สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1452 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1352

ติงยียีไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงกระทำเช่นนั้นออกมา ถึงอย่างไรความสัมพันธ์พวกเขาตอนนี้คือคู่รักกัน เย่ชูหวินดูออกถึงความทุกข์ของเธอ ยื่นปลาที่ได้แกะก้างออกแล้วใส่เข้าไปในถ้วยของเธอ จากนั้นกล่าว:“ใจเย็นๆไม่ต้องรีบ”
หลังจากที่เย่ชูหวินจากไป ติงยียีเดินมาที่ด้านหน้าห้องสำนักงาน จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ ตัวเองจะต้องสู้ๆ! แล้วเดินเข้าประตู เสียงเอะอะโวยวายก็ดังลอยขึ้น
“สร้อยทองของฉันหายไปไหนแล้ว” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งตามหารอบๆ ติงยียีนั่งไปที่ตำแหน่งของตัวเอง เพื่อนร่วมงานหญิงคนนั้นปกติชอบวางอำนาจระรานคน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะไปสนใจยั่วโมโหเธอ
“แค่เปิดดูตู้ลิ้นชักของทุกคน ก็จะรู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าใครเป็นคนเอาไป!” เพื่อนร่วมงานที่ค่อนข้างสนิทกับเพื่อนร่วมงานหญิงกล่าวขึ้น
หลายคนรีบเปิดตู้ลิ้นชักของตัวเอง พลิกคว่ำลิ้นชักราวกับอยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
เพื่อนร่วมงานหญิงมองดูรอบๆ จากนั้นสายตาก็ตกกระทบไปที่ข้อมือของอ้าวเสว่ ที่บังเอิญสร้อยข้อมือบนแขนของอ้าวเสว่นั้นเหมือนกับของตัวเองพอดี
“ทำไม สงสัยฉันเหรอ” อ้าวเสว่มองเธออย่างไม่เกรงใจ เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้น อ้าวเสว่เดินมาที่ด้านหน้าของเพื่อนร่วมหญิง พลางปลดสร้อยข้อมือพลางกล่าวขึ้น : “ ต้องการให้ฉันนำสร้อยมือให้เธอตรวจเช็คดูไหม”
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้สงสัยเธอ” เพื่อนร่วมงานหญิงตกใจกับท่าทางของเธอ ได้ยินว่าเธอมีเส้นมีสายด้วยก็ยิ่งไม่กล้ามีเรื่อง สายตาจึงเบนไปทางติงยียีที่ซึ่งไม่ได้มองตัวเองเลย
ติงยียี ฉันขอดูลิ้นชักของเธอหน่อยได้ไหม” เพื่อนร่วมงานหญิงกล่าวอย่างหงุดหงิด ถูกอ้าวเสว่ทำเสียหน้าก่อนหน้านี้ เธอจึงอยากหาที่ระบาย
“ตอนที่พักช่วงกลางของวันนี้ฉันไม่ได้อยู่ที่สำนักงาน” ติงยียีไม่ชอบสายตาที่มองสำรวจและน้ำเสียงที่จับผิดของเธออย่างมาก
“ไม่ใช่ช่วงกลางวันของวันนี้ ก็สามารถเป็นช่วงเวลาอื่นเวลาใดก็ได้” เพื่อนร่วมงานหญิงเห็นท่าทางเธอดูไม่โกรธเท่าไหร่ จึงยิ่งอวดเบ่งขึ้น
ติงยียีไม่อยากจะเสียเวลาคุยกับเธอ จึงหันหลังแล้วจ้องไปที่คอมพิวเตอร์โดยไม่สนใจเธอ เพื่อนร่วมงานหญิงรู้สึกตัวเองเหมือนถูกท้าทาย ก้าวเดินมาข้างหน้าสองสามก้าวแล้วคว้าไหล่ของเธอไว้ ติงยียีจึงสะบัดทิ้ง อีกฝ่ายจึงยืนไม่ตรงเนื่องจากใส่รองเท้าส้นสูง ก็เลยเซแล้วล้มลงไปกองกับพื้น
สักพักที่เกิดเหตุจึงอลหม่าน มีทั้งคนมุงดู มีทั้งคนสงสัยติงยียี เหล่าเพื่อนร่วมงานที่อายุค่อนข้างมากหน่อยบางคนมองแล้วถึงกับส่ายหัว
“เกิดอะไรขึ้น!” เสียงดังลอยมาจากหน้าประตู พนักงานต่างพากันแยกย้าย หลินเจี๋ยกบเย่เนี่ยนโม่คนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งอยู่หลังได้เดินเข้ามา
“เนี่ยนโม่ คุณมารับฉันเหรอ ฉันพร้อมแล้วค่ะ” อ้าวเสว่หยิบกระเป๋าแล้ววิ่งมาที่ข้างๆเย่เนี่ยนโม่ “เกิดอะไรขึ้น เอะอะโวยวายกันเสียงดัง ยังเห็นกฎระเบียบของบริษัทอยู่ไหม!” หลินเจี๋ยโมโห
พนักงานเดิมทีที่เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวเงียบกริบลงทันที ต่างคนต่างกลับไปที่นั่งของตัวเอง พนักงานหญิงที่ถูกผลักล้มกล่าวขึ้นอย่างน้อยใจขุ่นเคือง : “สร้อยทองของดิฉันหายไป ทุกคนต่างเปิดลิ้นชักให้ดูแล้ว เหลือแต่เธอที่ไม่ยอมเปิด”
สายตาของเย่เนี่ยนโม่เบนไปที่ติงยียี เห็นเธอเม้มปากอย่างดื้อรั้นไม่พูดไม่จา ในใจจึงรู้สึกบีบรัดเจ็บจี๊ด แทบอยากจะก้าวไปข้างหน้าบีบขยี้เธอให้แหลกแล้วเอามายัดใส่ใจ
หลินเจี๋ยจ้องมองไปทางติงยียี แล้วก็ตะโกนเสียงดังใส่เพื่อนร่วมงานหญิงเมื่อสักครู่ “คุณเป็นถึงนักศึกษาปริญญาโท คุณไม่รู้หรือว่าไม่มีสิทธิ์ไปเปิดตู้ของคนอื่น เธอทำแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว!”
เพื่อนร่วมงานก็ยิ่งขุ่นเคืองน้อยใจเข้าไปอีก แต่ก็ไม่กล้ากรีดร้องต่อหน้าหลินเจี๋ย ทำได้เพียงด่าติงยียีอยู่ในใจ อ้าวเสว่ที่รบเร้าอยู่ข้างๆ เย่เนี่ยนโม่จึงส่งสายตาให้หลินเจี๋ยทีหนึ่ง จากนั้นถึงได้พาอ้าวเสว่จากไป
ในลานจอดรถ อ้าวเสว่พลางแสร้งทำเป็นว่ากำลังใช้ไอแพดเลือกร้านอาหารอย่างมีความสุข และพลางสังเกตอารมณ์ของเย่เนี่ยนโม่ สีหน้าของเย่เนี่ยนโม่ราบเรียบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
โทรศัพท์ดังขึ้น เสียงของหลินเจี๋ยดังลอยมา “เนี่ยนโม่ ขออภัยที่ขัดจังหวะเวลาไปออกเดตของนาย นายมาที่ห้องทำงานผมหน่อยได้ไหม”
เย่เนี่ยนโม่ตอบกลับสองสามคำอย่างเรียบง่ายแล้วก็วางสายไป อ้าวเสว่รู้สึกไม่พอใจ แล้วก็กล่าวอย่างออดอ้อน : “ไม่ไปไม่ได้เหรอ ไหนบอกว่าวันนี้จะอยู่เป็นเพื่อนเค้าไง”
“อย่าดื้อนะ รออยู่ตรงนี้แป๊บหนึ่ง” เย่เนี่ยนโม่พูดจบก็รีบลงจากรถแล้วขึ้นตึกไป อ้าวเสว่โมโหจนสะบัดไอแพดในมือทิ้ง จากนั้นหยิบโทรศัพท์โทรหามารดา “แม่คะ ตอนนี้เย่เนี่ยนโม่เฉื่อยชากับหนูมากเลยค่ะ หนูควรจะทำอย่างไรดีคะ!”
ซือซือกล่าวอย่างไม่พอใจ : “กลัวอะไร อย่าลืมสิว่าพ่อของหนูมีความสำคัญต่อตระกูลเย่มาก และตอนนี้ก็ถึงเวลาแต่งงานแล้ว”
“แต่งงาน!” อ้าวเสว่รู้สึกว่าเลือดในร่างกายตัวเองกำลังเดือดพล่าน นี่คือคำพูดที่เธอรอคอยมานานหลายปี
ซือซือเองก็มีความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ถูก เมื่อกำชับเสร็จก็ได้วางสายโทรศัพท์ลง แล้วดื่มเหล้าลงไปหนึ่งแก้วเต็มๆ ขอเพียงแต่งงานกับตระกูลเย่ แผนการแก้แค้นของเธอก็จะเยี่ยมยอดแบบสุดๆ
หลินเจี๋ยรอเย่เนี่ยนโม่อยู่ในห้องทำงานแล้ว ในกล้องวงจรปิดแสดงภาพเหตุการณ์ปกติประจำวันของตึกหลายสิบชั้น หลินเจี๋ยขยายภาพหน้าจอหนึ่งในนั้นให้ใหญ่ขึ้น แล้วกล่าว : “เห็นทีคนที่นายรักและเป็นห่วงเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่รักของคนอื่นนะ”
เย่เนี่ยนโม่จ้องหน้าจอที่ติงยียีถูกทิ้งให้อยู่นอกลิฟต์ ก้มหน้าลงอย่างหงอยเหงา เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ถูกเพื่อนร่วมงานกลั่นแกล้งแต่กลับยิ้มขึ้นอย่างเงียบๆโดยไม่ต้องมีคำอธิบาย
กำปั้นในมือยิ่งกำยิ่งแน่น สิ่งเหล่านี้ที่ติงยียีพบเจอเขาไม่เคยรับรู้! จึงโมโหฟึดฟัดอยากจะไปจัดการกับคนที่กลั่นแกล้งเธอ หลินเจี๋ยกล่าวเบาๆอยู่ด้านหลัง : “นายไปหาในสถานะอะไร”
เย่เนี่ยนโม่ชะงักเท้า ทุบกำปั้นลงที่ข้างกำแพงด้วยความเจ็บปวด ถ้าหากอาการของอ้าวเสว่ไม่มีวันฟื้นดีขึ้น อย่างนั้นตัวเองก็ไม่มีวันที่จะรักกับติงยียีได้อย่างเปิดเผยกระนั้นหรือ!
หน้าประตูมีเสียงเคาะดังขึ้น เลขาฯท่านประธานได้เดินเข้ามา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และพูดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้แววตาที่สบอารมณ์ของหลินเจี๋ย : “เพื่อนร่วมงานในแผนกออกแบบดูเหมือนจะเกิดการทะเลาะกันขึ้นแล้ว”
หลินเจี๋ยลุกพรวดขึ้น พนักงานบางคนไม่อบรมคงจะไม่ได้แล้ว ส่วนเย่เนี่ยนโม่นั้นได้ก้าวออกจากห้องปานดาวตกไปก่อนแล้ว และมุ่งไปยังแผนกออกแบบอย่างรวดเร็ว เย่เนี่ยนโม่อยากจะจะผลักประตูเข้าไป แต่หลินเจี๋ยห้ามไว้ก่อน จากนั้นส่งสัญญาณบอกให้เขารอดูสถานการณ์ข้างใน
ยังคงเป็นเพื่อนร่วมงานหญิงที่ทำสร้อยทองหายคนเดิม เธอยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ จึงชนติงยียีที่ถือกาแฟอยู่อย่างตั้งใจ ทำให้มือของติงยียีถูกลวกจนแดงก่ำ
เพื่อนร่วมงานหญิงมองแล้วขำ ทำท่าจะเดินจากไป เสียงกระแทกวางถ้วยกาแฟดังลอยมาจากด้านหลัง ติงยียีรั้งเธอเอาไว้ “ขอโทษเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ทำไมต้องใจแคบขนาดนั้นด้วย” เพื่อนร่วมงานหญิงเริ่มรู้สึกกลัวกับสายตาการมองของเธอ จึงแกล้งตะเบ็งเสียงดังเพื่อโชว์พลัง
“ออ อย่างนั้นเหรอ”ติงยียีหยิบแก้วแล้วเดินจากไป เพื่อนร่วมงานมองแผ่นหลังเธอแล้วยิ้มอย่างได้ใจ สักพักติงยียีก็ถือกาแฟเต็มแก้วแล้วเดินกลับมา
“เธอจะทำอะไร” เพื่อนร่วมงานหญิงมองเธออย่างจดจ่อ “ขอโทษเดี๋ยวนี้”ติงยียีมองเธอย่างเย็นชา
“ใจแคบมาก ฉันขอโทษ พอใจยัง!” เพื่อนร่วมงานหญิงเห็นไม่มีใครช่วยเธอ และก็กลัวเรื่องจะแดงไปถึงหูท่านประธาน จึงยอมอ่อนข้อก่อน
“โอ๊ย! เธอทำอะไรของเธอ!” เพื่อนร่วมงานหญิงกรีดร้องแล้วหลบ แต่ถูกกาแฟสาดเข้าเต็มตัว ติงยียีวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะแล้วกล่าว : “ฉันไม่รับการขอโทษจากเธอ”
เย่เนี่ยนโม่ ผู้หญิงที่นายชอบแข็งแกร่งมาก” หลินเจี๋ยถอนหายใจแล้วกล่าว เย่เนี่ยนโม่ดึงมือที่วางไว้ที่แผงประตูกลับ มุมปากยกยิ้มขึ้น ผู้หญิงที่เขาเตะตาต้องเป็นแบบนี้
ที่ร้านอาหารยามค่ำคืน สวีเห้าเซิงกล่าวอย่างลำบากใจ : “เสี่ยวเสว่ ไม่ใช่ว่าลุงสวีไม่อยากจะช่วยหนู แต่ว่าพวกเธอเพิ่งคบกันได้ไม่นาน ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมและเร็วเกินไปที่จะพูดคุยเรื่องการแต่งงาน”
“หนูคิดว่าเหมาะสมค่ะ คำเดียว คุณจะช่วยหรือไม่ช่วย เพราะถึงอย่างไรตอนนี้หนูก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว” อ้าวเสว่กล่าวอย่างสบายๆ มองอีกฝ่ายที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ในใจแอบสะใจ
หลายวันที่รู้จักและสัมผัสกับเธอ สวีเห้าเซิงรู้สึกว่าเธอไม่ได้แย่ เพียงแต่อาจเป็นเพราะบางทีตอนเด็กนั้นเธอสูญเสียมากเกินไป ทำให้ไม่รู้สึกปลอดภัยกับทุกสิ่ง จึงมักอยากจะคว้าจับทุกสิ่งไว้ในกำมือ หัวใจของเขาแสนเจ็บปวด เขาไม่อยากให้เย่เนี่ยนโม่ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เขาไม่ได้รัก แต่ว่าอีกฝั่งหนึ่งนั้นเป็นลูกสาวของตัวเอง
“ไม่อยากช่วยก็ช่างเหอะ” อ้าวเสว่ลุกขึ้นแล้วจากไป สวีเห้าเซิงรีบตามไปแล้วเกลี้ยกล่อมเอาใจ: “เสี่ยวเสว่ ให้ลุงคิดไตร่ตรอง ได้คิดไตร่ตรองอีกครั้ง”
อ้าวเสว่นั่งกลับไปที่เดิมอีกครั้ง แล้วหยิบโทรศัพท์โทรออก : “ เนี่ยนโม่ คุณอยู่ที่ไหน”
“ประชุมอยู่ เดี๋ยวผมโทรกลับ” ลูกน้องทั้งหมดต่างหันมามองเย่เนี่ยนโม่ มีบางคนขมวดคิ้วขึ้นตามพนักงานเก่าๆของเย่เนี่ยนโม่ เห็นได้ชัดว่าแฟนของผู้จัดการทั่วไปดูเหมือนจะไม่ค่อยรู้จักวางตัวเหมือนภรรยาของท่านประธาน
“ประชุมจริงเหรอ คงไม่ได้อยู่กับติงยียีหรอกนะ” อ้าวเสว่กวนกาแฟที่อยู่ตรงหน้าแล้วกล่าวเบาๆ
เย่เนี่ยนโม่สุดที่จะทนจึงวางสายโทรศัพท์ทิ้ง อ้าวเสว่ตกใจชะงัก ทำการโทรศัพท์กลับอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์ดังกะทันหันในห้องประชุมอย่างเห็นได้ชัด
เย่เนี่ยนโม่จึงปิดเครื่องโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าดำทะมึน ทำไมอ้าวเสว่เดี๋ยวนี้ถึงได้กลายเป็นแบบนี้!
“เนี่ยนโม่ พวกเราประชุมต่อไหม” ไห่โจ๋ซวนกล่าวอยู่ข้างๆ เย่เนี่ยนโม่จึงกล่าวอย่างเคร่งขรึม: “ต่อๆ ครั้งนี้ห้างสรรพสินค้าถูกเบื้องบนตรวจสอบพวกคุณมีความคิดเห็นกันอย่างไร”
“ผมคิดว่ายังคงเป็นปัญหาของทีมก่อสร้างทีมที่สาม ได้ยินมาว่านิสัยของทีมนั้นไม่ค่อยดี และพัวพันกับคดีความมาโดยตลอด ผมสงสัยว่าคงน่าจะมีความขัดแย้งกับบริษัทอื่นก่อนหน้านี้ คนอื่นจึงได้ทำการแก้แค้น”
ทีมก่อสร้างทีมที่สามนั้นไห่โจ๋ซวนเป็นคนเชิญมา เย่เนี่ยนโม่จึงหันไปมองเขา ไห่โจ๋ซวนกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม : “บริษัทผมเองก็ถือหุ้นด้วย ผมไม่จำเป็นต้องเชิญทีมสวะห่วยๆนั้นมาทำให้ทั้งห้างสรรพสินค้ามัวหมอง พวกคุณอยากจะเปลี่ยนก็ทำได้ตามสบายเลย”
ทั้งสองฝ่ายต่างชะงัก เย่เนี่ยนโม่ตัดสินใจอย่างลังเล: “ดำเนินการสร้างต่อ”
ไห่โจ๋ซวนปรายตาไปมองคนที่คัดค้านตัวเองอย่างใจเย็น มุมปากผุดรอยยิ้มขึ้นจางๆ หลังจากประชุมอยู่หลายชั่วโมง จนกระทั่งเที่ยงคืน เย่เนี่ยนโม่กลับบ้านด้วยความอ่อนเพลีย สวีเห้าเซิงได้รอเขาอยู่ที่หน้าประตูบ้านตระกูลเย่
ในบาร์ สวีเห้าเซิงกล่าวขออภัย “เนี่ยนโม่ ลุงสวีต้องขอโทษด้วย อ้าวเสว่เด็กคนนั้นเหมือนอาการจะแย่ลง พักนี้เริ่มมีอาการจิตตกจิตระแวง”
เย่เนี่ยนโม่ทนเห็นเขาตำหนิตัวเองไม่ได้ จึงได้ปลอบใจเขา ทั้งคู่ปรึกษาหารือกันไปมา สุดท้ายเย่เนี่ยนโม่ตัดสินใจส่งอ้าวเสว่ไปรักษาที่สถาบันพิเศษ มองแผ่นหลังสวีเห้าเซิงเดินจากไปอย่างโซเซ เขาจึงถอนหายใจแรง จากนั้นจู่ๆก็นึกถึงติงยียีขึ้นทันใด
หน้าบ้านของตระกูลติง เนื่องจากเสียงจอดรถเทียบข้างทำให้สุนัขส่งเสียงเห่าหอน เย่เนี่ยนโม่วางยาทาแผลน้ำร้อนลวกที่ซื้อมาไว้หน้าประตูบ้านตระกูลติง แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะ จึงได้ยื่นไปข้างหน้าอีกหน่อย
แพนด้ายื่นหน้ามามองเขา เย่เนี่ยนโม่จึงนำถุงยาห้อยไว้บนคอของเขา จากนั้นยิ้มแล้วกล่าวเบาๆ : “เอาไปให้เจ้านายของแกนะ”
แพนด้าห้อยถุงยาเดินเข้าประตูไป เย่เนี่ยนโม่มองขึ้นไปบนชั้นสองในห้องที่มีแสงไฟสีเหลืองส่องสว่างไสว ก่อนจากไป หลังผ้าม่านในห้อง ติงยียีกุมมือที่ถูกน้ำร้อนลวกมองเขาจากไปอย่างเงียบๆ จากนั้นถอนหายใจยาว

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset