สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1458 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1358

“สถานการณ์ของเธอเป็นปกติแล้ว เธอไปพูดอะไรกับเธออีก!” โม่เสี่ยวจุนโกรธจัด ผู้หญิงคนนี้อย่างไรกันแน่ ไม่รู้จักใช้คำพูดคุยกับคนป่วยหรืออย่างไร
“ขออภัยค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ” ติงยียีหันไปมองเย่ชูหวิน เย่ชูหวินมองแพทย์ที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้องผู้ป่วย โดยที่สายตาไม่ได้มองมาที่ตัวเธอ
ติงยียีมองจดจ่ออยู่ที่เย่ชูหวิน โดยที่ไม่ทันสังเกตด้านหลัง เย่เนี่ยนโม่ได้จดจ่อมองเธออย่างตั้งใจ “ใครเป็นญาติคนไข้ เชิญทางนี้หน่อยครับ” คุณหมอออกมากล่าว เย่ชูหวินกับโม่เสี่ยวจุนรีบตามไป
เธอมองแผ่นหลังของเย่ชูหวินราวกับกำลังมองความรักจากไป เย่เนี่ยนโม่ยืนอยู่ข้างๆเธอ โคมไฟระย้าบนเพดานได้ส่องเงาสองคนให้ทอดยาวขึ้น เงาของเธอถูกเงาเย่เนี่ยนโม่ปกคลุมไว้ เหมือนกับกำลังปกป้องเธอ แต่เธอกลับมองไม่เห็น ดังนั้นจึงยังคงรู้สึกเหน็บหนาว
ตอนดึก เธอยังคงเฝ้าอยู่ที่นอกห้องผู้ป่วยอย่างดื้อดึง โทรศัพท์ของเย่เนี่ยนโม่ดังขึ้น “เนี่ยนโม่ คุณอยู่ที่ไหน ฉันคิดถึงคุณจังเลย”
เสียงอ่อนหวานของอ้าวเสว่ ติงยียีเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วฝืนยิ้มให้ “เป็นอะไรไป” เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้ขยับตัว เขาไม่อยากจะปกปิด
“คุณมาหาฉันหน่อยได้ไหม วันนี้อารมณ์ฉันแปรปรวนจังเลย ถ้าคุณไม่มา ฉันคงต้องเรียกลุงสวีมา” อ้าวเสว่ออดอ้อน
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว เอียงหน้ามามองติงยียี เธอรีบก้มหน้าทำเป็นเหมือนตัวเองไม่ได้ใส่ใจเขา
“วันนี้ผมไปไม่ได้” เย่เนี่ยนโม่กดวางสายโทรศัพท์ แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นข้อความ เย่เนี่ยนโม่จึงเปิดดู เลือด เป็นเลือดสดๆปนเปื้อนกับผิวหนังขาวค่อยๆหยดลงทีละหยด
เย่เนี่ยนโม่ยิ้มขมขื่นแล้วเก็บโทรศัพท์อย่างไม่แยแส สักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก เย่เนี่ยนโม่รับสายขึ้นแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม : “ ลุงสวี ลุงจะตามใจเธอแบบนี้ไม่ได้”
“แต่ลุงมีแค่ลูกสาวคนนี้คนเดียวเท่านั้น ลุงทนเห็นเธอเป็นอะไรไปไม่ได้ เนี่ยนโม่ถือว่าลุงขอโทษเธอนะที่ทำให้เธอต้องมาลำบาก เธออย่าไปสนใจเธอ เรื่องนี้เดี๋ยวลุงจะจัดการเอง”
สวีเห้าเซิงพูดจบก็วางสายโทรศัพท์ลง เขาหันไปมองเชือกที่อยู่ข้างๆ แล้วถอนหายใจขึ้น เนี่ยนโม่ก็เหมือนกับเป็นลูกชายของเขา ทำร้ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเขานั้นทำไม่ลง
“คุณไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร” ติงยียีเผยรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดกว่าตอนร้องไห้เสียอีก เย่เนี่ยนโม่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงที่แปลกๆของลุงสวีทำให้เขาวางใจไม่ลงจริงๆ
“อย่าคิดมากนะ รอผมกลับมา รับปากผม” เย่เนี่ยนโม่โน้มตัวลง โดยดวงตาของเขาเรียบเสมอกับเธอ ตอนนี้ติงยียีถึงได้เห็นรอยบาดแผลวับๆแวมๆบนแขนของเขา จึงรีบเอื้อมมือไปจับสัมผัส
“รับปากผมว่าจะรอผมอยู่ที่นี่” เขามองเธออย่างดื้อรั้น ดื้อรั้นอยากได้คำตอบที่ทำให้เขาจากไปอย่างสบายใจ
“ฉันรับปากคุณ” ติงยียีกล่าวเบาๆ แล้วมองเขาจากไป ระเบียงทางเดินเข้าสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่าอีกครั้ง ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าก้าวเดิน เธอหันหน้าไปมอง เย่ชูหวินยืนอยู่ไม่ไกลมองมาทางเธอ และทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน
“คุณป้าปลอดภัยแล้วใช่ไหม เมื่อสักครู่ฉันยังคิดว่าจะทำโจ๊กอะไรให้คุณป้าทานดี พ่อของฉันชอบทานโจ๊กไข่เยี่ยวม้าของฉันมากเลยนะ คุณคิดเห็นว่าอย่างไร”
“ยียี” เย่ชูหวินเรียกเธอ
“ใช่แล้ว ฉันอยากจะบอกกับคุณเรื่องคนร้ายในอุบัติเหตุมีเบาะแสแล้วนะ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้คุณฟัง”
“ยียี” น้ำเสียงที่ค่อยๆหนักขึ้น ทำให้คนฟังตกใจ
“ดังนั้นคุณเตรียมพร้อมที่จะปล่อยมือแล้วเหรอ” ติงยียีคิดว่าเมื่อตัวเองได้ยินคำตอบของแล้วจะร้องไห้ แต่ว่าตอนนี้ดวงตากลับแห้งสนิท ทางระบายทางเดียวได้หายไปแล้ว
“ผมชอบคุณ” เย่ชูหวินเดินเข้าไปใกล้แล้วโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอดเบาๆ สัมผัสความหอมหวนในอ้อมกอดแล้วกล่าวต่อ: “แต่แล้วความรักไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต”
“ดังนั้นคุณก็เลยอยากจะเลิกกับฉันเหรอ” เธอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เย่ชูหวินปล่อยตัวเธอ “คุณไม่ได้ต้องการผมเหมือนอย่างที่คิด คุณรู้ดี ผมเองก็รู้ดี”
เธอพยายามส่ายหน้า อยากจะบอกกับเขาว่าตัวเองนั้นจะรักเขาให้ได้มากกว่านี้ เย่ชูหวินทอดถอนใจ “โรคหลอดเลือดหัวใจของแม่ผมนั้นค่อนข้างรุนแรง พวกเราตัดสินใจจะไปรักษาที่ลอสแองเจลิส
อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่นั่นค่อนข้างครบครัน อากาศที่นั่นก็ค่อนข้างดี ถ้าหากเป็นไปได้ก็อาจจะตั้งหลักอยู่ที่นั่นเลย”
“ถ้าหากฉันบอกว่าฉันรักคุณมากกว่าคุณคิด อย่างนั้นคุณจะยังอยู่ต่อไหม” ติงยียีกัดริมฝีปาก
“นั่นเป็นแม่ของผมนะ” เย่ชูหวินถอนหายใจ ทุกอย่างล้วนอยู่ในคำพูดหมดแล้ว เธอรู้ว่าเขารักเธอ แต่เพื่อความกตัญญู เขาเลือกที่จะไม่ต้องการเธอ
“โอเค ขอให้คุณมีความสุข” ติงยียีฝืนยิ้ม ถึงแม้ว่าจะเลิกกัน เธอก็อยากจะให้จบกันด้วยดี
“ขอบคุณ” เย่ชูหวินพยักหน้า หันหลังแล้วเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย เขายืนพิงอยู่ที่แผงประตูแล้วฟังอย่างตั้งใจ ไม่มีเสียงฝีเท้าก้าวเดิน ติงยียีไม่ได้จากไป เขารู้ดีบางทีตอนนี้เธอกำลังหลั่งน้ำตา บางทีตอนนี้เธอเจ็บปวดมากจนไม่สามารถเจ็บปวดได้อีก แต่ว่าตัวเองกลับไม่สามารถออกไปได้
“ขอบคุณคุณมาก” นอกประตูมีเสียงขยับเดิน เขาได้ยินเสียงเบาๆของเธอ ลูกผู้ชายไม่หลั่งน้ำตาง่ายๆ แต่เขากลับไม่สามารถบังคับน้ำตาได้ หลังจากที่ได้ยินคำขอบคุณคำนั้น
ในห้องผู้ป่วย ไห่ฉิงฉิงกับโม่เสี่ยวจุนจ้องมองอย่างเงียบๆ พวกเขารู้ว่าเพราะอะไร หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ คุณหมอมาหาพวกเขา บอกว่าไห่ฉิงฉิงไม่เพียงแต่มีโรคหลอดเลือดหัวใจ ยังมีโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด อันตรายมาก ส่วนเย่ชูหวินผลตรวจรายงานว่าเขาเองก็ได้รับโรคหัวใจพิการทางกรรมพันธุ์เช่นกัน
“ลูกรัก แม่ไม่เห็นด้วยที่พวกเธอสองคนคบกัน แต่ว่าเห็นลูกในตอนนี้แล้ว แม่กำลังคิดว่าแม่ตัดสินใจผิดพลาดอยู่หรือไม่” ไห่ฉิงฉิงกล่าวอย่างกลุ้มใจ
“ผมไม่ได้เป็นเพราะการห้ามของพวกท่าน และก็ไม่ได้เป็นเพราะอาการป่วยของผม ยิ่งไม่ได้เป็นเพราะผมไม่รักเธอ เพียงแต่ผมรู้ว่าคนที่เธอรักจริงๆนั้นไม่ใช่ผม ผมหวังว่าเธอจะสามารถเจอความรักที่เธอต้องการ แค่นี้เท่านั้นเอง” เย่ชูหวินกลับมาสู่ปกติ กำนิ้วมือเข้าฝ่ามือไว้แน่น ติงยียีคุณจะต้องมีความสุขนะ
เย่เนี่ยนโม่ตลอดทางไม่รู้ฝ่าไปเหลืองไปเท่าไหร่แล้ว แซงไปไม่รู้กี่คันรถ ระยะทางหนึ่งชั่วโมงใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึง
รถของสวีเห้าเซิงจอดนอกหน้าบ้าน ประตูใหญ่เปิดทิ้งไว้ เย่เนี่ยนโม่พุ่งเข้าไป ในห้องรับแขกข้าวของระเนระนาด เขาวิ่งขึ้นไปชั้นสอง สวีเห้าเซิงนั่งอยู่บนโซฟาชั้นสองที่นอกระเบียงอย่างทุกข์ใจ อ้าวเสว่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงถือมีดยืนอยู่ข้างๆ
อ้าวเสว่เห็นเย่เนี่ยนโม่ จึงหันมายิ้มให้เขาอย่างดีใจ เธอตอนนี้เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ เพียงแต่เมื่อเห็นคนที่ต้องเป็นทุกข์เพราะเธอ ในใจเธอก็จะรู้สึกมีสะใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงไม่มีความสุข ทำไมรู้สึกเศร้าสร้อยจัง!
“อ้าวเสว่ ปล่อยมีดลง” เย่เนี่ยนโม่ค่อยๆยื่นมือทั้งสองข้างไปหาเธอ พยายามปลอบใจเธอ สวีเห้าเซิงกล่าวอย่างเจ็บปวด: “เสี่ยวเสว่ไปกับลุงนะ ลุงจะพาหนูไปรักษาที่สหรัฐอเมริกา”
รักษาเหรอ ไปสหรัฐอเมริกาเหรอ ไปสหรัฐอเมริกาก็ถูกเปิดโปงหมดนะสิ จู่ๆอ้าวเสว่สะบัดมีดขึ้นทันใด “ฉันไม่ได้ป่วย ฉันทานยาตามเวลา คุณรำคาญฉันแล้วใช่ไหม และก็ไม่ต้องการฉันแล้วใช่ไหม!
อ้าวเสว่พูดจบถึงได้รู้ตัวกับคำพูดที่ออกจากปากตัวเอง สวีเห้าเซิงกลับไม่สังเกตเห็นคำพูดของเธอนั้นผิดปกติตรงไหน เพียงแต่คำพูดประโยคเดียวประโยคนั้น “ไม่ต้องการเธอ” ทำให้รู้สึกเจ็บปวด ถ้าหากตอนนั้นตัวเองนั้นในใจซือซือหน่อย ทุกอย่างก็คงจะไม่เกิดขึ้น
เย่เนี่ยนโม่ค่อยๆเข้าไปใกล้ๆเธอ แล้วก็คว้ามีดในมือของเธอ อ้าวเสว่ถือโอกาสซบเข้าไปในอ้อมกอดของเขาแล้วกล่าวงึมงำ : “เนี่ยนโม่ คุณอย่าจากฉันไปได้ไหม”
สีหน้าเย่เนี่ยนโม่เขียวคล้ำ ความทรมานแบบนี้เหมือนกับการถูกลงโทษด้วยวิธีหลิงฉือที่ถูกหั่นให้ตายอย่างช้าๆ แต่ว่าตอนเด็กๆนั้นลุงสวีก็สนิทกับตัวเองขนาดนั้น เขาไม่อาจจะทนเห็นลุงสวีทุกข์ทรมานได้
“พวกเราแต่งงานกันนะ” อ้าวเสว่เม้มปากแล้วกล่าวต่อ : “ คุณคิดว่าอย่างไร คุณ!ลุง!สวี” เธอตั้งใจเน้นสามคำนี้ให้หนักแน่น
สวีเห้าเซิงเงียบ เย่เนี่ยนโม่ปลอบใจเธอ: “ตอนนี้ศูนย์การค้านานาชาติมีปัญหามากมายจริงๆ รอให้ปัญหาได้จัดการแล้วค่อยว่ากันอีกทีดีไหม”
อ้าวเสว่เห็นว่าดีจึงได้หยุด จากนั้นกล่าวอย่างอ่อนหวาน: “ ค่ะ” โทรศัพท์ของอ้าวเสว่จู่ๆดังขึ้น สวีเห้าเซิงกับเย่เนี่ยนโม่ถูกดึงดูดความสนใจ สวีเห้าเซิงถามขึ้น “เสี่ยวเสว่ ใครโทรหาหนูดึกขนาดนี้”
อ้าวกดวางสายทิ้งไป แล้วกล่าวกลบเกลื่อน: “ไม่มีใครหรอก พักนี้นักต้มตุ๋นเยอะไปหน่อย ปกติแล้วฉันก็ไม่ได้สนใจพวกมัน ฉันง่วงแล้ว อยากนอนแล้ว”
“คืนนี้ผมจะอยู่ที่นี่” สวีเห้าเซิงรีบกล่าว เมื่อสักครู่ที่เห็นรูปถ่ายของอ้าวเสว่ทำให้เขาตกใจมาก ถึงได้มีความคิดที่จะพากอ้าวเสว่ไปรักษาที่ต่างประเทศ
“ไม่เป็นไร ฉันจะทานยาตามเวลา เนี่ยนโม่อยู่ด้วยฉันก็มีความสุขที่สุดแล้ว” อ้าวเสว่กล่าวอย่างอ่อนหวาน เย่เนี่ยนโม่เห็นเธอไม่เป็นไร ในใจที่เป็นห่วงติงยียีมากกว่า จึงได้กล่าวขึ้น: “พักผ่อนดีๆนะ”
เมื่อรอเย่เนี่ยนโม่กับสวีเห้าเซิงจากไปแล้ว อ้าวเสว่จึงได้โทรศัพท์กลับแล้วกล่าวอย่างดุดัน: “คิดจะทำอะไร คุณนี่น่ารำคาญจริงๆ!”
“อย่างน้อยผมก็เป็นรุ่นพี่ของคุณ อีกทั้งยังมีเวลาที่งดงามตอนสมัยเรียนอีก คุณนี่ช่างใจดำจริงๆ” จางถังกล่าวอย่างขี้เกียจ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามที่จะสงบอารมณ์แล้วกล่าว: “คุณต้องการอะไร หาฉันมีเรื่องอะไร”
“ถามตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว ผมถามคุณ เมื่อเดือนที่แล้วในอุบัติเหตุทางรถยนต์บนถนนถนนหลงฉวน ครอบครัวของคนนั้นคือติงยียีใช่ไหม” จางถังพูดข้อมูลที่ตัวเองให้คนไปสืบจากสถานีตำรวจา
“คุณนี่เอง!” อ้าวเสว่กล่าว จางถังนึกถึงเรื่องคืนนั้นก็รู้สึกเศร้าหดหู่ วันนั้นไปรับโม่ซวนหลินไปรับลมที่ชานเมือ ดื่มหนักไปหน่อย อีกฝ่ายต้องการจูบ คิดไม่ถึงรถกระบะของติงต้าเฉินเลี้ยวมาอย่างกะทันหัน ความเร็วในการขับของตัวเองก็เร็วมาก แป๊บเดียวก็ชนเข้าไปอย่างจัง
“ผมต้องการให้คุณช่วยเป็นพยานให้ผม ยืนยันว่าคืนนั้นผมอยู่กับคุณ” จางถังบอกแผนการของตัวเองออกมา มีคำให้การของอ้าวเสว่ อย่างน้อยเย่เนี่ยนโม่ก็ไม่มีทางสงสัยในตัวเขา
“ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอก” อ้าวเสว่กล่าวเบาๆ จางถังได้ยินดังนั้นจึงกล่าวข่มขู่ขึ้น: “ระวังสิ่งที่คุณทำลงไป ผมจะเปิดโปงออกไปนะ”
“เหอะๆ รู้ไหมว่าคืนนั้นฉันทำอะไรอยู่ ฉันกำลังฆ่าตัวตาย เย่เนี่ยนโม่อยู่ตรงหน้าฉัน คุณบอกสิว่าจะให้ฉันช่วยเป็นพยานว่าคุณไม่อยู่ในที่เกิดเหตุอย่างไร” อ้าวเสว่กล่าวอย่างสะใจ เธอเหนื่อยกับการถูกบีบบังคับมานานแล้ว
จางถังตกใจชะงัก แล้วกล่าวขึ้น “ผมไม่สนใจ อย่างไรเรื่องนี้คุณต้องจัดการให้ผม มิเช่นนั้นพวกเราก็จะบรรลัยไปด้วยกัน เพราะถึงอย่างไรมีคนสวยอย่างคุณเป็นเพื่อนผมก็ไม่เสียดาย
โทรศัพท์ถูกวางสายลง อ้าวเสว่โกรธจนโยนโทรศัพท์ทิ้งลงกำแพง คุกคามครั้งแรกยังสามารถปลอบใจตัวเอง ครั้งที่สองครั้งที่สามจนสุดท้ายนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดเธอก็เข้าใจ ตราบใดที่ยังอยู่ที่เมืองตงเจียง ก็จะไม่มีทางจะมีชีวิตที่สงบสุข

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset