“คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงดื่มชาค่ะ” ติงยียีสมองขาวโพลน เอ่ยพูดติดอ่าง “คัท” โอเค เอาแบบนี้แล้วกัน
เสียงของผู้กำกับตัดสินในตอนสุดท้าย คนรับใช้คนนั้นเดิมก็เป็นนักแสดงตัวประกอบ ดังนั้นทักษะการแสดงไม่ต้องสมบูรณ์แบบเกินไปก็ได้ อีกทั้งยังเป็นเพราะติงยียีตื่นเต้นมากเกินไป จึงทำให้เกิดความรู้สึกว่าคนรับใช้หวาดกลัวนางรองมาก
“วันนี้ถึงเท่านี้แล้วกัน พรุ่งนี้ถ่ายฉากที่นางรองเพิ่งแท้งลูกในโรงแรม!” ผู้กำกับบทสั่ง ทุกคนล้วนพากันเลิกงาน
ยามค่ำคืน โม่ซวนหลินกำลังทานอาหารมื้อค่ำใต้แสงเทียนกับเย่เนี่ยนโม่ โม่ซวนหลินเอ่ยออดอ้อน “เนี่ยนโม่ คุณรู้ไหมคะว่าผู้หญิงที่ล่วงเกินคุณวันนั้นในบาร์ วันนี้เธอมาสมัครเป็นนักแสดงตัวประกอบ”
ล่วงเกินตัวเอง? บาร์? ติงยียี? เย่เนี่ยนโม่มองโม่ซวนหลินโดยไม่พูดอะไร โม่ซวนหลินพบว่าเขาไม่ได้สนใจ ก็เอ่ยอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ว่า “เธอแสดงเป็นคนใช้ ฉันแสดงเป็นนางรอง ผู้กำกับบอกว่าต้องเตรียมละครเรื่องต่อไปในเร็วๆนี้แล้ว ฉันสนใจบทบาทหนึ่งในเรื่องนั้นมากเลยค่ะ!”
โม่ซวนหลินเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ เธอคิดว่าอาศัยรูปร่างหน้าตาของตัวเองในตอนนี้จะต้องจับเย่เนี่ยนโม่เอาไว้ได้อยู่หมัดอย่างแน่นอน และถือโอกาสนี้ใช้ประโยชน์จากเขาให้เดินในวงการบันเทิงได้ไกลขึ้นเรื่อยๆ
เย่เนี่ยนโม่มองเธออย่างรู้ทัน ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจกับการแสดงละครของติงยียี อ้าวเสว่จากไปนานขนาดนั้น ตอนนี้บังเอิญคิดถึงก็ไม่ได้เกลียดแล้ว แม้ว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงมุมมองความรักของตัวเอง ความรู้สึกก็ยิ่งลอยห่างไกลออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโม่ซวนหลินที่นั่งอยู่ตรงข้ามทำปากจู๋เอ่ยว่า “เนี่ยนโม่ คุณได้ฟังฉันพูดรึเปล่าคะ”
เย่เนี่ยนโม่ยิ้มให้เธอ และทานอาหารด้วยท่าทางสง่างามต่อไป วันรุ่งขึ้น ติงยียีมาถึงกองถ่ายเช้าเป็นพิเศษ ติงต้าเฉินได้ยินว่าเธอจะไปแสดงละครก็ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก เอ่ยเสียงหนักแน่นว่า ทุกสิ่งภายในวงการบันเทิงล้วนใช้เส้นสายซึ่งเป็นกติกาซ่อนเร้น ติงยียีจึงทำได้เพียงแค่รีบพาแพนด้าออกมา
“วันนี้บทละครที่คุณต้องแสดงคือฉากโดนตบ Emily แท้งลูกแล้ว อารมณ์จึงไม่ดีเป็นอย่างมาก ประจวบเหมาะกับที่คุณเดินเข้ามาเรียกเธอ เธอจึงมองคุณเป็นที่ระบายอารมณ์” ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างชี้ไปที่บทละครอย่างรอบคอบ สุดท้ายก็กำชับว่า “ถ้าหากว่าผู้กำกับไม่ตะโกนว่าคัท คุณก็อย่าหยุด”
ติงยียีผงกศีรษะด้วยความตื่นเต้น เมื่อผู้กำกับตะโกน Action ภายในห้องโถง หญิงสาวที่นั่งมองรูปชายหนุ่มอยู่ข้างโต๊ะน้ำตารินไหลเงียบๆ หลังจากนั้นก็โมโหจนกวาดถ้วยชาจานผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะลงพื้น นัยน์ตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเลือด
คนรับใช้ที่ผลักประตูเข้ามาสะดุ้งตกใจ เดินมาถึงเบื้องหน้าหญิงสาวแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความขลาดเขลา “นายหญิง คุณเตรียมตัวจะทานอาหารหรือยังคะ”
“ฉันพูดไปแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่ามารบกวนฉัน” หญิงสาวลุกขึ้นด้วยท่าทางดุร้าย มองไปทางคนรับใช้ด้วยสีหน้าชั่วร้าย เงื้อมมือขึ้นฟาดลงไปฝ่ามือหนึ่ง
หลังจากเสียงดังกังวานของฝ่ามือดังนั้น ติงยียีตะลึงค้าง ความเจ็บแปลบแสบร้อนส่งผ่านมาจากแก้ม โม่ซวนหลินมองไปทางเธออย่างได้ใจ ก่อนหน้านี้ที่เธอเป็นพนักงานเสิร์ฟก็เกลียดเธอมากอยู่แล้ว ตอนนี้มีโอกาสในการสั่งสอนเธอเช่นนี้ เธอจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร
ผู้ช่วยและผู้กำกับบทฟังออกถึงความผิดปกติ ก็หันหน้าไปมองผู้กำกับ ผู้กำกับกำลังตั้งใจดูกล้องถ่ายทำ ไม่มีทีท่าว่าจะตะโกนให้หยุดเลยแม้แต่น้อย
“เพี๊ยะๆๆ!” โม่ซวนหลินตบลงไปอีกหลายฝ่ามือ เอ่ยอย่างได้ใจว่า “มองอะไรกัน แกมันก็เป็นเพียงแค่คนรับใช้คนหนึ่ง ฉันตบแก แกจะทำอะไรได้ ฉันยังต้องจ่ายเงินเดือนให้แกรู้ไหม!”
ติงยียีถูกตบจนมึน แต่ในใจกลับจำคำพูดที่ผู้ช่วยเอ่ยกับตัวเองได้ว่า ผู้กำกับไม่ได้ตะโกนคัทก็ไม่สามารถหยุดกลางคันได้อย่างเด็ดขาด
จู่ๆโม่ซวนหลินที่ได้ใจอยู่อีกด้านก็ชูมือขึ้น เอ่ยว่า “ผู้กำกับ ฉันคิดว่าเมื่อครู่นี้ฉันแสดงได้ไม่ค่อยดี ฉันสามารถแสดงใหม่อีกรอบได้ไหมคะ”
ผู้กำกับขมวดคิ้วมองไปที่ลานถ่าย ดีชั่วอย่างไรโม่ซวนหลินก็เป็นตัวประกอบหญิง บวกกับเบื้องหลังเธอมีบริษัทเย่ซื่อที่เป็นฝ่ายผู้ลงทุน จึงไม่มีความจำเป็นต้องล่วงเกินเธอ
“คัท!” หลังจากผู้กำกับตะโกนเริ่มได้แล้ว โม่ซวนหลินก็สะบัดฝ่ามืออีกครั้ง เอ่ยอย่างได้ใจว่า “ผู้กำกับคะ ฉันลืมบท ขออีกรอบนะคะ”
ทุกคนล้วนดูออกว่าโม่ซวนหลินมีเจตนาพุ่งเป้าไปที่นักแสดงตัวประกอบชั่วคราวคนนี้ แก้มของติงยียีทั้งสองข้างบวมเล็กน้อย โม่ซวนหลินเงื้อมมือขึ้น วินาทีถัดไป มือก็ถูกเงาร่างทะมึนคว้าเอาไว้
เย่เนี่ยนโม่กวาดตามองผ่านแก้มของติงยียี ถ้าหากไม่ใช่ว่าวันนี้เขาเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาจริงๆ อย่างนั้นติงยียีจะถูกรังแกจนมีสภาพกลายเป็นตัวอะไร
เป็นครั้งแรกที่โม่ซวนหลินเห็นแววตาที่น่ากลัวหวาดเช่นนี้ของเย่เนี่ยนโม่ ในใจก็ขลาดกลัวอยู่บ้าง แต่ยังคงฝืนแย้มรอยยิ้ม เอ่ยว่า “เนี่ยนโม่ คุณมาดูฉันแล้ว ฉันดีใจมากเลยค่ะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เย่เนี่ยนโม่ยิ้มเย็น ลูบฝ่ามือของโม่ซวนหลินแผ่วเบา โม่ซวนหลินฟังไม่ออกถึงความอันตรายในน้ำเสียงของเขา ก็เอ่ยว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่รู้สึกว่าตอนถ่ายละครยังหาความรู้สึกไม่พบ ดังนั้นเลยมี NG ไปหลายครั้ง”
“เป็นอย่างนั้นหรือ” รอยยิ้มของเย่เนี่ยนโม่กว้างกว่าเดิม หมุนกายหันไปเอ่ยกับผู้กำกับว่า “ในเมื่อ Emily หาความรู้สึกในการถ่ายละครไม่เจอ ไม่สู้สลับบทบาทกันสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะหาความรู้สึกได้นะ?”
โม่ซวนหลินมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เอ่ยว่า “ความหมายของคุณเมื่อครู่นี้คือ?” ผู้กำกับที่อยู่อีกด้านมองทั้งสองคน เห็นได้ชัดว่าเย่เนี่ยนโม่กำลังช่วยนักแสดงตัวประกอบชั่วคราวที่ชื่อติงยียีระบายความแค้น ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยชื่นชอบ Emily ในเมื่อฝ่ายผู้ลงทุนเอ่ยแบบนี้แล้ว เช่นนั้นเปลี่ยนก็เปลี่ยนสิ
“สลับบทบาทกันสักหน่อย ติงยียีสลับบทบาทกับ Emily ติงยียี คุณช่วยเธอตามหาความรู้สึกหน่อย” ผู้กำกับเอ่ย
ผู้คนรอบด้านมองมาอย่างยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น และเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในตัวของนักแสดงตัวประกอบชั่วคราวขึ้นมา โม่ซวนหลินไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่ติงยียียืนอยู่เมื่อครู่นี้อย่างมีโทสะ เมื่อได้ยินผู้กำกับตะโกนว่า Action แล้ว ก็มองมาทางเธอด้วยความระมัดระวัง
ติงยียีก้าวขึ้นไปข้างหน้า เงื้อมฝ่ามือขึ้นสูง “เพี๊ยะ!” เสียงฝ่ามือดังขึ้น โม่ซวนหลินมองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจ ติงยียีอาศัยวิธีการยืมตำแหน่งในตอนสะบัดฝ่ามือให้กระทบกับมืออีกด้าน
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจในการกระทำของเธอ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ตอนที่ถ่ายทำเสร็จแล้ว โม่ซวนหลินนั่งร้องไห้อยู่ในห้องแต่งหน้า ร้องไห้จนเครื่องสำอางเปรอะเปื้อน
“ไม่ต้องร้องแล้ว คนก็ไปแล้ว พานักแสดงตัวประกอบชั่วคราวไปด้วย” ฉีเหวินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ โม่ซวนหลินได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที แววตาตื่นตระหนกเล็กน้อย เอ่ยว่า “พี่พูดว่าอะไรนะ?”
“เธอน่ะ! มองสถานการณ์ไม่ชัดเจน ทำไมเขาถึงได้ปกป้องเธอ เธอก็ยังพุ่งเข้าไปปะทะด้วยอย่างโง่ๆ” ฉีเหวินอดไม่ได้ที่จะตำหนิ
ในใจโม่ซวนหลินตื่นตระหนก เย่เนี่ยนโม่ยอมเธอ ดังนั้นเธอถึงได้อาศัยที่ตัวเองได้รับการโปรดปรานทำตัวหยิ่งยโส คิดไม่ถึงเลยว่าติงยียีจะทำลายทั้งหมดนี้
ภายในห้องทำงานบริษัทเย่ซื่อ ติงยียีถือถุงน้ำแข็งประคบหน้าตัวเอง พลางเอ่ยว่า “ฉันสามารถกลับไปประคบที่บ้านได้”
เย่เนี่ยนโม่ที่กำลังสะสางงานอยู่อีกด้านเงยหน้าขึ้น “เธอคิดว่าคุณลุงเห็นหน้าเธอแล้วจะทำอย่างไร”
“น่าจะบุกไปโวยวายอย่างไร้สติที่กองถ่ายล่ะนะ” ติงยียีเอ่ยอย่างเจี๋ยมเจี้ยม กุมถุงน้ำแข็งเดินไปอยู่ถึงหน้าโต๊ะทำงานแล้วมองเอกสารที่ยุ่งยาก เธอเอ่ยด้วยความแปลกใจว่า “ตอนนี้นายจะจัดการเอกสารพวกนี้หรือ”
เย่เนี่ยนโม่ส่งเสียงอืมง่ายๆคำหนึ่ง ติงยียีมองอยู่นานก็ยังไม่เข้าใจตัวเลขซับซ้อนยุ่งยากพวกนี้ คิดอยู่นานก็เอ่ยปากว่า “นายชอบ Emily?”
เย่เนี่ยนโม่วางปากกาในมือลง ถามกลับว่า “เธอคิดว่ายังไงล่ะ?”
ติงยียีส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ ฉันคิดว่านายไม่ได้ชอบเธอ เป็นเพราะว่าเธอหน้าตาคล้ายกับอ้าวเสว่หรือ?”
เมื่อฟังคำพูดของเธอจบแล้ว เย่เนี่ยนโม่ก็ยิ้ม ไม่ได้อธิบายอะไร หยิบปากกาเขียนคำวิจารณ์ลงบนเอกสารต่อไป เขาเอ่ยเรียบๆว่า “ฉันลำเอียงมาก”
ลำเอียงมาก หมายถึงตอนที่อยู่ในสถานที่ถ่ายทำ เขาช่วยตัวเองแต่ไม่ช่วย Emily หรือ เธอถามต่ออีกหลายครั้ง เย่เนี่ยนโม่ไม่ตอบ เธอจึงทำได้เพียงแค่นั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาด้วยความเบื่อหน่าย ผ่านไปครู่หนึ่งก็หลับไป
วิดีโอคอลในหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานกระพริบ เย่เนี่ยนโม่เปิดวิดีโอ หยูหลันที่อยู่ในวิดีโอเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คนเนรคุณ พวกเราเริ่มงานแล้วนะ”
“โอเค” เย่เนี่ยนโม่ยักไหล่ หยูหลันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยว่า “ฉันกล้ำกลืนความแค้นนี้ลงไปไม่ได้ นายกับพ่อนายล้วนเป็นคนเนรคุณ!”
หยูหลันที่อยู่อีกด้านเอ่ยอย่างโมโห ก่อนหน้านี้นึกว่าเย่เนี่ยนโม่ไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องการทำธุรกิจ ดังนั้นจึงจงใจสร้างกับดักให้เขากระโดดลงไป คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กนี้แสร้งทำเป็นคนโง่ หลอกให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจแล้วหาโอกาสพลิกให้ตัวเองเป็นฝ่ายชนะ จู่ๆก็ชนะตัวเอง ไม่เพียงแค่คว้าโครงการไปได้ ตัวเองยังไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วยแม้แต่น้อย เขาล้วนสงสัยแล้วว่าเย่เนี่ยนโม่จงใจแกล้งตัวเองใช่หรือไม่
“เอ๋ ผู้หญิงคนนี้? คนรักใหม่นายหรือ?” หยูหลันเห็นติงยียีที่อยู่บนโซฟา ก็เอ่ยด้วยความสนใจ เย่เนี่ยนโม่เงยหน้ามองเธอที่หลับน้ำลายยืดอยู่บนโซฟา มุมปากก็กระตุก มองวิดีโอ พลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่”
ผู้ชายตระกูลเย่ล้วนไม่รู้ใจตัวเองอย่างชัดเจนหรือ” หยูหลันเห็นความอ่อนโยนในแววตาของเขาเล็กน้อย เย่เนี่ยนโม่ เจ้าเด็กนี่จะต้องไม่ได้มีรู้สึกฉันท์เพื่อนธรรมดากับหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาแน่นอน อาศัยแค่เขาอดกลั้นให้เด็กผู้หญิงคนนั้นนอนน้ำลายยืดบนโซฟาก็สามารถมองออกแล้ว ก่อนหน้านี้ตัวเองพูดจา ไม่ทันระวังน้ำลายกระเด็นลงบนสัญญา เจ้าเด็กนี่ก็รังเกียจเป็นอย่างมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ หยูหลันจึงกระแทกวางหูโทรศัพท์
เย่เนี่ยนโม่วางปากกา เดินไปหยุดอยู่หน้าติงยียี ติงยียีอ้าปากเล็กน้อย เผยให้เห็นฟันเขี้ยวสองข้าง เย่เนี่ยนโม่บีบจมูกเธออย่างมีเจตนาไม่ดี
ติงยียีรู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยสะดวกจึงพึมพำว่า “แพนด้า อย่าแกล้ง ให้ฉันนอนอีกหน่อยนะ”
เย่เนี่ยนโม่ยังคงบีบจมูกเธออย่างสนุกสนานต่อไป เขาเขยิบเข้าไปดูสีหน้าเธอใกล้ๆ ติงยียีที่รำคาญก็จับมือของเขาเอาไว้กะทันหัน พลิกกายทับมือเขาเอาไว้บริเวณท้องตัวเอง และหลับต่อไป
ประตูถูกเคาะ ผู้จัดการเดินเข้ามา แม้ว่าจะเจรจาสัญญากันแล้ว แต่ประธานเย่ไม่ได้เอ่ยให้คุณชายเลื่อนขั้น เขาจึงทำได้เพียงแค่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาต่อไปด้วยความอกสั่นขวัญแขวน ทั้งยังต้องแสร้งทำให้เขาลำบากใจด้วย
“เย่เนี่ยนโม่ รู้หรือไม่ว่าไม่สามารถพาคนแปลกหน้าเข้ามาในห้องทำงานได้” ผู้จัดการเห็นคนนอนอยู่บนโซฟาแล้วก็เอ่ยออกมาตามจิตใต้สำนึก
เปลือกตาติงยียีขยับ ยังไม่ตื่น ผู้จัดการคิดจะเอ่ยต่อ แต่เย่เนี่ยนโม่กวาดตามองผ่านไปครั้งหนึ่ง ผู้จัดการก็เงียบเสียง สายตาของเย่เนี่ยนโม่กลับไปที่ร่างของเธออีกครั้ง รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ทาบทับอยู่บนหลังมือ ผ่านไปสักพักหนึ่งก็ถอนหายใจ
วันรุ่งขึ้น ติงยียีกับซ่งเมิ่นเจ๋กำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของสนามออกกำลังกาย ติงยียีตั้งใจวาดแบบร่างที่อยู่ในมือ และหาเรื่องพูดคุยกับซ่งเมิ่นเจ๋ในบางครา
“เมื่อวานเธอไปที่ไหนกัน ฉันเห็นว่ารถคันที่มาส่งเธอกลับบ้านเป็นรถหรูนะ” ซ่งเมิ่นเจ๋เอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อวานเธอไปหาติงยียี จึงได้เห็นว่ามีรถหรูส่งติงยียีกลับมา
ติงยียีเติมสีลงบนภาพในมือตัวเอง ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “อยู่ในห้องทำงานของเย่เนี่ยนโม่ ไม่ทันระวังเลยหลับไป รอจนฉันตื่นขึ้นมา เขาก็หายไปแล้ว โชคดีที่เขายังมีน้ำใจให้คนขับรถมาส่งฉันกลับบ้าน”
สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1437 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1337
Posted by ? Views, Released on September 29, 2021
, สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน
สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด
Recommended Series
Comment
Facebook Comment