สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1454 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1354

“แก!” โม่เสี่ยวจุนโกรธจนแทบจะพุ่งเข้าไปตบเขา ไห่ฉิงฉิงรีบเข้าไปกอดห้ามเขาไว้ มือก็ลูบอยู่ที่หลังเขาไม่หยุดเพื่อช่วยให้เขาใจเย็นลง
“ยียีเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ลูกอยากให้พวกท่านได้เจอตัวเธอก่อนแล้วค่อยตัดสิน ได้ไหม” เย่ชูหวินกล่าว
เห็นความตั้งใจของเขา ไห่ฉิงฉิงกับโม่เสี่ยวจุนสบตากันครู่หนึ่ง ไห่ฉิงฉิงลังเลแล้วกล่าวขึ้น: “อย่างนั้นพรุ่งนี้นัดอีกฝ่ายมาทานอาหารด้วยกันสักมื้อ เจอกันแล้วค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน”
หลังจากที่ติงยียีรับสายโทรศัพท์จากเย่ชูหวินแล้ว ก็ตื่นเต้นจนเดินไปมาอยู่ในห้องผู้ป่วย ติงต้าเฉินมองเธอด้วยความรักใคร่เอ็นดู จากนั้นตบที่เตียงให้สัญญาณเพื่อให้เธอเข้ามานั่งลง
“ยียี” ติงต้าเฉินอ้าปากอย่างความลำบาก ตอนที่เกิดอุบัติเหตุลูกกระเดือกนั้นได้รับการกระแทก ทำให้เวลากลืนหรือพูดนั้นค่อนข้างลำบาก
“พ่อ ตื่นเช้าจังเลย นอนต่ออีกหน่อยไหมคะ” ติงยียีรีบก้าวมาข้างหน้ากุมมือของเขาที่ยกขึ้นมา ติงต้าเฉินส่ายหน้าแล้วกล่าวเบาๆอย่างอ่อนแรง : “ครั้งนี้คงใช้เงินไม่น้อยเลยใช่ไหม”
“นิดหน่อยค่ะ หนูทำงานพิเศษ ตอนนี้กำลังพยายามหาเงินอยู่ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ติงยียีรู้ว่าคุณพ่อกังวลอะไร จึงพยายามพูดน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
ถึงแม้ว่าติงต้าเฉินจะรักเธอมาก แต่กลัวว่าถ้าตัวเองเอ่ยถึงจะเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับเธอ จึงทำเพียงแค่พยักหน้า แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที : “ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่มีชีวิตที่รวยหรูเหมือนคนอื่น แต่ไม่ว่าจะรวยหรือจน ก็มีสิทธิ์ที่จะตามหาความรักด้วยกันทั้งนั้น”
“พ่อ” ติงยียีเบ้าตาคลอซึม ใบหน้าอิงแอบที่แขนของเขาแล้วถูไถเบาๆ นั่นคือความรู้สึกที่เรียกว่าความสบายใจ
การสนทนาในห้องผู้ป่วยเมื่อคืนนี้ทำให้ติงยียีสบายใจขึ้นไม่น้อย แต่ว่าความรู้สึกตื่นเต้นยังคงมีอยู่ ตลอดทั้งช่วงเช้าถือโทรศัพท์ไว้โดยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เวลานี้โทรศัพท์ได้ดังขึ้น ติงยียีรีบรับสาย “ชูหวิน”
“ผมเอง” เย่เนี่ยนโม่กล่าวอย่างเคร่งขรึม เธอกับเย่ชูหวินดีกันถึงขั้นนี้แล้วหรือ! ทำไมเมื่อรับโทรศัพท์ก็เอ่ยถึงเขา
“เย่เนี่ยนโม่ ฉันกับคุณไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันอีกแล้ว จริงๆ” ติงยียีมมองดูอ้าวเสว่ที่นั่งอยู่ในห้องสำนักงาน จากนั้นก็กดวางสายโทรศัพท์ทิ้งไป
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ติงยียีเห็นหมายเลขที่คุ้นเคยจึงเลือกที่จะไม่รับสาย ดังอีกครั้งก็ไม่รับ จากนั้นเสียงข้อความก็ดังขึ้น เธอเปิดอ่าน “ให้รีบมาที่สถานีตำรวจ มีความคืบหน้า”
ณ สถานีตำรวจ Bakerยังคงมีเรื่องอื่นต้องทำ ติงยียีจึงหันไปมองเย่เนี่ยนโม่ แล้วกล่าวขออภัย: “ขอโทษนะ เมื่อสักครู่ฉัน···”
เย่เนี่ยนโม่ใบหน้าบูดบึ้งไม่ตอบ เธอจึงลนลาน เรื่องนี้ตัวเองเป็นคนทำผิดก่อนจริงๆ จึงวางน้ำเสียงอ่อนลงแล้วกล่าวขึ้น : “หรือว่าให้ฉันโทรหาคุณแล้วคุณก็แกล้งไม่รับสาย”
เย่เนี่ยนโม่ยังคงไม่พูดไม่จา ติงยียียืนกัดนิ้วมืออยู่ข้างๆเขาอย่างน่าสงสาร เย่เนี่ยนโม่เหลือบตามองเธอแวบหนึ่ง เห็นท่าทางเธอที่น่าสงสาร มุมปากจึงยกโค้งขึ้น
“ขออภัยที่ทำให้รอนาน” Bakerถือกองเอกสารข้อมูลไว้ทำการผลักประตูด้วยความลำบาก จากนั้นหันมากล่าวกับคนทั้งสอง ติงยียีรีบลุกขึ้น “คุณลุงตำรวจคะ ขออนุญาตถามว่าคดีของพ่อหนูมีความคืบหน้าไหมคะ”
“เรียกผมว่าBakerก็ได้” Bakerวางเอกสารข้อมูลลงบนโต๊ะ จิบกาแฟแล้วกล่าวต่อ : “ เพื่อนร่วมงานของผมพบเข็มกลัดติดหน้าอกในที่เกิดเหตุ คุณมายืนยันหน่อยว่าเป็นของคุณหรือไม่”
ติงยียีก้าวเข้ามาข้างหน้าเพื่อดู นั่นเป็นเข็มกลัดติดหน้าอกที่ประณีตวิจิตร มีไข่มุกประดับล้อมรอบเป็นรูปนกฟีนิกซ์ ซึ่งดูราคาแล้วน่าจะไม่เบา
ติงยียีส่ายหน้า Bakerจิบกาแฟอีกครั้ง เขารู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าไม่ใช่เป็นของติงยียี เข็มกลัดติดหน้าอกนี้เป็นสินค้าฟุ่ยเฟือย คนธรรมดาจะเอาเงินไปซื้อเข็มกลัดติดหน้าอกในราคาแพงๆได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเจ้าของเข็มกลัดติดหน้าอกนั้นไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
“เห็นทีคนขับรถคงจะเป็นผู้หญิง” เย่เนี่ยนโม่ดูเข็มกลัดติดหน้าอกแล้วกล่าวขึ้น Bakerส่ายหน้า “ก็ไม่แน่ ถ้าหากว่าที่นั่งคนขับรถมีสองคน แล้วอีกคนบังเอิญเป็นผู้หญิง”
“คนที่ติดเข็มกลัดติดหน้าอกมีตั้งมากมาย แล้วจะหาเจ้าของเข็มกลัดติดหน้าอกคนนี้ได้อย่างไร” ติงยียีกล่าวอย่างทุกข์ใจ
Bakerยิ้ม เอนร่างกายไปด้านหลังอย่างผ่อนคลาย จากนั้นกล่าวอย่างมีความหมายว่า: “สินค้าฟุ่มเฟือยมีข้อดีอย่างหนึ่งคือ มักชอบใช้ปริมาณจำนวนของสินค้าในการยกระดังความหรูของตัวเอง ผมทำคดีมาหลายปี ใช้สินค้าฟุ่มเฟือยในการจับคนร้ายมาถ้าไม่สิบก็เก้าคดีแล้ว”
เมื่อเขาพูดจบก็ลุกขึ้นไปเปิดโปรเจคเตอร์ ชี้ไปที่รูปภาพบนโปรเจคเตอร์แล้วกล่าว “คนคนนี้เนี่ยนโม่น่าจะคุ้นเคยดีนะ”
“Emily” เย่เนี่ยนโม่กล่าวอย่างจริงจัง Bakerพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ: “พวกคุณดูชุดการแต่งตัวของเธอ ก่อนวันเกิดอุบัติเหตุสามเดือน เธอได้ไปออกงานแปดครั้ง มีหกครั้งที่ประดับด้วยเข็มกลัดหน้าอกไข่มุกตลอด แต่ว่าหลังจากเกิดอุบัติเหตุ เธอก็ไม่เคยติดอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
Bakerกดรีโมตคอนโทรลไปเรื่อยๆ เปลี่ยนรูปต่างๆให้คนทั้งสองดู “แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่อยู่ๆเธอไม่ชอบเข็มกลัดติดหน้าอกแล้ว ดังนั้นจึงไม่ติดมันอีก” เย่เนี่ยนโม่พลางดูพลางกล่าว
Bakerเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้วพยักหน้า “เพราะฉะนั้นตอนนี้ถึงเวลาที่คุณชายเย่ต้องออกโรงแล้ว”
หมายความว่าอย่างไร ทั้งคู่หันไปมองเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน Bakerจึงนำข่าวมาเปิดให้พวกเขาดู “งานพรมแดงโกลเด้นบลูอวอร์ดจะจัดขึ้นที่เมืองเหยาหนาน เหล่าดาราคนดังจะมารวมตัวกันอย่างคับคั่ง”
“คุณอยากให้พวกเราไปตีวัวกระทบคราด?” เย่เนี่ยนโม่ลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว Bakerมองเขาอย่างชื่นชม แล้วกล่าวต่อคำพูดของเขา “ไม่ใช่ทั้งหมด ตามที่เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคคาดการณ์จากสถานที่เกิดเหตุ รถคันก่อเหตุน่าจะเป็นรถสปอร์ต และเป็นรถสปอร์ตที่เร็วมาก คนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้รับบาดเจ็บ
ผมสืบมาแล้วว่าดาราสาวที่ชื่อEmilyไม่ปรากฏตัวอยู่พักหนึ่งหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะทำอย่างไร สิ่งที่พวกคุณต้องทำคือการค้นหาว่าบนตัวของเธอมีร่องรอยบาดแผลหรือไม่”
“พวกเราเหรอ” ติงยียีชี้ที่ตัวเองแล้วก็ชี้ไปที่เย่เนี่ยนโม่ Bakerพยักหน้า แล้วมองดูเย่เนี่ยนโม่ด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
“มีปัญหาเหรอ” เย่เนี่ยนโม่กล่าวถามอย่างใจเย็น ติงยียีมองดูนาฬิกา หนึ่งทุ่มมีนัดทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ของเย่ชูหวิน ตอนนี้สิบโมงเช้า ไปเมืองเหยาหนานต้องใช้เวลาสองชั่วโมง
“มีนัดล่ะสิ” Bakerพูดถูกเผง ติงยียีมองเขาอย่างลนลาน Bakerหันไปมองแววตาของเย่เนี่ยนโม่ที่ซ่อนความดีใจและความเห็นใจไว้ เย่เนี่ยนโม่เหลือบไปมองเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวเบาๆ: “ผมไปเอง”
“ไม่ได้!” ติงยียีลุกพรวดขึ้น อีกฝ่ายต้องมาลำบากเพื่อช่วยตัวเองสืบคดี แล้วตัวเองจะหลบอยู่ข้างๆโดยที่ไม่ทำอะไรได้อย่างไร!
มุมปากเย่เนี่ยนโม่ยกโค้งขึ้น พยักหน้าอย่างราบเรียบ Bakerแอบด่าอยู่ข้างๆ “จิ้งจอกเฒ่าเลี้ยงออกมาเป็นจิ้งจอกน้อย”
ก่อนใกล้จะออกเดินทาง ติงยียีจู่ๆหันกลับไปอย่างกะทันหัน แล้วโค้งคำนับให้กับBaker “ขอบคุณท่านมากจริงๆ หนูคิดไม่ถึงว่าจะมีความคืบหน้าได้เร็วขนาดนี้”
Bakerดื่มกาแฟหมดในอึกเดียว แล้วกล่าวกับเธอว่า: “ถ้าหากว่าไม่มีใครบางคนคอยโทรมาตามมาตอแยทุกวัน ผมคิดว่าผลที่ได้ก็คงจะไม่ขนาดนี้”
สำหรับคำพูดที่มีนัยของเขา เย่เนี่ยนโม่ไม่สนใจ “วันนี้ท่านพูดมากจังเลยนะครับ”
ระหว่างทางที่ไปสนามบิน ติงยียีจับโทรศัพท์พลิกไปพลิกมา ลังเลว่าจะโทรไปหาเยชูหวินดีหรือไม่ เย่เนี่ยนโม่มองเธอด้วยหางตา “ต้องการให้ผมแนะนำคุณไหม”
“แนะนำยังไง” ติงยียีกุมโทรศัพท์ไว้ รู้สึกว่าตัวเองนั้นสับสนมาก
“ห้า” เย่เนี่ยนโม่นับเลขขึ้นเบาๆ แล้วมองเธอตื่นเต้นขึ้นทันใด
“สี่”
“สาม”
“สอง” นิ้วมือของติงยียีกดที่รายชื่ออย่างรวดเร็ว เย่เนี่ยนโม่หันไปมองชื่อของตัวเองที่บันทึกไว้เป็นเย่เนี่ยนโม่ ชื่อของเย่ชูหวินเป็นชูหวิน อารมณ์ดีๆเมื่อสักครู่นั้นได้ถูกทำลายลง จึงหันหน้าไปขับรถอย่างตั้งใจ
เย่ชูหวินไม่ได้ถามอะไร เพียงแต่กำชับเธอว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็ขอให้ระมัดระวังตัว ติงยียีวางสายโทรศัพท์ลง ใบหน้ายังคงแดงก่ำ เห็นเย่เนี่ยนโม่แล้วก็ยิ่งรู้สึกมันเขี้ยว ความเร็วรถธรรมดาทั่วไปวิ่งอย่างกับความเร็วรถแข่ง
บนเครื่องบิน เย่เนี่ยนโม่หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้น เห็นวันที่เป็นของเมื่อวาน จึงได้วางลง ที่ไหล่รู้สึกหนักๆ เขาจึงค่อยๆหันหน้าไปมอง
ติงยียีพิงซบอยู่ที่ไหล่ของเขาแล้วหลับอย่างสนิท ปากคริสตัลเล็กๆอ้าขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงฟันที่ขาวเรียวสวยงาม เสียงลมหายใจเบาๆทำให้คนรู้สึกสบายใจ
“คุณผู้ชาย มีอะไรให้ช่วยเหลือหรือเปล่าคะ” วัยรุ่นสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆกล่าวอย่างเป็นมิตร เย่เนี่ยนโม่หันไปหาเธอแล้วส่ายหน้า “ภรรยาผมครับ”
หญิงสาวหน้าเสียหลับตาลงกลบเกลื่อนความเขิน สองชั่วโมงผ่านไป ติงยียีพลางเดินลงเครื่องบินพลางกล่าวขออภัย “ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
เย่เนี่ยนโม่เดินลงจากเครื่องบินอย่างสงบ โดยมีคราบน้ำลายเลอะอยู่บนไหล่ของเขา จากนั้นหยิบกุญแจรถจากคนที่รออยู่ที่สนามบิน แล้วส่งสัญญาณให้ติงยียีขึ้นรถ
รถมุ่งหน้าไปที่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในท้องที่นั้น ติงยียีกล่าวอย่างมึนงง : “พวกเราไม่ได้ไปที่งานพรมแดงเหรอ”
เย่เนี่ยนโม่ค่อยๆหันไปมองที่ไหล่ตัวเอง ติงยียีจึงเข้าใจแจ่มแจ้ง จากนั้นใบหน้าก็แดงก่ำขึ้น จนเย่เนี่ยนโม่มองแล้วจิตใจถึงกับคันยุกยิก ข่มความอยากที่จะพุ่งเข้าไปจูบเธอไว้ สาวเท้าก้าวยาวดุจดาวตกแล้วจากไป
เย่เนี่ยนโม่เข้าไปที่ร้าน พนักงานรีบเข้ามาห้อมล้อมทันที ติงยียีเดินพลิกดูป้ายราคาป้ายหนึ่ง เมื่อเห็นตัวเลขแล้วถึงกับพูดไม่ออก
ข้อมือถูกดึงจับ เย่เนี่ยนโม่ที่ถูกพนักงานทางร้านห้อมล้อมไว้ ไม่รู้ตัวว่าเดินมาอยู่ด้านหน้าของเธอตั้งแต่เมื่อไร จึงพาเธอเดินไปที่โซนชุดสูท แล้วกล่าวอย่างเรียบๆ สูง185ซม. ไหล่กว้าง53ซม. รอบเอว79ซม.
ติงยียีตาเบิกกว้าง เขาก้มหน้าสังเกตเธอ “จำได้หรือยัง”
ทำไมเธอจะต้องจำสัดส่วนของเขาด้วย! ติงยียีแม้ปากไม่พูด แต่ในใจนั้นกลับจดจำในสิ่งที่เขากำชับไว้หมดแล้ว
เย่เนี่ยนโม่หยิบเสื้อเชิ้ตออกมาออกมาตัวหนึ่ง พนักงานในร้านที่อยู่ข้างๆรีบกล่าวขึ้น : “เสื้อเชิ้ตตัวนี้เหมาะกับคุณผู้ชายมากค่ะ และตัวนี้ก็เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของฤดูกาลนี้
“ไม่ได้ ช่วงรอบเอวดูเหมือนจะไม่ใช่” ติงยียีชื้ไปที่เลขบนป้าย เมื่อน้ำเสียงจบลง เธอถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ดวงตาจึงล่อกแล่ก มองซ้ายมองขวาแต่ไม่มองเย่เนี่ยนโม่
บนศีรษะสัมผัสถึงความอบอุ่น เย่เนี่ยนโม่ลูบที่ศีรษะของเธอย่างอ่อนโยน จากนั้นถึงได้หยิบเสื้อไปลอง ติงยียีจับเข้าที่ศีรษะของตัวเองที่ถูกลูบเมื่อสักครู่อย่างไม่รู้ตัว สัมผัสที่อบอุ่นราวกับยังคงอยู่ และใบหน้าก็ค่อยๆแดงก่ำขึ้น
เมื่อเย่เนี่ยนโม่ออกมา ติงยียียังคงนั่งใจลอยอยู่ที่โซฟา เขาถามพนักงานทางร้านด้วยความสงสัย “ทำไมยังไม่แต่งหน้าเปลี่ยนชุดให้กับเธออีก”
พนักงานกล่าวอย่างลำบากใจ : “คุณผู้หญิงท่านนั้นยืนกรานที่จะใส่เสื้อผ้าของตัวเอง ดังนั้นพวกเราก็เลยจนปัญญาค่ะ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset