สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1445 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1345

ซือซือก็ตกตะลึงมากเช่นเดียวกัน คนที่เธอจัดการคือโม่ซวนหลินชัดๆ เห็นท่าทางของเย่เนี่ยนโม่ดูเหมือนว่าก็ชอบโม่ซวนหลินมากเช่นกัน เป้าหมายของเธอจึงมีเพียงหนึ่งเดียว คือให้อ้าวเสว่เชื่อฟังคำพูดของเธอดีดี ไม่คิดว่าไม่ทันไรก็มีติงยียีเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเสียแล้ว
“ลูกไม่ต้องกลัว ไปหาพ่อของลูก เขาเคยช่วยชีวิตเย่เนี่ยนโม่และก็เป็นชู้กับเซี่ยชีหรั่นมาก่อน เขาช่วยลูกได้นะ” ซือซือคิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วมากกว่าเธอสามารถใช้ประโยชน์จากสวีเห้าเซิงได้ อ้าวเสว่ตกตะลึงอยู่ในใจเงียบๆ แล้วความหวังก็เริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ เธอจะต้องคว้าจิตใจที่รู้สึกผิดต่อตัวเองของสวีเห้าเซิงเอาไว้ให้ดีดีและแย่งชิงเย่เนี่ยนโม่กลับคืนอีกครั้งให้ได้!
ณ บ้านตระกูลติง ติงต้าเฉินเคาะประตู แล้วเดินเข้ามาพูดว่า “ลูกสาว ไอ้เด็กเวรคนนั้นยืนอยู่ข้างล่างเป็นชั่วโมงแล้วนะ จะให้พ่อไปไล่เขาเลยหรือเปล่า!”
ตั้งแต่เหตุการณ์ที่สวนสัตว์เป็นต้นมาติงต้าเฉินก็ไม่ชอบขี้หน้าเย่เนี่ยนโม่และเด็กผู้หญิงที่อยู่กับเขาในวันนั้นมาก ใช้ชีวิตมาทั้งชีวิตแล้ว เขาไม่เคยถูกใครเข้าใจผิดขนาดนี้เลย!
ติงยียีรู้ว่าน่าจะต้องเป็นเย่เนี่ยนโม่ ตอนนี้เธอจิตใจสับสนวุ่นวายเหมือนด้ายพันกัน ก็เลยเอาศีรษะซุกเข้าไปในหมอน แล้วพูดเสียงดังอู้อี้ออกมาว่า “ให้เขาไปเถอะคะ”
ติงต้าเฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของตัวเองและเจ้าเด็กเวรคนนั้น แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางที่กลุ้มและรำคาญใจของลูกสาวแล้วเขาก็ดูออกในทันที เขาจึงหยิบไม้กวาดขึ้นมาแล้วก็รีบพุ่งตัวออกไปนอกประตู
“คุณพระ มีคนเสียชีวิตแล้ว ทำไมถึงได้ตีแรงขนาดนั้น เลือดของพ่อหนุ่มคนนั้นไหลออกมาจนหยดดังติ๋งๆแล้ว” ขณะที่ติงยียีกำลังฟังเสียงของเพื่อนบ้านที่ดังขึ้นมาจากบนระเบียงข้างบ้านเธอก็ลุงขึ้นนั่งในทันที แล้ววิ่งออกไปข้างนอกแม้แต่รองเท้าก็ไม่สวม
เธอวิ่งด้วยเท้าเปล่าไปบนถนนใหญ่ พอไม่ได้เห็นภาพที่ตัวเองจินตนาการเอาไว้ ติงยียีก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
“ในที่สุดก็ยอมออกมาแล้วเหรอ?” เย่เนี่ยนโม่พิงอยู่บนกำแพงข้างๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ติงยียีเหล่ตามองไปที่เขาแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะถือว่านายเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้นายเอาฉันไปเป็นข้อข้างในการยั่วโมโหอ้าวเสว่นะ”
“เธอคิดว่าที่ฉันจูบเธอเป็นเพราะฉันต้องการจะยั่วโมโหอ้าวเสว่เหรอ?” เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยความนึกไม่ถึงว่าเธอจะคิดเช่นนี้
“หรือว่าไม่ใช่อย่างนั้น!” ติงยียีเผชิญหน้ากับสายตาที่อยากจะกลืนกินคนของเขาแล้วพูดพึมพำออกมา ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงได้บังเอิญมาสารภาพรักกับตัวเองตอนที่อ้าวเสว่กลับมาอย่างนั้นล่ะ
ติงยียีทอดถอนหายใจยาวๆ แล้วพูดกับเขาอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้อ้าวเสว่ทำงานอยู่ที่บริษัทหลินซื่อ และเธอก็ยังรักนายมาก พวกนายอย่าทรมานกันและกันอีกต่อไปเลยนะ”
“ปัง!” หมัดของเย่เนี่ยนโม่ทุบไปที่กำแพง จึงทำให้เกิดเสียงที่ดังกึกก้องขึ้นมา จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุร้ายว่า “เธอไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูดมั่วๆนะ!”
เธอเพิ่งคิดจะพูดตอบโต้ เย่เนี่ยนโม่วางมือค้ำยันอยู่บนรถเปิดประทุนแล้วหันหลังและเข้าไปในรถ เขากลับรถอย่างรวดเร็ว แล้วรถก็วิ่งหายวับไปกับตา
พอกลับไปถึงบ้านตระกูลเย่ ในขณะที่เย่เนี่ยนโม่กำลังมองดูแสงไฟที่สว่างจ้าภายในบ้าน เขาก็บีบสันจมูกด้วยความปวดศีรษะ วันนี้เขาทิ้งทุกคนภายในบ้านเอาไว้ที่โรงแรม เขายังต้องอธิบายให้พวกเขาฟังต่อไปในภายหลัง
ในห้องรับแขก คิดไม่ถึงเลยว่าสวีเห้าเซิงกับเซี่ยชีหรั่นล้วนอยู่ที่นี่กันหมด เย่เนี่ยนโม่จึงพูดด้วยความประหลาดใจและดีใจว่า “ลุงสวีมาแล้วเหรอครับ”
สวีเหาเซิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เย่เนี่ยนโม่เห็นสีหน้าของเขาไม่สู้ดี สายตาของเขาจึงหันไปมองแม่ที่อยู่ข้างๆ แล้วถามอย่างเงียบๆ
“เนี่ยนโม่ ตอนเด็กๆลุงสวีก็สอนเธอว่าจะต้องมีจิตใจมุ่งมั่นต่อความรู้สึกกของตัวเอง ตอนเด็กๆลุงก็ถือว่ามีความสัมพันธ์กันกับอ้าวเสว่อยู่บ้างเหมือนกัน เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง พวกเธอมีการเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า?” สวีเห้าเซิงพยายามพูดอ้อมค้อม
“เนี่ยนโม่ ปกติลูกจะคบเพื่อนคนไหนแม่ก็ไม่เคยยุ่งเลย แต่ถ้าเป็นยียีแม่ไม่โอเค!” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยปากพูดอย่างใจร้าย เด็กคนนั้นไม่เหมาะสมกับเนี่ยนโม่เลย!
เย่เนี่ยนโม่รู้สึกว่าศีรษะของตัวเองปวดมากกว่าเดิมแล้ว เขาจึงนั่งลงบนโซฟาอย่างหงอยเหงาเศร้าซึมแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้ปฏิบัติต่อความรู้สึกอย่างไม่มีเหตุผลสักหน่อย ผมชอบติงยียีจริงๆ ผมจะไม่มีวันปล่อยมือเธอไป”
“เนี่ยนโม่!” เซี่ยชีหรั่นกับสวีเห้าเซิงออกปากต้องการอยากจะให้คำแนะนำตักเตือนเขาในเวลาเดียวกัน เย่เนี่ยนโม่จึงยืดตัวขึ้น และก็มีความอ่อนโยนที่ไม่สามารถควบคุมได้อยู่ภายในดวงตา “ลุงสวีครับ แม่ครับ ผมคิดว่าพวกคุณควรจะเป็นคนที่เข้าใจผม ความรักของผมก็หนักแน่นมั่นคงเหมือนกับพวกคุณ ผมไม่สามารถปล่อยมือเธอไปได้จริงๆ”
เมื่อเซี่ยชีหรั่นนึกถึงอุปสรรค์ในเส้นทางความรักระหว่างตัวเองกับเย่เชินหลินขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะเบ้าตาแดงก่ำ
สวีเห้าเซิงถอนหายใจ หลังจากที่ออกมาจากบ้านตระกูลเย่แล้วเขาก็วางใจเรื่องอ้าวเสว่ไม่ลง เขาจึงขับรถตรงไปที่วิลล่าหลังเล็กๆที่เขาซื้อให้อ้าวเสว่
เพียงแค่คิดว่าเสียงกริ่งประตูดังขึ้นแล้ว อ้าวเสว่ก็รีบเปิดประตูทันที เธอร้องไห้จนดวงตาของเธอบวมแดง เมื่อสวีเห้าเซิงได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดใจไม่หาย
“เป็นยังไงบ้างคะ เขายกโทษให้หนูไหม? เขายังโกรธหนูอยู่หรือเปล่า?” อ้าวเสว่รีบถาม สวีเห้าเซิงถอนหายใจ แล้วพูดว่า “เสี่ยวเสว่ ปล่อยมือเขาเถอะ ความรักมันบังคับใจกันไม่ได้หรอกนะ”
“ไม่ ไม่ หนูจะไม่ปล่อยมือ เขาสมควรเป็นของหนูอยู่แล้ว!” อ้าวเสว่ร้องไห้และตะโกนออกมา แล้วปิดประตู สวีเห้าเซิงถอนหายใจอยู่นอกประตู และเขาก็ทำได้เพียงแค่รอให้เธอหายดีด้วยตัวเองเท่านั้น
ติงยียีไม่ได้นอนเกือบทั้งคืน พอผล็อยหลับไปภาพที่เย่เนี่ยนโม่จูบตัวเองก็ปรากฏขึ้นในหัวสมองแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธมากจริงๆ
ในขณะที่กำลังเดินเข้าไปทำงานในบริษัท ก็เห็นว่าประตูออฟฟิศของอ้าวเสว่กำลังเปิดอยู่ ติงยียีจึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไป และในขณะที่กำลังมองดูขอบตาสีแดงที่รองพื้นก็ไม่สามารถปกปิดได้ของเธอ ติงยียีก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “อ้าวเสว่ จริงๆแล้วเนี่ยนโม่ชอบเธอมากจริงๆนะ เมื่อวานที่เขาทำอย่างนั้นก็เพื่อจะยั่วโมโหเธอเท่านั้น”
“เป็นอย่างนี้จริงๆเหรอ?” อ้าวเสว่เงยหน้าขึ้นมาทันที ติงยียีพยักหน้าไปมาอย่างไม่มั่นใจ สีหน้าท่าทางตอนที่เย่เนี่ยนโม่จูบตัวเองเมื่อวานนี้เหมือนจริงเกินไป ทำให้เธอเองก็จิตใจเหม่อลอยอยู่บ้างเหมือนกัน
“เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเธอเหรอ? ไม่ ฉันจะไม่เชื่อเธออีกแล้ว” อ้าวเสว่เปลี่ยนเรื่องพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม เมื่อก่อนเธอเป็นคนอัธยาศัยดีมาก ดังนั้นจึงทำให้ติงยียีมือที่สามคนนี้แทรกเข้ามาได้
บังเอิญว่ามีการประชุมพอดี เพื่อนร่วมงานหลายคนจึงได้ยินทั้งสองพูดคุยกัน คนส่วนใหญ่ก็เลยเลือกที่จะดูละครที่เข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องอธิบายอะไรมาก หลินเจี๋ยก็มาแล้วเช่นกัน เขานั่งอยู่บนที่นั่งด้วยสีหน้าที่สงบเยือกเย็นมากแล้วพูดว่า “ในครั้งนี้ผมได้รับบิลให้ออกแบบแหวนให้คู่รักชาวดัทช์สิบคู่ที่เดินทางมาประเทศจีนเพื่อจะแต่งงานพร้อมๆกัน โดยผมจะให้อ้าวเสว่เป็นคนรับผิดชอบ และให้ติงยียีรับหน้าที่เป็นผู้ช่วย”
“แต่เรายังไม่รู้คอนเซ็ปและความต้องการของพวกเธอเลยนะคะ เราจะลงมือทำได้ยังไง?” อ้าวเสว่ที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นมา หลินเจี๋ยพยักหน้า “ดังนั้นทางนั้นก็เลยส่งล่ามแปลมาด้วย”
และเมื่อประตูถูกเปิดออก เหยนหมิงเย้าก็เดินเข้ามา ทั้งสามคนตะลึงไปครู่หนึ่งหลังจากที่ได้เห็นคนที่ตนคุ้นเคย หลินเจี๋ยทำงานอยู่ในศูนย์การค้ามานานหลายปี พอมองปราดเดียวเขาก็เดาออกเจ็ดแปดส่วนแล้ว “รู้จักกันหมดเลยเหรอ?”
อ้าวเสว่และติงยียีพยักหน้า หลินเจี๋ยจึงพูดด้วยความพออกพอใจว่า “รู้จักกันหมดแล้วก็ดี พวกคุณอายุเท่าๆกัน น่าจะมีไฟในการออกแบบได้มากขึ้นนะ”
พอการประชุมจบลง อ้าวเสว่ก็มองไปที่ติงยียีด้วยสายตาที่ดุร้าย จากนั้นจึงเดินออกไปพร้อมกับรองเท้าส้นสูง เหยนหมิงเย้ามองทั้งสองอย่างมีความหมายลึกซึ้งแอบแฝงอยู่ เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอทั้งสองคนที่นี่ ดูเหมือนว่าวันเวลาต่อจากนี้ไปคงจะสนุกมากแน่ๆ
ในตอนเที่ยงจะมีการเปิดการประชุมเล็กๆ อ้าวเสว่จึงมองดูนาฬิกา แล้วพูดว่า “ติงยียี พวกเรามีธุระที่จะต้องไปทำ ฉันรบกวนเธอซื้ออาหารกลางวันให้พวกเราสักสองสามกล่องได้ไหม?”
“ผมไปเอง” เหยนหมิงเย้าคิดอยากจะลุกขึ้น แต่กลับถูกสายตาของอ้าวเสว่ห้ามเอาไว้ “โอเค ทุกคนจะทานอะไรคะ?” ติงยียีไม่ได้คิดอะไรมาก ความจริงแล้วตอนนี้มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่ไม่มีอะไรทำ
หลังจากที่ติงยียีเดินไปแล้วเหยนหมิงเย้าก็ยิ้มและพูดว่า “วันนี้อากาศร้อนตั้ง 39 องศา คุณใช้ให้เธอวิ่งไปวิ่งมาอยู่ข้างนอกอย่างนั้น ก็มีแต่เธอเท่านั้นแหล่ะที่โง่จนมองไม่ออกว่าคุณกำลังลงโทษเธออยู่”
อ้าวเสว่กำปากกาที่อยู่ในมือไว้แน่น ไม่ผิดหรอก เธออยากให้เธอมีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวด! ติงยียีวิ่งไปสองสามร้านจึงซื้อของที่ทุกคนอยากกินจนครบ ในขณะที่ยืนรอรถเมล์อยู่ข้างทางเธอก็ถูกสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวหนึ่งดึงดูดสายตาเข้า
เจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์มีปลอกคอ แต่ไม่มีเจ้าของอยู่แถวๆนี้ เธอเห็นว่ามีคนจ้องมาที่มันอยู่เป็นจำนวนมาก เลยกังวลว่าจะถูกคนมีเจตนาร้ายไปพามันไป เธอก็เลยตั้งใจนั่งอยู่ข้างๆเจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์
เจ้าโกลเดนรีทรีฟเวอร์หยุดพักอยู่ครู่หนึ่งก็เดินไปอีกทางหนึ่ง ติงยียีจึงเดินตามมันไปด้วยความไม่สบายใจ หลังจากเดินตามไปสิบนาที ก็มีร่างร่างหนึ่งวิ่งมาอยู่ด้านหน้า
“ทำไมแกถึงวิ่งมาจนถึงที่นี่ได้ล่ะ!” เย่ชูหวินพูดหายใจหอบเล็กน้อย พอเห็นติงยียีเขาก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ทั้งสองร่วมมือกันพาเจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ไปส่งที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง แล้วเย่ชูหวินก็ส่งเธอกลับไปที่บริษัท ในชั้นล่างของบริษัท เย่ชูหวินพูดว่า “ไม่อยากให้ผมช่วยคุณถือขึ้นไปจริงๆเหรอ ของพวกนี้มันเยอะมากจริงๆนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันถือได้” ติงยียียิ้มหวานให้เขา แล้วขึ้นไปชั้นบนทันที เธอเสียเวลาไปขนานขนาดนั้น จะต้องโดนด่าจนตายแน่ๆ และปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ได้เข้าไปอยู่ในสายตาของอ้าวเสว่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างทั้งหมดแล้ว
“ติงยียี คบคนหนึ่งไปแล้วยังอยากจะมีคนที่สองอีกเหรอ? ฉันจะไม่ยอมให้เธอสมหวังหรอก!”
ในตอนเย็น อ้าวเสว่เป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปบอกว่าเธออยากจะรับประทานอาหารว่าง สวีเห้าเซิงก็เลยถืออาหารว่างเข้าประตูมาอย่างมีความสุข “ลุงสวีคะ ช่วยหยิบไดร์เป่าผมที่อยู่ในตู้ออกมาให้หนูหน่อยค่ะ” อ้าวเสว่ตะโกนอยู่ในห้องน้ำ
พอสวีเห้าเซิงเปิดประตูตู้ออกมา เขาก็ถูกยากล่อมประสาทที่อยู่เต็มตูทำให้ตกใจ อ้าวเสว่ เกิดอะไรขึ้นกับหนู!
อ้าวเสว่เพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำพอดี ก็เห็นเขากำลังถือยากล่อมประสาทอยู่ เธอจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อแย่งมันมา จากนั้นก็โยนยาทั้งหมดกลับเข้าไปในตู้แล้วล็อคมันไว้อีกครั้ง
“หนู ไปกันเถอะ ฉันจะพาหนูไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย” สวีเห้าเซิงจับมือของเธอแล้วลากไปข้างนอก เขามีเพียงลูกคนนี้เท่านั้น เขาจึงไม่อาจเห็นเธอถูกทำลายโดยเด็ดขาด
ในขณะที่อ้าวเสว่กำลังดิ้นรนเพื่อที่จะถอยหลังกลับมา เธอก็ตะโกนและถกเถียงกับเขาว่า “หนูไม่อยากไปหาหมอ หนูไม่อยากไป มีเพียงเนี่ยนโม่เท่านั้นที่จะช่วยหนูได้!”
สวีเห้าเซิงปล่อยมือเธอด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว อ้าวเสว่ก้มศีรษะลงรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อคประตูทันที หลังจากที่ได้ยินเสียงปิดประตูจากข้างนอก มุมปากของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มที่ตรวจจับไม่ได้ง่ายๆออกมา
ติงยียีนั่งอยู่บริเวณรอบนอกสุดของโต๊ะยาวในออฟฟิศ ในขณะที่กำลังฟังการอภิปรายที่เข้มข้นของอ้าวเสว่และคนอื่นๆอยู่
“หลักการในการออกแบบของฉันก็คือความหรูหรา การแต่งงานมีแค่ครั้งเดียวในชีวิต ฉันคิดว่าหลายคนต่างก็หวังว่ายิ่งโอ่อ่าอลังการมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดี ดังนั้นทิศทางการออกแบบของฉันหลังจากนี้จะเริ่มลงมือทำที่นี่เลย” อ้าวเสว่มองไปรอบๆเพื่อขอการอนุมัติจากเพื่อนร่วมงานที่อยู่โดยรอบ
“เท่าที่ผมรู้มา ดูเหมือนว่ามีคริสเตียนอยู่ในนั้นด้วยนะครับ เขาไม่ค่อยชอบความหรูหราสักเท่าไหร่” เหยนหมิงเย้าพูดอยู่ข้างๆ
“ธีมหลักคือความหรูหรา องค์ประกอบอื่นๆก็รวมอยู่ในนั้นด้วยค่ะ!” อ้าวเสว่เชิดคางขึ้นและมองเขาด้วยแววตาที่เป็นประกาย แล้วเหยนหมิงเย้าก็ได้พบว่าตัวเองยังคงชอบท่าทางที่ยกตนข่มท่านของอีกฝ่ายอยู่จริงๆ
ติงยียีที่อยู่หน้าประตูยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันมีคำถามค่ะ” สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องมาที่เธอ
“ฉันคิดว่าเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติมากประเทศหนึ่ง องค์ประกอบในการออกแบบสามารถเริ่มต้นมาจากธรรมชาติได้ไหมคะ?”
อ้าวเสว่ยิ้ม แล้วพูดว่า “มีรุ่งพี่ที่เคยออกแบบผลงานมากมายอยู่ที่นี่ด้วย และทุกคนก็เห็นด้วยกับโปรเจคนี้ คุณกำลังสงสัยในตัวทุกคนอยู่หรือเปล่าคะ?” เพื่อนร่วมงานที่อยู่รอบๆต่างก็นิ่งเงียบ และพยายามไม่เข้าไปพัวพันในสงครามระหว่างพวกเธอคนทั้งสอง
“พอแล้ว ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว รบกวนคุณติงยียีช่วยไปซื้ออาหารกลางวันให้ทุกคนหน่อยสิคะ” อ้าวเสว่ปรบมือแล้วพูด
ติงยียีรู้ว่าตอนนี้เธอเกลียดตัวเองมาก จึงคิดว่าจะต้องหาเวลาคุยเรื่องนี้กับเธอให้ชัดเจนให้จงได้อย่างแน่นอน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset