สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1422 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1322

เย่ชูฉิงตัวแข็งทื่อ ตั้งแต่หนีออกจากบ้านเธอไม่กล้าเปิดโทรศัพท์มาตลอด ถึงแม้จะรู้ว่าแม่และพี่ชายจะต้องตามหาตนเองจนแทบบ้าอย่างแน่นอน
ในใจของจางถังต้องการลักพาตัวเย่ชูฉิงมาไว้ในมือของเขา การไปนั่งยองๆนอกบ้านตระกูลเย่ให้ยุงกัดไม่เสียเปล่าแล้ว
“ชูฉิง!”เย่ชูฉิงได้ยินใครบางคนเรียกตนเอง และเงยหน้ามองติงยียีที่วิ่งเหงื่อเต็มหน้ามาทางตนเองด้วยความประหลาดใจ
“อย่าดูถูกตัวเองอย่ายอมแพ้สิ เธอเป็นแบบนี้แล้วไม่เพียงแค่ไห่โจ๋ซวนจะไม่ชอบเธอนะ เขากลับจะเกลียดเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก” ในจุดวิกฤตเธอเองก็ทำได้เพียงยกไห่โจ๋ซวนขึ้นมาและหวังว่าเย่ชูฉิงจะตื่นเสียที
ดวงตาของเย่ชูฉิงเป็นประกายเมื่อได้ยินถึงคนที่ใจคิดถึงอยู่ตลอดเวลา จากนั้นก็หรี่ลงอีกครั้ง ติงยียีรู้ว่าเธอกำลังเสียใจเรื่องอะไร จึงพูดกล่อมซ้ำๆว่า : “เด็กดี ไม่อย่างนั้นเธอกลับบ้านไปกับฉันก่อนแล้วพวกเราค่อยไปหาเขาอีกทีดีไหม?”
เย่ชูฉิงใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อย ยังไงก็ตามที่เธอได้ตกลงจางถังก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าไม่มีที่ไป ไปอยู่บ้านติงยียีได้เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุด
“ถ้าอย่างนั้นเธออย่าบอกพวกเขาได้หรือเปล่าว่าฉันอยู่ที่ไหน?” เย่ชูฉิงเอ่ย
ติงยียีพยักหน้าแล้วเอื้อมมือออกไปดึงเธอมาไว้ข้างๆตนเอง จางถังที่อยู่ข้างๆรีบดึงเย่ชูฉิงไปอย่างรวดเร็ว เขาพูดพร้อมกัดฟันกรอดว่า : “หลอกใช้ฉันเสร็จแล้วก็จะไปได้ยังไง?”
ติงยียีสบตาเขาและไม่ถอยยอมถอยทัพแม้แต่น้อย : “ถ้าอย่างนั้นนายจะเอายังไง?”
เอายังไงงั้นเหรอ? จางถังยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพาทั้งสองคนไปที่บาร์ใกล้ๆ
ยังเป็นช่วงเที่ยงวัน จึงมีผู้ชายเพียงกลุ่มเดียวอยู่ในบาร์ ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของพวกทุกคนล้วนแต่มีรอยสัก เมื่อเห็นจางถังต่างพากันทยอยทักทายเขา
จางถังหยิบลังเบียร์ออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์โดยตรง เชิดคางขึ้นแล้วพูดกับติงยียีว่า : “เบียร์หนึ่งลัง ดื่มหมดก็เอาตัวเธอไปได้เลย ดื่มไม่หมดก็ไสหัวไปให้ไวเลย”
เย่ชูฉิงหดตัวไปอยู่ด้านหลังของติงยียีด้วยความหวาดกลัวและดึงแขนเสื้อของเธอ : “พี่ยียี ฉันกลัว”
ติงยียีหันกลับไปตบที่หลังมือของเธอพร้อมกับพูดเสียงค่อยว่า : “ไม่ต้องกลัวนะ!” แล้วหันกลับไปโดยตรงแล้วหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาเขย่าตรงหน้าจางถัง : “ ให้นายพูดคำไหนคำนั้นก็แล้วกัน”
บาร์เทนเดอร์ที่เคาน์เตอร์บาร์ช่วยเธอเปิดฝาขวดเบียร์อย่างรวดเร็ว ติงยียีนั่งจนมั่นคงแล้วก็หยิบขวดเบียร์ขึ้นมาแล้วกรอกลงไปอย่างแรง กรอกเข้าปากจนหมดขวดแล้ว เธอก็กระแทกขวดคว่ำลงบนโต๊ะอย่างดุเดือดและดื่มขวดต่อไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชายหนุ่มที่พูดคุยกันอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะร้องเชียร์ ติงยียีหน้าแดงก่ำ ทันใดนั้นก็ดื่มเบียร์อึกสุดท้ายลงไป จากนั้นก็ส่งเสียงอาเจียนออกมา
“พี่ยียี ฉันจะไม่สร้างปัญหาอีกแล้ว ให้พี่ชายมารับพวกเราเถอะ” เย่ชูฉิงร้องไห้จนดวงตาหรี่ลง ติงยียีจับมือของเธอแล้วส่ายหน้าแล้วฝืนยิ้มออกมา “บอกแล้วไงว่าจะช่วยเธอเก็บเป็นความลับน่ะ”
จนเมื่อเดินออกมาจากบาร์ ติงยียีก็ประคองตัวไม่ไหวแล้ว เธอทรุดตัวลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล เย่ชูฉิงร้องไห้พร้อมกับยกเธอไว้บนไหล่และยืนอยู่ที่ลานกว้างอันเวิ้งว้างอย่างอกสั่นขวัญหาย
ติงยียีพยุงตัวพาเธอกลับไปที่บ้าน เมื่อติงต้าเฉินเปิดประตูมาเห็นก็ตกใจจนวิญญาณบินออกจากร่าง แล้วช่วยเย่ชูฉิงประคองติงยียีมาจนถึงในห้องนั่งเล่น
“เจ้าเด็กบ้า! กล้าไปดื่มเหล้างั้นเหรอ!” ติงต้าเฉินโกรธจนยกฝ่ามือขึ้นมาจะตบ แต่เมื่อเห็นเธอนอนคว่ำอยู่บนโซฟาอย่างอึดอัดแบบนั้นก็ทำไม่ลง เขากระทืบเท้าไปเตรียมน้ำแกงสร่างเมา
ติงต้าเฉินป้อนน้ำแกงสร่างเมาให้ติงยียีจนหมดแล้วถึงหันความสนใจไปที่เย่ชูฉิงและกล่าวขอบคุณ : “ขอบคุณหนูมากนะที่ส่งลูกสาวฉันกลับมา หนูเป็นเพื่อนของเธอใช่ไหม?”
เย่ชูฉิงพยักหน้า แล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า : “พี่ยียี บอกว่าฉันสามารถพักอยู่ที่นี่ได้ค่ะ” ติงต้าเฉินเพียงแค่ชะงักไปเล็กน้อยแล้วพยักหน้าอย่างรวดเร็วและช่วยเอาหมอนกับผ้าห่มชุดใหม่ไปที่ห้องนอนของติงยียี
ในตอนค่ำ เย่ชูฉิงพลิกตัวไปมา ในที่สุดก็เปิดโทรศัพท์ ในโทรศัพท์อัดแน่นไปด้วยข้อความจากแม่และพี่ชายทั้งหมด มีมากกว่ายี่สิบตัวอักษร เธอลากลูกศรตั้งแต่ต้นไปจนถึงท้ายสุดก็ยังไม่มีข้อความจากคนที่เธอคิดถึงที่สุด
เย่ชูฉิงถอนหายใจเบาๆแล้วผล็อยหลับไป วันรุ่งขึ้นติงยียีถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์ ซ่งเมิ่นเจ๋ที่อยู่ในสายพูดว่า : “ยียี เธอรู้เรื่องจางถังถูกซ้อมหรือเปล่า?”
จางถังถูกซ้อม? ติงยียีลุกขึ้นจากเตียงทั้งตัวแล้วก็ต้องล้มตัวกลับลงไปนอนบนเตียงอีกครั้งเพราะปวดหัวจากอาการเมาค้าง พยุงหัวที่ใกล้จะแตกเป็นเสี่ยงๆแล้วถามว่า : “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนจะพูดกันว่าตอนกลับบ้านจะถูกคนใช้กระสอบคลุมแล้วทุบตี ว่ากันว่าได้รับบาดเจ็บที่ร่างกายส่วนล่าง ตอนนี้อาจารย์ใหญ่บอกให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด” ซ่งเมิ่นเจ๋กล่าว
ติงยียีไม่สนใจว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเย่ชูฉิงอยู่ที่บ้านของตนเองจึงรีบวางสายแล้วเดินลงไปชั้นล่างทันที เย่ชูฉิงสวมเสื้อผ้าของติงยียีแล้วนั่งอยู่ทีวีในห้องนั่งเล่นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู เมื่อมองเห็นเธอ เย่ชูฉิงก็ตะโกนเสียงหวานว่า : “พี่ยียีคะ!”
ติงยียีพยักหน้าแล้วหยิบน้ำเย็นบนโต๊ะมาดื่มอย่างแรงเลยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แล้วจึงนั่งลงตรงหน้าเธอพร้อมกับเอ่ยถามว่า : “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจู่ๆเธอถึงหนีออกจากบ้าน”
“แม่ไม่อนุญาตให้ฉันคบกับพี่โจ๋ซวน พี่ชายฉันเองก็ไม่อนุญาตเช่นกัน” เย่ชูฉิงพูดไปพลางร้องไห้ไปพลาง ติงอีอีรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเธอน้ำตาไหลและไม่กล้าจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีก จึงทำได้แค่ดูซีรี่ส์ในตอนเช้าเป็นเพื่อนเธอและต้องรีบไปมหาวิทยาลัยเพราะมีเรียนตอนบ่าย
ที่มหาวิทยาลัย อ้าวเสว่ถามอย่างตกใจเมื่อเห็นเธอ : “ยียี ทำไมตัวเธอถึงมีกลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้ล่ะ?” ติงยียีส่ายหน้าไม่พูดอะไรแล้วนั่งลงบนที่นั่งแล้วกุมหน้าผาก
“เพื่อนร่วมชั้น ไม่นานจะถึงการสอบปลายภาค ครั้งนี้ฉันอยากจะบอกข่าวดีกับทุกคนว่า มหาวิทยาลัยของพวกเราได้เชิญนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดังคุณเซี่ยชีหรั่นและเธอเป็นผู้ให้คะแนนผลงานของพวกคุณ ผลงานที่ดีที่สุดจะได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสารฉบับถัดไปของเธอ”
คนในห้องเรียนล้วนแต่พากันกระซิบกระซาบ ติงยียีเองก็พยายามทำตัวเองให้กระปรี้กระเปร่าฟังอย่างตั้งใจ สำหรับเธอแล้วมันคือโอกาสที่ดีมากจริงๆ
อ้าวเสว่มองบันทึกของเธออย่างไม่สนใจ ในใจคิดว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้ตนเองโดดเด่นออกมา โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นสะเทือน เมื่อหยิบออกมา ข้อความของไห่โจ๋ซวนก็พุ่งออกมา
“อย่าแตะต้องเธอ”
อ้าวเสว่ยิ้ม ใครบอกให้ตัวเธอยืนอยู่ผิดฝั่งล่ะ โทษเธอไม่ได้หรอกนะ แล้วก็หยิบแผ่นแท็บเล็ตออกจากกระเป๋า บนหน้าจอแท็บเล็ตมีแผนที่ท้องถิ่น มีจุดสีแดงกำลังกระพริบอยู่ นั่นคือตำแหน่งของเย่ชูฉิง คราวก่อนเธอได้ให้เครื่องประดับที่ติดตั้ง GPS กับติงยียี แน่นอนว่าเธอให้เย่ชูฉิงด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วจางถังคงไม่ปรากฏตัวที่บ้านตระกูลเย่แล้วพาเย่ชูฉิงออกไปได้อย่างประจวบเหมาะขนาดนั้น
“มันอยู่ที่ไหนกันนะ?” อ้าวเสว่บ่นพึมพำ ติงยียีที่อยู่ข้างๆได้ยินเข้าพอดี สายตาเหลือบมองไปแล้วถามอย่างแปลกใจ : “ทำไมเธอค้นหาที่อยู่บ้านของฉันล่ะ?”
“ที่อยู่บ้านเธองั้นเหรอ?” อ้าวเสว่มีแผนการในใจแล้ว หรือว่าเย่ชูฉิงกำลังอยู่บ้านเธอ? เลิกเรียนแล้ว อ้าวเสว่พูดหยอกล้อว่า : “ยียี ฉันไม่เคยไปที่บ้านของเธอเลยนะ เมื่อไหร่เธอถึงจะชวนฉันไปเที่ยวบ้านล่ะ?”
ติงยียีสัญญาเย่ชูฉิงไว้แล้วว่าจะไม่เปิดเผยร่องรอยของเธอ เมื่อพูดสองสามคำแล้วก็ปลีกตัวออกไปจากมหาวิทยาลัยและรีบกลับบ้าน โดยไม่รู้เลยว่าอ้าวเสว่ติดตามเธออยู่ตลอดเวลา
อ้าวเสว่ตามไปตลอดทาง มองเห็นเย่ชูฉิงกำลังยิ้มให้กับติงยียีบนระเบียงชั้นสอง ในใจของเธอก็เกิดความคิดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ตระกูลเย่กำลังตามหาเย่ชูฉิง ถ้าหากพบว่าเธอซ่อนตัวอยู่ในบ้านของติงยียี และติงยียีก็ไม่ได้พูดอะไรย่อมต้องโกรธอย่างแน่นอน
ในคาบเรียนตอนเย็น อ้าวเสว่จงใจพูดกับติงยียีว่า : “ยียี โทรศัพท์ของฉันแบตหมดพอดีเลย ฉันอยากจะส่งข้อความให้เนี่ยนโม่ขอยืมของเธอได้ไหม?”
ติงยียียื่นโทรศัพท์ของตนเองให้โดยไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร เธอรับโทรศัพท์มาและค้นหาเบอร์โทรของเย่เนี่ยนโม่แล้วพิมพ์ข้อความทีละคำ “ชูฉิงอยู่ที่บ้านของฉัน ได้โปรดมารับตัวเธอไป”
หลังจากเห็นว่าข้อความส่งไปสำเร็จแล้ว เธอก็ลบร่องรอยของข้อความออกแล้วจึงส่งโทรศัพท์คืนให้ติงยียี ครั้งนี้เย่ชูฉิงจะไม่เกลียดเธอแย่เลยเหรอ อ้าวเสว่คิดอย่างมีชัย
ติงยียีได้รับข้อความจากติงต้าเฉินเมื่อเรียนไปได้ครึ่งคาบเรียน “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอยียี? มีรถหรูจอดอยู่ในซอยตั้งแต่ปากซอยไปจนถึงท้ายซอยเลย”
ติงยียีตกใจแล้วรีบกลับบ้านโดยไม่ทันที่จะเข้าเรียนในคาบเรียนถัดไป ที่ปากซอย รถยนตร์สีดำล้วนแม้แต่ป้ายทะเบียนรถก็มีหมายเลขที่เชื่อมต่อกัน ผู้คนที่อาศัยอยู่จำนวนมากต่างยื่นหน้าออกมาดู
ติงยียีผ่านเข้าไปในตรอกเล็กๆที่มีรถจอดขวางอยู่เต็มอย่างยากลำบาก ที่ประตูบ้าน ทั้งเซี่ยชีหรั่นและเย่เนี่ยนโม่อยู่ที่นั่นทั้งหมด เย่เนี่ยนโม่ดึงข้อมือของเย่ชูฉิงแล้วเดินออกไป
“ฉันไม่กลับ! พี่ยียีบอกแล้วว่าจะช่วยฉัน พวกคุณเป็นคนเลวทุกคน!”เย่ชูฉิงคว้าประตูเหล็กไว้แน่น เย่เนี่ยนโม่กลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บจึงไม่กล้าใช้กำลัง
“ชูฉิง” ยียีเอ่ยแล้ววิ่งไปหาเย่ชูฉิงตรงหน้าเพื่อช่วยเธอ แต่กลับถูกติงต้าเฉินดึงมาอีกด้านแล้วพูดว่า “ให้พวกเขาแก้ปัญหาครอบครัวกันเอง ลูกอย่าไปมีส่วนร่วมด้วย”
ติงยียีผงะ เย่ชูฉิงยังคงมองเธออย่างน่าสงสารและหวังว่าติงยียีจะมาช่วยเธอ ติงยียีขยับปากแต่ไม่ได้เอ่ยคำขอร้องออกมา
เย่ชูฉิงถูกนำตัวขึ้นรถ เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นนั่งบนรถอีกคันแล้วจากไป เย่เนี่ยนโม่เดินไปด้านหน้าติงยียีแล้วพูดว่า : “ขอบคุณนะ”
เธอส่ายหัว เธอพูดไปแล้วว่าต้องการช่วยชูฉิง คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วตนเองจะไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลย เย่เนี่ยนโม่เห็นว่าเธออารมณ์ไม่ดีนัก จึงตบไหล่ของเธอพร้อมกับเดินจากไป
คฤหาสน์ตระกูลเย่
เย่ชูฉิงนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงและมองรูปในมืออย่างว่างเปล่า รูปนั้นถ่ายตอนเธออายุเกินหนึ่งขวบ ในภาพเธอกำลังจับนิ้วมือของไห่โจ๋ซวนแล้วมันเริ่มเปลี่ยนไปตอนไหนนะ?
“ก๊อกๆๆ ชูฉิง ฉันเข้าไปได้ไหม?” อ้าวเสว่พูดอยู่ที่ด้านนอกประตู เย่ชูฉิงเช็ดน้ำตาบนหน้าแล้วเปิดประตูให้เธอ
“กินอะไรหน่อยเถอะ ไม่กินจะไม่ไหวนะ” อ้าวเสว่วางโจ๊กลงบนโต๊ะอย่างเอาใจใส่ เย่ชูฉิงส่ายหัวแล้วนอนลงบนเตียง ตอนนี้เธอกินอะไรไม่ลง
อ้าวเสว่นั่งลงที่ข้างเตียงและพูดอย่างจริงใจว่า : “เธอเนี่ย ต่อจากนี้ไม่ต้องไปรบกวนคนนอกแล้วนะ เธอสามารถมาหาฉันได้ ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ”
เย่ชูฉิงขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างอ่อนแรงว่า : “พี่ยียีไม่ใช่คนนอก”
“ไม่ใช่คนนอกแล้วทำไมถึงบอกตำแหน่งของเธอให้พี่ชายเธอล่ะ คาดว่าเธออายที่จะไล่เธอถึงได้ทำแบบนี้ ไม่เชื่อเธอก็ไปถามพี่ชายของเธอดูสิ” อ้าวเสว่พูดเป็นนัย
พี่ยียีไม่มีทางเป็นคนแบบนั้น หลังจากที่อ้าวเสว่ไปแล้ว เย่ชูฉิงคิดแล้วคิดอีก แล้วประตูก็เปิดออก เย่เนี่ยนโม่เห็นว่าโจ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ถูกแตะเลย ก็พูดด้วยความโกรธว่า : “ไม่อยากให้ฉันเทโจ๊กใส่เธอก็เอาโจ๊กมาให้ฉันกินเลย!”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset