สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1432 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1332

ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฟากหนึ่งของสายโทรศัพท์ “ติ๊ดๆ” เสียงข้อความเข้าดังขึ้น อ้าวเสว่พบว่าบัญชีธนาคารของตัวเองมีเงินเพิ่มขึ้นหนึ่งหมื่น
“นายหมายความว่าอะไร เหยนหมิงเย้า!” เสียงของอ้าวเสว่เย็นชาขึ้น เธอไม่ต้องการการให้ทาน
“เงินนี้ต้องคืน ฉันจะให้เธอยืมก่อน” เหยนหมิงเย้าที่ได้ยินน้ำเสียงของเธอ ก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปอยู่นานอ้าวเสว่ถึงได้เอ่ยว่า “ขอบคุณ”
เมื่อโอนเงินหนึ่งหมื่นหยวนนั่นให้กับบัญชีธนาคารของหญิงตั้งครรภ์คนนั้นแล้ว อ้าวเสว่ก็ถอนหายใจเล็กน้อย หวังว่าการทำแบบนี้จะสามารถลดความรู้สึกผิดของตัวเองได้บ้าง
วันรุ่งขึ้น อ้าวเสว่ได้รับโทรศัพท์จากเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย ที่หน้าประตู ติงยียีเดินออกมาจากประตูมหาวิทยาลัยตัวคนเดียว
“ยายเด็กโง่คนนั้นเป็นอะไร ทำไมถึงได้ดูความรู้สึกย่ำแย่แบบนี้ล่ะ” เย่เนี่ยนโม่ขับรถเข้ามาใกล้ติงยียี พลางเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“นั่นสิ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” อ้าวเสว่มองท่าทางของติงยียีแล้ว ในใจก็รู้สึกมีความสุขที่ได้แก้แค้น เทียบกับความเจ็บปวดในตอนที่เห็นภาพเธอกับเย่เนี่ยนโม่ที่ตระกูลเย่แล้ว ตอนนี้ความเจ็บปวดของติงยียีก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกขี้ปะติ๋วของตัวเองในตอนนั้น
“เธอเป็นอะไรไปหรือ” เย่เนี่ยนโม่ถาม
ติงยียีชะงักค้าง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงส่ายศีรษะด้วยความโศกเศร้า “ไม่มีอะไร” เมื่อครู่เธอถูกที่ปรึกษาตำหนิมา เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุขของเย่เนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่แล้ว เธอก็ไม่อยากจะเอ่ยถึงเรื่องหนักใจของตัวเองออกมากะทันหัน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” เย่เนี่ยนโม่ถามด้วยความอดทน ท่าทางของเธอทำให้ตัวเองไม่อาจไม่สนใจ เสียงโทรศัพท์ของเย่เนี่ยนโม่ดังขึ้น อีกฟากหนึ่งของสายโทรศัพท์คล้ายกับว่าพูดอะไรบางอย่าง เขาผงกศีรษะแล้ววางสายโทรศัพท์ พลางเอ่ยกับติงยียีว่า “ฉันคิดดูแล้วก็ใช่ คนที่มีนิสัยทอมบอยอย่างเธอจะมีเรื่องที่ทำให้เสียใจได้อย่างไรกัน?”
รถยนต์ขับผ่านไป อ้าวเสว่ดูออกว่าเย่เนี่ยนโม่ยังคงใส่ใจกับท่าทีเมื่อครู่นี้ของติงยียีอยู่ อารมณ์ดีอกดีใจที่มีอยู่ก็ย่ำแย่ลงอย่างถึงที่สุด
ในสนาม เฮลิคอปเตอร์จอดอยู่กลางสนาม อ้าวเสว่มองเย่เนี่ยนโม่ด้วยความประหลาดใจ “คุณชาย จัดเตรียมเรียบร้อยแล้วครับ” นักบินประจำตระกูลเย่ที่อยู่อีกด้านเอ่ยขึ้น
อ้าวเสว่มองเขาอย่างตื่นเต้น เย่เนี่ยนโม่ยิ้ม ฝืนบังคับตัวเองไม่ให้นึกถึงท่าทางผิดปกติของติงยียี พาอ้าวเสว่ขึ้นไปนั่งบนเฮลิคอปเตอร์
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่ไซปัน ทั้งสองคนเพลิดเพลินไปกับแสงอาทิตย์และหาดทราย ดำน้ำในทะเลที่สามารถมองเห็นเบื้องล่าง เต้นรำและถ่ายรูปไปบนถนนที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์ในต่างแดน
ค่ำคืนในไซปันคล้ายกับเรื่องเล่าของแดนสวรรค์ในนิทาน ลมทะเลพัดมา ทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเบิกบานมีความสุข อ้าวเสว่ที่คลอเคลียอยู่ข้างกายเย่เนี่ยนโม่เอ่ยงึมงำว่า “ฉันกำลังฝันอยู่หรือ ทำไมถึงรู้สึกมีความสุขเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เลย”
เย่เนี่ยนโม่จูบกระหม่อมของเธอด้วยความรักและทะนุถนอม หญิงชราที่อยู่ไกลออกไปเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ถือสร้อยคอเปลือกหอยที่ตัวเองเป็นคนร้อยมาถึงด้านหน้าทั้งสองคน
“ซื้อเครื่องประดับสักหน่อยเถอะนะ เครื่องประดับของไซปันจะอวยพรให้พวกเธอโชคดีตลอดไป” หญิงชราเอ่ยยิ้มๆ อ้าวเสว่นั่งยองๆเลือกเครื่องประดับอยู่ด้านข้าง
เย่เนี่ยนโม่หยิบเข็มกลัดเปลือกหอยขึ้นมาอันหนึ่ง เกลียวบนเปลือกหอยถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนมีรูปร่างลื่นละมุน สิ่งนี้เหมาะกับติงยียี ยายโง่นั่นมาก เย่เนี่ยนโม่ยิ้ม หยิบเงินออกมาซื้อ
หลังจากพักผ่อนกันไปหลายวัน ทั้งสองคนก็เดินทางกลับ ในตอนที่เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงจอดที่เมืองตงเจียง อ้าวเสว่ทอดถอนใจว่า “เนี่ยนโม่ หลังจากนี้พวกเราก็ไปเที่ยวให้ทั่วทั้งโลกกันเถอะ!”
เย่เนี่ยนโม่มองเธอ ผงกศีรษะสัญญากับเธออย่างจริงจัง เมื่อออกจากสนามบิน ก็มีชายสองคนเดินมาจากห้องนั่งรอรถโดยสาร
Baker หยิบหลักฐานการแสดงตัวของตัวเองออกมาแสดงด้านหน้าอ้าวเสว่ “คุณอ้าวเสว่ ตอนนี้พวกเรามีคำถามที่อยากจะสอบถามคุณเล็กน้อย ขอให้คุณให้ความร่วมมือด้วยครับ”
ในสำนักงานตำรวจ เย่เนี่ยนโม่เฝ้ารอการมาถึงของทนายความตระกูลเย่ด้วยความวิตกกังวล อ้าวเสว่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ศูนย์จัดแสดงนิทรรศการหรือ บทสรุปแบบนี้เขาไม่อาจเชื่อได้ เด็กสาวที่โอบอ้อมอารีเช่นอ้าวเสว่จะทำเรื่องแบบนั้นออกมาได้อย่างไรกัน
ภายในห้องสืบสวน อ้าวเสว่แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง “วันนั้นฉันอยู่กับแฟนหนุ่มของฉันตลอด ในภายหลังเขาพุ่งเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุไฟไหม้เพื่อช่วยชีวิตคน ฉันก็รอเขาอยู่ที่ด้านนอกตลอด”
“ในกล้องวงจรปิด พวกเราพบว่าคุณไม่ได้อยู่ในห้องโถงเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ช่วงเวลาที่ขาดไปนั้นคุณอยู่ที่ไหนหรือครับ” แววตาหลักแหลมของ Baker ที่จ้องเธอเขม็ง สร้างแรงกดดันอันไร้รูปร่างให้กับเธอ
“ฉันรู้สึกว่าท้องของฉันไม่ค่อยสบาย ดังนั้นจึงอยู่ในห้องน้ำตลอด ในภายหลังฉันให้แฟนหนุ่มของฉันไปซื้อยาเป็นเพื่อน พวกเราสามารถให้เขามายืนยันได้”
ฝ่ามือของอ้าวเสว่ชื้นไปด้วยเหงื่อ กำแล้วแบ แบแล้วกำอย่างไม่รู้ตัว เธอคิดไม่ถึงว่าคดีความจะมาถึงตัวเองไวขนาดนี้ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าตัวเองเพิ่งจะมีความสุขไปเมื่อครู่นี้ แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับความโชคร้ายเร็วขนาดนี้
Baker ไม่พูดอะไร แต่มองเธอตลอด อ้าวเสว่มองกลับด้วยความกล้าหาญ ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูก็ถูกเปิดออก เย่เนี่ยนโม่กับทนายความตระกูลเย่ที่เร่งรีบมาถึงแล้ว
“สวัสดีครับ ผมคือทนายความของคุณอ้าวเสว่ที่เป็นคู่กรณีครับ” ทนายความยืนอยู่ข้างกายอ้าวเสว่ด้วยความชำนาญ Bakerเลิกคิ้วเอ่ยกับเย่เนี่ยนโม่ว่า “เจ้าเด็กหน้าเหม็นนิสัยเหมือนกับพ่อ เอะอะก็เชิญทนายความ ไปเถอะ วันนี้ก็แค่สอบถามตามปกติเท่านั้น”
อ้าวเสว่ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีเข้มแข็งและสงบนิ่ง ทั้งยังก้าวเดินไปทางประตูอย่างเร่งรีบ เท้าจึงเกี่ยวเข้ากับมุมโต๊ะ Baker ประคองเธอเอาไว้ได้ทัน
“คุณอ้าวเสว่ ระวังหน่อยสิครับ” สายตาคมปลาบของ Baker กวาดมองผ่านเธอไป เอ่ยพูดเสียงเรียบ อ้าวเสว่นั้นตกอยู่ในสภาพหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งแล้ว แววตาของตำรวจ คนนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว
รถยนต์ขับเคลื่อนไปยังสถานสงเคราะห์ด้วยความรวดเร็ว เย่เนี่ยนโม่มองภายในสถานสงเคราะห์ที่แสงไฟมืดสนิท บ้านที่ตัวเองซื้อจะตกแต่งเสร็จอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ เมื่อคิดถึงสีหน้าท่าทางของอ้าวเสว่ตอนเห็นบ้านหลังใหม่ ในใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะเฝ้ารอ
“อย่าคิดฟุ้งซ่าน พักผ่อนเช้าหน่อย” เย่เนี่ยนโม่ลูบศีรษะเธอแล้วหมุนตัวขึ้นรถ รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปได้ไม่เท่าไร เย่เนี่ยนโม่ก็เห็นเธอวิ่งตามรถตัวเองผ่านกระจกมองหลัง
เย่เนี่ยนโม่รีบเหยียบเบรกรถยนต์แล้วลงจากรถ ก้าวเท้าเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยถามว่า “เป็นอะไรไปหรือ”
อ้าวเสว่เงยหน้ามองเขา ใช้แววตาพรรณนาคิ้วและนัยน์ตาของเขาอย่างไม่อยากปล่อยผ่านรายละเอียดใดๆ “เนี่ยนโม่ นายจะกอดฉันหน่อยได้ไหม” อ้าวเสว่รีบร้อนเอ่ย
เย่เนี่ยนโม่มองท่าทางราวกับกระต่ายตัวน้อยที่ไวต่อความรู้สึกและเปราะบางของเธอแล้วก็ยื่นมือออกไปมอบอ้อมกอดอันอบอุ่นให้กับเธอ อ้าวเสว่เขย่งปลายเท้าจูบกลีบปากเขา
“เนี่ยนโม่ ราตรีสวัสดิ์” อ้าวเสว่ปล่อยเขาแล้ววิ่งกลับเข้าไปในสถานสงเคราะห์ แผ่นหลังผิงกำแพงสถานสงเคราะห์ หยาดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้มาโดยตลอดรินไหลลงมา
“เป็นอะไรกันนะ?” เย่เนี่ยนโม่ส่ายศีรษะหมุนตัวกลับไป รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ภายในสถานสงเคราะห์ อ้าวเสว่เก็บสัมภาระทั้งหมดโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก เธอเก็บสัมภาระไป โทรศัพท์ไปพลาง เมื่อโทรศัพท์ถูกรับสาย อ้าวเสว่ก็รีบร้อนเอ่ยว่า “แม่คะ คืนวันนี้หนูต้องไปแล้ว วันนี้ตำรวจ มาสอบถามหนูแล้ว หนูต้องไปในคืนนี้!”
ยามค่ำคืนสามารถเกิดเรื่องราวมากมาย บางคนจมอยู่ในห้วงแห่งความฝัน บางคนกำลังทำงาน บางคนกำลังมีอะไรกับคนรักหรือคนที่ไม่ใช่คนรัก และมีบางคนได้บินไปยังแดนไกล เพื่อที่จะหลบหนีชะตากรรม อ้าวเสว่หายตัวไป ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเธอล้วนหายไปหมด
เย่เนี่ยนโม่ตามหาทุกซอกทุกมุมภายในห้องของเธออย่างบ้าคลั่ง แต่หาเจอเพียงแค่กระดาษบันทึกใบหนึ่ง ด้านบนเขียนตัวอักษรเล็กน้อยว่า “ขอโทษนะ เนี่ยนโม่”
เธอไปที่ไหนนะ? ข้อสงสัยใหญ่หลวงเข้าครอบคลุมหัวใจเขา เขาถึงขั้นเคลื่อนไหวอิทธิพลของตระกูลเย่ แต่อ้าวเสว่ก็ราวกับเลือนหายไปจากโลกมนุษย์ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ตอนที่ติงยียีรู้เรื่องนี้ก็ผ่านไปเกือบจะหนึ่งอาทิตย์แล้ว เสียงของไห่โจ๋ซวนร้อนรนมาก เขาบอกว่าที่ไหนก็หาไม่เจอแม้แต่เงาของเย่เนี่ยนโม่ โทรศัพท์ก็อยู่ในสถานะปิดเครื่องตลอด
ติงยียีไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รู้เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาที่ตัวเองหดหู่ใจเรื่องการโกงนั้นอ้าวเสว่หายตัวไป ทั้งยังเก็บข้าวของไปจนหมดสิ้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นฝ่ายจากไปเอง
สมองของเธอปรากฏภาพสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมา จึงพาแพนด้าไปถึงชุมชนฟีนิกซ์ด้วยความเร่งรีบ บ้านที่เย่เนี่ยนโม่อยากจะมอบให้กับอ้าวเสว่เป็นของขวัญนั้นตกแต่งซ่อมแซมเสร็จแล้ว ทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความอบอุ่น
ติงยียีพุ่งตัวเข้าไปในห้อง ภายในห้องไม่มีคน ก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องหนังสือ ห้องหนังสือมีเพียงแค่แสงไฟสีเหลืองส้มจากโคมไฟตั้งพื้น
“โฮ่งๆๆ” แพนด้าวิ่งเข้าไปในห้องหนังสือ หลังจากเห่าอยู่หลายรอบก็ดึงขากางเกงติงยียีลากออกไปด้านนอก
ภายในห้องอาบน้ำ เย่เนี่ยนโม่ที่ดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำ ทั้งร่างจมอยู่ในอ่างอาบน้ำ บนพื้นระเกะระกะไปด้วยขวดเหล้าที่ถูกโยนทิ้งเอาไว้
“เย่เนี่ยนโม่ นายตื่นสิ?” ติงยียีตบแก้มเขา คิดอยากจะปลุกเขาให้ตื่น แช่น้ำเป็นเวลานานจะทำให้เป็นหวัดเอาได้
“อ้าวเสว่ ทำไมเธอต้องจากไปด้วย?” เย่เนี่ยนโม่พึมพำ ติงยียีมองท่าทางหมดสภาพของเขาแล้วก็ทอดถอนใจให้กับความรู้สึกลึกซึ้งที่เขามีต่ออ้าวเสว่
“อดทนไว้นะ ฉันจะพานายไปที่เตียง!” ติงยียีพาดแขนของเย่เนี่ยนโม่ไว้บนไหล่ของตัวเอง และออกแรงลาก
แขนของเย่เนี่ยนโม่หดตัวขึ้นมากะทันหัน ทำให้เธอหงายหลังไปด้วย ติงยียีล้มโครมแล้วตกลงไปในอ่างอาบน้ำ และตามมาด้วยเย่เนี่ยนโม่
เสียงหยดน้ำสาดกระเซ็นดังสนั่น ติงยียีดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง เย่เนี่ยนโม่คล้ายกับว่ารู้สึกรำคาญจึงยื่นมือออกมาตบลงที่ก้นของเธอหลายฝ่ามือ งึมงำว่า “เงียบหน่อย ฉันใกล้จะนอนไม่ได้อยู่แล้ว”
ความรู้สึกแสบร้อนส่งมาจากบั้นท้าย ติงยียีซบตัวอยู่ที่แผงอกของเย่เนี่ยนโม่ด้วยความตกตะลึง และรู้สึกได้ถึงแผงอกที่กระเพื่อมขึ้นลง รวมไปถึงกล้ามเนื้อที่หนั่นแน่น
ติงยียีออกแรงลากเย่เนี่ยนโม่ไปที่เตียงสุดความสามารถ จากนั้นก็มองสภาพร่างที่เปียกปอนของตัวเองกับเย่เนี่ยนโม่ เธอกวาดตามองเขาที่มีผ้าเช็ดตัวปกปิดเบื้องล่างอยู่ผืนเดียว ก็เลือกที่จะมองผ่านไปและนำผ้าฝ้ายฤดูร้อนห่มบนร่างเขา
เมื่อไม่มีเสื้อผ้าให้สวมใส่จริงๆ ติงยียีจึงเปิดตู้เสื้อผ้า ภายในตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยเสื้อผ้าสตรี ป้ายยังไม่ถูกตัด เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเย่เนี่ยนโม่เตรียมเอาไว้ให้อ้าวเสว่
ติงยียีหยิบเสื้อยืดที่แบบค่อนข้างเรียบง่ายออกมาตัวหนึ่งแล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ เปิดฝักบัวอาบน้ำแรงสุด จัดการความคิดที่สับสนวุ่นวายในวันนี้ของตัวเองให้เรียบร้อย
ประตูถูกเปิดออกกะทันหัน ติงยียีที่เปลือยล่อนจ้อนจ้องตากับเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ที่ตาปรือเพราะความมึนเมาหรี่ตามองมาที่ติงยียี
“นายมันไอ้คนลามก!” ติงยียีทั้งอายทั้งโกรธ หยิบสิ่งที่มือสามารถคว้าถึงปาไปทางเขา
สบู่ ขวดสบู่เหลว โฟมล้างหน้า! เย่เนี่ยนโม่หลบอย่างทุลักทุเลแล้วก้าวเข้าไปจับข้อมือของเธอเอาไว้ บีบบังคับเธอให้ถอยไปถึงมุมหนึ่งของกำแพง
แผ่นหลังของติงยียีกระแทกเข้ากับพื้นกระเบื้องเคลือบ เจ็บเสียจนเธอหน้าตาเหยเก เย่เนี่ยนโม่เอ่ยถามขึ้นกะทันหัน “เป็นเพราะฉันไม่สามารถมอบความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยให้กับเธอได้ใช่ไหม”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset