สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1424 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1324

เย่เนี่ยนโม่มาถึงโรงพยาบาลแล้วก็เห็นติงยียียืนคอตกอยู่คนเดียวในโถงทางเดิน เขาตบไหล่เธอแล้วพูดว่า : “ทำไมไม่เข้าไปล่ะ?”
ติงยียีเหลือบมองดูเขาด้วยใบหน้าที่ซับซ้อนก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งหนีไป บางทีอ้าวเสว่อาจพูดถูก ตนเองไม่ควรมีปฏิสัมพันธ์กับพวกคนรวยเหล่านี้ตั้งแต่แรก เย่เนี่ยนโม่มองดูด้านหลังของเธอที่วิ่งหนีด้วยความประหลาดใจพลางเอ่ยพึมพำว่า : “ทำบ้าอะไรเนี่ย?”
หลายวันต่อมา ทันทีที่ติงยียีมาถึงห้องเรียน อ้าวเสว่ก็เข้ามาทักทาย โดยพูดว่า : “ยียี เธออยากไปงานเปิดตัวเครื่องประดับชุดใหม่ของคุณน้าเชี่ยไหม มันมีประโยชน์กับการบ้านปลายภาคเรียนของพวกเรามากเลยนะ”
เมื่อเห็นติงยียีพยักหน้าอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม หัวใจของอ้าวเสว่ก็ขยับ ดูเหมือนว่าเธอทำถูกแล้วที่บอกเรื่องนี้กับซ่งเมิ่นเจ๋ ตอนนี้ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเธอกับซ่งเมิ่นเจ๋แตกหักแล้วอย่างแน่นอน
อ้าวเสว่อารมณ์ดีมากและส่งข้อความหาเย่เนี่ยนโม่ “เนี่ยนโม่ เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหมคะ?”
และข้อความได้ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “โอเค ฉันจะไปรับเธอตอนบ่าย”
ติงยียีใช้เวลาทั้งวันไปอย่างมึนงงไร้จุดหมาย ตอนที่ออกจากประตูมหาวิทยาลัยในตอนบ่ายก็เกือบถูกมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาชน
ติงยียีไปถึงโรงแรมตี้เหาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อย ผู้จัดการถึงได้บอกกับเธอว่าวันนี้คนของฝ่ายอาหารยุโรปได้ลาออกจากตำแหน่งพร้อมกันไปหลายคนจึงต้องการส่งเธอไปที่ฝ่ายอาหารยุโรปเป็นการชั่วคราว
ติงยียีไม่ได้คัดค้านอะไร หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าของฝ่ายอาหารยุโรปเสร็จแล้ว เธอก็ไปที่ร้านอาหารตะวันตก หลังจากไปถึงแล้วก็ยืนนิ่งอยู่ข้างประตูอย่างมึนงง เมื่อประตูกระจกเปิดออก ก็มีลมหายใจอุ่นๆของคนสองคนที่เข้ามาพัดมาตรงหน้า
อ้าวเสว่สวมชุดกระโปรงผ้าชีฟองยาวและแต่งหน้ามาอย่างสวยสวดงดงามพลางเดินเข้ามาพร้อมกับเย่เนี่ยนโม่ พนักงานเสิร์ฟที่อยู่ด้านข้างผลักติงยียีให้เธอไปต้อนรับพวกเขาสองคน
“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง จองไว้ล่วงหน้าแล้วใช่ไหมคะ ได้โปรดตามฉันมาค่ะ” เธอเดินไปด้านหน้าของคนทั้งสองแล้วผายมือออกพร้อมรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ
“ติงยียีงั้นเหรอ?” เย่เนี่ยนโม่มองเธออย่างประหลาดใจ อ้าวเสว่ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วเขย่ามือของเขาเพื่อส่งสัญญาณว่าพวกเขากำลังขวางทางเดิน
ติงยียีนำพวกเขาไปยังตำแหน่งที่มีการจองเอาไว้แล้วหยิบเมนูขึ้นมาส่งให้ทั้งสองคน “กรุณาสั่งอาหารด้วยค่ะ”
เย่เนี่ยนโม่วางเมนูลงบนโต๊ะอย่างสบายๆแล้วหรี่ตามองดูเธอ เขาไม่ชอบบทบาทของพวกเขาสองคนในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
ติงยียียังคงยืนอยู่ด้านข้างอย่างแข็งขันและรอให้ทั้งสองคนสั่งอาหาร อ้าวเสว่มองดูทั้งสองคนแล้วส่งเมนูให้เธออย่างไม่แสดงอารมณ์ พลางยิ้มและพูดว่า : “เนี่ยนโม่ ถ้าอย่างนั้นสั่งสเต็กสักสองชิ้นดีไหมคะ?”
เขาพยักหน้า ติงยียีรับเมนูด้วยสายตาที่ไม่วอกแวกเลยและเดินจากไป เธอรู้สึกสบายใจอยู่ลางๆ และมันก็ใช่แล้วล่ะ แต่ไหนแต่ไรเธอกับพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกใบเดียวกันอยู่แล้ว ตนเองก็ควรจะกลับไปเป็นซินเดอเรลล่าจริงๆได้แล้วสินะ
ตอนเทเหล้า เธอได้ทำผิดพลาดและเทบรั่นดีลงบนโต๊ะ ผู้จัดการเดินผ่านไปทางด้านข้าง เย่เนี่ยนโม่วางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะอย่างไม่แสดงอาการเพื่อปกปิดคราบของเหล้าและซ่อนมันให้เธอ กางเกงจึงถูกหยดเหล้าจนเปียกเป็นวง
“เนี่ยนโม่!” อ้าวเสว่รีบลุกขึ้นและเดินไปหาเขา เย่เนี่ยนโม่โบกมือเพื่อส่งสัญญาณว่าเขาไม่เป็นไร เขายืนขึ้นและพูดว่า : “ฉันจะไปห้องน้ำ”
เมื่อมองดูแผ่นหลังของเขา ติงยียีเริ่มตำหนิตนเองอีกครั้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ไม่ดี เธอมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ
เสียงของโทรศัพท์สั่นเป็นข้อความของเย่เนี่ยนโม่ “บริกรทำกางเกงของผมเปียก กรุณาส่งผ้าเช็ดตัวไปยังห้อง 203ที่อยู่ชั้นบน ขอบคุณ”
เธอขอลาหยุดกับผู้จัดการแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้อง เย่เนี่ยนโม่เปิดประตูให้เธอ บนตัวเขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่ติงยียีเข้ามาที่ประตูก็พบว่าผ้าเช็ดตัวถูกโยนทิ้งไว้ที่ข้างเตียง เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจที่ถูกจับได้ เขาดึงผ้าห่มมาคลุมผ้าเช็ดตัวเอาไว้อย่างเรียบเฉย
“ผ้าเช็ดตัวอยู่นี่แล้ว ฉันไปล่ะ” ติงยียีหมุนจะเดินออกไป
“ติ๊งๆ” บานประตูส่งเสียงว่าถูกล๊อค เธอหันกลับไปมองเย่เนี่ยนโม่ที่กำลังถือรีโมทคอนโทรลและยิ้มเล็กน้อย
เย่เนี่ยนโม่เกี่ยวนิ้วของเธอแล้วพูดว่า : “บอกมาว่าทำไมวันนี้ถึงได้เย็นชาจัง”
เธอเม้มปากไม่พูดอะไร เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “ไม่พูดงั้นฉันจะต้องบังคับให้สารภาพแล้ว” พูดจบก็เห็นว่าเธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมเหมือนท่อนไม้และก้มหน้าอยู่โดยไม่รู้ว่าคิดอะไร
เขาขมวดคิ้วเมื่อไม่ได้ยินอะไรเลย เย่เนี่ยนโม่ยืดตัวขึ้นแล้วบังคับเธอไปจนถึงมุมห้อง มองเห็นท่าทางที่ดื้อรั้นของเธอหัวใจก็เหมือนถูกยั่ว เขาเอ่ยว่า : “เฮ้ ถ้าไม่พูดฉันจะจูบเธอนะ”
ติงยียีเงยหน้าขึ้นแล้วหรี่ตามองเขาและพูดว่า : “ฮึ ทำเหมือนฉันเป็นเด็กสามขวบ อ่อนหัดชะมัด”
ทันทีที่ได้ยินว่าตนเองถูกท้าทาย ไฟโกรธก็พุ่งพรวดขึ้น จนกระทั่งริมฝีปากของเขาได้ทาบทับลงไปบนริมฝีปากที่อ่อนนุ่มสั่นเทาลงไปแล้วจากนั้นถึงได้สติขึ้นมาในทันใด
หัวใจของเขากระแทกหน้าอกอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาเบิกกว้างทันที ริมฝีปากที่สั่นเทาของติงยียีทำให้เขาสูญเสียสติไปชั่วขณะ รีบออกไปเถอะ จะทำแบบนี้ไม่ได้! เหตุผลได้บอกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ในตอนนี้มันผิด แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถขยับได้
ติงยียีผลักเขาออกอย่างดุเดือดแล้วเช็ดปากอย่างรุนแรงและถลึงตามองด้วยความโกรธ เขารู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองทำอะไรอยู่
“เฮอะๆ ใครบอกว่าฉันไม่กล้า รู้ตัวว่าคิดผิดแล้วสินะ” ขณะที่เย่เนี่ยนโม่ปกปิดความรู้สึกภายในใจของตนเองที่รู้สึกสับสนและความผิดหวังที่ถูกผลักออกในชั่วพริบตาก็แสร้งพูดเหมือนไม่มีเจตนาไปด้วย
ติงยียีใบหน้าซีดเผือดและถอยหลังไปสองสามก้าว ใช่เลย คนรวยพวกนี้ก็เป็นอย่างนี้แหละ มองว่าทุกอย่างง่ายดายเหมือนกับเกม ตลกสิ้นดีที่เธอใช้ใจจริงแลกกับการหยอกเล่นของพวกเขา
“เฮ้ เธอเป็นอะไรไป?” เย่เนี่ยนโม่ต้องการเดินไปหา ติงยียีถอยกลับไปที่มุมอย่างรุนแรงแล้วพูดเสียงค่อยว่า : “เปิดประตู”
เขาต้องการเอื้อมมือไปจับตัวเธอไว้แต่ต้องตกใจกับน้ำตาบนหน้าของเธอ ติงยียีก้มหน้าลงเพราะไม่ต้องการให้เขาเห็นน้ำตาบนหน้าของตนเอง เธอสะอื้นและพูดว่า : “เปิดประตู”
“ขอโทษนะ” เขางึมงำและเปิดประตู เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าวันหนึ่งเขาจะทำร้ายให้เธอร้องไห้ หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ความสงสารท่วมท้นในหัวใจ
เขามองดูเงาด้านหลังของติงยียีหายไปจากทางเดินแล้วกลับไปนั่งลงบนเตียงอย่างหดหู่ใจ เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่? เย่เนี่ยนโม่กลับไปที่ร้านอาหารอีกครั้ง อ้าวเสว่พูดว่า : “เป็นอะไรไปคะ ถึงได้ดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้”
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวงั้นเหรอ? การแสดงออกของตัวเขาชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ? อ้าวเสว่ไม่รู้ว่าตนเองพูดอะไรไปถึงทำให้เขาประหลาดใจในทันใดได้ขนาดนั้นจึงพูดต่ออย่างระมัดระวังว่า : “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
เย่เนี่ยนโม่ได้สติกลับคืนมาแล้ว เขาส่ายหัวแล้วกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ เขายิ้มให้เธอแล้วเอ่ยว่า : “ไม่เป็นไร กินต่อเถอะ”
ติงยียีเดินเข้าไปในบ้านอย่างเหม่อลอย ติงต้าเฉินกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการกรงเหล็กในสนาม หลังจากเห็นเธอแล้วก็ตะโกนว่า : “ลูกสาวรีบมาดูเร็วเข้าว่าสุนัขตัวนี้เป็นยังไงบ้าง วันนี้เห็นมันถูกขังอยู่ในกรงบนถนนน่าสงสารมากก็เลยเอามันกลับมาด้วย”
ติงยียีนั่งยองๆลงไปดูสุนัขที่มีขนสีดำและมีขนสีขาวอยู่ที่คางกระจุกหนึ่งเท่านั้น ขาหน้าของสุนัขได้รับบาดเจ็บ เลือดจับตัวเป็นลิ่มและจับตัวอยู่บนบาดแผล ใบหูก็ไม่รู้ว่าใครตัดออกไปครึ่งหนึ่ง บาดแผลเป็นหนองแล้วนิดหน่อย มีแมลงวันหลายตัวกำลังบินวนอยู่รอบๆบาดแผล
สุนัขมองติงยียีตาปริบๆแล้วคลานเข้าไปที่มุมเงียบๆราวกับกลัวว่าเอจะมาทำร้ายตนเองอีก
“ไม่ได้นะ สุนัขได้รับบาดเจ็บแบบนี้ต้องพาไปที่โรงพยาบาลสัตว์เท่านั้น” ติงยียีเปิดกรงเพราะต้องการพาสุนัขออกมา
“โฮ่ง!” สุนัขสีดำส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำและแยกเขี้ยวยิงฟัน สายตามองดูอย่างระมัดระวัง บั้นท้ายเบ้ไปทางด้านหลังทำท่าราวกับจะพุ่งไปข้างหน้า
“เด็กดี ฉันแค่อยากพาแกไปโรงพยาบาลเท่านั้นเอง” ติงยียีพูดด้วยเสียงอ่อนโยน เจ้าสุนัขสีดำไม่สนใจเธอ สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่มือของเธอ ในปากยังคงส่งเสียงคำรามไม่หยุด
“ลูกอย่าเข้าไปใกล้ ถูกกัดขึ้นมาจะทำยังไง!” ติงต้าเฉินรีบดึงเธอออกไป ติงยียีเองก็จนปัญญา เนื่องจากสุนัขคอยตื่นตัวดูเธอขนาดนี้ จึงทำได้เพียงให้เป็นแบบนี้ไปก่อน
ในตอนค่ำ ติงยียีกำลังจะเข้านอน ท้องฟ้าก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ไม่นานก็มีฝนตกปรอบๆ ในสนามมีเสียงร้องครวญครางของสุนัข ใจของเธอสั่นไหวแล้วใส่เสื้อกันฝนวิ่งเข้าไปในสนาม
สุนัขบีบตัวอยู่ในมุมและขดตัวเป็นวง ตัวเบียดกับกรงเหล็กจนพิมพ์ออกมาเป็นรอยประทับ
ติงยียีรีบถอดเสื้อกันฝนบนตัวออกมาแล้วใส่ลงไปในกรง สุนัขมองดูเธออย่างระมัดระวัง
“อยู่แบบนี้ไปก่อนชั่วคราวนะ พรุ่งนี้ฉันจะหากรงให้แก ถ้าหากแกไม่อยากอยู่ที่นี่ พรุ่งนี้ฉันส่งแกไปเอง” ติงยียีตบกรงเบาๆแล้วพูดก่อนจะหันหลังต้องการกลับเข้าบ้าน
“โฮ่งๆ!” สุนัขเห่าตามหลังเธอ เธอหันหน้ากลับมาและเห็นมันออกมาจากมุมและนั่งอยู่กลางกรง พร้อมกับส่ายหางและมองมาที่เธอ
“โฮ่ง” สุนัขเห่าอีกครั้ง จากนั้นถึงได้กลับไปที่มุมแล้วหลับตาลง หรือว่านี่คือการกล่าวขอบคุณกับเธอ? ติงยียีหัวเราะให้กับความคิดเพ้อเจ้อของตนเอง ฝนตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้จึงได้รีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
วันรุ่งขึ้น ติงต้าเฉินและติงยียีได้เตรียมพาสุนัขไปที่โรงพยาบาลสัตว์พร้อมกับกรงตั้งแต่เช้าตรู่ ทันทีที่ยกกรงขึ้น สุนัขที่หมอบอยู่ตรงมุมก็ส่งเสียงร้องเบาๆออกมา ทำให้หัวใจของทั้งคู่อ่อนลง
ติงยียีเดินไปใกล้กับกรง สุนัขที่เดิมทีอยู่ตรงมุมเป็นฝ่ายเริ่มเข้าใกล้เธอแล้วยังเหยียดเท้าที่ได้บาดเจ็บออกมาก ติงยียียื่นมือออกมาอย่างลังเล แล้วมันก็วางเท้าที่ได้รับบาดเจ็บลงบนหลังมือเธอเบาๆ แล้วแลบลิ้นออกมาขณะที่มองเธอ
“เด็กดี พวกเราไปโรงพยาบาลกันนะ” มันจะต้องคิดว่าถูกคนทอดทิ้งอีกแล้วแน่ๆ ติงยียีรู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจที่มันได้ถ่ายทอดออกมาอย่างไม่สบายใจจึงเอ่ยอย่างเจ็บปวด
บนม้านั่งในโรงพยาบาลสัตว์ มีคนจำนวนมากนั่งอยู่ เมื่อเห็นติงยียีอุ้มสุนัขที่มีตำหนิและยังสกปรกไปทั้งตัวก็พากันหลีกเลี่ยง
“ฉันคิดว่าเป็นใครกันนะ? เป็นติงยียีใช่หรือเปล่า” โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่โตเต็มวัยเดินตามเซียวเสี่ยวลี่ เธอเดินมาด้านหน้า ขณะที่มองสุนัขสกปรกในอ้อมแขนของติงยียี ภายในดวงตาก็มีประกายของความขยะแขยงอย่างรวดเร็วแล้วปกป้องโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ไว้ด้านหลังของตน
“สวัสดีค่ะคุณป้า” ติงยียีกล่าวทักทายอย่างสุภาพ ทันใดนั้นสุนัขที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอเริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมาแล้วแยกเขี้ยวยิงฟันใส่สุนัขของเซียวเสี่ยวลี่ ในลำคอมีเสียงงึมงำอยู่
จู่ๆโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่แต่เดิมเงียบสงบก็กลายเป็นบ้า สลัดเชือกในมือของเซียวเสี่ยวลี่แล้วตัวสั่นจนลื่นไถลไปยังเก้าอี้ด้านหลัง ผู้คนโดยรอบมองเห็นต่างหัวเราะออกมา
“ยียีเหรอ?”
“ชูหวิน นายคือ?” ติงยียีมองไปที่เย่ชูหวินที่กำลังสวมเสื้อคลุมสีขาวและอุ้มแมวหนึ่งตัวไว้ในอ้อมแขน เย่ชูหวินเลิกคิ้ว “ธุรกิจหลักคือเล่นรถ ส่วนธุรกิจรองคือมาโรงพยาบาลสัตว์เพื่อช่วยเพื่อน”
ภายในห้องทำการรักษา เย่ชูหวินจัดการกับบาดแผลของสุนัขอย่างระมัดระวัง ตอนที่กรอกข้อมูลลงบัตร เขาเอ่ยถามว่า : “ชื่ออะไรเหรอ?”
ติงยียีนิ่งอึ้งเรื่องชื่อ เขาวางปากกาลงแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า : “เนื่องจากเธอให้ชีวิตใหม่กับเขาแล้วก็ตั้งชื่อให้มันด้วยสิ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset