สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1406 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1306

วันรุ่งขึ้น เย่เนี่ยนโม่ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูชั้นเรียนของติงยียี แล้ววางบัตรเชิญลงบนมือของติงยียี : “ชูฉิงออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะมีการจัดงานเลี้ยงที่บ้าน ชูฉิงระบุชื่อให้เธอไปร่วมงานด้วย”
ติงยียีรับบัตรเชิญมาแล้วอดไม่ได้ที่จะถามว่า : “อ้าวเสว่ไม่อยู่”
เย่เนี่ยนโม่ตอบว่า : “ฉันรู้ ตอนนี้เธอกำลังค้นหาข้อมูลอยู่ในห้องสมุด” ถึงแม้ว่าอ้าวเสว่จะหลบเลี่ยงเขาอยู่ตลอด แต่เขารู้ความเคลื่อนไหวของเธอเสมอ
ติงยียีพยักหน้าและไม่พูดเพิ่มเติมอีก เรื่องของคนอื่นมีส่วนร่วมน้อยที่สุดเป็นดี หลังจากเลิกเรียนในตอนเย็น ติงยียีรีบไปที่โรงแรมตี้เหาเพื่อทำงานพาร์ทไทม์ ที่ปากประตูเป็นรถของเย่เนี่ยนโม่? แปลกจัง เขามาดื่มอีกแล้วเหรอ?
ภายในบาร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมตี้เหา ไห่โจ๋ซวนดื่มคารวะให้กับเย่เนี่ยนโม่ : “นายยังโทษฉันที่ไม่ยอมรับรักชูฉิงอยู่หรือเปล่า?”
เย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนชนแก้วกันและดื่มในอึกเดียว : “ตอนนี้ฉันรอแทบไม่ไหวที่จะสู้กับนายแล้ว จากนั้นก็จะห่อนายแล้วส่งไปที่เตียงของชูฉิง”
“ฮ่าๆๆ!” ไห่โจ๋ซวนทุบไหล่ของเย่เนี่ยนโม่ซ้ำๆแล้วหัวเราะเสียงดังลั่นออกมาตรงๆ พนักงานเสิร์ฟที่อยู่ข้างหลังพูดอย่างสุภาพกับไห่โจ๋ซวน : “คุณผู้ชายครับ รถปอร์เช่ที่จอดอยู่ด้านนอกเป็นของคุณหรือเปล่าครับ? อาจจำเป็นต้องย้ายที่จอดใหม่ เนื่องจากกีดขวางถนนใหญ่ครับ”
ไห่โจ๋ซวนทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วโยนกุญแจรถให้เย่เนี่ยนโม่พร้อมพึมพำว่า : “ฉันเมามากแล้ว เนี่ยนโม่นายช่วยไปย้ายรถให้ฉันด้วย โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ฉันเห็นภาพซ้อน!”
เย่เนี่ยนโม่เองก็ไม่ได้หลบเลี่ยง อย่ามองว่าเวลาปกติแล้วเพื่อนสนิทของเขาคนนี้เป็นผู้ดี แต่กลับรักการดื่ม ถ้าไห่โจ๋ซวนไปขับรถตอนนี้ มันเจ็บปวดกว่าการฆ่าเขาเสียอีก
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของเย่เนี่ยนโม่ ดวงตาของไห่โจ๋ซวนไม่มีรอยยิ้มแบบเมื่อสักครู่นี้อีกแล้ว เขามองดูนาฬิกาแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย การแสดงดีๆกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ติงยียีเดินไปที่ห้องส่วนตัวอย่างหดหู่ เมื่อกี้นี้ผู้จัดการให้เธอมาที่สนามรบในห้องส่วนตัวหมายเลขสาม ยังไม่ทันจะเข้าประตู ติงยียีก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องอยู่ข้างใน
โรงแรมตี้เหาได้จัดตั้งคาราโอเกะ KTV และบาร์ของตนเองขึ้นมา นี่คือโรงแรมที่ครบวงจร
ติงยียีผลักประตูเข้าไปแล้วเกือบจะสะดุ้งตกใจกับเสียงดังลั่นของชายที่อยู่ข้างใน
“พนักงาน! มา กดเพลงกัน!” หนึ่งในชายวัยกลางคนที่เมาแล้วตะโกนใส่ติงยียี ติงยียีก้าวไปด้านหน้าแล้วโน้มตัวเพื่อช่วยกดเพลงให้ จู่ๆก็มีมือมาตบที่ก้นของติงยียี
“ไอ้เลว!” ติงยียีหันกลับมาถลึงตาใส่ด้วยความโกรธ ชายคนนั้นยิ้มและหยิบเงินสดจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้ววางลงบนโต๊ะเสียงดังพึ่บ : “อย่าพูดจาไม่น่าฟังขนาดนั้นสิ มา ขอเพียงเธออยู่เป็นเพื่อนพวกเราคืนนี้ เงินเหล่านี้จะเป็นของเธอ”
ติงยียีหันไปมองผู้ชายขี้เมาสองคนนี้อย่างดูถูกแล้วเปิดประตูจะเดินออกไป ข้อมือกลับถูกคว้าเอาไว้ ชายคนนั้นลูบมือของติงยียีอย่างลามก : “เรียบเนียนดีจริงๆ!”
ติงยียีทนไม่ไหวแล้ว เธอตวัดฝ่ามือออกไป แต่ที่เร็วกว่าติงยียีคือหมัดอันทรงพลัง ชายคนนั้นถูกต่อยจนกระเด็นออกไป เขาปีนลุกขึ้นมาอย่างยากลำบากแล้วมองไปที่ชายหนุ่มที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูและตะโกนว่า : “แกเป็นใคร!”
เย่เนี่ยนโม่ยืนอยู่ด้านหน้าของติงยียีแล้วปรับแขนเสื้อด้วยความสบายใจและรื่นเริง : “ถ้าหากว่ายังไม่ไสหัวไป ฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าคนอื่นจะจำได้ไหมว่าแกเป็นใคร”
ชายคนนั้นมองดูใบหน้าของเย่เนี่ยนโม่อย่างละเอียดแล้วตะโกนว่า : “ที่แท้ก็คุณชายของบริษัทเย่ซื่อ เห็นแก่หน้าของแก ฉันจะไม่ติดใจเอาความ!”
ชายคนนั้นเดินโซเซและมีชายอีกคนเข้ามาช่วยพยุงแล้วเดินไป เย่เนี่ยนโม่คิ้วขมวด เขาเกลียดการมีชีวิตอยู่ภายใต้รัศมีของตระกูลเย่ และยิ่งเกลียดเมื่อเวลาที่คนพูดถึงเขาจะเติมชื่อลงไปว่าคุณชายตระกูลเย่
“มือของนายไม่เป็นไรนะ!” ติงยียีเห็นที่ง่ามนิ้วมีรอยแตกเล็กน้อย เดาว่าตอนที่ต่อยคนเมื่อกี้นี้น่าจะขูดโดนอะไรบางอย่าง
“ไม่เป็นไร” เย่เนี่ยนโม่หันหลังกลับและต้องการจะออกไป แต่เมื่อดึงประตูกลับเปิดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าประตูถูกปิดจากด้านนอก “ไอ้พวกเมื่อกี้นี้ทำแน่ๆ!” ในเวลาทำงานติงยียีไม่สามารถพกโทรศัพท์ได้ จึงทำได้เพียงมองไปทางเย่เนี่ยนโม่
เย่เนี่ยนโม่ต่อสายหาไห่โจ๋ซวน แต่ปรากฏว่าโทรไม่ติด เขาจึงฝากข้อความให้อีกฝ่าย เย่เนี่ยนโม่กลับไปนั่งลงบนโซฟาแล้วหลับตาลงเพื่อผ่อนคลาย
ติงยียีถอนหายใจแล้วนั่งลงตรงข้ามเย่เนี่ยนโม่ พร้อมกับพูดว่า : “เมื่อกี้นี้ขอบคุณนะ”
“ไม่โกรธแล้วเหรอ?” เย่เนี่ยนโม่ถามกลับ ติงยียีตั้งใจเงยหน้าขึ้นและพูดกับเย่เนี่ยนโม่อย่างจริงจังว่า : “โกรธสิ ฉันโกรธมาก รีบเข้ามาแล้วให้ฉันชกเลย!”
เย่เนี่ยนโม่หัวเราะชอบใจ เมื่อเขาอยู่กับติงยียีจะผ่อนคลายมาก ดูเหมือนว่าติงยียีจะไม่มีวันหลบซ่อนความคิดเอาไว้ในใจ เขาเป็นผู้ชาย แต่เขาไม่เก่งเรื่องเดาใจผู้หญิงเหมือนพ่อ ถ้าหากอ้าวเสว่เป็นเหมือนกับติงยียีก็คงจะดี
การเยาะเย้ยของติงยียีทำให้บรรยากาศของทั้งสองคนดีขึ้นมาก เย่เนี่ยนโม่หยิบไวน์ที่ยังไม่ได้เปิดอยู่บนโต๊ะเอาขึ้นมาดื่มเป็นคู่กับติงยียี
เวลาผ่านไป เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนมีการพูดคุยกันมากขึ้น
“ทำไมนายยังไม่คืนดีกับอ้าวเสว่ล่ะ! เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ดีขนาดนั้น!” ติงยียีกล่าวโทษเย่เนี่ยนโม่พร้อมกับตบโต๊ะ
เย่เนี่ยนโม่จิบไวน์แล้วเงยหน้าขึ้นมองแสงไฟหลากสีที่กำลังส่องแสงหมุนไปมาอยู่บนหัวของเขาอย่างหดหู่ใจ : “พวกผู้หญิงอย่างเธอเนี่ย มีเรื่องในใจแล้วพูดออกมาไม่ได้เหรอไง? ผู้ชายไม่ใช่พระเจ้า ไม่มีทางคาดเดาความคิดพวกเธอได้หรอก”
“นั่นเป็นเพราะว่าพวกนายไม่ได้ให้ความรู้สึกปลอดภัยกับพวกเรา!” ติงยียีพึมพำอย่างไม่พอใจ เย่เนี่ยนโม่นิ่งเงียบ หรือว่าตนเองไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยแก่อ้าวเสว่จริงๆ? เพราะฉะนั้นเธอถึงไม่เชื่อเขาอยู่ตลอดเวลา?
เมื่อติงยียีให้คำแนะนำอย่างถูกจุด เย่เนี่ยนโม่ก็รู้แจ้งขึ้นมาทันที เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกำหนดที่ตั้งร้านอาหาร เขาจะต้องพูดคุยกับอ้าวเสว่ถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผยจริงใจ
ประตูถูกคนเปิดออกจากด้านนอก ไห่โจ๋ซวนเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าติงยียีและเย่เนี่ยนโม่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานก็ยิ้มอย่างพึงพอใจที่มุมปากแล้วเขาก็ปกปิดมันอย่างรวดเร็วและแสร้งทำเป็นอธิบายไม่ถูกว่าเกิดขึ้นได้ยังไง : “พวกนายสองคนถูกขังอยู่ข้างในได้ยังไง?”
เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้นตบไหล่ไห่โจ๋ซวนแล้วรีบร้อนออกไป ไห่โจ๋ซวนมองติงยียีอย่างแปลกใจ : “เขาจะไปไหน?”
ติงยียีตอบไห่โจ๋ซวนสั้นๆว่าเย่เนี่ยนโม่กำลังจะไปหาอ้าวเสว่ สีหน้าของไห่โจ๋ซวนเปลี่ยนไป จากนั้นเขายิ้มและพูดว่า : “แบบนี้ก็ดีเลย เนี่ยนโม่เป็นพี่น้องของฉัน ฉันเองหวังว่าเขาจะมีความสุขกับอ้าวเสว่ในไม่ช้า เอาล่ะ ติงยียี ฉันจะไปโทรศัพท์ก่อน”
อ้าวเสว่กำลังเขียนไดอารี่ วันนี้แดดจ้าแล้วก็เป็นอีกวันที่ไม่มีเนี่ยนโม่ หรือว่าเขาไม่ได้คิดถึงว่าฉันกำลังทำอะไรงั้นเหรอ? หรือว่าความรู้สึกจะพังลงแบบนี้จริงหรือ? ฉันอยากไปหาเขามากและบอกกับเขาว่าฉันรักเขามาแค่ไหน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อ้าวเสว่รับสายโดยไม่รู้ตัว “อีกสิบนาทีฉันจะไปถึงบ้านของเธอ” เย่เนี่ยนโม่พูดสั้นๆแล้ววางสาย
สิบนาทีจะมาถึงบ้าน? อ้าวเสว่ยืนขึ้นอย่างตื่นตระหนกแล้วรีบพุ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า เลือกเสื้ออย่างสับสนวุ่นวายทำอะไรไม่ถูกและแต่งหน้า เมื่อคนที่คุณกำลังคิดถึงกำลังจะปรากฏตัวต่อหน้าคุณ มันไม่สำคัญแล้วว่าเขาจะมาทำไม
ขณะที่กำลังแต่งหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก อ้าวเสว่รับสายโดยอัตโนมัติ : “สิบนาทีใช่ไหม?”
“เด็กดีของแม่ ลูกกลับมาคืนดีกลับเย่เนี่ยนโม่แล้วใช่ไหม?” ซือซือถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อ้าวเสว่อดไม่ได้ที่ยกมุมปากขึ้นแล้วพูดอย่างมีความสุขมากว่า : “ยังค่ะ แต่ว่าเขาจะมารับฉันออกไป ฉันคิดว่าจะต้องกลับมาใหม่แน่นอน”
เมื่ออ้าวเสว่พูดอย่างสนุกสนานแล้วก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แม่คิดหาวิธีที่จะจัดการกับเนี่ยนโม่อย่างสุดความสามารถ เมื่อกี้นี้ตนเองก็พูดเร็วเกินไป คิดๆดูแล้ว จึงพูดอย่างเป็นกังวลว่า “แม่คะ ฉันจะไม่ช่วยแม่จัดการเนี่ยนโม่หรอกนะ”
“เด็กโง่ ถึงแม้ว่าฉันจะเกลียดเย่เนี่ยนโม่ แต่เธอเป็นลูกของฉัน แน่นอนว่าฉันย่อมหวังให้เธอมีความสุข แต่ว่าแม่ขอบอกกับเธอในฐานะของคนที่ผ่านโลกมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นภัยคุกคาม บางทีครั้งต่อไปพวกเธออาจจะต้องทะเลาะกันเพราะผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง”
ในใจของอ้าวเสว่เต้นตึกตักแล้วถามไปตามจิตใต้สำนึกว่า : “ถ้าอย่างนั้นควรทำยังไงดี? “ เห็นว่าอ้าวเสว่ติดกับแล้ว ซือซือก็ยิ้มแล้วพูดถึงแผนการที่ตนเองเตรียมไว้ออกมา
สิบนาทีต่อมา เย่เนี่ยนโม่ลงจากรถ อ้าวเสว่ยืนอยู่ที่ปากประตูเรียบร้อยแล้วและมองเย่เนี่ยนโม่อย่างประหม่า เย่เนี่ยนโม่ทำท่าให้อ้าวเสว่ขึ้นรถแล้วรถก้ขับไปจนถึงร้านขายเสื้อระดับไฮเอนด์
ร้านค้ารอบๆปิดหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ร้านเดียวที่ยังเปิดอยู่ หลังจากที่พนักงานสองสามคนเห็นอ้าวเสว่ก็เป็นฝ่ายเริ่มเดินมาข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วพาอ้าวเสว่ไปถึงห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยชุดเดรส
“เจ้าหนู เรียกฉันมาในเวลานี้ จะชดเชยให้ฉันยังไง” หลินเจี๋ยที่มีหนวดและสุขุมมากขึ้น ร้านนี้เป็นทรัพย์สินของเขาและเขาไม่คาดคิดเลยว่าลูกชายของเซี่ยชีหรั่นจะมาหาเขา
“ลุงหลิน ครั้งนี้ขอบคุณมากนะครับ” เย่เนี่ยนโม่พูดอย่างใจเย็น หลินเจี๋ยมองเย่เนี่ยนโม่ด้วยความชื่นชม เด็กคนนี้สืบทอดผิวพรรณและหน้าตาที่ดูดีของเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลิน ถึงแม้อายุยังน้อยแต่ยังดูสุขุม แต่ว่าเด็กสาวเมื่อสักครู่นี้ หน้าตาคล้ายกับซือซือมาก ดวงตานั้นเหมือนกับการทำซ้ำมาเลย
“เนี่ยนโม่ พ่อแม่ของแฟนนายเป็นใคร? ฉันเห็นแล้วรู้สึกว่าเด็กคนนี้เหมือนเพื่อนเก่าของฉันมาก” ยิ่งหลินเจี๋ยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อ้าวเสว่ยิ่งเหมือนกับซือซือมาก
ถึงแม้ว่าเย่เนี่ยนโม่จะแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมจู่ๆลุงหลินถึงได้ถามแบบนี้ แต่ก็ตอบโดยไม่ได้ใส่ใจ : “อ้าวเสว่เป็นเด็กกำพร้าครับ”
ประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดออก อ้าวเสว่สวมชุดราตรีพลิ้วไหวเดินออกมาด้วยท่าทางสะโอดสะอง เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าอย่างชื่นชมแล้วหยิบการ์ดของเขาออกมา
สีหน้าของหลินเจี๋ยนั้นตึงขึ้นทันที บอกว่ายังไงก็ไม่ยอมรับเงินของเย่เนี่ยนโม่ และสายตาอดไม่ได้ที่จะมองดูอ้าวเสว่อีกครั้ง อ้าวเสว่ยิ้มอย่างอ่อนโยน เหมือนกันเลย เหมือนกันมากจริงๆ หลินเจี๋ยคิด
อ้าวเสว่เดินตามเย่เนี่ยนโม่ออกมาจากร้านเสื้อ จากนั้นก็ขับรถไปยังร้านอาหารตะวันตกที่มีชื่อที่สุดของเมืองตงเจียง เมื่อไปถึงทางเข้าร้านอาหารตะวันตก ด้านในประตูนั้นมืดสนิท
เย่เนี่ยนโม่โทรศัพท์แล้ว ร้านอาหารซึ่งเดิมมืดสนิท ทันใดนั้นก็แสงไฟสว่างก็ขึ้น เสียงเปียโนที่ไพเราะได้ดังขึ้น อ้าวเสว่มองเย่เนี่ยนโม่อย่างตื้นตันใจ
ร้านอาหารเลยช่วงเวลาทำการไปแล้ว มีเพียงอ้าวเสว่และเย่เนี่ยนโม่สองคน โดยเสริฟไวน์ก่อนอาหารที่เหมาะสมและหรูหราให้กับทั้งสองคน ในใจของอ้าวเสว่มีเรื่องในใจ หลังจากครุ่นคิดก็พูดออกมาว่า
“เนี่ยนโม่ คุณสัญญากับฉันอย่างหนึ่งได้ไหมคะ?”
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าแล้วทำท่าให้อ้าวเสว่พูดได้เลย อ้าวเสว่พูดในสิ่งที่แม่สอนตนเองมาว่า : “สัญญากับฉันได้ไหมว่าจะอยู่ให้ห่างจากติงยียี? เย่เนี่ยนโม่วางแก้วไวน์ลงแล้วมองอ้าวเสว่อย่างไม่ละสายตา อ้าวเสว่ที่เขารู้จักมาตลอดนั้นอ่อนโยน ไม่มีทางพูดคำประเภทนี้ออกมา
อ้าวเสว่เห็นว่าเย่เนี่ยนโม่ไม่เพียงแต่ไม่รับปากเธอ ตรงกันข้ามกลับมองดูเธออย่าไม่เข้าใจ ในใจเธอเต้นโครมคราม และยังคงยืนกรานโดยลุกขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า : “ในเมื่อว่าคุณไม่ยอม ถ้าอย่างนั้นฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset