สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1462 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1362

เธอคิดจนศีรษะจะระเบิดอยู่แล้ว นั่งฟุบอยู่บนโต๊ะอย่างทุกข์ใจ หลินเจี๋ยกับผู้บริหารระดับสูงเดินผ่านมา มองดูเธอแวบหนึ่งอย่างเงียบๆ แน่นอนเขาย่อมรู้ดีว่าเธอนั้นทำลังเครียดอยู่กับอะไร เมื่อกลับไปที่ห้องทำงานก็ได้ส่งข้อความไปหาเย่เนี่ยนโม่ “คนของนายดูเหมือนจะเครียดไม่น้อย”
ข้อความถูกตอบกลับอย่างรวดเร็ว “?” หลินเจี๋ยได้บอกแผนการของตัวเองให้กับเขา เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน คนหนึ่งคือคนรักในนาม อีกคนหนึ่งคือคนรักที่อยู่ในใจ เขานั้นจะเลือกใคร
เย่เนี่ยนโม่วางสายโทรศัพท์ลง ความคิดพลันแล่น แล้วโทรศัพท์หาเลขาฯ “ไปสืบดูว่าพักนี้กลุ่มชาวเนเธอร์แลนด์ทำอะไรมาบ้าง รวมถึงโรงแรมที่พักและตารางงานต่างๆ
“ลูกชายแม่ ลูกกำลังทำอะไรอยู่” ทันทีที่เซี่ยชีหรั่นเข้าประตูมา ก็หันมองเขาแล้วส่งยิ้มตาหยี ด้านหลังมีชายหนุ่มผิวดำเข้มดูเงียบขรึม ชายหนุ่มอายุดูใกล้เคียงกับเย่เนี่ยนโม่ แต่หน้าตาดูไม่ค่อยเป็นมิตร
เย่เนี่ยนโม่มองสำรวจเขา ชายหนุ่มเดินไปที่ด้านหน้าเขาแล้วโค้งคำนับให้ จากนั้นกล่าว :“คุณชาย ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะครับ”
คุณชาย?เย่เนี่ยนโม่จ้องชายหนุ่มคนนี้ สักพักกล่าวขึ้น :“เย่ป๋อ?” เย่ป๋อคือเด็กที่เขาเจอตอนที่ถูกคุณพ่อส่งไปฝึกทหารที่ฐานทัพอเมริกาเมื่อสมัยยังเด็ก ต่อมาคุณแม่ก็พาเขากลับมาที่ตระกูลเย่ด้วย จากนั้นก็ไม่ทราบว่าคุณแม่ได้ส่งเขาไปอยู่ที่ไหน ดังนั้นเขาจึงค่อยๆลืมเขาไป
เย่ป๋อเห็นคุณชายยังจำเขาได้ ในแววตาจึงรู้สึกซาบซึ้ง ระหว่างทางที่มานั้นเขากังวลตลอดว่าคุณชายจะลืมเขาไปแล้ว และนายหญิงยังปลอบใจตัวเองตลอดทาง
“เนี่ยนโม่ ตอนนั้นแม่อยากจะหาเพื่อนเล่นให้กับลูก แต่ว่าเด็กคนนี้ยืนกรานที่อยากจะไปเรียนโรงเรียนทหาร และยังไม่อยากให้ลูกรู้อีก พวกเราจึงได้ส่งเขาไป ตอนนี้เขาได้ยศร้อยโทแล้วนะ” เซี่ยชีหรั่นทอดถอนใจกล่าว คิดไม่ถึงว่าการตัดสินใจของตัวเองในครั้งนั้น จะเปลี่ยนชีวิตของคนคนหนึ่ง
“คุณชาย เมื่อสักครู่ที่ท่านบอกให้ไปสืบเรื่องชาวเนเธอร์แลนด์ สามารถให้ผมจัดการได้ไหมครับ” เย่ป๋อยังไม่คุ้นชินกับการขอภารกิจสักเท่าไหร่ ใบหน้าที่ดำเข้มจึงแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย
“ชาวเนเธอร์แลนด์อะไร พวกเธอพูดอะไรกัน” เซี่ยชีหรั่นมองสองคนด้วยความฉงน ใบหน้าของเย่เนี่ยนโม่ถึงแม้จะไม่แสดงอาการใดๆ แต่ในใจนั้นแอบตกใจ ยังไม่ต้องกล่าวถึงระดับเสียงของตัวเอง คือประสิทธิภาพในการเก็บเสียงของประตูห้องทำงานถือว่าค่อนข้างดี แต่เขากลับสามารถได้ยิน ความสามารถในการได้ยินถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว
“ได้ มอบให้นายไปจัดการ” เย่เนี่ยนโม่เอ่ยตอบรับ เย่ป๋อจึงรับปากอย่างมั่นอกมั่นใจด้วยแววตาที่เป็นประกาย “นายหญิง คุณชายน้อยครับ อย่างนั้นผมขอตัวนะครับ” เมื่อกล่าวจบเขาก็เดินออกจากห้องทำงานไป
“เนี่ยนโม่” เซี่ยชีหรั่นเดินมาที่ข้างๆเขา ตบไหล่เขาเบาๆด้วยความรักความเอ็นดู เย่เนี่ยนโม่กล่าวอย่างขุ่นเคือง: “แม่ครับ ผมโตแล้วนะครับ”
“ใช่สิ โตจนแม่รู้สึกว่าถึงเวลาที่ลูกควรจะแต่งงานได้แล้ว” เซี่ยชีหรั่นมองเขาด้วยความรัก
เห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เซี่ยชีหรั่นจึงกล่าวต่อ :“เสี่ยวเสว่มาหาแม่ เธอต้องการจะแต่งงานกับลูก”
“แม่ครับ” เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นมุ่งเดินออกไปที่ประตู ก่อนออกจากประตูได้หันมากล่าวว่า:“ เนี่ยนโม่อย่าฝืนตัวเอง แม่โชคดีมากที่เจอคนที่ใช่ และแม่ก็หวังว่าลูกจะเจอคนที่ใช่เช่นกัน”
“ถ้าหากว่าคนที่ใช่คุณแม่ไม่ชอบล่ะครับ” เย่เนี่ยนโม่พูดอ้อมๆเพื่อดูเชิง เขาพูดเช่นนี้เซี่ยชีหรั่นก็รู้แล้วคนที่เขาพูดถึงคือติงยียี เธอขมวดคิ้วแล้วกล่าว:“ ในเมื่อคนที่ลูกชอบคือติงยียี แล้วทำไมต้องไปคืนดีกับอ้าวเสว่ล่ะ”
เย่เนี่ยนโม่เงียบ เขารับปากกับลุงสวีว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องที่อ้าวเสว่ป่วย เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจ “ติงยียีคนนั้นไม่เหมาะสมกับลูกจริงๆ”
เหมือนจะกลัวว่าเย่เนี่ยนโม่คัดค้าน เซี่ยชีหรั่นจึงรีบจากไปอย่างรวดเร็ว เย่เนี่ยนโม่ปิดเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ รู้สึกเหมือนศีรษะตัวเองจะยิ่งเจ็บมากขึ้น เส้นกั้นระหว่างเขากับติงยียีนั้นช่างใหญ่เหลือเกิน
แค่เวลาเพียงครึ่งวัน เย่ป๋อได้วางข้อมูลทั้งหมดลงที่ด้านหน้าของเขา “คู่รักชาวเนเธอร์แลนด์สิบคู่นั้นกำลังเตรียมการจัดงานแต่ง ตอนนี้พวกเขากำลังมองหาบริษัทที่ออกแบบเครื่องประดับ โรงแรมที่พักคือโรงแรมตี้เหาครับ”
“ส่วนใหญ่ทำอาชีพคืออะไร” เย่เนี่ยนโม่เคาะเอกสารข้อมูลแล้วกล่าวขึ้น “ธุรกิจครอบครัวครับ หนึ่งในนั้นที่เป็นหัวหน้า เขาเปิดร้านสาขาอาหารฟาสต์ฟู้ดทั่วประเทศ คุณย่าของเขามาพบรักที่เมืองตงเจียง นี่คือเหตุผลที่ทำไมเขาถึงมาแต่งงานที่นี่ครับ”
เย่ป๋อเห็นคุณชายครุ่นคิด เมื่อรายงานเสร็จก็เดินมายืนที่ด้านหลังของเขา เย่เนี่ยนโม่ถือเอกสารข้อมูลลุกขึ้น แล้วมาที่บริษัทหลินซื่อ เห็นติงยียีที่กำลังวาดภาพออกแบบอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ เขาจึงชะงักเท้าขึ้น
ตอนนี้เธอยังเข้าใจว่าคนที่ตัวเองชอบนั้นคืออ้าวเสว่ ถ้าหากว่าตัวเองนำข้อมูลเหล่านี้มอบให้กับเธอตรงๆ เธอจะต้องไม่รับอย่างแน่นอน เย่ป๋อที่ยืนอยู่ด้านหลังมองเขาด้วยความมึนงง เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจคุณชายกำลังลังเลอะไร
“รบกวนหลบหน่อยค่ะ” หวางเหม่ยผิงรู้ว่าเขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเย่ซื่อ และก็รู้ว่าเขานั้นรู้จักกับติงยียีและอ้าวเสว่ เมื่อเห็นเขาเอาแต่จ้องติงยียี จึงได้กล่าวขึ้น: “คุณยียีเป็นคนดี ท่านประธานให้เธอกับหัวหน้าแผนกรับผิดชอบโครงการด้วยกัน หัวหน้าแผนกคนนั้นออกไปข้างนอกทุกวัน คุณยียีนั้นไร้ซึ่งหนทาง ฉันเห็นแล้วเป็นห่วงแทนจริง”
เย่เนี่ยนโม่เห็นเธอเป็นห่วงเป็นใยติงยียีขนาดนี้ หัวใจจึงกระตุกขึ้น ดึงเธอมาแล้วนำข้อมูลที่เย่ป๋อไปสืบค้นมาบอกกล่าวให้กับเธอ หวางเหม่ยผิงได้ยินดังนั้นเห็นว่าสามารถช่วยติงยียีได้ แถมยังได้เงินตอบแทนอีก จึงเข้าไปที่ห้องสำนักงานอย่างดีใจ จากนั้นทำตามที่เย่เนี่ยนโม่บอกด้วยการแสร้งทำเป็นเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ สักพัก ติงยียีได้วิ่งออกจากห้องสำนักงานด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ในห้องประชุมของโรงแรม อ้าวเสว่กล่าวด้วยความมั่นใจ:“สวัสดีค่ะ ท่านเฟ่ยหลอ ครั้งก่อนต้องขออภัยที่ดิฉันเสียมารยาท ครั้งนี้ท่านสามารถชมภาพการออกแบบของดิฉันอีกครั้งได้อย่างสบายใจ”
เฟ่ยหลอจิบกาแฟแล้วกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย:“ผมเห็นแก่หมิงเย้าหรอกนะถึงได้กลับมาพบมาคุยกับบริษัทคุณอีกครั้ง แต่ว่าตอนนี้ผมไม่อยากจะร่วมงานกับบริษัทของคุณ”
“คุณเฟ่ยหลอคะ คุณให้โอกาสดิฉันอีกสักครั้งสิคะ” อ้าวเสว่กล่าวอย่างไม่พอใจ เฟ่ยหลอจึงลุกขึ้นจัดระเบียบเนกไทแล้วหันหลังจากไป
“น่าโมโหชะมัด!” อ้าวเสว่ซดชาหมดในอึกเดียว แล้วขยี้แผ่นแบบแผนในมือจนยับเยิน
ติงยียีเฝ้ารออยู่หน้าประตูร้านอาหารฟาดฟู้ดนี้เป็นเวลาสามสี่ชั่วโมงแล้ว น้าหวางบอกว่าเคยเห็นชาวเนเธอร์แลนด์เหล่านั้นปรากฏตัวที่นี่ ให้ตัวเองมารอที่นี่ โดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายวันนี้จะมาหรือไม่
หลังจากรอจนหลายชั่วโมงผ่านไป รถคันหนึ่งได้แล่นเข้ามา นี่ไม่ใช่หนึ่งในกลุ่มคนชาวเนเธอร์แลนด์เหรอ “คุณผู้ชายคะคุณผู้ชาย!” ติงยียีวิ่งตามไป
เฟ่ยหลอมองเธอด้วยความมึนงง แล้วกล่าวด้วยความรำคาญ:“บริษัทพวกคุณนี่ยังไงกัน เมื่อสักครู่นั้นอุตส่าห์ไว้หน้าพวกคุณสุดๆแล้ว ตอนนี้จะเอายังไงอีก”
“ขออภัยค่ะ พวกเรานั้นจริงใจจริงๆนะคะ รบกวนฟังแผนของฉันก่อนได้ไหม แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะร่วมมือกับบริษัทดิฉันหรือไม่” ติงยียีรีบหยิบเอกสารในมือออกมา
เฟ่ยหลอปัดมือของเธอยื่นมาด้านหน้าเขาออก จนเอกสารกระจัดกระจายลงสู่พื้น ติงยียีรีบไปเก็บ เฟ่ยหลอเดินตรงเข้าไปที่ร้าน ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน พนักงานร้านถึงได้มองติงยียีอย่างระมัดระวัง ไม่ยอมให้เธอเข้าไปในร้าน ติงยียีจึงได้แต่ยืนรออย่างโง่ๆอยู่ที่หน้าประตู
รอจนในที่สุดเขาออกมาจากประตูอีกครั้ง ติงยียีจึงตามติดอีกฝ่ายไม่ห่าง จนกระทั่งอีกฝ่ายขึ้นรถไป เย่ป๋อที่อยู่หัวมุมมองดูคุณชายด้วยความสับสนงงงวย เห็นชัดๆว่าเป็นห่วงจนแทบอยากจะกระโจนเข้าไป แต่ทำไมถึงไม่โผล่หน้าแสดงตัวตรงๆออกไปเลย
“คุณชายครับ จะให้ผมขัดขวางไม่ให้เขาจากไปไหมครับ” ยึดหลักการช่วยขจัดปัญหาให้กับคุณชายคือภาระหน้าที่ของตัวเอง เย่ป๋อกล่าว
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า เห็นเขาหยิบวัตถุสีดำออกมาจากแขนเสื้อ แล้วใส่เข้าไปในตัวไซเลนเซอร์ จากนั้นยิงใส่ยางรถจนระเบิดในระยะทางสิบกว่าเมตรอย่างแม่นยำ
ติงยียีไม่รู้ทำไมรถของอีกฝ่ายถึงหยุดชะงักลง รู้แต่เพียงว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก จึงรีบวิ่งมาด้านหน้า คนขับยังคงกำลังซ่อมเช็ครถอยู่ เฟ่ยหลอถอนหายใจแล้วกล่าวขึ้น :“ก็ได้ ผมให้เวลาคุณห้านาที ถ้าหากว่าภายในห้านาทีคุณทำให้ผมประทับใจได้ อย่างนั้นผมก็จะรับปากที่จะร่วมมือกับบริษัทของคุณ”
หลังจากห้านาทีผ่านไป ติงยียีมองอีกฝ่ายขึ้นรถอีกคันจากไปอย่างสิ้นหวัง เย่เนี่ยนโม่มองดูเธอที่ตอนแรกท้อแท้ชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง ต่อมาทำท่าทำมือเหมือนเป็นการบอกให้ตัวเองสู้ๆ ความรักในใจของเขาที่มีต่อเธอก็เพิ่มทวีขึ้นมาอีกหน่อย
ไม่ไกลออกไป ติงยียีดูเหมือนจะรับสายโทรศัพท์หนึ่ง จากนั้นได้รีบเรียกแท็กซี่แล้วขึ้นรถไป ขณะที่เย่เนี่ยนโม่กำลังแปลกใจว่าเธอจะไปไหน สายโทรศัพท์ลุงBakerก็ได้โทรเข้ามา
ที่สำนักงานตำรวจ ติงยียีเข็นติงต้าเฉินที่นั่งอยู่บนรถเข็น ในห้องสอบสวน จางถังนั่งยวนยีอยู่ด้านใน
“คุณดูสิว่าคุ้นหน้าบ้างไหม ใช่คนที่ชนคุณในคืนนั้นหรือเปล่า” Bakerกล่าว ติงต้าเฉินส่ายหน้า Bakerจึงชี้ไปที่โม่ซวนหลินที่นั่งอยู่อีกห้องหนึ่ง “แล้วเธอล่ะ”
“ผมจำไม่ได้จริงๆครับ คืนนั้นมืดมาก ผมมองเห็นไม่ชัดเจน” ติงต้าเฉินกล่าวอย่างเสียใจ ติงยียีจึงรีบปลอบประโลมขึ้น: “ไม่เป็นไรค่ะพ่อ จะต้องสืบได้อย่างแน่นอน”
Bakerให้ทั้งคู่รอก่อน เขาจะเข้าไปสอบปากคำที่ห้องสอบสวนด้วยตัวเอง จางถังเมื่อเห็นมีคนมา ก็รีบตะโกนโวยวายทันที: “ผมไม่ได้ชนใครทั้งนั้น พวกคุณรีบปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ”
“คุณจางครับ ตามที่พวกผมสืบมา คืนนั้นมีช่วงหนึ่งที่คุณอยู่กับดาราที่ชื่อemily พวกเราต้องการหลักฐานที่มายืนยันว่าคุณไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ”
“Emilyเป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งของผม คืนนั้นผมมีหลักฐานที่ยืนยันว่าผมไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุอย่างแน่นอน พวกคุณรอก่อน อีกสักพักเธอก็มา” จางถังกล่าวด้วยความมั่นอกมั่นใจ เห็นท่าทางของจางถางแล้วไม่เหมือนคนที่พูดโกหก ในใจคิดหรือว่าที่ตัวเองนั้นสืบมานั้นมีความผิดพลาด
ประตูห้องถูกเคาะ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินเข้ามา โดยมีอ้าวเสว่เดินตามอยู่ด้านหลัง ติงยียียังมีBakerต่างมองอ้าวเสว่ด้วยความตกใจ
“คืนนั้นผมอยู่กับเธอ พวกคุณถามเธอเองแล้วกัน” จางถังกางมือนั่งอยู่บนเก้าอี้กล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“จางถังกับฉันเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน พวกเราเพิ่งพบเจอกันในวันนั้นที่เฟิงจิ่งย่วนบ้านของฉัน” อ้าวเสว่กล่าวเบาๆ
เฟิงจิ่งย่วนอยู่ไกลจากถนนหลงฉวนมาก ขับรถต้องใช้เวลาสองชั่วโมง เวลาที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์คือช่วงเวลาสองทุ่มครึ่ง ซึ่งก็หมายความว่าจางถังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุนั่นเอง
“ยังไง ผมจะฟ้องพวกคุณฐานหมิ่นประมาท” จางถังยืนขึ้นแล้วกล่าวอย่างโอหัง Bakerโบกมือเรียกพนักงานให้นำตัวสองคนนี้ออกไป
เย่เนี่ยนโม่มาถึงพอดี อ้าวเสว่ตกใจวูบเมื่อเห็นเขา เกิดความระแวงที่อธิบายไม่ถูกขึ้น Bakerสังเกตเห็นจึงกล่าวด้วยสีหน้านิ่ง “คุณเย่เองก็มาให้ที่สำนักงานตำรวจเพื่อให้ปากคำเช่นกัน ผมต้องการจะเทียบคำให้การของพวกคุณ”
อ้าวเสว่คิดไม่ถึงว่าทางตำรวจจะตรวจสอบแม้กระทั่งเรื่องที่เย่เนี่ยนโม่อยู่ที่บ้านของตัวเองในคืนนั้น ฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอฝืนตัวเองเดินไปหาเย่เนี่ยนโม่ ควงเข้าที่แขนของเขาแล้วกล่าว:“คืนนั้นเป็นคืนที่ฉันกับเนี่ยนโม่คืนดีกัน ดังนั้นฉันจึงจำได้อย่างดิบดี”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset