สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1453 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1353

ที่ร้านอาหารในวันรุ่งขึ้น หลังจากติงยียีส่งอาหารที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเสร็จ ผู้จัดการร้านอาหารได้กล่าวอย่างเกรงใจ : “ ยียีจ้ะ มีออเดอร์หนึ่งที่เพิ่งเพิ่มเข้ามา ไม่เยอะแค่สิบชุด เธอจะสามารถไปส่งอีกครั้งได้ไหม อยู่ที่ตึกทำงานของเธอเลย แต่ว่ารายละเอียดอีกฝ่ายนั้นไม่ได้บอกไว้ เมื่อไปถึงเธอโทรหาเขาได้เลย”
ติงยียีพยักหน้าตอบรับอย่างไม่ลังเลใจ มีออเดอร์เพิ่มก็มีรายได้เพิ่ม ถือข้าวกล่องแล้วเข้าไปที่บริษัทหลินซื่อ มีบางคนที่รู้จักเธอต่างหันหน้ามามอง
ประตูกระจกของบริษัทหลินซื่อได้เปิดออก มีคนหนึ่งเดินผ่านเข้ามาท่ามกลางการรายล้อมของผู้คน เย่เนี่ยนโม่มองเห็นติงยียีที่ถือถุงเล็กใหญ่พะรุงพะรังจึงขมวดคิ้วขึ้น เขาได้ให้ผู้จัดการร้านอาหารไม่ให้เธอส่งอาหารมากมายขนาดนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ!
ติงยียีไม่ทันสังเกตเห็นเย่เนี่ยนโม่ เธอที่กำลังพยายามทำให้กล่องอาหารนั้นสมดุลกัน เลขาฯของเย่เนี่ยนโม่หันมองไปมองเย่เนี่ยนโม่เพื่อรอรับคำสั่งจากเขา
ดวงตาที่ลึกล้ำของเย่เนี่ยนโม่ เดินไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วหยิบอาหารกล่องมาถือไว้ครึ่งหนึ่ง “คุณ···” ติงยียีมองเขาด้วยความมึนงง
เย่เนี่ยนโม่แย่งเข้าไปในลิฟต์ก่อน จากนั้นเลิกคิ้วมองเธอ ติงยียีจึงพรวดพราดเข้าในลิฟต์ไปอย่างรวดเร็ว เหล่าผู้ใส่สูทรองเท้าหนังทั้งหลายมองผู้จัดการทั่วไปของพวกเขาถือข้าวกล่องหายวับเข้าไปในลิฟต์
เมื่อออกจากตัวลิฟต์ โทรศัพท์ดังขึ้น เย่เนี่ยนโม่ได้รับสาย และส่งสัญญาณให้ติงยียีเข้าไปในห้องก่อน ติงยียีเห็นเขาไม่มีทีท่าจะยื่นกล่องอาหารให้ตัวเอง เธอจึงทำได้เพียงโทรศัพท์
“เอ่อ พวกเราอยู่ชั้น12 ห้องb คุณมาได้เลย” เสียงจากโทรศัพท์นั้นคุ้นมาก ที่อยู่ที่แจ้งมาก็ยิ่งคุ้นใหญ่ นั่นไม่ใช่ห้องสำนักงานของตัวเองเหรอ
ติงยียีสูดลมหายใจเข้าลึก ถือข้าวกล่องเข้าไปในห้องสำนักงาน เพื่อนร่วมงานหญิงไม่คิดว่าเธอจะมาส่งอาหารที่ห้องสำนักงานจริงๆ วันนี้ตอนที่เธอออกไปทานข้าวนั้นเห็นติงยียีเข้า จึงต้องการจะกลั่นแกล้งเพื่อให้เธอขายหน้า
“เพื่อนร่วมงานคนไหนได้สั่งข้าวกล่องไว้เหรอ” ติงยียียกข้าวกล่องที่อยู่ในมือขึ้น ในห้องสำนักงานเงียบอย่างเป่าสาก เพื่อนร่วมงานหญิงคนเดิมหัวเราะขึ้น “ฉันๆ! คุณไรเดอร์ เอาให้ฉันหนึ่งกล่อง!”
คนรอบข้างบางคนเริ่มมองเพื่อนร่วมงานหญิงคนนั้นอย่างไม่พอใจ การจงใจหลอกเพื่อนร่วมงานที่รับงานพาร์ทไทม์มาทำให้อับอายขายหน้าที่สำนักงาน เป็นการกระทำที่เกินไปจริงๆ เพื่อนร่วมงานบางคนที่ถูกเพื่อนร่วมงานหญิงหลอกให้สั่งอาหารได้ทยอยกันไปหยิบกล่องอาหาร
“ทำไมยังเหลืออีกห้ากล่องที่ไม่ได้รับ” เพื่อนร่วมงานหญิงกล่าวอย่างไม่เกรงใจ อ้าวเสว่ที่บังเอิญผ่านมาพอดี จึงมองดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ
“ที่เหลืออยู่ที่นี่” เย่เนี่ยนโม่ถือถุงข้าวกล่องเข้ามา เกิดอะไรขึ้น ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเย่ซื่อ แฟนหนุ่มของอ้าวเสว่ไปส่งข้าวกล่องด้วยกันกับติงยียี!
อ้าวเสว่กระทืบเท้าหันหลังแล้วจากไป ที่เธอข่มกลั้นไว้ไม่ได้แปลว่าเธอจะยอมถอย ติงยียี เธอทำให้ฉันเจ็บปวด ฉันจะต้องให้เธอชดใช้เท่าตัว แล้วกลับไปนั่งลงที่นั่งในห้องทำงาน จากนั้นอ้าวเสว่ก็โทรศัพท์ไปหาหมายเลขหนึ่ง: “น้าเซี่ยคะ วันนี้พวกเรานัดคุณน้าไห่ไปเดินช้อปปิ้งด้วยกันหน่อยไหมคะ”
นอกห้องสำนักงาน ติงยียีส่งอาหารเสร็จก็กลับมานั่งที่ตำแหน่งของตัวเอง เย่เนี่ยนโม่เห็นเธอไม่สนใจตัวเอง สติจึงหลุด เข้าไปกระชากแขนของเธอแล้วลากออกไปข้างนอก
“เย่เนี่ยนโม่คุณทำอะไร ที่นี่คือบริษัทนะ” ติงยียีไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจว่าตัวเองนั้นการดำรงชีพด้วยการอาศัยเศรษฐี
“บาดแผลบนมือทำไมถึงยังไม่ทายา” เย่เนี่ยนโม่ขวางเธอไว้ไม่ให้เธอไป ติงยียีจึงนำหลังมือที่ยังคงแดงเล็กน้อยไปแอบไว้ข้างหลัง ไม่พูดไม่จา
“ทายาหรือจูบผม เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง” เย่เนี่ยนโม่กล่าวเบาๆ และทำท่าจะใกล้เข้าไป ติงยียีข่มอารมณ์ที่จู่ๆพลุ่งพล่านขึ้น แสร้งทำเป็นนิ่งแล้วกล่าวว่า: “คุณเป็นคนรักของอ้าวเสว่ ทำไมถึงมาพูดกับฉันแบบนี้”
เย่เนี่ยนโม่ปล่อยตัวเธอ แล้วเอนตัวพิงกำแพงที่อยู่ด้านหลังจากนั้นกล่าวขึ้น : “เดิมทีผมยังมีน้องชายอีกคนหนึ่ง แต่ว่าเขาเสียชีวิตเพราะสาเหตุบางอย่าง คุณแม่ของผมต้องการให้คุณพ่อผมเชื่อมั่นในตัวเธอ แต่ว่าสุดท้ายคุณพ่อก็เลือกที่จะปล่อยมือคุณแม่ของผม ปล่อยให้พวกผมระเหเร่ร่อนอยู่ข้างนอกนานสองนาน ถ้าหากครั้งนี้ผมขอให้คุณเชื่อมั่นในตัวผม คุณจะทำไหม”
ติงยียีน้ำเสียงแหบแห้ง เธออยากจะพยักหน้าในวินาทีนั้น เธออยากจะตะโกนดังๆว่าทำ แต่ว่าสมองกลับไม่เชื่อฟัง “พูดตลกอะไรกัน ฉันไม่มีทางทำอย่างแน่นอน!” ติงยียีใช้เสียงดังในการกลบเกลื่อนอาการร้อนตัวของตัวเอง
“เหรอ” เย่เนี่ยนโม่กล่าวอย่างไม่ประหลาดใจ มองนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วก็โบกมือให้กับเธอ จากนั้นก็ตรงไปที่ลิฟต์ “เย่เนี่ยนโม่ ฉันได้ตอบตกลงคบกับเย่ชูหวินแล้ว พวกเรามีความสุขดี ฉันไม่อยากให้สิ่งปัจจัยอื่นที่ไม่แน่นอนมาขวางกั้นระหว่างเรา”
เย่เนี่ยนโม่หยุดชะงักเท้า มองไปด้านหน้า ตรงหน้าคือเย่ชูหวินที่ไม่รู้ว่ายืนนานแค่ไหนแล้ว สายตาของเขาตกกระทบไปที่ร่างของติงยียี อ่อนโยนและดึงดัน
“ผมไม่มีทางยอมแพ้” เย่เนี่ยนโม่ทิ้งคำพูดแล้วก็สาวเท้าก้าวยาวดุจดาวตกแล้วจากไป ติงยียีมองเย่ชูหวินเดินเข้ามาหาตัวเองด้วยสีหน้างงงวย จ้องมองเธอแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ : “ นี่น่าจะเป็นครั้งที่สองที่เป็นการสารภาพกับผมใช่ไหม”
ติงยียีก้มศีรษะลง ใบหน้าแดงก่ำ จนกระทั่งมือถูกจูงขึ้น เย่ชูหวินพาเธอกระโดดงานแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้าอย่างเปิดเผยเพื่อไปนอนหลับ!
ยุ่งกับงานมาตลอดทั้งวัน เย่เนี่ยนโม่จึงกลับบ้าน พ่อบ้านได้กล่าวว่า: “นายหญิงกับคุณอ้าวเสว่ออกไปด้านนอกด้วยกันแล้วครับ”
อ้าวเสว่ เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วขึ้น ช่วงนี้อ้าวเสว่มาที่บ้านบ่อยจัง เย่เชินหลินเดินออกมาจากห้องหนังสือ แล้วกล่าวขึ้น : “แกเข้ามาหน่อย”
ในห้องหนังสือ เย่เชินหลินตบลงบนโต๊ะจากนั้นกล่าว : “เกิดอะไรขึ้น” เย่เนี่ยนโม่กำลังอยากจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่ถูกแววตาที่แหลมคมของเย่เชินหลินมองอย่างเชือดเฉือน เขาจึงหยุดชะงักแล้วกล่าวขึ้น: “อ้าวเสว่เเธอมีภาวะโรคซึมเศร้า”
เย่เชินหลินเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง โกรธจนตบใส่โต๊ะ: “เหลวไหล!”
เย่เนี่ยนโม่มองเขาอย่างแน่วนิ่ง แล้วกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านเกรงกลัว : “ผมไม่สามารถทำแบบไร้ปรานีแบบพ่อได้”
“คนที่แกชอบคือผู้หญิงที่ชื่อติงยียีคนนั้น?” เย่เชินหลินสงบสติครู่หนึ่งแล้วระงับไฟโกรธลง เย่เนี่ยนโม่ควรจะได้รับความสุข
มองดูคนที่มีใบหน้าค่อนข้างคล้ายกับตัวเอง เย่เชินหลินแอบถอนหายใจแล้วกล่าวขึ้น : “ไม่ว่าอย่างไร อย่าทำให้แม่ของแกเสียใจ”
“วางใจเถอะ” ในเรื่องนี้ชายหนุ่มสองคนของตระกูลเย่มีความเห็นพ้องต้องกัน
ในห้างสรรพสินค้า อ้าวเสว่ประคองแขนของเซี่ยชีหรั่นอย่างใกล้ชิด จากนั้นเดินช้อปปิ้งพร้อมกับไห่ฉิงฉิงด้วยกันสามคน คนขับรถคอยเดินช่วยถือถุงตามอยู่ด้านหลัง
“การออกแบบของหนูเป็นอย่างไรบ้าง” เซี่ยชีหรั่นกล่าวถามขึ้น อ้าวเสว่ตอบกลับอย่างสุภาพอ่อนหวาน: “ดีมากเลยค่ะหมิงเย้าลูกชายของน้าจิ่วจิ่วได้ช่วยเหลืออยู่ตลอด”
“เหรอ!” เซี่ยชีหรั่นเองก็มีดีใจ อ้าวเสว่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาแล้วกล่าวขึ้น : “ยียีก็อยู่ด้วยนะคะ”
“ยียี” ไห่ฉิงฉิงนึกถึงปฏิกิริยาของลูกชายตัวเองที่มีต่อผู้หญิงที่ชื่อติงยียีคนนั้น เดิมทีมีความอยากรู้อยากเห็นมาโดยตลอด ครั้งนี้อ้าวเสว่เอ่ยขึ้นมาเอง จึงได้รีบถามขึ้น : “เสี่ยวเสว่ ฐานะทางบ้านติงยียีเป็นอย่างไรเหรอ”
อ้าวเสว่กล่าว : “ได้ยินว่าใช้ชีวิตอยู่กับคุณพ่อ ส่วนคุณแม่นั้นเสียไปแล้วค่ะ” ไห่ฉิงฉิงได้ยินแล้วก็ถอนหายใจ จากนั้นกล่าวขึ้น: “เด็กน้อยผู้น่าสงสาร”
“อันที่จริงยียีกับเย่ชูหวินนั้นเป็นแฟนกันแล้วค่ะ” อ้าวเสว่ลากเสียงยาว เซี่ยชีหรั่นกับไห่ฉิงฉิงต่างพากันตกใจ
ไห่ฉิงฉิงไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับติงยียี จึงแค่ตกใจ แต่เซี่ยชีหรั่น เนี่ยนโม่เด็กคนนั้นไม่ใช่มีความรู้สึกดีต่อติงยียีเหรอ ทำไมติงยียีถึงไปคบกับเย่ชูหวินได้
“ไม่เป็นไร ฐานะลำบากหน่อยก็ไม่เป็นไร ขอแค่เป็นคนดีก็เพียงพอ” ไห่ฉิงฉิงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของลูกชายตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเจอติงยียีเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ว่าเธอรู้สึกได้ว่าเด็กสาวคนนั้นเป็นคนดี
“มีบางคำพูดหนูไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรพูด” อ้าวเสว่มองเซี่ยชีหรั่นอย่างลำบากใจ ไห่ฉิงฉิงมองทั้งสองคนด้วยความสงสัย
เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าเธอนั้นหมายถึงเรื่องอะไร ชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียแล้วพยักหน้า : “พูดเถอะ”
อ้าวเสว่ได้ยินดังนั้นจิตใจดีใจดั่งดอกไม้บาน แต่ใบหน้ากลับขมวดขึ้นแล้วกล่าวว่า : “เมื่อก่อนหนูเป็นเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันกับติงยียี เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมาก แต่ว่าค่อนข้างใจร้อนอยากสำเร็จในทางลัด จึงทำเรื่องที่ไม่งามออกมา”
“เรื่องอะไรเหรอ!” ไห่ฉิงฉิงรีบร้อนลนลาน รีบคว้าแขนของอ้าวเสว่เค้นให้เธอรีบพูด
“ผลงานของเธอเกี่ยวข้องกับการโกง อีกทั้งโกงแล้วยังไม่ยอมรับ” อ้าวเสว่กล่าวจบภายในรวดเดียว ไห่ฉิงฉิงรีบหันไปมองเซี่ยชีหรั่นเพื่อขคำยืนยัน
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ไห่ฉิงฉิงหัวใจกระตุกวูบขึ้น เซี่ยชีหรั่นที่นิสัยอ่อนโยน ไม่มีทางที่จะใส่ร้ายคนอื่นได้ และยิ่งโกหกไม่เป็น แบบนี้แสดงว่าเด็กที่ชื่อติงยียีคนนี้พฤติกรรมต้องมีปัญหา!
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ไห่ฉิงฉิงนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเหม่อลอย โม่เสี่ยวจุนที่กำลังเล่นหมากรุกกับตัวเอง เห็นเธอเป็นแบบนี้ จึงรีบกล่าวขึ้น : “เป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
“ชูหวินกำลังมีความรัก” ไห่ฉิงฉิงพึมพำ โม่เสี่ยวจุนได้ยินก็เกิดความดีใจ “มีก็มีสิ ก็ถึงเวลาที่ลูกควรจะมีความรักแล้ว ผมเห็นใบหน้าบูดบึ้งของลูกแล้ว ก็นึกว่าจะไม่มีผู้หญิงมาชอบลูกด้วยซ้ำ”
ไห่ฉิงฉิงรีบกล่าวขึ้น : “ผู้หญิงคนนั้นมีความประพฤติที่ไม่ค่อยดี ตอนเรียนก็มีการโกง ผู้หญิงแบบนี้ต่อไปจะดีกับชูหวินได้อย่างไร!”
โม่เสี่ยวจุนที่ค่อนข้างใจเย็นได้กล่าวขึ้น : “พวกเราไม่ได้สัมผัสผู้หญิงคนนี้ด้วยตัวเอง อย่าเพิ่งไปตัดสินดีกว่า”
ไห่ฉิงฉิงจู่ๆลุกขึ้นพรวดแล้วมุ่งตรงไปที่หนังสือ โม่เสี่ยวจุนจึงรีบตามไป ในห้องหนังสือ ไห่ฉิงฉิงพิมพ์คำว่า “ติงยียี”“มหาวิทยาลัยZ” ลงไป
“มหาวิทยาลัยZ ติงยียีห้องออกแบบเครื่องประดับ ลอกเลียนแบบผลงานของดีไซเนอร์ชาวตุรกี” โพสต์เก่าเมื่อสามปีที่แล้วปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าเพจ บนหน้าเพจยังมีผลงานออกแบบอีกสองชิ้น
“ไม่ได้ ฉันจะให้เย่ชูหวินคบกับผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้!” ไห่ฉิงฉิงผู้อ่อนโยนมาตลอด แม้แต่ตอนนั้นที่รู้ว่าคนที่โม่เสี่ยวจุนชอบนั้นคือเซี่ยชีหรั่น ก็ยังทุ่มเทอย่างเงียบๆ และตอนนี้เธอเป็นคุณแม่คนหนึ่ง จะไม่มีทางให้ลูกชายของตัวเองเลือกเดินทางผิดอย่างแน่นอน!
เย่ชูหวินกลับมาบ้าน เห็นพ่อกับแม่ของตัวเองนั่งกันครบอยู่ที่ห้องรับแขก เขาจึงได้เรียกขึ้นอย่างใจเย็น: “พ่อครับแม่ครับ”
“ชูหวินจ้ะ ได้ยินว่าลูกมีแฟนแล้วเหรอ” ไห่ฉิงฉิงถามอย่างเลี่ยงๆ
เย่ชูหวินพยักหน้า ยอมรับอย่างเปิดอก โม่เสี่ยวจุนเป็นคนที่อารมณ์ร้อน จึงตบโต๊ะแล้วลุกยืนขึ้น “ดูแกสิหาแฟนแบบไหนกัน!”
เย่ชูหวินไม่เข้าจึงกล่าวขึ้น : “ยียีทำไมครับ ยียีเป็นผู้หญิงที่ดีมากนะครับ!”
“ดูเองแล้วกัน!” โม่เสี่ยวจุนโยนเอกสารที่ปริ้นออกมาจากอินเตอร์เน็ตเรื่องการลอกผลงานของติงยียีลงบนโต๊ะ ส่งเสียงฟึดฟัดแล้วก็หันศีรษะไป ไห่ฉิงฉิงเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี จึงรีบก้าวมาข้างหน้ากล่าวกับเย่ชูหวิน: “ชูหวิน พ่อกับแม่เป็นห่วงลูก เงื่อนไขของผู้หญิงก็ไม่ได้ตั้งสูงอะไรเลย ขอแค่เป็นคนดีแค่นั้น”
เย่ชูหวินหยิบเอกสารบนโต๊ะแล้วอ่านอย่างละเอียด อ่านถึงสุดแผ่นสุดก็วางลงบนโต๊ะเหมือนเดิมอย่างเฉยเมย “คำพูดที่โจมตีเธอเหล่านี้มีแต่จะทำให้ผมยิ่งสงสารเธอ ผมไม่เชื่อว่าเธอจะทำเรื่องลอกเลียนผลงานแบบนี้ขึ้น”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset