สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1438 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1338

ซ่งเมิ่นเจ๋มองเธอด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย เย่เนี่ยนโม่คงจะไม่ได้เห็นติงยียีเป็นตัวแทนอ้าวเสว่หรอกนะ? หลังจากเอ่ยความกังวลใจออกมาแล้ว ติงยียีที่อยู่ด้านข้างกลับหัวเราะเสียงดัง
“คนที่เนี่ยนโม่รักตั้งแต่ต้นจนจบคืออ้าวเสว่ ฉันน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก” ติงยียีเอ่ย
“ถ้าเป็นเย่ชูหวินล่ะ?” ซ่งเมิ่นเจ๋เปลี่ยนคำพูด จากที่เห็นมาหลายครั้ง เย่ชูหวินจะต้องมีความรู้สึกกับติงยียีอย่างแน่นอน
ติงยียีไม่พูดไม่จา ใบหูแดงระเรื่อ ซ่งเมิ่นเจ๋เข้าใจทันที ปล่อยวางความกังวลในใจลง บางทีเย่ชูหวินอาจจะมอบความสุขให้กับเธอได้มากกว่า
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นไห่โจ๋ซวน เขาเอ่ยว่า “วันนี้ตอนบ่ายชูฉิงจะบินไปฝรั่งเศส ไปเรียนการทำอาหาร เธอจะมาเจอเธอไหม”
เย่ชูฉิงจะไปแล้วหรือ? ในคราแรกติงยียีรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เธอเป็นเด็กดีคนหนึ่ง และเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเช่นกัน เมื่อสอบถามเวลาที่ชัดเจนแล้ว เธอก็รีบมุ่งหน้าไปสนามบินทันที
ภายในสนามบิน เซี่ยชีหรั่นกอดเย่ชูฉิงทั้งน้ำตา เอ่ยกำชับด้วยความอดทนว่า “ถึงที่นั่นแล้วต้องระมัดระวังให้มาก ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรจะต้องโทรศัพท์หาที่บ้านนะ”
เย่เชินหลินที่อยู่ด้านข้างโอบเซี่ยชีหรั่น หยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดผืนหนึ่งออกมาเช็ดน้ำตาให้เธอ เอ่ยปลอบเสียงเบา เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเธอนิ่งแล้วถึงได้หันไปเอ่ยกับเย่ชูฉิง “พ่อให้บอดี้การ์ดไปกับลูกด้วยสองคน พวกเขาจะตามไปดูแลลูกที่ฝรั่งเศส”
เย่ชูฉิงรีบส่ายศีรษะ พลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูสามารถดูแลตัวเองได้” เย่เนี่ยนโม่ที่ยืนอยู่อีกด้าน รู้สึกแปลกๆในใจ ไห่โจ๋ซวนยังมาไม่ถึง อาศัยนิสัยของเธอจะต้องร้อนรนแน่นอน แต่วันนี้ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเธอจะนิ่งมาก และไม่ได้ตามหาไห่โจ๋ซวนไปทั่ว
“ชูฉิง!” ไห่โจ๋ซวนกับติงยียี คนหนึ่งนำหน้า คนหนึ่งตามหลัง พากันวิ่งมาจนถึง ติงยียีเอ่ยเสียงหอบ “ชูฉิง โชคดีที่มาทัน ฉันขอให้เธอประสบความสำเร็จในการเรียนนะ”
เย่ชูฉิงผงกศีรษะอย่างอารมณ์ดี เซี่ยชีหรั่นที่ยืนอยู่อีกด้านขมวดคิ้ว เธอไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะให้เย่ชูฉิงสนิทสนมกับติงยียีมากเกินไป
เย่ชูฉิงเหลือบมองไปทางไห่โจ๋ซวน เซี่ยชีหรั่นก้าวขึ้นไปด้านหน้าอย่างอยากจะพูดอะไร แต่เย่เชินหลินยับยั้งเอาไว้ ส่ายศีรษะให้เธอ คนทั้งกลุ่มก็เตรียมตัวแยกย้าย
“เตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง อะไรที่ควรเอาไปก็เอาไปด้วยแล้วใช่ไหม” ไห่โจ๋ซวนถามเสียงนุ่ม หลังจากเย่ชูฉิงจากไป เขาก็หลุดพ้นแล้วใช่หรือไม่ ในจุดนี้เขาไม่รู้ ในใจยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง แต่ก็ถูกฝืนกดเอาไว้ เขากับเธอถูกกำหนดให้เป็นเส้นขนานสองเส้น ไม่มีวันที่จะได้บรรจบกันตลอดกาล
“พี่โจ๋ซวน ถ้าหากว่าพี่รั้งฉันไว้ ฉันจะอยู่ที่นี่ เพื่อพี่ ฉันสามารถละทิ้งการอบขนมที่เป็นงานอดิเรกได้” เย่ชูฉิงจ้องมองเขาอย่างแน่วแน่ สีหน้าจริงจังไม่คล้ายกับว่าโกหก
ไห่โจ๋ซวนตะลึงค้าง มือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงกำเป็นหมัดแน่น หลังจากนั้นก็คลายออก ยื่นมือออกไปลูบศีรษะเธอ พลางเอ่ยว่า “พูดเพ้อเจ้ออะไรน่ะ ไปฝรั่งเศสเถอะ”
เย่ชูฉิงก้มศีรษะ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ไห่โจ๋ซวนเจ็บปวดใจขึ้นมาทันที แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้เธอมองเห็นความอาลัยอาวรณ์ของตัวเองได้
เสียงเตือนให้เชคอินดังขึ้น เย่ชูฉิงเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา ไห่โจ๋ซวนจ้องมองแผ่นหลังเธอนิ่ง ไม่รู้ว่าทำไมในใจถึงไม่มีความสุขจากการแก้แค้น
คืนวันที่ไร้ซึ่งความกังวลผ่านไป เย่ชูฉิงไปฝรั่งเศสแล้ว เซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินก็ตัดสินใจไปท่องเที่ยวทั่วโลกต่อ ติงยียีนั่งวาดรูปอยู่บนกระดานขึงภาพไปพลาง พูดคุยกับซ่งเมิ่นเจ๋ไปพลาง
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีรถลิมูซีน ลินคอล์น สเตรทช์คันหนึ่งขับมาจอดข้างสนามออกกำลังกาย นักศึกษาที่อยู่รอบๆพากันไปล้อมดู ติงยียีวางกระดานขึงภาพวาดลง และพากันเดินไปทางกลุ่มคนที่เบียดกันอยู่กับซ่งเมิ่นเจ๋
รถลิมูซีน ลินคอล์น สเตรทช์จอดอยู่หน้าถนนของมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มคนหนึ่งลงจากรถ หญิงสาวบริเวณรอบๆพากันกระซิบกระซาบ ชายหนุ่มวิ่งไปเปิดประตูรถอีกด้านหนึ่ง วางมือไว้บนหลังคารถ หญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงฟูฟ่องลงมาจากรถ
“นี่ไม่ใช่ชูฉิงหรือ เธอควรจะไปฝรั่งเศสถึงจะถูก!” ติงยียีมองเย่ชูฉิงกับหลี่ยี่ซวนที่ลงมาจากรถ และจากไปพร้อมกับอาจารย์ที่มาให้การต้อนรับด้วยความประหลาดใจ
นอกประตูห้องภาษานานาชาติ เย่ชูฉิงถามหลี่ยี่ซวนอย่างตื่นเต้น “ยี่ซวน นายว่าพี่โจ๋ซวนจะชอบเซอร์ไพร์สของฉันไหม? ฉันตื่นเต้นมากเลย”
หลี่ยี่ซวนบุ้ยปากเอ่ยว่า “เธอถึงขั้นละทิ้งโอกาสในการไปเรียนอบขนมกับปรมาจารย์ที่ฝรั่งเศสแล้ว เขาจะต้องซาบซึ้งใจแน่นอน เพียงแต่ว่าเธออย่าเสียใจในภายหลังแล้วกัน”
เย่ชูฉิงรับคำเรียบๆ เพื่อความรักแล้ว เธอไม่เสียใจในภายหลังที่จะต้องกลบฝังความชอบของตัวเอง!
ไห่โจ๋ซวนเพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องเรียนก็ถูกเรียกเอาไว้ เมื่อเห็นเย่ชูฉิงกับหลี่ยี่ซวนแล้ว เขาก็เลิกคิ้ว “ถ้าหากว่าฉันคำนวณไม่ผิดแล้วล่ะก็ ตอนนี้เธอควรจะเตรียมตัวเข้าเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสแล้ว”
“เฮ้ ไห่โจ๋ซวน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ประหลาดใจแต่น้ำเสียงก็ไม่จำเป็นต้องเรียบเฉยขนาดนี้ก็ได้นะ นายรู้ไหมว่าเธอละทิ้งโอกาสในการเรียนอบขนมที่ตัวเองชอบที่สุดมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยZ ก็เพื่อนายน่ะ” หลี่ยี่ซวนมีโทสะแทบตาย เอ่ยด้วยความโมโห
“คุณลุงคุณป้ากับเนี่ยนโม่รู้หรือยัง” ไห่โจ๋ซวนไม่ได้สนใจเขา ก้มหน้าถามเย่ชูฉิง
เย่ชูฉิงส่ายศีรษะ ตั้งแต่เล็กจนโตนี่เป็นการตัดสินใจที่บ้าที่สุด ไห่โจ๋ซวนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหาหมายเลขโทรศัพท์ หาไปพลางเอ่ยไปว่า “เธอรอก่อน ฉันจะโทรศัพท์หาเนี่ยนโม่”
หลี่ยี่ซวนแย่งโทรศัพท์มือถือเขามาโยนลงพื้น เหวี่ยงหมัดออกไปอย่างเหลือทน แต่โจ๋ซวนรับเอาไว้ได้สบายๆ พลางเลิกคิ้วเอ่ยว่า “นายอาศัยฐานะอะไรในการออกหน้าแทนเธอกัน”
“ฉันเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ!” หลี่ยี่ซวนโวยวายเสียงดัง ไห่โจ๋ซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงลึกซึ้งว่า “เป็นอย่างนั้นจริงๆหรือ”
“พี่โจ๋ซวน ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยZได้แล้ว ฉันเลือกสาขาวิชาภาษาจีน” รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่ชูฉิงใกล้จะรักษาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“ในเมื่อเธออยากจะปิดบังพวกเขา ฉันก็จะไม่บอกกับพวกเขาชั่วคราว” ไห่โจ๋ซวนเอ่ยเสียงอ่อนโยน ตลอดช่วงเวลานี้ไม่ได้มีท่าทางดีอกดีใจหรือโมโหเป็นพิเศษ นี่ทำให้เย่ชูฉิงรู้สึกพ่ายแพ้เป็นอย่างมาก จึงฝืนเอ่ยว่า “พี่โจ๋ซวน ฉันเพิ่งมา พี่พาฉันไปเดินรอบๆมหาวิทยาลัยได้ไหม”
ไห่โจ๋ซวนผงกศีรษะ แม้ว่าหลี่ยี่ซวนจะอยากไปด้วยมาก แต่เขารู้ว่าเย่ชูฉิงอยากอยู่ด้วยกันกับไห่โจ๋ซวน จึงไม่ได้ตามไปด้วย
ไห่โจ๋ซวนเดินอยู่ด้านนอกของเย่ชูหนิง ด้านหลังมีเสียงจักรยานและจักรยานไฟฟ้าดังลอยมา เขาจึงยื่นมือออกไปยึดไหล่เล็กของเย่ชูฉิงเอาไว้อย่างปกป้อง
เย่ชูฉิงรู้สึกอบอุ่นในใจ ความอึดอัดที่มีแต่เดิมก็ลดลงไปหลายส่วน รู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนคล้ายกับว่าเงียบเป็นเวลานาน เย่ชูฉิงจึงรีบเอ่ยว่า “ไม่รู้ว่าสาขาภาษาจีนเรียนอะไรบ้าง ความจริงแล้วภาษาจีนของฉันไม่ค่อยดีเท่าไร ภาษาอังกฤษดีกว่าเล็กน้อย”
ไห่โจ๋ซวนที่อยู่อีกด้านรับคำเสียงเบา ทั้งสองคนเดินไปเรื่อยๆ และได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง เมื่อเห็นเย่ชูฉิงแล้วนัยน์ตาก็เป็นประกาย เอ่ยเย้าว่า “โจ๋ซวน คิดไม่ถึงเลยว่าแฟนสาวนายจะสวยขนาดนี้”
“ที่ไหนกัน ไม่ใช่แฟนสาวสักหน่อย” ไห่โจ๋ซวนยิ้มๆ ชายหนุ่มจึงเกิดความสนใจขึ้นมา รีบเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นรีบแนะนำให้ฉันรู้จักเร็วเข้า?”
“รับนายไม่ไหวจริงๆ นี่คือเย่ชูฉิง น้องสาวของเย่เนี่ยนโม่ คนนี้คือเลขาสหภาพนักศึกษาของพวกเรา”
เย่ชูฉิงยิ้มอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถือว่าเป็นการทักทาย ชายหนุ่มมองไปทางไห่โจ๋ซวนอย่างมากเล่ห์ “เมื่อครู่ได้ยินมาแต่ไกลว่านายกำลังแนะนำมหาวิทยาลัยให้กับเธอ ไม่สู้เปลี่ยนให้ฉันมาแนะนำแทน”
ชายหนุ่มส่งสายตาให้กับไห่โจ๋ซวนไม่หยุด เดินไปถึงด้านหน้าเขา เอียงศีรษะเอ่ยว่า “ข้าวมื้อหนึ่ง ฉันชอบเธอมากจริงๆ”
ไห่โจ๋ซวนไม่ได้อยากให้เขาเลี้ยงข้าวมื้อหนึ่ง แต่สามารถมีโอกาสทำให้เย่ชูฉิงเสียใจได้ครั้งหนึ่งจะไม่ยินดีได้อย่างไร จึงเอ่ยล้อเล่นว่า “ชูฉิง เพื่อนคนนี้มีอารมณ์ขันมาก พวกเธอจะต้องคุยกันได้ดีแน่ๆ อย่างนั้นฉันไปก่อนนะ”
เย่ชูฉิงยืนหน้าซีดเผือดอยู่ตรงนั้น เธอสารภาพรักกับไห่โจ๋ซวนไปแล้ว ตอนนี้เขากลับแนะนำตัวเองให้กับผู้ชายอีกคน ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองชอบเขา
ไห่โจ๋ซวนเดินไปถึงด้านหน้าเธอ ลูบศีรษะเธอ คล้ายกับว่ามองไม่เห็นความเศร้าโศกของเธอ และก้าวเท้าจากไปด้วยความรวดเร็ว
“ผมสามารถเรียกคุณว่าชูฉิงได้ไหมครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้เย่ชูฉิงอย่างมีไมตรีจิต เย่ชูฉิงมองฝ่ายตรงข้ามแวบหนึ่ง เธอส่ายศีรษะและวิ่งหนีไป ถ้าหากไม่ใช่ไห่โจ๋ซวน ไม่ว่าใครเธอก็ไม่ต้องการ!
โม่ซวนหลินติดต่อเย่เนี่ยนโม่ไม่ได้มาหลายวันแล้ว ดังนั้นในตอนที่เย่เนี่ยนโม่จะพาเธอไปกินข้าวจึงรีบร้อนตกปากรับคำ เธอแสร้งทำเป็นเลือกโรงแรมตี้เหา อย่างแรกเพื่อความสง่างาม อย่างที่สองคืออยากเห็นว่าจะสามารถโอ้อวดใส่ติงยียีสักรอบได้หรือไม่
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องอาหารแล้ว โม่ซวนหลินก็เห็นติงยียีกำลังเสิร์ฟอาหารให้กับลูกค้าที่อยู่รอบๆ จึงแอบได้ใจเงียบๆ คิดอะไรก็ได้สิ่งนั้นจริงๆ
เย่เนี่ยนโม่เห็นติงยียีแล้วก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรมาก หลังจากสั่งอาหารก็เริ่มรับประทานด้วยท่าทางที่สง่างาม โม่ซวนหลินเห็นติงยียีเดินเข้ามา จึงแสร้งทำส้อมร่วงลงพื้นแล้วทำท่าทางขออภัย พลางเอ่ยว่า “ไม่ทราบว่าคุณจะช่วยเก็บส้อมให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”
ติงยียีก้มตัวเก็บส้อมของเธอขึ้นมา เพิ่งจะลุกขึ้น มีดกับส้อมก็ร่วงลงบนพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นสีหน้าแสร้งทำเป็นขอโทษของโม่ซวนหลิน
ติงยียียืดตัวลุกขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก วางมีดและส้อมลงในชามสลัดหน้าโม่ซวนหลิน เอ่ยเสียงเรียบว่า “คุณลูกค้า กรุณาจับมีดและส้อมของคุณให้ดี ไม่อย่างนั้นฉันจะไปนำตะเกียบมาให้คุณคู่หนึ่งก็ได้ค่ะ”
“เธอ! ฉันจะคอมเพลนเธอ!” โม่ซวนหลินผลักจานอาหารที่อยู่เบื้องหน้าออกห่างด้วยโทสะ ติงยียีหันหน้ากลับไปมองเย่เนี่ยนโม่ที่นั่งดูเรื่องสนุกอยู่ด้านข้าง “คุณลูกค้า เมื่อครู่นี้คุณเห็นอะไรไหมคะ”
เย่เนี่ยนโม่กลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ พลางเอ่ยว่า “ผมควรจะเห็นอะไรหรือ” ติงยียีหันหน้าไปมองโม่ซวนหลิน “ดูสิคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
เย่เนี่ยนโม่กับติงยียี คนหนึ่งร้อง คนหนึ่งรับ ทำให้โม่ซวนหลินเสียหน้า เธอไม่สนใจว่าเย่เนี่ยนโม่จะอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่ แต่วิ่งร้องไห้ออกไปจากร้านอาหาร
นอกร้านอาหาร เย่เนี่ยนโม่เคาะพวงมาลัยรถสปอร์ตเบาๆ โม่ซวนหลินไปแล้ว เขาจึงถือโอกาสรอติงยียีเลิกงาน ความรู้สึกสบายใจในยามที่ได้อยู่กับติงยียีทำให้เขายินดีที่จะใช้เวลาไปกับเธอ
พนักงานเสิร์ฟกลุ่มแรกเดินออกมา เย่เนี่ยนโม่มองไปรอบๆ ไม่พบติงยียี กลุ่มถัดไปเดินออกมา ก็ไม่มีเงาร่างของเธอเช่นกัน
จนกระทั่งไฟ LED หน้าประตูโรงแรมสว่างขึ้น ติงยียีก็ยังไม่ออกมาจากประตูโรงแรม เย่เนี่ยนโม่ลงจากรถ ไปตามหาในห้องทำงานของเธอรอบหนึ่ง ถึงได้รู้ว่าเธอยังอยู่ที่สระว่ายน้ำ
ภายในสระว่ายน้ำ ติงยียีกำลังเช็ดล้างกำแพงสระว่ายน้ำที่ปล่อยน้ำเรียบร้อยแล้ว ในใจก็คิดคำนวณว่า ไม่มีทุนการศึกษาแล้ว เช่นนั้นเงินในเทอมหน้าก็ต้องค่อยๆเก็บสะสมทีละเล็กทีละน้อย การเป็นนักแสดงตัวประกอบถ่ายละครได้เงินหนึ่งพันหยวนนั้นไม่เพียงพอ
ขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน มือที่กำลังเช็ดล้างกำแพงสระว่ายน้ำก็ถูกคว้าเอาไว้ ติงยียีเงยหน้ามองเย่เนี่ยนโม่ที่คุกเข่าข้างหนึ่งบนกำแพงสระมองมาทางตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ
“พวกเขาให้เธอเช็ดล้างสระว่ายน้ำที่ใหญ่ขนาดนี้หรือ” เย่เนี่ยนโม่อดกลั้นต่อไฟโทสะ พยายามสงบจิตสงบใจที่จะเอ่ยพูด

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset