชื่อของเธอมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?
“พวกเราเลิกกันเถอะ” อ้าวเสว่เช็ดน้ำตาแล้วพูดเบาๆ
“เธอแน่ใจเหรอ?” เย่เนี่ยนโม่ล้วงเข้าจับกุญแจในกระเป๋ากางเกงไว้แน่น ถึงในตอนนี้ เขายังคงต้องการมอบบ้านที่เขาซื้อมาให้เป็นของขวัญกับอ้าวเสว่
อ้าวเสว่หันหลังให้และไม่พูดอะไร ในใจยังมีความปรารถนาอยู่บ้าง เขาจะรั้งตัวฉันไว้ไหมนะ? เขาจะขอโทษใช่ไหม? ประตูที่ถูกปิดลงและเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆไกลออกไป ทำให้ใจของอ้าวเสว่หนาวเหน็บ ไม่ เขาจะไม่กลับมา
อ้าวเสว่ไม่ได้นอนทั้งคืน จนกระทั่งในช่วงการประชุมก็มีอาการเหม่อลอย : “การเตรียมตัวสำหรับงานแข่งกีฬาครั้งนี้ได้เสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ต่อไปจะต้องเหนื่อยยิ่งขึ้น จะมีงานต่างๆเช่นงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานทำโปสเตอร์ นอกจากนี้ยังมีงานจัดสถานที่เป็นต้น ตอนนี้ทุกคนสามารถเข้าร่วมกลุ่มได้อย่างอิสระ” ดวงตาของเย่เนี่ยนโม่กวาดไปทั่วตัวอ้าวเสว่ เขาไม่ได้เอาความโกรธของอ้าวเสว่เมื่อวานนี้มาเป็นเรื่องจริงจังเลย
“ฉันอยู่กลุ่มเดียวกับติงยียี” อ้าวเสว่เอ่ยปากอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ติงยียีผงะ เรื่องที่อ้าวเสว่เข้าใจผิดคิดว่าพ่อของเธอเป็นขโมยยังเป็นตุ่มสิวอยู่ในใจของเธอ นอกจากนี้เย่เนี่ยนโม่และอ้าวเสว่เป็นคู่รักกันไม่ใช่เหรอ? หรือว่าครั้งก่อนที่พวกเขาทะเลาะกันยังไม่ได้คืนดีกัน
เย่เนี่ยนโม่ไม่พูดอะไร ตอนที่จดบันทึกลงไป สิ่งที่เขาแปลกใจก็คือ จางถังเป็นฝ่ายเริ่มเสนอตัวร่วมกลุ่มกับอ้าวเสว่ สุดท้ายแล้วซ่งเมิ่นเจ๋และเย่เนี่ยนโม่ก็เข้ามาในกลุ่ม
ในตอนบ่ายติงยียีและอ้าวเสว่ไปรับโปสเตอร์ด้วยกัน ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันภายใต้บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ ติงยียีแอบถอนหายใจ เธอรู้ตัวนานแล้วว่าควรจะยืนกรานอยู่กลุ่มเดียวกันกับซ่งเมิ่นเจ๋
“ฉันเลิกกับเนี่ยนโม่แล้ว” จู่ๆอ้าวเสว่ก็เอ่ยขึ้น พร้อมกับสังเกตการแสดงออกของติงยียี ติงยียีประหลาดใจมาก หรือว่าเป็นเพราะคำพูดที่พ่อของเธอเข้าใจผิดตนเองกับเย่เนี่ยนโม่ทำให้ทั้งสองคนต้องเลิกกัน?
“ถ้าหากพวกเธอเลิกกันเพราะคำพูดที่สวนสัตว์ในวันนั้น ฉันอยากจะบอกเธอว่า ฉันกับเย่เนี่ยนโม่เราไม่มีอะไรเลยจริงๆ” ติงยียีเล่าเรื่องที่เธออยู่กับเย่เนี่ยนโม่แล้วพ่อของเธอเข้าใจผิดอีกรอบหนึ่ง เธอไม่ต้องการเป็นมือที่สามที่สร้างความสับสนให้กับคนอื่น
“ถึงแม้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นความจริง พวกเราก็เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เราเลิกกันเรียบร้อยแล้ว” อ้าวเสว่เศร้าซึมอย่างมาก แม้กระทั่งคร่ำครวญเล็กน้อย ทำไมเนี่ยนโม่ถึงได้จากไปง่ายๆแบบนั้น
“ยียี เธอช่วยฉันนะ ในหมู่นักศึกษาหญิงฉันสนิทกับเธอที่สุด เธอช่วยไปถามความคิดของเนี่ยนโม่ให้หน่อยได้ไหม?” ทันใดนั้นอ้าวเสว่เกิดความรู้สึกใจสั่น ตนเองไล่ตามเย่เนี่ยนโม่มานานขนาดนั้น ชอบเขามาสิบกว่าปี เธอไม่เต็มใจที่จะปล่อยทั้งหมดไปในทันที
“ขอโทษนะ ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก ฉันไม่ใช่นักบุญ วันนั้นที่สวนสัตว์เย่เนี่ยนโม่รู้ดีว่าพ่อฉันไม่มีทางทำเรื่องพวกนั้นได้แต่เขากลับปิดปากเงียบ ฉันเกลียดคนเฉยเมยแบบนี้ที่สุด” ติงยียีหยิบโปสเตอร์ที่พิมพ์ใบเสร็จแล้วออกมาและไม่ต้องการที่จะพัวพันกับอ้าวเสว่อีกต่อไป ติงยียีกอดใบปลิวเอาไว้แล้วเดินออกจากห้องพิมพ์งานอย่างรวดเร็ว และชนเข้ากับไห่โจ๋ซวนที่มาถ่ายเอกสารข้อสอบอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์
ไห่โจ๋ซวนช่วยติงยียีเก็บใบปลิวที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาแล้วพูดอย่างเป็นกันเองว่า : “ทำไมพักนี้ทุกคนถึงได้รีบร้อนกันนักนะ เมื่อกี้นี้เห็นหน้าของเนี่ยนโม่ก็ดำจนจะกลายเป็นเปากง(เป็นหนึ่งในเทพที่ชาวจีนให้ความเคารพอย่างยิ่ง หน้าเขาเป็นสีดำ) อยู่แล้ว?”
“นี่ไม่ใช่เพราะเขากับอ้าวเสว่เลิกกันหรือไง!” ติงยียียิ้มให้ไห่โจ๋ซวน และไม่มีเวลาที่จะคุยกับอีกฝ่ายสักสองสามคำ เพราะกังวลว่าอ้าวเสว่จะพูดเรื่องนี้กับตัวเองอีกครั้งหลังจากออกมา ติงยียีออกไปเหมือนกับจะหลบหนี
ที่ว่าเลิกกันคืออะไร? ไม่ง่ายเลยที่จะจับคู่สองคนนี้ แผนของตนเองเพิ่งจะเริ่มต้น ถ้าหากอ้าวเสว่เลิกกับเย่เนี่ยนโม่ และไม่สามารถเข้าไปในตระกูลเย่ได้ ถ้าอย่างนั้นแผนการของตนจะสมบูรณ์ได้ยังไง? ไม่ได้ ตนเองจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นเด็ดขาด
ตอนกลางคืน ไฟในสำนักงานของสหภาพนักศึกษายังคงสว่าง อ้าวเสว่นอนคว่ำหน้าหลับอยู่บนโต๊ะ เย่เนี่ยนโม่ค่อยๆเปิดประตูแล้ววางมื้อเย็นลงบนโต๊ะของอ้าวเสว่
ได้ยินนักศึกษาคนอื่นๆที่สหภาพนักศึกษาพูดว่าหลังเลิกเรียนอ้าวเสว่อยู่ในสำนักงานตลอดเพื่อทำงานให้ทัน เย่เนี่ยนโม่รู้ว่านิสัยของอ้าวเสว่จะไม่สนใจการกินอย่างแน่นอน
มีรายชื่อหนาปึ้กอยู่ตรงหน้าของอ้าวเสว่ รายชื่อเหล่านี้ต้องป้อนเข้าไปในคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เย่เนี่ยนโม่หยิบรายชื่อเหล่านี้ขึ้นมาทำเพื่อช่วยอ้าวเสว่
เวลาผ่านไป ตอนที่อ้าวเสว่ตื่นขึ้นมาแล้ว นอกจากของว่างยามดึกกรุ่นๆแล้ว คอมพิวเตอร์ยังเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย นอกจากรายการที่ป้อนเข้าไปเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีใครอีก เป็นเย่เนี่ยนโม่ใช่ไหม? คืนนี้ถูกกำหนดให้นอนไม่หลับอีกครั้ง
ในร้านกาแฟ ไห่โจ๋ซวนมองไปรอบๆแล้วจึงได้นั่งลงตรงมุมหนึ่ง เขาขมวดคิ้วแล้วพูดกับซือซือว่า : “อ้าวเสว่จะเลิกกับเย่เนี่ยนโม่ได้ยังไง รู้หรือเปล่าว่ากว่าจะโอกาสนี้มามันยากแค่ไหน”
ซือซือมองไห่โจ๋ซวนที่ค่อนข้างร้อนใจอยู่ตรงหน้าอย่างอดกลั้น คนหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่มีความอดทนมากพอ ตนเองเผชิญกับอะไรมามากมาย ดูว่ามันจะเป็นยังไงไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเลย
“ตอนนี้ใจของอ้าวเสว่ยังไม่ใช่ของพวกเรา พวกเราจะต้องทำให้เธอเกลียดเย่เนี่ยนโม่โดยสมบูรณ์ก่อน จากนั้นพวกเราถึงจะมีโอกาสที่ใช้เป็นประโยชน์ได้” ซือซือกล่าวอย่างมั่นใจ ไม่มีอะไรที่เธอทำได้ดีมากไปกว่าการเล่นกับใจของคนอีกแล้ว
“คุณวางแผนจะทำอะไร?” ไห่โจ๋ซวนขมวดคิ้ว เขาควรจะเพิ่มการป้องกันให้กับตนเองจากจิ้งจอกเฒ่าตรงหน้าเขาถึงจะดี ซือซือยิ้ม เธอเข้าไปใกล้กับไห่โจ๋ซวนแล้วปากก็พูดแผนการร้ายออกมา

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset