สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1430 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1330

“ทั้งสองคนเล่นอะไรกันอยู่ท่าทางมีความสุขเชียว?” กลุ่มของอ้าวเสว่และไห่โจ๋ซวนเดินเข้าประตูมา เห็นติงยียีและเย่เนี่ยนโม่อยู่ด้วยกัน เดิมทีอ้าวเสว่ที่มีรอยยิ้มสว่างไสวรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
“นี่คือแฟนของผม” เย่เนี่ยนโม่หันวิดีโอไปทางอ้าวเสว่แล้วพูดกับเขา หยูหลันที่อยู่ในวิดีโอไม่รู้ว่าจะพูดดี อ้าวเสว่ที่ตอนแรกจิตใจรู้สึกหึงหวงก็สงบลง บนใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ซ่งเมิ่นเจ๋ที่มาถึงในภายหลังไม่รู้ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนดี เธอไม่ได้สนิทสนมกับเย่เนี่ยนโม่ อ้าวเสว่ และเย่ชูฉิง ทั้งกับติงยียีก็อยู่ในช่วงสงครามเย็นอีก ยืนอยู่ตรงไหนก็รู้สึกแปลกๆไปหมด
“เมิ่นเจ๋มาทางนี้สิ” ไห่โจ๋ซวนกวักมือเรียกเธอ เธอมองเขาอย่างขอบคุณแล้ววิ่งเหยาะๆไปทางด้านข้างของไห่โจ๋ซวนและเย่ชูฉิง ไห่โจ๋ซวนดึงเธอไปอยู่ข้างๆตนเอง และเย่ชูฉิงกลับเป็นฝ่ายถูกบีบออกไปแทน
สีหน้าท่าทางของเย่ชูฉิงหม่นหมองลงไปและในไม่ช้าเธอก็กลับมายิ้มใหม่อีกครั้ง เธอหยิบขวดเปล่าขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า : “วันนี้พวกเรามาเล่นเกมส์จริงหรือกล้า พูดความจริงหรือรับคำท้ากันนะคะ เกมส์นี้ง่ายมาก หมุนขวดแล้วปากขวดหยุดที่ใครคนนั้นจะถามคนที่ก้นขวดหันไปค่ะ จะเป็นการพูดความจริงหรือการรับคำท้าก็ได้หมดเลย”
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้แล้ว ทุกคนก็กระตือรือร้นอยากลองดู เย่ชูฉิงวางขวดไว้ตรงกลางแล้วเอ่ยว่า : “ฉันจะลองดูก่อนนะคะ” ขวดหมุนแล้วสักครู่หนึ่งก็ช้าลง ปากขวดหันมาทางเธอ ขณะที่ก้นขวดหันไปทางไห่โจ๋ซวน เธอผงะแล้วเอ่ยอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า : “งั้นฉันจะถามคำถามแล้วนะคะ”
ไห่โจ๋ซวนพยักหน้า เธอคิดแล้วคิดอีกอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า : “ฉันเลือกการรับคำท้า ฉันหวังว่าคุณจะกอดฉันเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็ก”
ไห่โจ๋ซวนไม่พูดพล่ามไร้สาระ เขายืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้เธอ เย่ชูฉิงเกี่ยวนิ้วก้อยเขาเบาๆเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็ก ในไม่ช้า ไห่โจ๋ซวนก็ปล่อยมือแล้วกลับไปยังตำแหน่งเดิม
เย่ชูฉิงรู้สึกถึงความสูญเสียขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า : “ต่อกันเถอะค่ะ” ครั้งนี้ขวดหมุนโดยไห่โจ๋ซวน ปากขวดหันเข้าหาไห่โจ๋ซวน ก้นขวดหันไปทางเย่เนี่ยนโม่
“ฉันเองก็มาเพื่อรับคำท้า เนี่ยนโม่นายจูบติงยียีสิ อ้าวเสว่ไม่เอามาใส่ใจหรอก” ไห่โจ๋ซวนยิ้มอย่างไร้พิษภัย อ้าวเสว่กัดฟันกรอด ในใจไม่มีความสุขอย่างยิ่ง แต่บนหน้ายังคงพูดเบาๆว่า : “ไม่ใส่ใจหรอก มันเป็นแค่เกมส์นี่นา”
ติงยียีอยากจะร้องบอกให้หยุด เพราะว่าบาดแผลจึงทำให้ท่อนบนไม่ได้สวมเสื้อผ้าและทั้งที่เครื่องปรับอากาศในห้องผู้ป่วยก็เปิดแล้ว แต่เธอยังรู้สึกว่าร้อนจริงๆ
“ผ่อนคลายเถอะน่า” เย่เนี่ยนโม่เดินมาใกล้เธอแล้วหัวเราะเบาๆ ติงยียีจ้องมองเขาอย่างว้าวุ่นแล้วหลับตาลง ในไม่ช้าเธอรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอบุ๋มลงไปเล็กน้อย แต่ว่าความรู้สึกของการสัมผัสนั้นมันไม่ถูกต้องเลย เมื่อลืมตา เย่เนี่ยนโม่มองเธออย่างหยอกล้อ นิ้วชี้และนิ้วกลางกดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอเล็กน้อย
“เย่เนี่ยนโม่ นายทำแบบนี้คือการนอกใจนะ!” หลี่ยี่ซวนที่อยู่ข้างๆพูดหยอกล้อ ดวงตาก็จ้องไปที่ขวดตลอดเวลาแล้วหวังว่าขวดจะหันมาที่ตนเองและเย่ชูฉิงบ้าง
เย่เนี่ยนโม่กลับมานั่งข้างๆอ้าวเสว่ แล้วลูบผมของเธอพร้อมกับพูดเสียงกระซิบว่า : “เมื่อกี้นี้คิดฟุ้งซ่านอีกแล้วสินะ”
“เปล่าซักหน่อย!” อ้าวเสว่ก้มหน้าลงเล็กน้อย เพื่อปิดบังความคิดที่ทะลวงเข้ามาในภายใน เย่เนี่ยนโม่หยิบขวดขึ้นมาแล้วเริ่มหมุน มันหมุนไปที่ติงยียีและเย่ชูฉิง
“พี่ยียีพูดอะไรกับพี่เมิ่นเจ๋สิคะ” เย่ชูฉิงกระพริบตามองไปที่ติงยียี เธอเข้าใจชัดเจน แล้วหันไปพูดกับซ่งเมิ่นเจ๋ที่กำลังมองตนเองว่า : “เมิ่นเจ๋ เหลืออีก 298 วันก็จะครบรอบห้าปีที่เราได้เจอกันนะ”
เมิ่นเจ๋ผงะ ขอบตาร้อนผ่าว เธอเบือนหน้าหนีแล้วพูดงึมงำว่า : “วันนี้ไม่นับสิ ต้องเหลือ 297 วัน” หลังจากเล่นอยู่ครึ่งวันจนเป็นเวลาเกือบจะ11 โมงแล้ว หลายคนพากันออกจากโรงพยาบาล ซิงเมิ่นเจ๋และเย่ชูฉิงมองไปทางไห่โจ๋ซวนในเวลาเดียวกัน
“ยี่ซวนไปส่งชูฉิงนะ ฉันจะไปส่งเมิ่นเจ๋กับยียีตกลงไหม” ไห่โจ๋ซวนถาม
ในดวงของเย่ชูฉิงนั้นไม่เต็มใจ เธอเอ่ยเสียงกระซิบว่า : “ฉันกลับไปพร้อมพี่โจ๋ซวนไม่ได้เหรอคะ?” หลี่ยี่ซวนที่อยู่ด้านข้างพูดกล่อมว่า : “ชูฉิงเด็กดี พวกของไห่โจ๋ซวนกลับเส้นทางเดียวกันพอดี ฉันส่งเธอกลับบ้านโอเคไหม?”
“ตัดสินใจตามนี้แล้วกัน” ไห่โจ๋ซวนหันหลังกลับขึ้นไปบนรถ ซิ่งเมิ่นเจ๋และติงยียีมองหน้ากันและกันขณะที่ขึ้นรถ รถสตาร์ทเครื่องแล้วขับไกลออกไป
“ยี่ซวน นายว่าหรือพี่โจ๋ซวนจะไม่ชอบที่ฉันเป็นพวกเอาแต่ไหลไปตามน้ำลูกเดียวแบบนี้” เย่ชูฉิงพูดขณะที่มองไปยังจุดที่รถหายไป
“ฉันชอบเธอที่มีความอบอุ่นและอ่อนโยนแบบนี้มาก” หลี่ยี่ซวนยืนอยู่ด้านหลังแล้วพูดอย่างจริงจังขณะที่มองดูเธอ น่าเสียดายที่เธอไม่เคยหันกลับมามองตัวเขาเลย
หลังจากคลื่นลมที่วุ่นวายได้ผันผ่านไปแล้วครึ่งเดือน ขณะที่ติงยียีนอนคว่ำอยู่บนโต๊ะแล้วคิดถึงการบ้านปลายภาคเรียนของเธอ โต๊ะก็ถูกเคาะหลายๆครั้ง เมื่อแหงนหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเย่เนี่ยนโม่
“อ้าวเสว่ไม่อยู่หรอกนะ” เธอพูดไปตามจิตใต้สำนึก ที่ด้านหลังมีสาวๆกลุ่มหนึ่งซุบซิบถึงเย่เนี่ยนโม่อยู่ตลอด เธอแอบคุยกับตัวเองว่า เย่เนี่ยนโม่ไปที่ไหนก็เป็นข้อเสียไปหมดเลยสินะ
“ฉันรู้ ฉันมาหาเธอ” เย่เนี่ยนโม่เอ่ย
ที่ IKEA ติงยียีกินไส้กรอกย่างไปพลางแล้วพูดเหน็บแนมเขาไปพลาง : “ที่แท้ก็มาหาฉันพื่อใช้แรงงานฟรี”
เย่เนี่ยนโม่หยิบกระดาษทิชชู่ออกมา แล้วพันกระดาษทิชชู่ไว้รอบๆ แก้วโค้กก่อนจะยื่นโค้กแช่เย็นให้เธอ บนหน้ามีความเขินอายอยู่เล็กน้อย : “บ้านใกล้จะตกแต่งเสร็จแล้ว ผู้หญิงย่อมเข้าใจความคิดของผู้หญิงได้ดีกว่า”
“แค่เก้าอี้เปล่าๆก็สามพันหยวนแล้ว!” ติงยียีมองดูป้ายราคาเก้าอี้อย่างประหลาดใจ เย่เนี่ยนโม่ที่กำลังคุยกับพนักงาน ได้ยินเข้าจึงเอ่ยว่า : “เธอมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยได้ง่ายมาก ฉันก็เลยพยายามจะให้ในสิ่งที่เธอต้องการอยู่เสมอไงล่ะ”
ติงยียีหยิบที่เขี่ยบุหรี่อันหนึ่งขึ้นมา มันทำจากไม้ สัมผัสที่เต็มไปด้วยพลังและบวกกับการแกะสลักที่เรียบง่ายได้นำเสนอถึงความงามที่แตกต่าง
เย่เนี่ยนโม่เดินเข้ามาใกล้แล้วแสดงความคิดเห็นว่า : “ไม่เลวนี่”
“จริงเหรอ!” ติงยียีกวักมือเรียกหนักงานอย่างมีความสุข แล้วหันหน้าไปมองเขาอย่างมีความหวัง : “เย่ชูหวินจะชอบสไตล์นี้ไหม?”
เย่เนี่ยนโม่ผงะ ทุกวันนี้เขากล่อมตัวเองอยู่เสมอว่าความสัมพันธ์ของเขากับติงยียีเป็นเพียงแค่เพื่อนกันเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังสนใจเธออยู่ เวลาที่ได้ยินเธอพูดถึงเย่ชูหวิน ภายในใจก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย
“เขาชอบแบบนี้แหละ” เมื่อเผชิญกับสายตาที่คาดหวังของติงยียี เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วหันไปหยิบที่เขี่ยบุหรี่เซรามิก บางสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็จำเป็นต้องตัดตอนไม่ให้พัฒนาเสียตั้งแต่ในแววตา
เหยนหมิงเย้าไปเป็นเพื่อนจิ่วจิ่วเพื่อเลือกซื้อผ้าปูที่นอนใหม่ เขานั่งบนโซฟาอย่างเบื่อหน่าย ขณะที่รอให้แม่ของตนเองเลือกหมอนที่มันดูไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
“ทางด้านนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งหล่อมากเลย เป็นเดือนของมหาวิทยาลัยของเรา ดูเหมือนว่าแฟนของเขาจะชื่อว่าอ้าวเสว่”
“แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาไม่มีอะไรที่คู่ควรกับเขาสักนิดเลยนะ”
ตอนที่เหยนหมิงเย้าได้ยินคำว่า “อ้าวเสว่” สองคำนี้เขาก็ขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองหา เมื่อเห็นว่าเย่เนี่ยนโม่กำลังเลือกเตียงและผู้หญิงที่อยู่ข้างๆคือติงยียีกำลังชี้นิ้วอยู่ด้านข้าง
เหยนหมิงเย้าแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง ได้ยินแม่บอกว่าเย่เนี่ยนโม่ไม่ใช่คนเจ้าชู้ จิ่วจิ่วตะโกนอยู่ข้างๆ “ลูก ช่วยถ่ายรูปหมอนสองใบนี้ให้แม่หน่อย แม่จะได้กลับไปเปรียบเทียบอย่างละเอียด”
เขาช่วยถ่ายรูปให้แม่อย่างไม่มีทางเลือก เมื่อเงยหน้าขึ้นมาหลังจากถ่ายเสร็จแล้ว ก็ไม่เห็นร่องรอยของเย่เนี่ยนโม่กับติงยียีแล้ว ในตอนเย็น จิ่วจิ่วก็นำของขวัญมาที่บ้านตระกูลเย่
เซี่ยชีหรั่นพบจิ่วจิ่วแล้วก็ไม่ยอมที่จะปล่อยมือ น้ำตาหลั่งไหลลงมาเป็นสาย แล้วสะอึกสะอื้นพูดว่า : “เธอมันเลว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันส่งอีเมลอยู่ตลอด ฉันต้องนึกว่าเธอหายตัวไปแล้ว”
เย่เชินหลินช่วยเช็ดน้ำตาให้เซี่ยชีหรั่นอย่างเจ็บปวดใจ แล้วจ้องเข็มไปที่จิ่วจิ่ว ความหมายนั้นชัดเจนอย่างมาก คุยกันถึงเรื่องในอดีตได้แต่อย่าทำให้เธอต้องร้องไห้!
อารมณ์อ่อนไหวของจิ่วจิ่วได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยที่คำเตือนในดวงตาของเย่เชินหลิน เธอรีบยิ้มและพูดว่า : “อย่าร้องนะอย่าร้อง มันต้องเป็นเรื่องที่มีความสุขสิ”
อ้าวเสว่ช่วยคนใช้ยกอาหารออกมา น้าเชี่ยพูดอยู่ตลอดว่าวันนี้จะมีแขก แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเหยนหมิงเย้ากับแม่ของเขา
“มา ขอให้ฉันแนะนำหน่อยนะ คนนี้คืออ้าวเสว่แฟนของเนี่ยนโม่ลูกชายฉันจ้ะ จิ่วจิ่วน่าจะเคยเจอตอนที่เธอยังเล็กนะ” เซี่ยชีหรั่นพูดพร้อมกับเช็ดน้ำตาของตนเอง
จิ่วจิ่วส่งยิ้มให้กับอ้าวเสว่ เธอรู้สึกได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้กำลังวางแผนการบางอย่าง พิจารณาแล้วว่าควรจะต้องบอกกับชีหรั่น แต่ถ้าพูดไปจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่านะ?
“คุณน้าจิ่วจิ่ว คุณน้าเชี่ย ลองกินดูก่อนสิคะ ลองชิมเมนูที่ฉันถนัดที่สุดดูค่ะ” อ้าวเสว่พูดพร้องกับยิ้มแล้วโอบแขนรอบตัวเซี่ยชีหรั่นอย่างรักใคร่
บนโต๊ะอาหาร เหยนหมิงเย้าลองถามหยั่งเชิงดูว่า : “เนี่ยนโม่ล่ะ?”
“เขาบอกว่าวันนี้มีธุระกลับมากินข้าวไม่ได้น่ะ” อ้าวเสว่ช่วยเซี่ยชีหรั่นเสิร์ฟชามซุป เซี่ยชีหรั่นยิ่งมองก็ยิ่งชอบเธอ
เหยนหมิงเย้าขมวดคิ้ว จิ่วจิ่วที่อยู่ข้างๆร้องบอกว่า : “ลูกเอารูปที่พวกเราถ่ายวันนี้ออกมาหน่อยสิ ชีหรั่นดูสิว่าเธอชอบแนวไหน ฉันซื้อมาด้วยกันแล้ว คนเราต้องใส่ใจเรื่อหมอนเมื่อแก่ตัวลงนะ”
กลุ่มคนพากันมาที่โซฟาแล้วดูรูปถ่ายด้วยกัน จิ่วจิ่วเลื่อนรูปแล้วเอ่ยว่า : “นี่คือเนี่ยนโม่หรือเปล่า?”
เซี่ยชีหรั่นขยับเข้าไปดูใกล้มากขึ้น “เอ๊ะ เป็นเนี่ยนโม่จริงๆ เขาไปทำอะไรอยู่ที่ IKEA แล้วผู้หญิงในรูปเป็นหนูใช่ไหม?”
หญิงสาวในรูปมีเพียงแค่ด้านหลังเท่านั้น แต่อ้าวเสว่กลับหน้าซีดเผือด ติงยียีสวมชุดนี้วันนี้
“คุณน้าคะ พวกคุณดูกันไปก่อนนะคะ ฉันจะออกไปสูดอากาศข้างนอก” อ้าวเสว่เอ่ยพร้อมกับฝืนยิ้ม ที่บนระเบียง อ้าวเสว่เงยหน้ามองท้องฟ้า แสงจันทร์ส่องสว่างใบหน้าครึ่งหนึ่งที่ไร้อารมณ์ของเธอ
“ฉันนึกว่าเธอจะโทรไปถามเขาโดยตรงเลย นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เธอจะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนได้ขนาดนี้” สองมือของเหยนหมิงเย้าจับที่ระเบียง ท่าทางดูเกียจคร้านเฉื่อยชา
“ความรักสามารถทำให้คนถ่อมตัวได้ นอกเหนือจากนี้ฉันไม่ได้เปลี่ยนไป ฉันจะทำคนที่ทำร้ายฉันกลับคืนไปเป็นสองเท่า” อ้าวเสว่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เพื่อนร่วมชั้น จะต้องส่งการบ้านปลายภาคให้กับหัวหน้าห้องในสัปดาห์หน้า ฉันจะส่งผลงานของพวกเธอให้กับดีไซเนอร์เชี่ยเพื่อให้เธอเลือกผลงานที่เหมาะสมที่สุดออกมา ทุกคนจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้นะ”
“อ้าวเสว่ ผลงานของเธอคืออะไรเหรอ” ติงยียีมองไปที่แผ่นกระดานวาดภาพและไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือยังไงจริงๆ เมื่อเห็นอ้าวเสว่มีท่าทางภาคภูมิใจในความสำเร็จ เธอรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่มีอะไร แค่ทำไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” อ้าวเสว่ตอบอย่างสบายๆ ผลงานของตัวเธอใช้เวลาในการประกอบความคิดและคัดเลือกฉากเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วยังมีการวาดภาพด้วย เธอเชื่อว่าคุณน้าเชี่ยจะต้องชอบมันอย่างแน่นอน
ในตอนบ่าย ติงยียีพาแพนด้าไปที่โรงพยาบาลสัตว์เพื่อเปลี่ยนยา ในโรงพยาบาล เธอหยิบกระดานวาดภาพออกมาแล้วขีดๆวาดๆลงไป
เธอวาดไปทีละภาพและฉีกไปทีละแผ่น ไม่นานภายในถังขยะรีไซเคิลก็มีแต่เศษกระดาษ เย่ชูหวินเดินเข้าไปใกล้แล้วหยิบเศษกระดาษอันหนึ่งออกมาจากถังขยะ เมื่อคลี่ออก ติงยียีก็คว้าไปขยำแล้วโยนทิ้ง จากนั้นก็นั่งลงข้างๆอย่างท้อแท้

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset