สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1437 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1337

“คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงดื่มชาค่ะ” ติงยียีสมองขาวโพลน เอ่ยพูดติดอ่าง “คัท” โอเค เอาแบบนี้แล้วกัน
เสียงของผู้กำกับตัดสินในตอนสุดท้าย คนรับใช้คนนั้นเดิมก็เป็นนักแสดงตัวประกอบ ดังนั้นทักษะการแสดงไม่ต้องสมบูรณ์แบบเกินไปก็ได้ อีกทั้งยังเป็นเพราะติงยียีตื่นเต้นมากเกินไป จึงทำให้เกิดความรู้สึกว่าคนรับใช้หวาดกลัวนางรองมาก
“วันนี้ถึงเท่านี้แล้วกัน พรุ่งนี้ถ่ายฉากที่นางรองเพิ่งแท้งลูกในโรงแรม!” ผู้กำกับบทสั่ง ทุกคนล้วนพากันเลิกงาน
ยามค่ำคืน โม่ซวนหลินกำลังทานอาหารมื้อค่ำใต้แสงเทียนกับเย่เนี่ยนโม่ โม่ซวนหลินเอ่ยออดอ้อน “เนี่ยนโม่ คุณรู้ไหมคะว่าผู้หญิงที่ล่วงเกินคุณวันนั้นในบาร์ วันนี้เธอมาสมัครเป็นนักแสดงตัวประกอบ”
ล่วงเกินตัวเอง? บาร์? ติงยียี? เย่เนี่ยนโม่มองโม่ซวนหลินโดยไม่พูดอะไร โม่ซวนหลินพบว่าเขาไม่ได้สนใจ ก็เอ่ยอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ว่า “เธอแสดงเป็นคนใช้ ฉันแสดงเป็นนางรอง ผู้กำกับบอกว่าต้องเตรียมละครเรื่องต่อไปในเร็วๆนี้แล้ว ฉันสนใจบทบาทหนึ่งในเรื่องนั้นมากเลยค่ะ!”
โม่ซวนหลินเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ เธอคิดว่าอาศัยรูปร่างหน้าตาของตัวเองในตอนนี้จะต้องจับเย่เนี่ยนโม่เอาไว้ได้อยู่หมัดอย่างแน่นอน และถือโอกาสนี้ใช้ประโยชน์จากเขาให้เดินในวงการบันเทิงได้ไกลขึ้นเรื่อยๆ
เย่เนี่ยนโม่มองเธออย่างรู้ทัน ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจกับการแสดงละครของติงยียี อ้าวเสว่จากไปนานขนาดนั้น ตอนนี้บังเอิญคิดถึงก็ไม่ได้เกลียดแล้ว แม้ว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงมุมมองความรักของตัวเอง ความรู้สึกก็ยิ่งลอยห่างไกลออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโม่ซวนหลินที่นั่งอยู่ตรงข้ามทำปากจู๋เอ่ยว่า “เนี่ยนโม่ คุณได้ฟังฉันพูดรึเปล่าคะ”
เย่เนี่ยนโม่ยิ้มให้เธอ และทานอาหารด้วยท่าทางสง่างามต่อไป วันรุ่งขึ้น ติงยียีมาถึงกองถ่ายเช้าเป็นพิเศษ ติงต้าเฉินได้ยินว่าเธอจะไปแสดงละครก็ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก เอ่ยเสียงหนักแน่นว่า ทุกสิ่งภายในวงการบันเทิงล้วนใช้เส้นสายซึ่งเป็นกติกาซ่อนเร้น ติงยียีจึงทำได้เพียงแค่รีบพาแพนด้าออกมา
“วันนี้บทละครที่คุณต้องแสดงคือฉากโดนตบ Emily แท้งลูกแล้ว อารมณ์จึงไม่ดีเป็นอย่างมาก ประจวบเหมาะกับที่คุณเดินเข้ามาเรียกเธอ เธอจึงมองคุณเป็นที่ระบายอารมณ์” ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างชี้ไปที่บทละครอย่างรอบคอบ สุดท้ายก็กำชับว่า “ถ้าหากว่าผู้กำกับไม่ตะโกนว่าคัท คุณก็อย่าหยุด”
ติงยียีผงกศีรษะด้วยความตื่นเต้น เมื่อผู้กำกับตะโกน Action ภายในห้องโถง หญิงสาวที่นั่งมองรูปชายหนุ่มอยู่ข้างโต๊ะน้ำตารินไหลเงียบๆ หลังจากนั้นก็โมโหจนกวาดถ้วยชาจานผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะลงพื้น นัยน์ตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเลือด
คนรับใช้ที่ผลักประตูเข้ามาสะดุ้งตกใจ เดินมาถึงเบื้องหน้าหญิงสาวแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความขลาดเขลา “นายหญิง คุณเตรียมตัวจะทานอาหารหรือยังคะ”
“ฉันพูดไปแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่ามารบกวนฉัน” หญิงสาวลุกขึ้นด้วยท่าทางดุร้าย มองไปทางคนรับใช้ด้วยสีหน้าชั่วร้าย เงื้อมมือขึ้นฟาดลงไปฝ่ามือหนึ่ง
หลังจากเสียงดังกังวานของฝ่ามือดังนั้น ติงยียีตะลึงค้าง ความเจ็บแปลบแสบร้อนส่งผ่านมาจากแก้ม โม่ซวนหลินมองไปทางเธออย่างได้ใจ ก่อนหน้านี้ที่เธอเป็นพนักงานเสิร์ฟก็เกลียดเธอมากอยู่แล้ว ตอนนี้มีโอกาสในการสั่งสอนเธอเช่นนี้ เธอจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร
ผู้ช่วยและผู้กำกับบทฟังออกถึงความผิดปกติ ก็หันหน้าไปมองผู้กำกับ ผู้กำกับกำลังตั้งใจดูกล้องถ่ายทำ ไม่มีทีท่าว่าจะตะโกนให้หยุดเลยแม้แต่น้อย
“เพี๊ยะๆๆ!” โม่ซวนหลินตบลงไปอีกหลายฝ่ามือ เอ่ยอย่างได้ใจว่า “มองอะไรกัน แกมันก็เป็นเพียงแค่คนรับใช้คนหนึ่ง ฉันตบแก แกจะทำอะไรได้ ฉันยังต้องจ่ายเงินเดือนให้แกรู้ไหม!”
ติงยียีถูกตบจนมึน แต่ในใจกลับจำคำพูดที่ผู้ช่วยเอ่ยกับตัวเองได้ว่า ผู้กำกับไม่ได้ตะโกนคัทก็ไม่สามารถหยุดกลางคันได้อย่างเด็ดขาด
จู่ๆโม่ซวนหลินที่ได้ใจอยู่อีกด้านก็ชูมือขึ้น เอ่ยว่า “ผู้กำกับ ฉันคิดว่าเมื่อครู่นี้ฉันแสดงได้ไม่ค่อยดี ฉันสามารถแสดงใหม่อีกรอบได้ไหมคะ”
ผู้กำกับขมวดคิ้วมองไปที่ลานถ่าย ดีชั่วอย่างไรโม่ซวนหลินก็เป็นตัวประกอบหญิง บวกกับเบื้องหลังเธอมีบริษัทเย่ซื่อที่เป็นฝ่ายผู้ลงทุน จึงไม่มีความจำเป็นต้องล่วงเกินเธอ
“คัท!” หลังจากผู้กำกับตะโกนเริ่มได้แล้ว โม่ซวนหลินก็สะบัดฝ่ามืออีกครั้ง เอ่ยอย่างได้ใจว่า “ผู้กำกับคะ ฉันลืมบท ขออีกรอบนะคะ”
ทุกคนล้วนดูออกว่าโม่ซวนหลินมีเจตนาพุ่งเป้าไปที่นักแสดงตัวประกอบชั่วคราวคนนี้ แก้มของติงยียีทั้งสองข้างบวมเล็กน้อย โม่ซวนหลินเงื้อมมือขึ้น วินาทีถัดไป มือก็ถูกเงาร่างทะมึนคว้าเอาไว้
เย่เนี่ยนโม่กวาดตามองผ่านแก้มของติงยียี ถ้าหากไม่ใช่ว่าวันนี้เขาเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาจริงๆ อย่างนั้นติงยียีจะถูกรังแกจนมีสภาพกลายเป็นตัวอะไร
เป็นครั้งแรกที่โม่ซวนหลินเห็นแววตาที่น่ากลัวหวาดเช่นนี้ของเย่เนี่ยนโม่ ในใจก็ขลาดกลัวอยู่บ้าง แต่ยังคงฝืนแย้มรอยยิ้ม เอ่ยว่า “เนี่ยนโม่ คุณมาดูฉันแล้ว ฉันดีใจมากเลยค่ะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เย่เนี่ยนโม่ยิ้มเย็น ลูบฝ่ามือของโม่ซวนหลินแผ่วเบา โม่ซวนหลินฟังไม่ออกถึงความอันตรายในน้ำเสียงของเขา ก็เอ่ยว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่รู้สึกว่าตอนถ่ายละครยังหาความรู้สึกไม่พบ ดังนั้นเลยมี NG ไปหลายครั้ง”
“เป็นอย่างนั้นหรือ” รอยยิ้มของเย่เนี่ยนโม่กว้างกว่าเดิม หมุนกายหันไปเอ่ยกับผู้กำกับว่า “ในเมื่อ Emily หาความรู้สึกในการถ่ายละครไม่เจอ ไม่สู้สลับบทบาทกันสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะหาความรู้สึกได้นะ?”
โม่ซวนหลินมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เอ่ยว่า “ความหมายของคุณเมื่อครู่นี้คือ?” ผู้กำกับที่อยู่อีกด้านมองทั้งสองคน เห็นได้ชัดว่าเย่เนี่ยนโม่กำลังช่วยนักแสดงตัวประกอบชั่วคราวที่ชื่อติงยียีระบายความแค้น ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยชื่นชอบ Emily ในเมื่อฝ่ายผู้ลงทุนเอ่ยแบบนี้แล้ว เช่นนั้นเปลี่ยนก็เปลี่ยนสิ
“สลับบทบาทกันสักหน่อย ติงยียีสลับบทบาทกับ Emily ติงยียี คุณช่วยเธอตามหาความรู้สึกหน่อย” ผู้กำกับเอ่ย
ผู้คนรอบด้านมองมาอย่างยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น และเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในตัวของนักแสดงตัวประกอบชั่วคราวขึ้นมา โม่ซวนหลินไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่ติงยียียืนอยู่เมื่อครู่นี้อย่างมีโทสะ เมื่อได้ยินผู้กำกับตะโกนว่า Action แล้ว ก็มองมาทางเธอด้วยความระมัดระวัง
ติงยียีก้าวขึ้นไปข้างหน้า เงื้อมฝ่ามือขึ้นสูง “เพี๊ยะ!” เสียงฝ่ามือดังขึ้น โม่ซวนหลินมองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจ ติงยียีอาศัยวิธีการยืมตำแหน่งในตอนสะบัดฝ่ามือให้กระทบกับมืออีกด้าน
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจในการกระทำของเธอ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ตอนที่ถ่ายทำเสร็จแล้ว โม่ซวนหลินนั่งร้องไห้อยู่ในห้องแต่งหน้า ร้องไห้จนเครื่องสำอางเปรอะเปื้อน
“ไม่ต้องร้องแล้ว คนก็ไปแล้ว พานักแสดงตัวประกอบชั่วคราวไปด้วย” ฉีเหวินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ โม่ซวนหลินได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที แววตาตื่นตระหนกเล็กน้อย เอ่ยว่า “พี่พูดว่าอะไรนะ?”
“เธอน่ะ! มองสถานการณ์ไม่ชัดเจน ทำไมเขาถึงได้ปกป้องเธอ เธอก็ยังพุ่งเข้าไปปะทะด้วยอย่างโง่ๆ” ฉีเหวินอดไม่ได้ที่จะตำหนิ
ในใจโม่ซวนหลินตื่นตระหนก เย่เนี่ยนโม่ยอมเธอ ดังนั้นเธอถึงได้อาศัยที่ตัวเองได้รับการโปรดปรานทำตัวหยิ่งยโส คิดไม่ถึงเลยว่าติงยียีจะทำลายทั้งหมดนี้
ภายในห้องทำงานบริษัทเย่ซื่อ ติงยียีถือถุงน้ำแข็งประคบหน้าตัวเอง พลางเอ่ยว่า “ฉันสามารถกลับไปประคบที่บ้านได้”
เย่เนี่ยนโม่ที่กำลังสะสางงานอยู่อีกด้านเงยหน้าขึ้น “เธอคิดว่าคุณลุงเห็นหน้าเธอแล้วจะทำอย่างไร”
“น่าจะบุกไปโวยวายอย่างไร้สติที่กองถ่ายล่ะนะ” ติงยียีเอ่ยอย่างเจี๋ยมเจี้ยม กุมถุงน้ำแข็งเดินไปอยู่ถึงหน้าโต๊ะทำงานแล้วมองเอกสารที่ยุ่งยาก เธอเอ่ยด้วยความแปลกใจว่า “ตอนนี้นายจะจัดการเอกสารพวกนี้หรือ”
เย่เนี่ยนโม่ส่งเสียงอืมง่ายๆคำหนึ่ง ติงยียีมองอยู่นานก็ยังไม่เข้าใจตัวเลขซับซ้อนยุ่งยากพวกนี้ คิดอยู่นานก็เอ่ยปากว่า “นายชอบ Emily?”
เย่เนี่ยนโม่วางปากกาในมือลง ถามกลับว่า “เธอคิดว่ายังไงล่ะ?”
ติงยียีส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ ฉันคิดว่านายไม่ได้ชอบเธอ เป็นเพราะว่าเธอหน้าตาคล้ายกับอ้าวเสว่หรือ?”
เมื่อฟังคำพูดของเธอจบแล้ว เย่เนี่ยนโม่ก็ยิ้ม ไม่ได้อธิบายอะไร หยิบปากกาเขียนคำวิจารณ์ลงบนเอกสารต่อไป เขาเอ่ยเรียบๆว่า “ฉันลำเอียงมาก”
ลำเอียงมาก หมายถึงตอนที่อยู่ในสถานที่ถ่ายทำ เขาช่วยตัวเองแต่ไม่ช่วย Emily หรือ เธอถามต่ออีกหลายครั้ง เย่เนี่ยนโม่ไม่ตอบ เธอจึงทำได้เพียงแค่นั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาด้วยความเบื่อหน่าย ผ่านไปครู่หนึ่งก็หลับไป
วิดีโอคอลในหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานกระพริบ เย่เนี่ยนโม่เปิดวิดีโอ หยูหลันที่อยู่ในวิดีโอเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คนเนรคุณ พวกเราเริ่มงานแล้วนะ”
“โอเค” เย่เนี่ยนโม่ยักไหล่ หยูหลันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยว่า “ฉันกล้ำกลืนความแค้นนี้ลงไปไม่ได้ นายกับพ่อนายล้วนเป็นคนเนรคุณ!”
หยูหลันที่อยู่อีกด้านเอ่ยอย่างโมโห ก่อนหน้านี้นึกว่าเย่เนี่ยนโม่ไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องการทำธุรกิจ ดังนั้นจึงจงใจสร้างกับดักให้เขากระโดดลงไป คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กนี้แสร้งทำเป็นคนโง่ หลอกให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจแล้วหาโอกาสพลิกให้ตัวเองเป็นฝ่ายชนะ จู่ๆก็ชนะตัวเอง ไม่เพียงแค่คว้าโครงการไปได้ ตัวเองยังไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วยแม้แต่น้อย เขาล้วนสงสัยแล้วว่าเย่เนี่ยนโม่จงใจแกล้งตัวเองใช่หรือไม่
“เอ๋ ผู้หญิงคนนี้? คนรักใหม่นายหรือ?” หยูหลันเห็นติงยียีที่อยู่บนโซฟา ก็เอ่ยด้วยความสนใจ เย่เนี่ยนโม่เงยหน้ามองเธอที่หลับน้ำลายยืดอยู่บนโซฟา มุมปากก็กระตุก มองวิดีโอ พลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่”
ผู้ชายตระกูลเย่ล้วนไม่รู้ใจตัวเองอย่างชัดเจนหรือ” หยูหลันเห็นความอ่อนโยนในแววตาของเขาเล็กน้อย เย่เนี่ยนโม่ เจ้าเด็กนี่จะต้องไม่ได้มีรู้สึกฉันท์เพื่อนธรรมดากับหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาแน่นอน อาศัยแค่เขาอดกลั้นให้เด็กผู้หญิงคนนั้นนอนน้ำลายยืดบนโซฟาก็สามารถมองออกแล้ว ก่อนหน้านี้ตัวเองพูดจา ไม่ทันระวังน้ำลายกระเด็นลงบนสัญญา เจ้าเด็กนี่ก็รังเกียจเป็นอย่างมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ หยูหลันจึงกระแทกวางหูโทรศัพท์
เย่เนี่ยนโม่วางปากกา เดินไปหยุดอยู่หน้าติงยียี ติงยียีอ้าปากเล็กน้อย เผยให้เห็นฟันเขี้ยวสองข้าง เย่เนี่ยนโม่บีบจมูกเธออย่างมีเจตนาไม่ดี
ติงยียีรู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยสะดวกจึงพึมพำว่า “แพนด้า อย่าแกล้ง ให้ฉันนอนอีกหน่อยนะ”
เย่เนี่ยนโม่ยังคงบีบจมูกเธออย่างสนุกสนานต่อไป เขาเขยิบเข้าไปดูสีหน้าเธอใกล้ๆ ติงยียีที่รำคาญก็จับมือของเขาเอาไว้กะทันหัน พลิกกายทับมือเขาเอาไว้บริเวณท้องตัวเอง และหลับต่อไป
ประตูถูกเคาะ ผู้จัดการเดินเข้ามา แม้ว่าจะเจรจาสัญญากันแล้ว แต่ประธานเย่ไม่ได้เอ่ยให้คุณชายเลื่อนขั้น เขาจึงทำได้เพียงแค่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาต่อไปด้วยความอกสั่นขวัญแขวน ทั้งยังต้องแสร้งทำให้เขาลำบากใจด้วย
“เย่เนี่ยนโม่ รู้หรือไม่ว่าไม่สามารถพาคนแปลกหน้าเข้ามาในห้องทำงานได้” ผู้จัดการเห็นคนนอนอยู่บนโซฟาแล้วก็เอ่ยออกมาตามจิตใต้สำนึก
เปลือกตาติงยียีขยับ ยังไม่ตื่น ผู้จัดการคิดจะเอ่ยต่อ แต่เย่เนี่ยนโม่กวาดตามองผ่านไปครั้งหนึ่ง ผู้จัดการก็เงียบเสียง สายตาของเย่เนี่ยนโม่กลับไปที่ร่างของเธออีกครั้ง รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ทาบทับอยู่บนหลังมือ ผ่านไปสักพักหนึ่งก็ถอนหายใจ
วันรุ่งขึ้น ติงยียีกับซ่งเมิ่นเจ๋กำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของสนามออกกำลังกาย ติงยียีตั้งใจวาดแบบร่างที่อยู่ในมือ และหาเรื่องพูดคุยกับซ่งเมิ่นเจ๋ในบางครา
“เมื่อวานเธอไปที่ไหนกัน ฉันเห็นว่ารถคันที่มาส่งเธอกลับบ้านเป็นรถหรูนะ” ซ่งเมิ่นเจ๋เอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อวานเธอไปหาติงยียี จึงได้เห็นว่ามีรถหรูส่งติงยียีกลับมา
ติงยียีเติมสีลงบนภาพในมือตัวเอง ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “อยู่ในห้องทำงานของเย่เนี่ยนโม่ ไม่ทันระวังเลยหลับไป รอจนฉันตื่นขึ้นมา เขาก็หายไปแล้ว โชคดีที่เขายังมีน้ำใจให้คนขับรถมาส่งฉันกลับบ้าน”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset