สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1457 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1357

เย่เนี่ยนโม่ร้องโอ๊ยขึ้น ติงยียีที่ทับอยู่บนตัวของเขารีบถามขึ้น “ :เป็นอะไรหรือเปล่า”
“มือของคุณ” เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วเตือนขึ้น มือ? ติงยียีทำการขยับ นุ่มๆ ยังมีอุณหภูมิร้อนผ่าวด้วย
“อุ้ย! ขอโทษ” เธอรีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว เมื่อสักครู่ตกใจเกินไป จึงคว้าจับมั่วๆนึกไม่ถึงว่าจะจับโดน···ของเขา
ภาพตระหง่านตั้งอยู่ตรงหน้าช่างยั่วยวนใจ ทันใดนั้นเย่เนี่ยนโม่จึงคว้าแขนของเธอเข้ามาหาตัวเอง ติงยียีจึงพุ่งลงบนตัวของเขา ทั้งคู่สบตากัน
เธอรู้สึกว่าช่วงท้องของตัวเองนั้นแน่นและร้อนผ่าว ใบหูที่แดงก่ำได้ลามไปสู่ที่แก้มทีละนิดทีละน้อย สุดท้ายแดงไปถึงช่วงลำคอ ช่างเหมือนกับผลเชอร์รี่มาก
“บอกคำตอบกับผมมา” เย่เนี่ยนโม่มองเธออย่างแน่วนิ่ง
“คำตอบอะไร” หัวสมองของติงยียีสับสบวุ่นวายไปหมด เธอตอนนี้ไม่สามารถคิดไตร่ตรองอะไรได้อีกแล้ว
“ทำไมถึงต้องช่วยเหลือคุณมากมายอย่างนี้” เย่เนี่ยนโม่ไม่ถือสาที่จะเตือนสติเธอ คือเขาต้องการที่จะบังคับเธอ ถ้าหากว่าเธอไม่รักเขา บางทีเขาก็คงอาจจะไม่ดื้อรั้นขนาดนั้น แต่เขาดูออกว่าเธอนั้นใช่ว่าจะไม่มีเยื่อใยต่อเขา
“แจ้งเวลาๆ ตอนนี้เป็นเวลา17:00ตรง” นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังส่งเสียงเตือนดังขึ้นโดยอัตโนมัติ ติงยียีมองนาฬิกาอย่างสะลึมสะลือ แล้วก็ลุกขึ้นนั่งในทันใด เย่เนี่ยนโม่ส่งเสียงโอดโอยเจ็บปวดออกมา
“ขออภัย ฉันต้องไปแล้วจริงๆ” ติงยียีกระวนกระวาย นัดเจอกับคุณพ่อคุณแม่เย่ชูหวินครั้งแรก เธอไม่อยากจะไปสายจริงๆ
เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้นจากบนพื้น แล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ จากนั้นในห้องอาบน้ำมีเสียงน้ำไหลดังขึ้น ครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่เนี่ยนโม่ออกประตูอย่างสดชื่น แต่ติงยียีกลับเดินตามหลังด้วยความอึดอัด
โรงแรมเมืองตงเจียง ไห่ฉิงฉิงกับโม่เสี่ยวจุนนั่งอยู่ข้างๆ พนักงานเข้ามาเคาะประตูแล้วกล่าวถามขึ้นอีกครั้ง : “ขออนุญาตถามว่าตอนนี้เสิร์ฟอาหารได้หรือยังครับ”
ไห่ฉิงฉิงตอบกลับไปอย่างอ่อนโยน: “คนที่พวกเรารอยังไม่มา รออีกสักพักค่อยขึ้นเสิร์ฟ” พนักงานได้จากไป ไห่ฉิงฉิงได้ถอนหายใจขึ้น แล้วหันไปมองโม่เสี่ยวจุน โม่เสี่ยวจุนสีหน้าเขียวปัด “จะมาพบกับผู้ใหญ่บ้านฝ่ายชายก็ไม่รู้จักมาให้เร็วหน่อย!”
“รออีกสักหน่อยนะ เพราะเด็กกำลังเข้างานอยู่ อีกตั้งครึ่งชั่วโมงถึงจะเลิกงาน” ไห่ฉิงฉิงกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน โม่เสี่ยวจุนคิดๆแล้วก็ถูกเหมือนกัน อารมณ์โมโหถึงได้บรรเทาลง
เวลา18:50 น้ำชาบนโต๊ะได้เปลี่ยนไปหลายกาแล้ว ไห่ฉิงฉิงที่เดิมทีเป็นคนปลอบโม่เสี่ยวจุนได้ถอนลมหายใจขึ้น ได้เดินออกมานอกห้องอาหาร
ด้านนอกประตูเย่ชูหวินที่เพิ่งโทรศัพท์เสร็จ เธอกล่าวถามขึ้น : “ ยังติดต่อไม่ได้เหรอ”
เย่ชูหวินพยักหน้า โทรศัพท์ติงยียีติดต่อไม่ได้ โม่เสี่ยวจุนที่อยู่ในห้องได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นทันใด “ช่างเหอะ คนที่ไม่รู้จักรักษาเวลา ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจอกันอีก”
ไห่ฉิงฉิงเองเริ่มมีอารมณ์โกรธ สำหรับการสั่งสอนของพวกเขา การตรงต่อเวลาเป็นกฎข้อแรกที่ต้องรักษา แต่เมื่อเห็นลูกชายของตัวเองขมวดคิ้ว ใบหน้าที่ป็นกังวล จึงไม่อาจจะตำหนิได้ลง ทำได้เพียงทำความเข้าใจ
“อาจจะรถติดระหว่างทางก็ได้ หรือว่าพวกเราเปิดทีวีดูไปพลางๆก่อน ไอ้โม่ ไปเปิดทีวีสิ” ไห่ฉิงฉิงมองโม่เสี่ยวจุน
โม่เสี่ยวจุนส่งเสียงฟึดฟัดแล้วหันหน้าไป ไห่ฉิงฉิงจึงเรียกอย่างอ่อนโยน: “ไอ้โม่”
โม่เสี่ยวจุนมองภรรยาที่แสนหวานของตัวเอง ที่มองอย่างไรก็ไม่น่าเบื่อ แล้วหันไปมองเย่ชูหวิน ส่งเสียงฟึดฟัดแล้วหันหลังกลับไปที่ห้อง จากนั้นเปิดทีวีขึ้น
เขาสุ่มกดช่องหลายๆช่อง จากนั้นไห่ฉิงฉิงกล่าวขึ้นกะทันหัน : “เป็นอันหรัน หยุดก่อน”
อันหรันเป็นใครกัน หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งสองคนเงยหน้าไปดูทีวี สงสัยว่าดาราคนไหนกันที่ทำให้แม่/ภรรยาสนใจได้ขนาดนั้น ภาพในทีวี พรมแดงที่ยาวเหยียด ชายหนุ่มลูกครึ่งที่หล่อเหลาเอาการกำลังโพสท่า
“อันหรันแสดงละครและหนังได้เก่งมากๆเลยนะ” ไห่ฉิงฉิงดูที่หน้าจอทีวีอย่างไม่กะพริบตา ท้นใดนั้นจู่ๆก็ร้องขึ้น “ดูสิ นี่ไม่ใช่เนี่ยนโม่เหรอ”
ทั้งสามคนจ้องเข้าไปใกล้ๆ กล้องบังเอิญหันไปทางท่านผู้ชมพอดี เย่เนี่ยนโม่นั่งอยู่ข้างๆ สายตาจะดูเหมือนจ้องมองไปไม่ไกล ท่าทางดูลุกลี้ลุกลน
“ติงยียี” ไห่ฉิงฉิงโน้มตัวเข้าใกล้หน้าจอและชี้ตัวหญิงสาวในชุดราตรีที่อยู่ในโซนของนักข่าว หน้าจอทีวีสั่นไหว ติงยียีเซล้ม อันหรันเอื้อมมือไปคว้าเธอไว้ แล้วจูบกับเขาภายใต้สายตาของฝูงชน จากนั้นเย่เนี่ยนโม่ก็เผชิญหน้ากับเขา
โม่เสี่ยวจุนปิดทีวี โกรธจนตัวสั่น “เหลวไหล เหลวไหลทั้งเพ!”
ไห่ฉิงฉิงมองดูลูกชายของตัวเองด้วยความเป็นห่วง จู่ๆหน้าอกรู้สึกหายใจไม่ออก เธอทุบหน้าอกอย่างทรมาน โม่เสี่ยวจุนเห็นความผิดปกติของเธอ จึงรีบประคองเธอไว้ “ฉิงฉิง คุณเป็นอะไร เร็วเข้า รีบเอายาบรรเทาหัวใจออกฤทธิ์เร็วมาให้เร็ว!”
“ไม่เป็นไร” ไห่ฉิงฉิงที่อ่อนแรงต้องการอยากจะปลอบใจเขา ดวงตากลอกขึ้นบนแล้วก็เป็นลมสลบไป
เมื่อลงจากเครื่องบิน ติงยียีรีบเปิดเครื่องโทรศัพท์ ในโทรศัพท์มีเพียงสองสายที่ไม่ได้รับสายและเพียงอีกหนึ่งข้อความ
“ไม่ต้องรีบร้อน ใจเย็นๆ”
หยดน้ำตาเม็ดใหญ่ท่วมเต็มหน้าจอ ติงยียีคุกเข่าลงร้องไห้กอดโทรศัพท์ เย่เนี่ยนโม่ยืนมองเธอ สักพักกล่าวขึ้น: “ไปกันเถอะ”
ติงยียีส่ายหน้าน้ำตาคลอเบ้า เลยเวลานัดหมายไปแล้ว ต่อให้เป็นลูกของพวกเขา แต่ก็ทำให้ตัวเองเสียภาพพจน์ไปแล้ว
เย่เนี่ยนโม่กระชากดึงมือของเธอขึ้น บังคับเธอแล้วพาขึ้นรถไป จากนั้นเปิดGPS “บอกตำแหน่งมา”
รถได้มุ่งตรงไปสู่หน้าโรงแรม ติงยียีจ้องมองเขา เขาอยากจะลูบศีรษะเธอเพื่อให้กำลังใจ สุดท้ายพบว่าตัวเองนั้นไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น
“ไปเถอะ” เย่เนี่ยนโม่มองไปยังด้านหน้าแล้วกล่าว ติงยียีพยักหน้าแล้วลงจากรถ เขามองแผ่นหลังของเธอที่เดินเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม จากนั้นจุดมวนบุหรี่ขึ้น ให้กลิ่นนิโคตินไปกระตุ้นต่อมรับรสและต่อมความคิดของตัวเอง
ติงยียีวิ่งไปยังห้องจัดงานเลี้ยง ในห้องนั้นมีพนักงานกำลังทำความสะอาด เธอจึงรีบถามขึ้น : “แขกโต๊ะนี้ไปไหนแล้ว”
“ได้ยินว่าล้มป่วยลงขณะที่กำลังนั่งรอลูกค้า รถพยาบาลเพิ่งมาเมื่อสักครู่นี้เอง” พนักงานมองใบหน้าลูกค้าที่ลนลานด้วยความประหลาดใจแล้วกล่าวขึ้น
เย่เนี่ยนโม่เห็นเธอเข้าไปตั้งนานแล้วยังไม่ออกมา คิดว่าเยชูหวินนั้นคงต้องรอเธอ เตรียมตัวขับรถจะออกไป ติงยียีวิ่งออกมาจากล็อบบี้โรงแรม
“เกิดอะไรขึ้น” เย่เนี่ยนโม่นำรถไปจอดที่ด้านหน้าของเธอแล้วกล่าวถามขึ้น “โรงพยาบาลเหรินซิน รีบไป!” ติงยียีรีบขึ้นรถ มือที่รัดเข็มขัดนิรภัยได้สั่นไม่หยุด
ณ โรงพยาบาล เย่ชูหวินเห็นติงยียีกับเย่เนี่ยนโม่ปรากฏตัวพร้อมกัน เขาไม่ได้ตกใจมาก หันไปพยักหน้าให้กับเย่เนี่ยนโม่เพื่อเป็นการทักทาย
“เป็นคุณป้าหรือคุณอา” ติงยียีที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
เย่ชูหวินกล่าว : “คุณแม่ผมเอง เธอมีโรคหลอดเลือดหัวใจ”
เย่เนี่ยนโม่สนทนากลับ : “ดีขึ้นหรือยัง แม่ผมรู้หรือยัง”
“ไม่เป็นไร คุณหมอรักษาอาการทรงตัวแล้ว” ถึงแม้ว่าน้ำเสียงเย่ชูหวินจะบางเบา แต่เย่เนี่ยนโม่ก็สัมผัสถึงความเป็นศัตรูกับตัวเองได้
“เนี่ยนโม่ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับนาย” จู่ๆเขากล่าวขึ้น เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า ติงยียีมองพวกเขาสองคนด้วยความสงสัย เย่ชูหวินลูบผมเธอเบาๆแล้วยิ้มให้: “ไม่นาน คุณรออยู่ที่นี่นะ”
ชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล เย่ชูหวินชกกำปั้นเข้าที่หน้าอกของเขา เย่เนี่ยนโม่ส่งเสียงกระอึกขึ้น แล้วอดทนรับหมัดไว้ เย่ชูหวินชกเข้ามาอีกครั้งหมัดแล้วหมัดเล่าด้วยใบหน้าที่เย็นชา ไม่นานบนร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว
สิบนาทีผ่านไป เย่เนี่ยนโม่ล้มหงายกองไปกับพื้น แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มีเมฆสีขาวล่องลอย เย่ชูหวินเองก็หายใจหอบแล้วล้มลงนอนข้างๆเขา ด้วยท่าทางที่เหมือนกับเขา จากนั้นก็หัวเราะขึ้น :
“ผมเริ่มชอบเธอคือตอนที่อ้าวเสว่ถูกจับ เธอตัวเล็กอ่อนแอขนาดนั้น เห็นๆอยู่ว่าถูกยุงกัดจนเป็นตุ่มเต็มตัว ยังดื้อดึงนั่งยองๆรออยู่ในพงหญ้าตั้งหลายชั่วโมง อีกทั้งยังกล้าหาญต่อสู้กับผู้ชายตั้งหลายคน เหอะๆ”
เย่ชูหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ ข้างๆไม่มีเสียงใดๆตอบรับ แต่เขานั้นไม่สนใจ เขาต้องการจะบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมดออกมา ราวกับว่าทำแบบนี้แล้วสามารถถพิสูจน์ได้ว่าเขานั้นรักติงยียีจริงๆ
“ครั้งที่ผมกลัวว่าผมจะสูญเสียเธอไปคือตอนที่อยู่สัญญาณไฟจราจร เธออุ้มแพนด้าไว้แล้วเกือบจะถูกรถชน ตอนนั้นโลกทั้งใบของผมแทบจะหยุดลง”
“เธอมันซื่อบื้อ”จู่ๆเย่เนี่ยนโม่พูดแทรกขึ้น
“เหอะๆ ใช่ เธอมันซื่อบื้อ ผมมันคนเลว ส่วนนายเย่เนี่ยนโม่คนระยำ!” เย่ชูหวินหน้าสู้ฟ้าตะโกนขึ้น ปลดปล่อยอารมณ์ออกมา
ที่ระเบียงทางเดิน ติงยียีเดินไปเดินมา ทันใดนั้นประตูถูกเปิดออก เธอจึงกล่าวขึ้นอย่างลนลาน: “สวัสดีค่ะคุณลุง”
“เข้ามาสิ ฉิงฉิงมีเรื่องต้องการจะคุยกับเธอ” โม่เสี่ยวจุนถึงแม้จะโกรธ แต่ก็ไม่มีทางที่จะใส่อารมณ์ต่อหน้าผู้หญิง เมื่อพูดจบก็ได้จากไป
“คุณป้า คุณป้าดีหรือยังคะ” ติงยียีเดินเข้าในห้อง แล้วมองไห่ฉิงฉิงที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาแดงก่ำ
จะเห็นชีวิตอ่อนแอได้ชัดก็ต่อเมื่อเห็นนอนป่วยอยู่บนเตียง มีบางครั้งที่พวกเราต่างคิดว่าในชีวิตนี้จะไม่มีทางจากคนรักไป แต่วันหนึ่งกลับต้องมานอนอยู่ในโรงพยาบาล ซูบผอมอ่อนแอ จู่ๆเธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้น
“เข้ามานั่งสิ” ไห่ฉิงฉิงตบที่นั่งข้างๆตัวเอง เธอเดินเข้ามานั่งอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง แล้วกล่าว: “ขอโทษค่ะ ที่หนูมาสาย”
ไห่ฉิงฉิงส่ายหน้า “ฉันไม่เห็นด้วยที่จะเธอกับเย่ชูหวินคบกัน”
ติงยียีหัวใจกระตุกวูบขึ้น ตะลีตะลานอยากจะอธิบาย แต่ไห่ฉิงฉิงโบกมือห้ามไว้ แล้วกล่าวต่อ : “เย่ชูหวินตั้งแต่เล็กจนโตเป็นเด็กไม่ค่อยพูดค่อยจา และก็ชอบเก็บทุกเรื่องไว้ในใจ และก็เป็นเพราะเหตุนี้ เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บก็จำเป็นต้องใช้เวลายาวนานในการรักษา”
“หนู” ติงยียีเสียงแหบแห้ง เธอรู้สึกรางๆว่าคุณป้าต้องการจะพูดอะไร แต่ไม่สามารจะคัดค้านได้ ใช่สิ เธอทำให้เย่ชูหวินได้รับบาดเจ็บมาโดยตลอด ให้เขาช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด แต่ตัวเองกลับไม่เคยตอบกลับอะไร
“เด็กน้อย ขอบใจเธอนะ” ไห่ฉิงฉิงรู้ดีว่าตัวเองพูดถึงขนาดนี้แล้ว ทุกคนล้วนเป็นคนฉลาด น่าจะเข้าใจ
“เขา ก็รับปากแล้วเหรอคะ” ติงยียีกล่าวถามขึ้นอย่างยากลำบาก
“ทางเลือกของเขา ปล่อยให้เขาตัดสินใจเอง ฉันอยากรู้ทางเลือกของเธอ” ไห่ฉิงฉิงแอบทอดถอนใจ เธออยากจะแยกคนรักกันเสียที่ไหน เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะสมกับเย่ชูหวินจริงๆ
“ถ้าหากว่าเขาปล่อยมือ อย่างนั้นหนูก็จะยอมปล่อยมือ ไม่อย่างนั้นหนูก็จะยืนหยัดต่อไป” ติงยียีมองเธอดวงตาของเธอโดยไร้ความกลัว
ไห่ฉิงฉิงคิดไม่ถึงว่าตัวเองพูดไปมากมายขนาดนั้น อีกฝ่ายกลับยืนหยัดไม่ยอมปล่อยมือ จึงจี๊ดที่หน้าอก ค่อยๆหายใจเข้าลึกๆ แต่ใบหน้านั้นได้ขาวซีดไปแล้ว
“คุณป้า!” ติงยียีตะลีตะลานไปเรียกแพทย์ แพทย์จึงได้รีบวิ่งเข้ามา โม่เสี่ยวจุนกับเย่ชูหวินก็รีบเข้ามาเช่นกัน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset