สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1455 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1355

เย่เนี่ยนโม่จึงเข้าใจแจ่มแจ้ง เขารู้ว่าติงยียีนั้นไม่อยากจะติดค้างน้ำใจใคร จึงได้ถอนหายใจ แล้วเรียกพนักงานมาจากนั้นกระซิบบางอย่างที่ข้างใบหู สักพัก ผู้จัดการก็ปรากฏตัว “คุณลูกค้าคะ ดีใจอย่างมากที่จะบอกกล่าวกับพวกท่านว่า พวกท่านคือลูกค้าคนที่10000ของร้าน ดังนั้นทางร้านจึงมีกิจกรรมจับฉลากค่ะ” ผู้จัดการกล่าวเสร็จ ก็ได้หยิบกล่องกระดาษออกมา
“จริงเหรอคะ” ติงยียีรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ เย่เนี่ยนโม่ส่งสัญญาณให้เธอมาจับฉลาก เธอวิ่งมาแล้วปิดตาลง จากนั้นล้วงลงไปในกล่องกระดาษ สักพักก็หยิบก้อนกระดาษออกมาก้อนหนึ่ง
“ยินดีด้วยค่ะคุณได้รับรางวัลที่สาม ได้รับอภิสิทธิ์การบริการจากทางร้านระดับพรีเมียมหนึ่งครั้ง รวมไปถึงเสื้อผ้า เครื่องประดับและรองเท้าค่ะ”
“อย่างนั้นฉันสามารถขอเปลี่ยนทุกอย่างเป็นเงินสดได้ไหมคะ!” คู่ดวงตาติงยียีเป็นประกาย กล่าวอย่างตื่นเต้น ผู้จัดการปาดเหงื่อ แอบเหลือมองเย่เนี่ยนโม่ สักพักกล่าวขึ้น: “ไม่ได้มั้งคะ··”
“อะแฮ่ม” เย่เนี่ยนโม่กระแอมขึ้น ผู้จัดการรับทราบ “แน่นอนว่าได้อยู่แล้วค่ะ!”
“อะแฮ่ม”
ผู้จัดการตัดสินใจลังเลมองลูกค้าที่ใจป้ำและเดาใจยากคนนี้ จากนั้นจึงลองถามขึ้น : “อย่างนั้นครึ่งหนึ่งดีไหมคะ”
เย่เนี่ยนโม่มองด้วยสายตาราบเรียบ ราวกับว่าการปฏิสัมพันธ์ที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่เกี่ยวข้องใดๆกับตัวเอง ผู้จัดการถอนหายใจอย่างโล่งอก และเรียกพนักงานให้รีบมาแต่งหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับติงยียี
บ่ายโมงตรง รถได้มาจอดตรงทางเข้าของล็อบบี้โรงแรม ตรงทางเข้ามีนักข่าวมากมาย ติงยียีอยากจะลงจากรถ แต่เย่เนี่ยนโม่ได้ห้ามเธอไว้ แล้วกล่าวกับคนขับรถว่า : “ไปเส้นทางอื่น”
“ทำไม เห็นๆอยู่ว่าตรงนี้ใกล้ที่สุดแล้ว” ติงยียีมองเขาด้วยความสงสัย เย่เนี่ยนโม่เคาะไปที่ประตูกระจก มีรถโรลส์รอยซ์คันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าตรงทางเข้าของโรงแรมพอดี เมื่อคนในรถลงจากรถมา พวกนักข่าวก็กรูกันเข้าไปห้อมล้อมอย่างบ้าคลั่ง
ติงยียีพูดไม่ออก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนที่นั่งข้างเธอคือคุณชายบริษัทเย่ซื่อ ถ้าเมื่อสักครู่ลงไปจะต้องถูกห้อมล้อมอย่างแน่นอน
รถแล่นผ่านทางชั้นใต้ดินของโรงแรม ทันทีที่เย่เนี่ยนโม่ลงจากรถ รอบข้างก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจดังขึ้น “เนี่ยนโม่!”
โม่ซวนหลินคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับเย่เนี่ยนโม่ที่นี่ เย่เนี่ยนโม่นั้นใจดีกับเธอมาก แต่ว่าอยู่ๆวันหนึ่งน้าซือซือกลับบอกให้ตัวเองอยู่ให้ห่างจากเขา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่พอใจ แต่ก็ค่อยๆลดการติดต่อกับเย่เนี่ยนโม่ไป และก็รอคอยให้อีกฝ่ายนั้นมาหาเธอ แต่กลับว่างเปล่า เมื่อเธอไม่ติดต่อไปหาเขา เขาก็ยังคงเฉยเมยเหมือนเดิม
“ติงยียี” เมื่อโม่ซวนหลินเห็นติงยียีสีหน้าก็หม่นลง ตราบใดที่มีติงยียีอยู่ ก็จะทำให้เธอนึกถึงวันที่ตัวเองถูกคนรังแกในตอนที่เป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในโรงแรมตี้เหา
สายตาของติงยียีจ้องมองไปที่เรือนร่างของเธอ มองจนโม่ซวนหลินถึงกับระแวง จนกล่าวถามขึ้น : “เธอมองอะไร”
เย่เนี่ยนโม่เดินเข้าไปใกล้โม่ซวนหลินอย่างใจเย็น แล้วปัดผมที่แก้มเธอเบาๆ บ่งบอกเป็นนัยถึงความเปลือยเปล่า มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นปล่อยตัวโม่ซวนหลิน แล้วเขาก็สาวเท้าก้าวยาวดุจดาวตกเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม
โม่ซวนหลินมองตาค้างที่แผ่นหลังของเขา มองการสัมผัสของเขาเมื่อสักครู่นั้นเป็นนัย จากนั้นก็ได้รีบตามไป ติยียียืนอยู่ที่เดิม นี่เธอถูกทิ้งให้อยู่ตรงนี้เหรอ
การเดินพรมแดนของดาราแต่ไหนแต่ไรก็เป็นการประชันความงาม หวังอยู่หน้ากล้องให้นานๆเพื่อจะได้เป็นที่ตรึงตราและโจษจัน โม่ซวนหลินควงเย่เนี่ยนโม่เข้างาน ทำให้บางคนที่รู้จักตระกูลเย่เกิดความสงสัย เกิดอยากรู้อยากเห็นดาราเกรดสองคนนี้ขึ้นมา
เย่เนี่ยนโม่นั่งอยู่ที่บนที่นั่ง โม่ซวนหลินคล้องเขาไว้แน่นแล้วออดอ้อนออเซาะ “เนี่ยนโม่ ฉันคิดถึงคุณจังเลย”
เขามองใบหน้าของเธอที่แต่งแต้มงดงามประณีต ในใจนึกรำคาญจึงหันไปมองรอบข้าง ติงยียีไม่พูดไม่จา นั่งอยู่ข้างๆคนเดียว
“นี่ไม่ใช่คุณเย่ผู้จัดการทั่วไปเหรอ” ตอนนั้นที่ถ่ายหนังอยู่เมืองตงเจียง ผู้กำกับที่ให้ติงยียีเป็นดารารับเชิญรับบทเป็นคนใช้ได้เดินเข้ามา แววตาจ้องมองมาที่สามคน สุดท้ายไปตกกระทบอยู่ที่ตัวของติงยียี “คุณติงยียีครับ คิดไม่ถึงว่างานมิตติ้งเรื่องที่สองยังไม่ทันเริ่ม พวกเราก็มาเจอกันที่นี่แล้ว”
“สวัสดีค่ะ” ติงยียีรีบทำการทักทาย ผู้กำกับยิ้มอย่างดีใจ แล้วเล็งสายตาไปที่ตัวของเย่เนี่ยนโม่อย่างแม่นยำ “ผู้จัดการเย่ครับ เรื่องก่อนต้องขอบคุณการสนับสนุนจากบริษัทของคุณมากนะครับ เรื่องนี้ผมคิดว่าก็เยี่ยมยอดเหมือนกัน หากมีเวลาเมื่อไหร่คุยกันหน่อยไหมครับ พาคุณติงมาด้วย”
ผู้กำกับรู้สึกตัวเองนั้นดูไม่ผิดแน่ อยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งนาน รักจริงหรือลวงเขานั้นย่อมดูออก เรียกติงยียีด้วยเป้าหมายหลักคือเพื่อตระกูลเย่ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้
ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เย่เนี่ยนโม่หันหน้าไปมองโม่ซวนหลิน “คุณคิดเห็นว่าอย่างไร” โม่ซวนหลินกับผู้กำกับต่างชะงักงัน โม่ซวนหลินคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามความคิดเห็นจากตัวเอง เพราะการแสดงที่ห่วย เรื่องที่สองผู้กำกับจึงได้เปลี่ยนตัวเธอ เธอที่ซึ่งกำลังโกรธและกำลังมองหาที่ระบาย!
“ฉันคิดว่าว่างั้นๆค่ะ” โม่ซวนหลินพูดอย่างสะใจ ถ้าหากฉีเหวินอยู่ที่นี่จะต้องด่าเธอว่าเป็นควายแน่ๆ นี่เป็นคำพูดที่เห็นได้ชัดว่าเป็นการล่วงเกินคนอื่น ยังจะกล้าพูดต่อหน้าคนอื่นอีก เห็นได้ชัดว่าโม่ซวนหลินช่างเป็นคนที่ไม่มีสมองจริงๆ
“ผมคิดว่าเรื่องนั้นค่อยปรึกษาหารือกันอีกทีแล้วกันนะครับ” เย่เนี่ยนโม่กำลังปั่นเล่นผมของโม่ซวนหลิน จากนั้นกล่าวเบาๆ ผู้จัดการหน้าถอดสี ไม่พูดไม่จา ทำได้เพียงตำหนิตัวเองที่พนันผิดคน คิดไม่ถึงว่าคนที่คุณชายตระกูลเย่ชอบนั้นจะเป็นEmily ผู้หญิงที่หน้าอกโตแต่ไร้สมองคนนี้
งานเดินพรมแดงได้เริ่มขึ้น ไม่กี่นาทีแรกยังเป็นปกติ ต่อมาเมื่อปรากฏร่างๆหนึ่งที่หน้าทางเข้าโรงแรม ตอนนี้จึงสร้างความฮือฮาอยู่ไม่น้อย
“ดูสิ เป็นอันหรัน!” นักข่าวต่างกรูกันอย่างโกลาหล แบกกล้องแล้ววิ่งไปหาเขา แฟนคลับที่อยู่นอกโรงแรมต่างส่งเสียงร้องกรี๊ด
โม่ซวนหลินหันไปมองเขาอย่างหลงใหล ในใจของเธอเขาเป็นชายหนุ่มที่สำคัญพอๆกับเย่เนี่ยนโม่ อันหรันชายผู้คว้ารางวัลโกลด์บูลอะวอร์ดสามปีซ้อน เข้าสู่วงการตอนอายุ6ขวบ ตอนนี้เพิ่งจะอายุ32ปีเท่านั้น
ชายหนุ่มที่ชื่ออันหรันหันไปพยักหน้าแล้วยิ้มไปรอบๆ ผมหน้าม้าที่ยาวเล็กน้อยปรกดวงตาสีฟ้าเข้าพอดี เชื้อลูกครึ่งทำให้เขามีใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเทพเจ้าในเทพนิยายตะวันตก
เย่เนี่ยนโม่ปรายตามองเบาๆ การปรายตาครั้งนี้ถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้น ติงยียีวิ่งไปตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร
ติงยียีโบกมือให้ไอดอลของตัวเองอย่างมีความสุขท่ามกลางฝูงนักข่าว อันหรันที่บังเอิญหันมองมาพอดี เมื่อเห็นเธอก็ได้พยักหน้าให้
เธอก็เลยยิ่งตื่นเต้นยิ่งโบกไม้โบกมือสุดพลัง จู่ๆด้านหลังมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียงดุด่าสาปแช่ง แฟนคลับบางส่วนที่บ้าคลั่งเข้ามาปะปนอยู่ในโซนนักข่าว และพยายามแทรกไปข้างหน้าเพื่อดูไอดอลของตัวเอง
เย่เนี่ยนโม่ ลุกพรวดขึ้นมุ่งไปยังโซนของนักข่าว ติงยียีที่สวมรองเท้าส้นสูง ถูกเบียดไปเบียดมา มีกล้องช่องหนึ่งจะจับภาพไปที่เธอ เธอจึงถอยหลังอย่างต่อเนื่องจนไปชนกับราวกั้นล้ม ร่างกายเสียการควบคุมจึงหงายหลัง
เวลาราวกับหยุดชะงัก อันหรันโอบกอดอยู่ที่เอวของติงยียี ในงานมีแค่เสียงหายใจ ติงยียีมองเขาตาค้าง
อันหรันหันมายิ้มให้เธอ แล้วค่อยๆโน้มตัวไปจูบที่มุมปากเธอ เกิดเสียงกรีดร้องดังกระหึ่มในงาน นักข่าวไม่สนใจเท้าที่ถูกเหยียบเจ็บแบกกล้องไปถ่ายภาพกันอย่างบ้าคลั่งอันหรันพระเอกผู้ไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวกับเพศตรงข้าม จนถูกสงสัยว่าเป็นรักร่วมเพศ จูบกับหญิงสาวคนแปลกหน้า!
ไม่ช้า ติงยียีก็รู้สึกข้อมือของตัวเองถูกแรงที่แข็งแกร่งดึงไปจากอ้อมกอดของอันหรัน เย่เนี่ยนโม่พริกมือโอบเอวของเธอไว้ จากนั้นหันหน้าไปมองอันหรันอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มสองคนที่รูปร่างหน้าตาดีทั้งคู่สบตากัน เย่เนี่ยนโม่เย็นชาดุจน้ำแข็ง อันหรันเฉยเมยดุจสายลม ในงานก็ยิ่งดูตื่นเต้นขึ้น แม้แต่ดาราแถวหน้าหลายคนก็ยังอยากรู้ และเบียดกันเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผู้หญิงของคุณหวานมาก” อันหรันโน้มตัวเข้ามากระซิบใส่เย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่มองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก แล้วฟาดกำปั้นใส่เข้าไป จนศีรษะของอันหรันถูกชกจนเอียง
“ขอบคุณสำหรับคำชื่นชม” เย่เนี่ยนโม่จัดระเบียบชุดสูทเสร็จ ก็พาติงยียีจากไป ผู้กำกับที่ดูอยู่ข้างๆ แอบรู้สึกสะใจในใจ เย่เนี่ยนโม่แม้จะคนฉลาด แต่เมื่อเผชิญกับเรื่องของติงยียีก็ควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่
ในระเบียงทางเดินของโรงแรม เย่เนี่ยนโม่เดินอยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ติงยียีสวมรองเท้าส้นสูงเดินตามอยู่ด้านหลัง “คุณรอฉันด้วย” เธอตะโกนขึ้น เท้าช่างเจ็บปวดจริงๆ
ฝีเท้าเย่เนี่ยนโม่ได้ลดความเร็วลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่หันกลับไป เสียง “โอ๊ย” ดังจากด้านหลัง เขารีบหันกลับไป ติงยียีล้มกองอยู่ที่พื้น รองเท้าส้นสูงถูกโยงทิ้งไป
เย่เนี่ยนโม่หน้าบูดบึ้งเดินไปที่ด้านหน้าของเธอ ก้มลงไปอุ้มเธอขึ้น ติงยียีโอบกอดคอของเขาด้วยมือทั้งสองข้าง ซบอยู่ที่อ้อมกอดของเขาอย่างเชื่อฟัง แล้วกล่าวอย่างน้อยใจ : “ทำไมถึงไม่สนใจฉันเลย เห็นๆอยู่ว่าฉันเป็นผู้ถูกกระทำ”
“คุณแน่ใจเหรอว่าโดนเขาจูบแล้วไม่ดีใจ” คำพูดเย่เนี่ยนโม่เต็มไปความหึงหวง โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
“อ้าวเฮ้ย! คุณเห็นฉันเป็นคนแบบไหน ฉันรู้สึกว่าเขาแสดงละครเก่ง แต่ไม่ได้แปลว่าฉันจะรับการจูบจากเขา!” ติงยียีดิ้นรนอยากกระโดดออกมาจากอ้อมกอดของเขา เย่เนี่ยนโม่กลับยิ่งกอดแน่นขึ้น ความหึงหวงที่มีอยู่ในใจอย่างรุนแรงถึงได้รู้สึกดีขึ้น
ในห้องจัดงานเลี้ยงของโรงแรม ชายหนุ่มผมเกรียนกำลังดูถ่ายทอดสดอย่างเย็นชา อันหรันได้ผลักประตูเข้ามา แล้วนั่งลงอยู่ข้างๆเขาอย่างขี้เกียจ มองภาพค้างที่เขาจูบกับแฟนคลับสาวแล้วกล่าวอย่างเรียบๆ : “ มุมกล้องใช้ได้”
“เหรอ” ชายหนุ่มหันมามองเขา ในห้องที่มืดสลัว แสงจากทีวีส่องให้เห็นถึงบาดแผลที่น่ากลัวบนริมฝีปากของอันหรัน เขากล่าวฟึดฟัด: “เห็นทีผู้หญิงคนนั้นคงจะถูกปากคุณ”
“อะไรอะ” อันหรันยิ้มเศร้า หยิบรีโมทมากดเปลี่ยนช่อง: “คุณเองไม่ชอบเปิดเผยตัวต่อสาธารณะ แน่นอนว่าผมต้องหาใครสักคนมาทำแทน แฟนคลับสาวดีที่สุดแล้ว จะได้ไม่มีปัญหา”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว สีหน้าของชายหนุ่มก็ดีขึ้น อันหรันยิ้ม โน้มเข้าไปใกล้เขาแล้วกล่าวว่า : “สวุเหวยเหรินผู้จัดการของผม ได้โปรดอย่าโกรธเลยน๊า” ริมฝีปากของทั้งคู่ค่อยๆใกล้ชิดกันขึ้น จนไม่เหลือช่องว่าง เหลือเพียงห้องที่มีแสงไฟสลัว
โม่ซวนหลินคิดไม่ถึงว่าจางถังจะรออยู่ตัวเองที่ห้องของตัวเอง จึงรีบก้าวมาข้างหน้าแล้วกล่าวขึ้น: “คุณมาได้อย่างไร ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะเลิกติดต่อกันก่อน”
แววตาของจางถังจ้องมองอยู่บนหน้าอกที่อวบอั๋นของเธอ จากนั้นนั่งลงบนโซฟาอย่างเฉยเมย แล้วกล่าวขึ้น : “ไม่น่าจะมีปัญญาแล้ว ผ่านไปนานขนาดนั้นข่าวสักนิดเดียวก็ไม่มี”
ความสนใจทั้งหมดของโม่ซวนหลินได้เบนไปที่เย่เนี่ยนโม่ เป็นครั้งแรกที่ไม่อยากจะสนใจจางถังชายหนุ่มคนนี้ จึงบอกปัด : “ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องอดทนกันไปก่อนนะ คุณจากไปก่อนนะ”
“คุณกำลังไล่ผมรึ” จางถังมองเธอด้วยสายตาดุดัน โม่ซวนหลินยิ้มแห้ง “กล้าที่ไหนล่ะที่รัก นี่ฉันกำลังเป็นห่วงคุณอยู่นะ กลัวว่าจะเกิดอันตรายกับคุณ!”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset