สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1429 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1329

“ใช่แล้วครับกำลังรอหาแม่ให้ลูกอยู่ครับ ผู้หญิงที่สวยงามแบบคุณส้งไม่ต้องห่วงเลยสินะครับว่าจะไม่มีคนตามจีบ” สายตาของชายหนุ่มล่องลอยอยู่บนร่างของซ่งเมิ่นเจ๋ เธอเอนตัวพิงไปด้านข้างแล้วขยับตัวอย่างอึดอัด
ติงยียีได้ยินคำพูดเหล่านี้เมื่อมาถึงปากประตูห้องส่วนตัว อยากจะดันประตูเข้าไปแต่ถูกพนักงานเสิร์ฟขวางประตูไว้ “คุณผู้หญิง เข้าไปไม่ได้นะ”
“ฉันเป็นพนักงานเสิร์ฟที่มาใหม่น่ะ” ติงยียีพูดโดยเรียนรู้มาจากฉากในละคร พนักงานเสิร์ฟมองเธอซ้ำไปซ้ำมาแล้วหันหน้าไปไม่สนใจเธอ
ติงยียีกัดฟันแล้วหยิบสามร้อยหยวนออกมาแล้วยื่นให้พนักงานเสิร์ฟ : “ฉันขอเปลี่ยนสถานะกับคุณได้ไหม ฉันจะอยู่จนงานเลี้ยงจบเท่านั้นเอง เพื่อนของฉันอยู่ข้างใน”
พนักงานเสิร์ฟกวาดสายตามองเงินในมือแล้วใจเต้น สามร้อยหยวนเท่ากับค่าแรงสามวันจึงพยักหน้า ในห้องส่วนตัว ส้งซูหาวมองดูซ่งเมิ่นเจ๋ที่นั่งโง่อยู่ที่เดิมจึงเอ่ยว่า : “เมิ่นเจ๋ ไปดื่มแสดงความเคารพ ผู้อำนวยการจาง สิ ผู้อำนวยการจาง ชอบลูกมากนะ”
ซ่งเมิ่นเจ๋ตอบเสียงค่อยแล้วแล้วลุกขึ้นพลางหยิบขวดเหล้าขึ้นมาเขย่าดู แล้วพูดว่า : “เหล้าหมดแล้ว” มันไม่ง่ายเลย ส้งซูหาวตะโกน : “พนักงานเสิร์ฟ เอา XOเพิ่มอีกสองขวด”
ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว พนักงานเสิร์ฟร่างเล็กเดินเข้ามาพร้อมกับขวดเหล้า ซ่งเมิ่นเจ๋มองดูติงยียีที่แกล้งทำเป็นพนักงานเสิร์ฟและถือถือขวดเหล้าเดินไปหาผู้อำนวยการจาง ด้านหน้าด้วยท่าทางที่มึนงง
“แขกผู้มีเกียรติ ฉันจะเทเหล้าให้นะคะ” ติงยียีจงใจเทเหล้าด้วยมือที่สั่นเทา เหล้าครึ่งขวดถูกเทลงไปบนเสื้อของชายผู้นั้น
“เธอทำแบบนี้ได้ไงเนี่ย!” ผู้อำนวยการจางผลุดขึ้นเต้นเร่าๆด้วยความโกรธและคำราม ติงยียีก้มหน้าแล้วกล่าวขอโทษไม่หยุด : “ขอโทษด้วยค่ะ ขอโทษด้วย”
ส้งซูหาวที่อย่ข้างๆนั้นจำเธอได้ เขาอยากจะกล่าวเตือนก็พูดไม่ได้อีก ใบหน้าของเขากลายเป็นสีตับหมูที่ดำคล้ำ ชายหนุ่มมองแล้วมองอีกไปที่ซ่งเมิ่นเจ๋และอยากทิ้งความประทับใจให้อีกฝ่าย เขาโบกมือพร้อมกับหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วกล่าวว่า : “ช่างเถอะ ฉันเป็นคนใจกว้าง มา คุณส้ง ผมจะดื่มให้คุณ”
ซ่งเมิ่นเจ๋ยื่นแก้วเหล้าออกไปอย่างลังเล สายตาของผู้อำนวยการจางจับจ้องที่บนหน้าอกของเธอ แก้วเหล้าของทั้งสองใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ติงยียีคว้าแก้วเหล้าของทั้งคู่แล้วดื่มจนหมดเกลี้ยงติดๆกัน
คนในที่นั้นต่างตกตะลึง ซ่งเมิ่นเจ๋มองเธออย่างงุนงง ผู้อำนวยการจางโกรธจนพูดออกมายอย่างไม่ลังเลยว่า : “ฉันจะร้องเรียนเรื่องเธอ ฉันต้องการร้องเรียนกับผู้จัดการของพวกเธอ!”
“นี่ ผู้อำนวยการจาง วันนี้ล้วนแต่เป็นอุบัติเหตุทั้งนั้นเลย ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกินต่อที่โรงแรมอื่นดีไหม?” ส้งซูหาวรีบเอ่ยทักเขา ผู้อำนวยการจาง โบกมือแล้วเอ่ยว่า : “พี่ส้ง ผมรู้ว่านี้ไม่ใช่ปัญหาของคุณเช่นกัน วันนี้ผมไม่กินมื้อนี้แล้ว ขอตัวก่อนล่ะ”
ชายหนุ่มเหลือบมองซ่งเมิ่นเจ๋แล้วสาวเท้าเดินจากไป ส้งซูหาวรีบไล่ตามไป ซ่งเมิ่นเจ๋ที่อยู่ด้านหลังต้องการตามไป
“เมิ่นเจ๋” ติงยียีหยุดเธอเอาไว้แล้วพูดเสียงค่อยว่า : “ฉันรู้สึกเสียใจมากจริงๆนะ ซ่งเมิ่นเจ๋ชะงักเท้าลงชั่วขณะแล้วเปิดประตูจากไป
วันรุ่งขึ้นที่มหาวิทยาลัย รถที่มีป้ายตระกูลเย่จอดอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ใครมาจากตระกูลเย่งั้นเหรอเย่? เนี่ยนโม่ยังนอนอยูที่โรงพยาบาลแล้วใครจะมาที่มหาวิทยาลัยล่ะ?
ติงยียีกำลังจะไปทำตารางการเรียนการสอนที่สำนักงานของมหาวิทยาลัยจึงพบกับแม่บ้านที่โถงทางเดิน เข้า“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวทักทาย
ในมือของแม่บ้านถือข้อมูลกองใหญ่แล้วพยักหน้าให้ติงยียี ติงยียีกวาดตามองทันที มันคือใบสมัครเข้าเรียน ใครจะเข้าเรียนกันนะ และในไม่ช้าเธอก็ได้รู้แล้ว
เย่ชูฉิงเดินออกมาจากสำนักด้วยชุดอันสวยงาม เมื่อเห็นเย่ชูฉิงเธอก็ทักทายอย่างมีความสุข “เธอจะมาเรียนที่นี่งั้นเหรอ?”
เย่ชูฉิงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า : “ฉันตัดสินใจสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยนี้ค่ะ วันนี้เลยมารับข้อมูลที่เกี่ยวข้อง”
“แต่ว่ามหาวิทยาลัยZไม่มีสาขาวิชาเบเกอรี่นะ” ติงยียีพูดอย่างสงสัย เมื่อเห็นความหม่นหมองบนใบหน้าของเธอ ติงยียีก็พูดออกมาอย่างชัดเจนว่า : “ไห่โจ๋ซวน”
เย่ชูฉิงพยักหน้า เพื่อไห่โจ๋ซวนล้วน เย่ชูฉิงทิ้งโอกาสที่จะได้ไปเรียนทำเบอเกอรี่ถึงฝรั่งเศส เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับทางเลือกนี้เป็นเวลานาน แต่ในตอนที่เธอตัดสินใจจริงๆแล้ว เธอพบว่าตนเองไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
“คุณลุงคุณน้าและเนี่ยนโม่รู้หรือเปล่า?” ติงยียีเอ่ยถาม เธอส่ายหัวแล้วพูดอย่างสนุกสนานว่า : “พี่ยียีต้องเก็บไว้เป็นความลับนะคะ”
ทั้งสองพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง ซ่งเมิ่นเจ๋เองก็มารับข้อมูลการสอนพอดีเช่นกัน เมื่อเห็นติงยียีและเย่ชูฉิงก็ไม่ได้กล่าวทักทาย เธอเข้าไปในสำนักงานโดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง
“พวกเธอทะเลาะกันแล้ว” เย่ชูฉิงมองไปทางเธออย่างสงสัย ติงยียีฝืนยิ้มพลางพยักหน้า ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ติงยียีก็ไปส่งข้อมูล
เย่ชูฉิงกำลังจะไปพอดีก็มองเห็นซ่งเมิ่นเจ๋ที่ยื่นเอกสารเสร็จแล้วออกมาจากสำนักงานพอดีจึงส่งเสียงว่า : “พี่เมิ่นเจ๋คะ”
ซ่งเมิ่นเจ๋หันไปมองเธอ เพราะมีสาเหตุมาจากไห่โจ๋ซวน ทั้งสองจึงไม่ค่อยได้ติดต่อพูดคุยกันมากนัก “พี่ยียีเป็นคนดีมากจริงๆนะคะ”
ซ่งเมิ่นเจ๋ยิ้มแล้วหมุนตัวจะเดินจากไป เธอไล่ตามและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า : “พี่ยียีให้ความสำคัญกับคุณจริงๆนะคะ”
“ถ้าหากให้เธอต้องเลือกระหว่างยียีกับไห่โจ๋ซวนเพียงคนเดียว แล้วเธอจะเลือกใครกันล่ะ?” ซ่งเมิ่นเจ๋เอ่ยถาม เย่ชูฉิงมองดูเธอด้วยความลำบากใจ คำถามนี้ไม่ต้องถามเธอคำตอบก็เหมือนกัน
ซ่งเมิ่นเจ๋มองดูท่าทางการแสดงออกเธอก็รู้คำตอบแล้ว เธอพูดเสียงราบเรียบว่า : “ฉันเองก็ชอบโจ๋ซวน ดังนั้นเธอจึงถูกกำหนดให้เลือกเป็นเพื่อนระหว่างฉันกับเธอได้แค่คนเดียวเท่านั้น”
สติของเย่ชูฉิงกลับคืนมาเมื่อรู้ว่าคนเดินไปไกลแล้ว พี่ยียีกับพี่เมิ่นเจ๋ทั้งสองคนทะเลาะกันเพราะตนเองงั้นเหรอ?
“คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่า?” แม่บ้านหยิบข้อมูลออกมาจนเสร็จแล้วมองเห็นเย่ชูฉิงที่ยืนนิ่งจึงเอ่ยถาม
เธอถามว่า “แม่บ้าน เราจะทำให้คนสองคนที่ทะเลาะกันคืนดีกันได้ยังไงคะ?”
แม่บ้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า : “พูดกันอย่างเปิดเผยและจริงใจก็คืนดีกันได้แล้วล่ะค่ะ” เมื่อได้ยินแม่บ้านพูดเช่นนี้ เธอก็เกิดความคิดขึ้นมา
คืนนั้น อ้าวเสว่อยู่ในห้องผู้ป่วย ความคิดของเธอล่องลอย ในข่าวบอกว่าคดีห้องโถงนิทรรศการยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน เธอรู้จักเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้น เป็นชะตากรรมในตอนเริ่มแรกจึงได้พบกับนายตำรวจC ชื่อว่า Bakerที่สถานีตำรวจ
“เป็นอะไรไป?” เย่เนี่ยนโม่เห็นเธออยู่นิ่งมาครึ่งชั่วโมงแล้ว จึงถามด้วยเสียงนุ่มนวล อ้าวเสว่หันกลับมายิ้มแล้วตอบว่า : “เปล่าค่ะ เพียงแต่รู้สึกช่วงนี้อากาศร้อนมาก ฉันไม่อยากอยู่ที่จีนแล้ว!”
“พี่ชาย! พี่อ้าวเสว่!” เย่ชูฉิงผลักประตูเข้ามา แล้วยื่นการ์ดลับสองใบให้กับมือของทั้งคู่
“เกมทรูออแดร์ พูดความจริงหรือรับคำท้างั้นเหรอ?” เย่เนี่ยนโม่อ่านออกเสียง เย่ชูฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า : “พรุ่งนี้นะคะ ในห้องผู้ป่วยของพี่ชาย ฉันจะไปส่งการ์ดให้พี่โจ๋ซวน”
“สาวน้อยคนนี้จะทำบ้าอะไรเนี่ย?” เขายิ้มแล้วส่ายหน้า อ้าวเสว่พูดด้วยอารมณ์ว่า : “บางทีอาจจะหาโอกาสเจอโจ๋ซวนก็ได้นะ”
รอยยิ้มบนหน้าหายไปเมื่อได้ฟัง ตอนนี้แม่ไม่เห็นด้วยที่เย่ชูฉิงและไห่โจ๋ซวนจะคบกัน น้องสาวของเขาจะต้องเจ็บปวดในที่สุดอย่างแน่นอน
รถหยุดลงที่บ้านตระกูลไห่ หลินหลิงกำลังปัดดอกหญ้าเล่นในสนามอย่างมีความสุข เมื่อเห็นเย่ชูฉิงก็เข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
“ชูฉิง ช่วงนี้คุณแม่สบายดีใช่ไหม? เรื่องนั้นมีผลกระทบอะไรหรือเปล่า?”
“น้าหลิน คุณแม่สบายดีค่ะ”
หลินหลิงรู้ว่าเธอมาหาไห่โจ๋ซวนจึงชี้ขึ้นไปด้านบน เธอกล่าวขอบคุณแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน เพิ่งจะเดินไป ก็ได้ยินเสียงเปียโนราวกับเสียงฝนฟ้าคะนองดังมาจากชั้นสอง ท่วงทำนองไม่ได้สง่างามเหมือนดังปกติของไห่โจ๋ซวน ตรงกันข้ามกลับเต็มไปด้วยพายุฝนที่ตกหนักและรุนแรง เย่ชูฉิงยืนอยู่ที่ชั้นบนสุดของบันไดและฟังอย่างสงบไปจนจบเพลง
หลังจากที่ไห่โจ๋ซวนเล่นจนจบเพลงแล้ว เขาก็นั่งอยู่เงียบๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาตโดยไม่ปิดบัง หลายปีที่ผ่านมานี้เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาต้องการล้างแค้นให้กับพ่อของเขา เขาก็จะเล่นเพลงนี้แล้วบอกกับตัวเองให้อดทนจนถึงวันที่เขามีพลังอำนาจ
หลังจากนั่งอยู่อีกสักพัก เขาถึงได้ลุกขึ้นและเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ มองเห็นเย่ชูฉิงที่ปากบันไดและเห็นว่าสีหน้าของเธอนั้นค่อนข้างดี ไห่โจ๋ซวนก็วางใจ
“ชูฉิงเหรอ?” เขาเปิดประตูแล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและงามสง่า เย่ชูฉิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แล้วยื่นการ์ดในมือให้กับไห่โจ๋ซวน
ไห่โจ๋ซวนถือการ์ดเอาไว้ นิ้วมือปัดโดนเธอโดยไม่ตั้งใจ เย่ชูฉิงใบหน้าแดงก่ำพลางดึงมือของเธอออกมา “เกมส์ทรูออแดร์ พูดความจริงหรือรับคำท้างั้นเหรอ?” เขายิ้มขณะที่เอ่ยถาม มีความจิงใจอยู่ในสายตา เธอยังเหมือนเด็กๆอยู่มาก
เย่ชูฉิงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า : “พี่ยียีกับพี่เมิ่นเจ๋ทะเลาะกัน ฉันอยากจะใช้วิธีนี้ทำให้พวกเขาคืนดีกันค่ะ”
ไห่โจ๋ซวนพยักหน้า หลินหลิงที่ชั้นล่างร้องเรียก “ลงมากินคุกกี้กันเถอะ” ทั้งสองลงไปชั้นล่าง เย่ชูฉิงมองดูคุกกี้ที่น่ารักแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า : “น้าหลิน คุณสุดยอดไปเลยค่ะ”
“คุณอยากลองไหม?” หลินหลิงยิ้มแล้วพูด เธอชอบบุคลิกที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเย่ชูฉิงมากๆ เย่ชูฉิงวิ่งเข้าไปในครัวอย่างมีความสุข
ไห่โจ๋ซวนยืนพิงบนกรอบประตู มองดูเธอฮัมเพลงในขณะที่ใส่นมลงในแป้งตามคำแนะนำของแม่ การเคลื่อนไหวทั้งหมดทำเสร็จรวดเดียว ราวกับว่าเคยเรียนมาแล้วเป็นพิเศษ
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่จับอยู่บนตัวเธอ เย่ชูฉิงหันหน้าไปสบตากับไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนยิ้มแล้วทำท่าสู้ๆให้เธอ หัวใจองเย่ชูฉิงเต้นรัว ในตอนที่ก้มหน้าลงไปอีกครั้งใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเขินอาย
ในคืนวันถัดมา ติงยียีมาที่ห้องผู้ป่วยของเย่เนี่ยนโม่ตามที่นัดหมาย เย่เนี่ยนโม่คุยวิดีโอกับหยูหลัน ถึงแม้ว่าเขาจะป่วย หยูหลันก็ยังชี้ให้เห็นช่องโหว่ทุกข้อที่มีในสัญญาอย่างไม่เกรงใจ
“เอาล่ะ พักครึ่งได้” ด้านในวิดีโอเผยให้เห็นด้านหลังของหยูหลัน มีหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่งเดินเข้ามา หยูหลันเดินไปต้อนรับทันที
“นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนายได้รับการสั่งสอนจากคนอื่นแล้วจิตใจสงบเยือกเย็นขนาดนี้” ติงยียีวางตะกร้าผลไม้ลงข้างๆ เย่เนี่ยนโม่ค้นหาผลไม้ที่ตัวเองอยากกินในตะกร้าด้วยความคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เย่เนี่ยนโม่หยิบองุ่นพวงหนึ่งขึ้นมาแล้วติงยียีก็พูดว่า : “อันนี้อ้าวเสว่ชอบกิน” เขาเปลี่ยนไปหยิบเชอร์รี่ขึ้นมาแทน ติงยียีที่อยู่ข้างๆพูดเบาๆ : “อันนั้นชูฉิงชอบกิน”
เย่เนี่ยนโม่หยิบขึ้นมาอีกแล้วหยิบมังคุดขึ้นมาพลางเอ่ยว่า : “แล้วใครชอบกินอันนี้ล่ะ?” ติงยียีหยิบมังคุดขึ้นมาดมแล้วพูดพร้อมกับยิ้มว่า : “อันนี้ฉันชอบกิน!”
เมื่อเห็นหน้าตาที่หดหู่ของเขา ติงยียีก็หลอกเอาเค้กสับปะรดจากด้านหลังตัวเองมาวางไว้ตรงหน้าเย่เนี่ยนโม่แล้วเอ่ยว่า : “นี่คือสิ่งที่คนป่วยเย่เนี่ยนโม่ชอบกินมากที่สุด”
เย่เนี่ยนโม่มองเค้กสับปะรดอย่างตกตะลึง เขาชอบกินเค้กสับปะรดมากและมักจะซื้อที่ร้านขนมของมหาวิทยาลัย และมักจะถูกไห่โจ๋ซวนหัวเราะเยาะอยู่เป็นนาน เธอสังเกตเห็นได้อย่างไร
มีความรู้สึกอบอุ่นเกิดขึ้นในใจ เย่เนี่ยนโม่ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ หยูหลันกลับมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์อย่างรักใคร่และมีความสุขกับหยุนโชว์พอดี เมื่อเห็นรอยยิ้มของเย่เนี่ยนโม่ก็รู้สึกอธิบายไม่ถูกมากยิ่งขึ้น
ในอีกครึ่งชั่วโมงถัดมา เย่เนี่ยนโม่ชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่จำนวนมากมายที่หยูหลันจงใจทำลงไปในสัญญา ทำให้หยูหลันประหลาดใจอย่างมาก

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset