สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1436 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1336

“หัวหน้าห้อง ปลายเทอมที่แล้วฉันยื่นสมัครเรื่องขอทุนการศึกษาไป GPA กับคะแนนล้วนเพียงพอ ทำไมถึงไม่มีชื่อฉันล่ะ” ติงยียีมองเพื่อนนักเรียนที่คะแนนไม่สูงเท่าตัวเองที่อยู่ด้านข้างล้วนได้รับทุนการศึกษา จึงสงสัยอยู่บ้าง
หัวหน้าห้องมองไปทางเธอด้วยความลำบากใจ คิดแล้วก็เอ่ยว่า “อาจารย์เจิ้นเจิ้งที่ดูแลเรื่องทุนการศึกษาเป็นคนบอก ฉันก็ไม่ค่อยรู้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่ ไม่อย่างนั้นเธอลองไปถามดูสิ!”
“เจิ้นเจิ้ง?” อาจารย์ที่บีบให้ไห่โจ๋ซวนออก และให้ลูกชายของอาจารย์ใหญ่เป็นประธานสหภาพนักศึกษาคนนั้นหรือ
ติงยียีพุ่งตัวไปที่ห้องทำงานของสหภาพนักศึกษา เจิ้นเจิ้งกำลังคุยโทรศัพท์ เมื่อได้ยินแล้วก็ให้เธอนั่งลงก่อน
ติงยียีนั่งรออยู่ด้านข้างด้วยความอดทน สิบห้านาทีหลังจากนั้น เจิ้นเจิ้งเห็นว่าเธอยังไม่มีทีท่าว่าจะจากไปจึงได้วางโทรศัพท์
“นักศึกษาติงยียีสินะ” เจิ้นเจิ้งแสร้งทำเป็นมองเธอ หยิบชาขึ้นมาจิบช้าๆคำหนึ่ง
“อาจารย์คะ หนูอยากสอบถามเกี่ยวกับเรื่องทุนการศึกษาหน่อยค่ะ” ติงยียีมองไปทางเขาอย่างร้อนรน เจิ้นเจิ้งเอ่ยช้าๆว่า “ปัญหาเรื่องทุนการศึกษาเป็นเรื่องที่กลุ่มการสนทนาทั้งหมดได้ตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์แล้ว”
“ทำไมหรือคะ” ติงยียีมองเขาด้วยความประหลาดใจ ทำไมทุกคนถึงได้พุ่งเป้ามาที่เธอโดยไม่มีสาเหตุกันล่ะ เจิ้นเจิ้งเห็นเธอยังไม่เข้าใจ ก็ทำได้เพียงแค่เอ่ยให้เข้าใจมากกว่าเดิม “มหาวิทยาลัยไม่อนุมัติให้นักศึกษาที่มีพฤติกรรมการลอกเลียนแบบได้รับทุนการศึกษา เธอเข้าใจไหม”
ติงยียีรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า คิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่การประนีประนอมของเธอแลกมาได้จะเป็นแบบนี้ นอกประตู ซ่งเมิ่นเจ๋มองมาทางเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
ติงยียีส่ายศีรษะ ยิ้มอย่างจนปัญญา เรื่องการลอกเลียนแบบเรื่องนั้น เธอมีร้อยปากก็อธิบายได้ไม่ชัดเจน “ยียี เมิ่งเจ๋ พวกเธอมาทำอะไรกันทีนี่” ไห่โจ๋ซวนที่เดินผ่านมาพอดีเอ่ยถาม
ซ่งเมิ่นเจ๋เจ็บใจแทนติงยียี จึงเล่าเรื่องทั้งหมดไปรอบหนึ่ง ไห่โจ๋ซวนก็โกรธมากเช่นกัน จึงคิดจะเข้าไปพูดคุยกับเจิ้นเจิ้งในห้อง ติงยียีรีบดึงเขาเอาไว้ พลางเอ่ยว่า “ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ไม่ให้พวกนายติดร่างแหไปด้วยก็ดีแล้ว”
ได้ยินเธอพูดแบบนี้แล้ว ไห่โจ๋ซวนก็ทำได้เพียงแค่ปล่อยไป กลางคืนที่บาร์ ไห่โจ๋ซวนเห็นว่าข้างกายเย่เนี่ยนโม่เปลี่ยนเป็นหญิงสาวอีกคนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจด้วยความหดหู่ “นายใช้วิธีการแบบนี้ในการแก้แค้นหรือ”
เย่เนี่ยนโม่ที่ดื่มเหล้าจนหมดก็เหลือบมองโม่ซวนหลินที่อยู่ข้างกาย และเอ่ยว่า “ไม่ใช่สักหน่อย ฉันเพียงแค่ประหลาดใจว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิงนั้นอ่อนแอเหมือนกับบุคลิกภายนอกจริงหรือไม่”
ไห่โจ๋ซวนชะงัก ยิ้มและยกแก้วเหล้าขึ้นมา จู่ๆก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยว่า “บนโลกใบนี้มีผู้หญิงประเภทหนึ่งที่ไม่ได้อ่อนแอ ประเภทที่เหมือนกับติงยียี นายไม่รู้หรือว่าเธอไม่ได้รับทุนการศึกษา หลังจากนั้นเธอก็ไปโวยวายที่ห้องพักอาจารย์รอบหนึ่ง”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว ทำไมถึงไม่ได้กัน สำหรับติงยียีที่สภาพครอบครัวเป็นแบบนั้น เขารู้ว่าทุนการศึกษาสำคัญมาก
ไห่โจ๋ซวนยักไหล่ “พี่โจ๋ซวน” เย่ชูฉิงที่ยืนอยู่อีกด้านตะโกนเรียกด้วยท่าทางขลาดเขลาเล็กน้อย
เมื่อเห็นเธอ ทั้งสองคนที่กำลังดื่มเหล้าอยู่ล้วนตะลึง เย่เนี่ยนโม่ที่มีปฏิกิริยาตอบสนองไวก็เอ่ยว่า “ยี่ซวนพาเธอมาหรือ”
เย่ชูฉิงผงกศีรษะ เอ่ยเสียงเบา “ฉันขอร้องอยู่นานมากนะ!”
สายตาที่มีเจตนาไม่ดีของผู้คนรอบด้านกวาดมองมาที่เธอ ไห่โจ๋ซวนเอียงร่างบังสายตาเธอเอาไว้เงียบๆ เย่เนี่ยนโม่ดึงแขนเธอไปข้างนอก
“ฉันไม่ไป! ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ฉันก็สามารถมาที่นี่ได้เหมือนกัน!” เย่ชูฉิงพยายามดิ้นรนให้หลุดจากการจับกุมของเย่เนี่ยนโม่
“อีกไม่นานเธอก็จะไปฝรั่งเศสแล้ว อย่าทำให้พวกเราต้องเป็นห่วง!” เย่เนี่ยนโม่เอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา
คำพูดของเขาทำให้ไห่โจ๋ซวนและเย่ชูฉิงตะลึงค้าง เย่ชูฉิงนั้นละอายใจ เธอไม่ได้บอกคนอื่นว่าเธอแอบยื่นสมัครสอบมหาวิทยาลัยZ ไป ส่วนไห่โจ๋ซวนนั้นก็คิดไม่ถึงว่าใกล้จะผ่านไปปีหนึ่งแล้ว
ติงยียีกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น บนโต๊ะอาหารภายในบ้านมีอาหารเย็นและกับข้าวอีกเล็กน้อยที่ยังทานไม่เสร็จ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าติงต้าเฉินกินได้ครึ่งหนึ่งก็ได้รับภารกิจจนต้องรีบร้อนจากไป
ติงยียีเก็บกวาดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว แพนด้าวิ่งวนอยู่หน้าประตู ติงยียีถอนหายใจ แม้ว่าอารมณ์จะไม่ดีมาก แต่ก็ตัดสินใจพามันไปเดินเล่นอยู่ดี
หนึ่งคนหนึ่งสุนัขออกจากบ้าน เดินไปตามตรอกซอยแถวบ้านอย่างช้าๆ เบื้องหน้ามีกลุ่มคนรวมตัวกันจำนวนหนึ่ง ติงยียีไม่อยากไปล้อมวงด้วย แต่แพนด้ากลับวิ่งเข้าไปในกลุ่มคนตรงนั้นก่อนแล้ว มันวิ่งไปพลาง ร้องเห่าไปพลาง
ผู้คนรอบด้านพากันเปิดทางออก กลัวว่าจะทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ ติงยียีวิ่งเหยาะๆแหวกฝูงชนเข้าไป ที่แท้ก็เป็นสถานที่ถ่ายละคร ตอนนี้กำลังถ่ายทำอยู่
ตัวเอกหญิงยังคงงดงามทั้งที่หน้าท้องโต ข้างกายมีชายท่าทางแข็งกร้าวจับข้อมือเธอเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุร้ายว่า “ไปทำแท้งเด็กคนนี้ ผมรักเพียงแค่เสี่ยวฉิง อย่านึกว่าตอนนี้คุณมีเด็กแล้ว ผมจะไม่กล้าทำอะไรคุณ!”
“คัท!”
ผู้กำกับโบกมือ เอ่ยว่า “พักผ่อนๆ” ผู้คนรอบด้านกำลังรับชมอย่างเพลิดเพลิน โม่ซวนหลินเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เดินไปอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าในครั้งนี้จะเป็นตัวประกอบหญิง แต่เธอก็แย่งชิงอยู่นานเช่นกัน เป็นตัวประกอบหญิงย่อมดีกว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟแบบเมื่อก่อนพันเท่าหมื่นเท่า
โม่ซวนหลินที่กำลังจะนั่งลง ก็ถูกสุนัขสีดำร่างแกร่งตัวหนึ่งกระโจนใส่ตัวเอง ใบหูของสุนัขถูกตัดขาดไปครึ่งหนึ่ง
“ช่วยด้วยค่ะ!” โม่ซวนหลินตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ดิ้นรนวิ่งหนีไปด้านข้าง ติงยียีเข้ามาจับแพนด้าเอาไว้ได้ทันเวลา และตำหนิไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็มองไปทางโม่ซวนหลินด้วยความประหลาดใจ ตอนที่อยู่ในบาร์ยังไม่รู้สึก แต่เมื่อมองเธอในตอนนี้ก็รู้สึกว่า เธอหน้าตาคล้ายกับอ้าวเสว่อยู่หลายส่วน
เสียงเห่าอย่างกระตือรือร้นของแพนด้า ดึงสติเธอกลับมา ปกติแม้ว่ามันจะมีท่าทีดุร้ายกับคนอื่น แต่จะไม่เป็นฝ่ายเข้าไปโจมตีคนอื่นอย่างเด็ดขาด ระยะนี้เป็นสองครั้งแล้วที่มันเห็นดาราหญิงคนนี้แล้วมีท่าทางผิดปกติมาก อดไม่ได้ที่จะกระโจนเข้าไปกัด ดูท่าทางแล้วเหมือนกับว่ารู้จักเธอ
“มันเกิดอะไรขึ้นกันคะคุณ! สุนัขของตัวเองก็ไม่ดูแลให้ดี ปล่อยออกมาทำให้ผู้อื่นตกใจ คุณเชื่อหรือไม่ว่าฉันจะฟ้องคุณ!” โม่ซวนหลินโมโหเป็นอย่างมาก เริ่มแรกก็ใช้คำพูดไม่ถูกแล้ว ฉีเหวินที่อยู่ด้านข้างกลอกตามองบน โม่ซวนหลินคนนี้ไม่ใช่พวกที่จะอยู่ในวงการบันเทิงได้จริงๆ ตอนนี้มีผู้คนมากมายกำลังดูอยู่ ผู้กำกับก็อยู่ เธอจะทำท่ายโสโอหังให้ใครดูกัน?
ถึงอย่างไรก็เป็นศิลปินภายใต้การดูแลของตัวเอง ฉีเหวินเดินไปด้านหน้าโม่ซวนหลิน ดึงแขนเสื้อเธอ ส่งสายตาเตือน โม่ซวนหลินถึงได้เก็บปากไม่เอ่ยวาจาอะไรอีก
“ช่างบังเอิญจริงๆเลยคุณผู้หญิง พวกเราพบหน้ากันอีกแล้ว” ฉีเหวินเอ่ยยิ้มๆกับติงยียี เดิมติงยียีก็รู้สึกว่าแพนด้าเป็นฝ่ายผิด จึงรีบตอบคำถามทันที
ผู้กำกับที่อยู่อีกด้านเดินเข้ามา สายตาไม่ได้หยุดอยู่ที่ติงยียี แต่กลับหยุดอยู่ที่ร่างของแพนด้า เมื่อเดินวนรอบตัวแพนด้าแล้วมองสีขน ก็เอ่ยขึ้นกะทันหันว่า “สุนัขตัวนี้ห้าหมื่น ขายไม่ขาย?”
“ห้าหมื่น!” สำหรับติงยียี ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขทางดาราศาสตร์ ผู้กำกับเห็นสีหน้าเธอแล้ว ก็นึกว่าน้อยเกินไป จึงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “เจ็ดหมื่น ไม่สามารถให้มากกว่านี้ได้แล้ว เพราะใบหูของมันมีข้อบกพร่อง แม้ว่าจะเป็นสายพันธุ์ยอดเยี่ยมก็ตาม”
“คุณพูดว่าอะไรยอดเยี่ยมนะคะ” ติงยียียิ่งฟังก็ยิ่งงุนงง มองไปทางผู้กำกับด้วยสายตาแปลกประหลาด กระทั่งโม่ซวนหลินที่หลบอยู่ในที่ไกลๆก็ยังเขยิบเข้ามาใกล้
ผู้กำกับเห็นสีหน้าท่าทางของเธอไม่ได้เสแสร้ง ก็อธิบายอย่างอดทนว่า “สุนัขที่คุณเลี้ยงตัวนี้เป็นสายพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟแท้ตัวหนึ่ง คุณดูสีขนที่ดำมันเป็นเงาทั้งตัวของมัน ขาทั้งสี่ที่แข็งแรงล่ำสัน ยังมีเขี้ยว ดวงตา ถ้านำไปไว้ที่ทิเบตก็อาจจะกลายเป็นซาโอะ เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่ใบหูได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว”
ติงยียีฟังเขาพูดเช่นนี้แล้วก็ก้มศีรษะมองแพนด้า แพนด้าก็แหงนศีรษะมองเธอ อ้าปากงับหลังมือเธอเบาๆ ติงยียีจินตนาการไม่ออกเลยว่าแพนด้าจะมีที่มาที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
“ขายไม่ขาย!” ผู้กำกับยิ่งมองแพนด้าก็ยิ่งชอบมัน ดวงตาที่มองมาทางติงยียีก็เป็นประกาย ราคาที่เขาให้เจ็ดหมื่นนั้นนับว่าน้อยแล้ว สุนัขสายพันธุ์นี้เลี้ยงให้โตอีกสักหน่อย กระตุ้นความดุร้ายของมันอีกนิด ราคาของสุนัขตัวหนึ่งก็สามารถสูงถึงหลายแสนได้
แพนด้าคล้ายกับว่าฟังภาษาคนออก จึงหมอบอยู่ข้างเท้าติงยียีเงียบๆ ศีรษะวางอยู่บนเท้าของตัวเอง ไม่มองใครทั้งนั้น เพียงแต่ตอนที่โม่ซวนหลินเข้ามาใกล้ มันถึงจะเคลื่อนไหว
โม่ซวนหลินอึดอัดเป็นอย่างมาก ตัวเองกับสุนัขตัวนี้มีความแค้นอะไรกันแน่ นัยน์ตาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอยู่หลายครั้ง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา ในใจก็เต้นตึกตักอยู่ครู่หนึ่ง หรือว่าสุนัขตัวนี้จะเป็นตัวนั้นกัน?!
“ไม่ขาย!” จู่ๆติงยียีก็เอ่ยขึ้น ผู้คนพากันถกเถียงกันเสียงดัง เจ็ดหมื่นหยวนสามารถทำได้หลายสิ่ง อยากจะซื้อสุนัขที่ไม่เลวสักตัวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองโอกาสที่ดีมากไปกับสุนัขที่หูขาดไปข้างหนึ่ง
ติงยียีย่อตัวลูบศีรษะแพนด้าพลางเอ่ยว่า “ครั้งแรกที่ฉันพบมัน มันถูกขังไว้ในกรง ทั่วทั้งร่างสกปรกมาก ไม่รู้ว่าทำไม ฉันเห็นถึงความสิ้นหวังของมัน มันอาจจะถูกเปลี่ยนมาหลายบ้าน ผ่านเจ้านายมามาก ฉันหวังว่าฉันจะเป็นเจ้านายคนสุดท้ายของมัน”
ผู้กำกับได้ฟังแล้วก็ไม่พูดอะไร พยักหน้าให้เธอ ในเมื่อผู้อื่นไม่ขาย เขาก็จะไม่ฝืน จึงโบกมือให้กับผู้ช่วย พลางเอ่ยว่า “เตรียมตัวถ่ายฉากต่อไป”
“รอก่อนครับ!” นักแสดงตัวประกอบชั่วคราวโทรศัพท์มาบอกว่าระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ จึงไปโรงพยาบาลแล้ว ไม่มาแล้วครับ!” ผู้กำกับบทรีบวิ่งเข้ามา
ผู้กำกับคำราม “อะไรที่เรียกว่าจู่ๆก็ไม่มาแล้วกัน รู้ไหมว่าทุกหนึ่งนาทีในภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนเป็นการเผาเงิน! พวกคุณเชิญตัวประกอบชั่วคราวอย่างไรกัน ความเป็นมืออาชีพสักนิดก็ไม่มี!”
“ผมจะรีบไปหาในตอนนี้เลยครับ หนึ่งชั่วโมงสองร้อยหยวนน่าจะหาได้ไม่ยากเกินไป” ผู้ช่วยปาดเหงื่อบนหน้าผาก แม้ว่าจะถึงต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เมืองนี้ก็ยังร้อนมาก ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็เป็นเพราะถูกเสียงคำรามเมื่อครู่ของผู้กำกับทำให้ตกใจ
“ขอถามหน่อยค่ะ ฉันสามารถสมัครได้ไหมคะ!” ติงยียีก้าวขึ้นไปถาม ตอนนี้เธอไม่มีทุนการศึกษาแล้ว ปกติอาศัยงานพาร์ทไทม์ในโรงแรมตี้เหาก็ได้เพียงแค่หนึ่งพันหยวน ถ้าหากว่าสามารถรับงานตัวประกอบนักแสดงได้ล่ะก็ หนึ่งชั่วโมงสองร้อยหยวนก็นับว่าเป็นจำนวนมาก
ผู้กำกับมองเธอด้วยความสงสัย แม้จะรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีประสบการณ์ อาจจะไม่สมบทบาท แต่ในฐานะคนที่รักสุนัขเหมือนกัน เขาก็ยังมองติงยียีในแง่ดี จึงผงกศีรษะและเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้นจะให้โอกาสคุณสักครั้งแล้วกัน”
ติงยียีผงกศีรษะด้วยความตื่นเต้น ผู้กำกับบทอธิบายเค้าโครงเรื่องของบทละครให้ติงยียีฟังอย่างง่ายๆ ตอนนี้พวกเขาขาดบทบาทคนรับใช้คนหนึ่ง หลังจากนางรองถูกพระเอกบีบบังคับให้ทำแท้งแล้ว นิสัยก็ผิดปกติครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังตบตีคนรับใช้ข้างกายจนตาย ในภายหลังพี่ชายของคนรับใช้มาแก้แค้นให้น้องสาวตัวเอง นางรองจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมให้พระเอกปกป้องตัวเอง
“เตรียมตัวเรียบร้อยหรือยัง ตอนนี้คุณเพียงแค่ต้องแสดงท่าทางนอบน้อมถ่อมตัวยกชาเข้ามาให้ Emily ก็พอแล้ว” ผู้กำกับบทเอ่ย
ติงยียีฟังอย่างตั้งใจ เป็นเพราะว่าตื่นเต้นมากเกิน มือจึงสั่นไม่หยุด ทำให้แก้วน้ำในมือที่ผู้กำกับบทหยิบมาให้ตัวเองส่งๆนั้นสั่นจนเกิดเสียง จนกลายเป็นว่าการแสดงนี้ดูสมจริง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset