สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1463 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1363

เย่เนี่ยนโม่มองBakerด้วยความมึนงง Bakerขยิบตาให้กับเขา กระแอมเสียงแล้วกล่าวขึ้น: “คุณเย่ เชิญคุณให้การเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นครับ”
อ้าวเสว่เขย่าแขนของเขาแล้วส่ายหน้า เธอกังวลจริงๆว่าจะทำให้ตำรวจเกิดความสงสัย เพราะเหตุการณ์ในห้องแสดงนิทรรศการเมื่อสามปีก่อนก็เป็นตำรวจนายนี้ที่เป็นคนสืบสวน
“คืนนั้นอ้าวเสว่อยู่ที่บ้านจริงๆ ผมเป็นพยานให้ได้” เย่เนี่ยนโม่กล่าวเบาๆ Bakerมองสังเกตอ้าวเสว่ตลอดเวลา เห็นเธอถอนหายใจโล่ออกเบาๆ ก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ แต่ในเมื่อเย่เนี่ยนโม่พูดขนาดนี้ จึงโบกมือขึ้นแล้วกล่าว: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นพวกคุณสามารถกลับกันได้ ถ้ามีอะไรทางเราค่อยแจ้งให้พวกคุณทราบ”
ติงยียีมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้า เห็นอ้าวเสว่กับเย่เนี่ยนโม่ออกประตูไปจึงได้รีบตามออกมา อ้าวเสว่กล่าวด้วยความสงสัย :“ติงยียี?”
จางถังนั้นมองติงยียีด้วยหางตาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง สิ่งที่เขาเป็นห่วงสุดในตอนนี้คือEmilyจะสาวตัวเองออกมาหรือไม่ ถ้าหากไม่มีหลักฐานก็คงจะไม่เป็นไรมั้ง
“ฉันขอคุยกับคุณสักสองสามประโยคจะได้ไหม” ติงยียีกล่าวกับเย่เนี่ยนโม่ “ไม่ได้!” อ้าวเสว่ดึงรั้งเขาไว้ เจ็บใจข้างใน ที่ทำไมผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ไหนก็มีแต่เงาของเธอ
“มีอะไรก็ขอให้พูดกันตรงนี้เถอะ” เย่เนี่ยนโม่กล่าว อ้าวเสว่มองติงยียีอย่างสะใจ
“ไม่มีอะไรแล้ว” ติงยียีพูดเสร็จก็หันหลังจากไป ต่อให้อ้าวเสว่จะพูดโกหก เย่เนี่ยนโม่ก็คงจะช่วยเธออยู่ดี ตัวเองถามหรือไม่ถามก็ไม่มีความแตกต่าง
เมื่อกลับไปถึงเฟิงจิ่งย่วน อ้าวเสว่ที่ต้องการจะลงจากรถ “ตี๊ดๆ” รถถูกล็อก เธอจึงกล่าวขึ้นด้วยความงุนงง: “ทำไมเหรอเนี่ยนโม่”
“คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณกับจางถังสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ” เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้เปิดโปงเธอตอนที่อยู่สำนักงานตำรวจ แต่ว่าคำพูดที่มีพิรุธของเธอ ละความสนใจจากเขาไม่ได้
อ้าวเสว่แสร้งทำเป็นนิ่งสงบแล้วกล่าว :“ฉันบังเอิญได้รับการติดต่อจากเขาหลังจากที่กลับมาประเทศ มีเวลาว่างก็แวะดื่มกาแฟด้วยกันสองสามแก้ว คืนนั้นฉันคิดถึงคุณมาก ไม่กล้าไปหาคุณ จึงได้ชวนเขามาดื่มกาแฟด้วยกันสองแก้ว ต่อไปฉันจะไม่ชวนเขาอีกแล้ว” พูดจบดวงตาของเธอเริ่มแดงก่ำ
เย่เนี่ยนโม่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาไม่เชื่อว่าอ้าวเสว่จะสามารถพูดโกหกได้ เพราะพวกเขาทั้งคู่เคยมีช่วงเวลาอดีตที่งดงามด้วยกัน
“ติงยียีทำไมถึงไปอยู่ที่นั่น” อ้าวเสว่ถามหยั่งเชิง
“คนที่ได้รับอุบัติเหตุคือคุณพ่อของเธอ ทางตำรวจเจอแหวนของดาราคนหนึ่งมีคราบเลือดของคุณพ่อของเธอ” เย่เนี่ยนโม่ลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมา
อ้าวเสว่แอบด่าจางถังในใจว่าไอ้ควายโง่ หลังจากเย่เนี่ยนโม่จากไป ก็ได้รีบโทรศัพท์ไปหาเขาทันที เมื่อวางสายก็ทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนกำลัง เมื่อได้พูดโกหกแล้ว ก็ต้องใช้คำโกหกอื่นมาทับเสริม วนไปไม่รู้จบรู้สิ้น
เรื่องของคุณพ่อและยังมีเรื่องของชาวเนเธอร์แลนด์ทำให้ติงยียีปวดศีรษะจนแทบจะระเบิด แต่เช้าตรู่ เธอแบกใบหน้าที่ขอบตาดำไปเฝ้าชาวเนเธอร์แลนด์ที่หน้าร้าน เพิ่งจะมาถึงก็เห็นอีกคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว
“ทำไมเธอถึงรู้ว่าคุณเฟ่ยหลอจะมาวันนี้” อ้าวเสว่มองเธอด้วยความสงสัย ทุกๆวันเฟ่ยหลอจะต้องมาตรวจร้านเป็นประจำ ซึ่งเหยนหมิงเย้าเป็นคนบอกกับเธอ แล้วติงยียีรู้ได้อย่างไร
“น้าหวางเป็นคนบอกกับฉัน” ติงยียีกล่าว อ้าวเสว่ยิ้มเยาะ คิดในใจ ไม่เต็มใจบอกก็ไม่เป็นไร จะอ้างพนักงานทำความสะอาดเพื่ออะไรกัน!”
ตอนเช้าแปดโมง รถเบนซ์คันหนึ่งปรากฏอยู่ในสายตาของคนทั้งคู่ เมื่อเฟ่ยหลอเห็นพวกเธอก็รีบหันหลังแล้วขึ้นไปในรถอีกครั้ง ทั้งคู่สบตากัน
อ้าวเสว่รู้ว่าเฟ่ยหลอมารับคู่หมั้นไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง จึงย่ามใจมองติงยียีแวบหนึ่ง หันหลังไปเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งแล้วก็จากไป
ติงยียีลังเลว่าจะไปชานเมืองของเมืองตงเจียงดีไหม เมื่อวานน้าหวางบอกว่าเธอมีญาติคนหนึ่งทำงานร้านของเฟ่ยหลอพอดี จึงได้รับข้อมูลว่าวันนี้เฟ่ยหลอจะไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับคู่หมั้นที่ชานเมือง ไม่สนใจแล้ว ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“คุณชายครับ คุณติงยียีล้มเหลวอีกแล้วครับ ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ผมเตรียมจะตามไปครับ” เสียงที่ชัดเจนของเย่ป๋อดังขึ้นจากโทรศัพท์
เมื่อวางสายโทรศัพท์ลง หลินเจี๋ยกำลังวางหมากลงบนกระดาน กล่าวขึ้น:“ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าวัยรุ่นอย่างพวกคุณกำลังทำอะไรกัน ชอบแต่กลับไม่ไขว่คว้า ในจุดจุดนี้นายสู้พ่อของนายไม่ได้เลยนะ”
“ผมรับปากกับลุงสวีไว้” เย่เนี่ยนโม่นวดกำลังกุมขมับจากนั้นวางหมาก สักพักกินรวบหลินเจี๋ยทีเดียวห้าหกเม็ด หลินเจี๋ยโกรธจนเคาะกาดินเผาสีม่วงที่อยู่ในมือเสียงดังแกร๊งๆ
“เห้าเซิง นายไปรับปากอะไรกับเขา แล้วอ้าวเสว่กับเขาเป็นอะไรกัน ผมเห็นเขาค่อนข้างเป็นห่วงเธอจริงๆ” หลินเจี๋ยโมโหเล็กน้อย มิตรภาพเขากับสวีเห้าเซิงตั้งหลายสิบกว่าปี แต่เขากลับมีเรื่องปิดบังตัวเอง
“ว้าว ไอ้หนู นี่นายมาล้อมผมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่” หลินเจี๋ยมองที่กระดานหมาก แล้วเห็นหมากขาวของตัวเองเหลือไม่กี่เม็ด ที่เหลือล้วนเป็นหมากดำ จึงได้แต่ถอนใจแล้วยอมรับว่าคนรุ่นหลังนั้นเหนือกว่าคนรุ่นก่อน
ชานเมืองของเมืองตงเจียงคือผืนทุ่งทานตะวัน แท็กซี่สองคันไปถึงที่หมายพร้อมกัน ติงยียีลงจากรถแล้วหันไปมองอ้าวเสว่ที่ก็กำลังลงจากรถด้วยความประหลาดใจ เหยนหมิงเย้าที่รออ้าวเสว่อยู่ก่อนแล้ว ได้กล่าวขึ้นอย่างมีนัยว่า :“นี่คือโลกกลมใช่ไหม”
อ้าวเสว่ที่สวมรองเท้าส้นสูงเงยหน้ายืดอกเดินผ่านติงยียีไป ทันใดนั้นเหยนหมิงเย้าที่อยู่ข้างๆได้กล่าวขึ้น “พวกคุณอยากร่วมมือกันไหม”
“ร่วมมือ?” ทั้งคู่เปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน
“พวกคุณแยกกันแบบนี้ มีแต่จะทำให้เฟ่ยหลอรำคาญ ผมเห็นว่าพวกคุณต่างมีวิธีที่ได้ข้อมูลมา จะดีกว่าไหมถ้าร่วมมือกัน พวกคุณก็น่าจะรู้ว่าเวลาพวกคุณเหลือไม่เยอะแล้ว” เหยนหมิงเย้ายิ้มปานจิ้งจอก
ติงยียีเดินมาที่ด้านหน้าของเธอ เดิมทีเธอก็ไม่ได้เกลียดอ้าวเสว่แต่อย่างใด ก่อนหน้านี้มีแต่อีกฝ่ายที่อคติต่อเธอ ครั้งนี้คือโอกาสที่เธอจะได้โชว์ความสามารถ เธอไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน
“อ้าวเสว่?” เหยนหมิงเย้าเร่งเร้า อ้าวเสว่จับมือของเธออย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็รีบดึงออกทันที ด้านหลังที่อยู่ไม่ไกลของทั้งสองคน เย่ป๋อได้รายงานทุกอย่างที่เห็นอย่างละเอียดยิบให้แก่คุณชาย
ณ ทุ่งทานตะวัน คู่บ่าวสาวกำลังโพสท่าแตกต่างกันออกไป เหยนหมิงเย้าที่อยู่ไม่ไกลได้กล่าวขึ้น:“เฟ่ยหลอเป็นคนหัวรั้น ถ้าหากไม่สามารถพูดโน้มน้าวเขาได้ ก็คงต้องเข้าทางภรรยาของเขา ถึงแม้ว่าภรรยาของเขาจะเป็นชาวเนเธอร์แลนด์เหมือนกัน แต่ว่าตั้งแต่เล็กใช้ชีวิตเติบโตที่สิงคโปร์ นิสัยค่อนข้างคุณหนู ถ้าสามารถจัดการภรรยาของเขาให้อยู่หมัดได้ ก็เท่ากับว่าสำเร็จไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว”
“อย่างนั้นจะทำอย่างไรให้ภรรยาของเขาเชื่อมั่นใจในตัวพวกเรา” ติงยียีกล่าวถาม เหยนหมิงเย้ามองพวกเธอสองคนอย่างไม่สามารถเดาอะไรได้ สองชั่วโมงต่อมา ติงยียีกับอ้าวเสว่ปรากฏตัวอยู่สโมสรออนเซนที่หรูหรา
“จะได้ผลจริงเหรอ” ติงยียีดึงชุดบิกินี่ที่อยู่บนตัวด้วยความเขินอาย อ้าวเสว่มองเธอด้วยหางตาแวบหนึ่งแล้วแอบหัวเราะ คนบ้านนอกคอกนาแบบนี้จะทำให้คนอื่นเชื่อได้อย่างไรว่าเป็นลูกผู้ดี
ไม่ไปสนใจเธอ อ้าวเสว่มุ่งตรงเข้าไปที่สโมสรออกเซน สิบห้านาทีผ่านไป หูฟังของทั้งคู่มีเสียงเหยนหมิงเย้าดังขึ้น “โปรดทราบ เป้าหมายได้ปรากฏตัวแล้ว”
“สามีของฉันนอกใจก่อนแต่งงานแล้ว ตอนนั้นนะกลับบ้านดึกๆดื่นๆทุกคืน เย็นชากับฉันมาก ฉันยังคิดว่าเขาอาจจะเหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน ที่ไหนได้แอบนอกใจฉัน!”
หญิงชาวต่างชาติพลางเอนกายนอนบนเก้าอี้เอนแล้วให้พนักงานคอยบริการนวดให้กับตัวเอง จากนั้นพลางหลับตาฟังบทสนทนาของหญิงสาวชาวจีนสองคนที่อยู่ข้างๆตัวเอง
อ้าวเสว่ส่งสัญญาณให้ติงยียีรีบต่อคำพูดของตัวเอง ติงยียีรับทราบทันใด จากนั้นรีบกล่าวขึ้น :“ก็ใช่นะสิ! ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายที่รวยก็ยิ่งมักจะนอกใจก่อนแต่งงาน!”
หญิงสาวได้ยินดังนั้น จึงลืมตาขึ้นมองพวกเธอสองคนด้วยความอยากรู้ และก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวแทรกขึ้น:“ฉันก็ใกล้แต่งงานเช่นกัน และฉันก็อยากฟังในสิ่งที่พวกคุณพูดมาก”
อ้าวเสว่กับติงยียียิ้มสบตากัน แล้วรีบก้าวมาข้างหน้า จากนั้นกล่าวขึ้น “คุณลองนึกดูว่าช่วงนี้ผู้ชายของคุณใช่แบบว่าออกบ้านเช้าแล้วกลับบ้านดึกไหม”
หญิงชาวต่างชาติลังเลครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า อ้าวเสว่กล่าวต่อ :“อย่างนั้นคุณลองนึกดูอีกที ทุกครั้งที่คุณต้องการเขาก็จะปัดปฏิเสธ บอกตัวเองเหนื่อยบ้างล่ะหรือไม่ความเร็วไม่คงทนอย่างเดิม!”
หญิงชาวต่างชาติได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นนั่งทันใด แล้วพยักหน้าถี่ๆ มองติงยียีกับอ้าวเสว่อย่างชื่นชม ติงยียีรีบกล่าวขึ้น :“ถ้าไม่เชื่อคุณก็ลองโทรหาเขาตอนนี้ดูสิ เขาจะต้องไม่รับสายอย่างแน่นอน”
หญิงสาวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกล่าวขึ้น :“นิสัยของผู้ชายชาวจีนสามารถนำมาเปรียบกับชายต่างชาติได้ด้วยเหรอ” เมื่อได้รับคำตอบจากพวกเธอทั้งสองคนแล้ว หญิงชาวต่างชาติก็ทำการโทรศัพท์หาหมายเลขของคู่หมั้น เสียงรอสายที่ยาวนาน โทรศัพท์ไม่มีคนรับสาย
“เขาไม่รับสายจริงๆด้วย!” หญิงสาวเริ่มกระสับกระส่าย ผู้หญิงที่ตามจีบเฟ่ยหลอนั้นมีมากมาย กว่าเธอจะทำให้เขายอมตกลงแต่งงานกับตัวเองนั้นไม่ง่ายเลย แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงได้กลายเป็นผู้ชายแบบนั้นไปได้!
“เมื่อคุณกลับไปลองถามเขาดู เขาจะต้องบอกว่าทานเหล้ากับเพื่อนๆแล้วลืมอย่างแน่นอน” ทั้งคู่ต่างพูดเติมใส่ไฟล้างสมองหญิงสาว หญิงชาวต่างชาติจึงนั่งไม่ติด หลังจากขอหมายเลขโทรศัพท์ของพวกเธอทั้งสองจากนั้นก็รีบร้อนจากไป
มองแผ่นหลังของหญิงชาวต่างชาติ จากนั้นทั้งคู่ก็หันมายิ้มให้แก่กัน เมื่อเห็นรอยยิ้มในแววตาของอีกฝ่าย อ้าวเสว่ก็หุบยิ้มแล้วกลับไปสู่โหมดเย็นชาเหมือนเดิม
เมื่อหญิงชาวต่างชาติกลับไปถึงโรงแรมก็ทำการโทรซ้ำๆหาเฟ่ยหลอทันที จนกระทั่งตกดึกสงัด เฟ่ยหลอกลับโรงแรมด้วยกลิ่นเหล้าหึ่ง
“เฟ่ยหลอ ทำไมคุณถึงกลับดึกขนาดนี้” หญิงชาวต่างชาติถามคำถามด้วยคำพูดที่สองสาวชาวจีนได้สอนตัวเองเมื่อตอนที่เจอที่สโมสรออนเซน
“ดื่มเหล้ากับเพื่อนมา” เฟ่ยหลอถอดเนกไทด้วยความหงุดหงิดรำคาญ ช่วงนี้แค่เรื่องการออกแบบแหวนก็ทำให้เขาปวดศีรษะแล้ว อยากจะจัดพิธีแต่งงานสุดคลาสสิคแบบคุณย่าอีกครั้ง พิธีสวมแหวนก็จะขาดไม่ได้
หญิงชาวต่างชาติจะไปรู้ความคิดของเขาได้อย่างไร รู้แต่เพียงว่าสองสาวชาวจีนนั้นพูดถูก อาศัยจังหวะที่เฟ่ยหลอไปอาบน้ำ หญิงสาวก็รีบโทรศัพท์หาอ้าวเสว่
อ้าวสว่ยุแยงให้เธอไปเปิดเช็คกระเป๋าของเฟ่ยหลอ หญิงชาวต่างชาติเกิดอาการลังเลเล็กน้อย ในต่างประเทศการเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าของคนอื่นถือเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมาก สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้และไปเปิดกระเป๋าเสื้อสูทของเฟ่ยหลอ แล้วเจอถุงยางอนามัยอย่างไม่คาดคิด
ในบาร์ อ้าวเสว่วางสายโทรศัพท์ลง แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับติงยียีและเหยนหมิงเย้า เหยนหมิงเย้ายิ้มแล้วกล่าว :“ผมสืบมาแล้วว่าหญิงชาวต่างชาติคนนั้นชอบหึงที่สุด ช่วงนี้เฟ่ยหลอยุ่งอยู่กับงานแต่งงานจนหัวหมุน ขอเพียงพวกเราแนะนำเพียงเล็กๆน้อยๆ ก็จะชักจูงให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจผิดได้ง่าย
กอปรกับวันนี้ผมชวนเขาให้ดื่มเหล้า ผู้หญิงคนนั้นตอนนี้จะต้องคิดว่าสิ่งที่พวกคุณพูดช่างแม่นมาก พรุ่งนี้เธอจะต้องมาหาพวกคุณอีก”
เหยนหมิงเย้าหยิบถุงยางอนามัยที่เหลือจากการยัดใส่สูทของเฟ่ยหลอออกมา แล้วหมุนเล่นต่อหน้าพวกเธอทั้งสองคน อ้าวเสว่ที่เริ่มเมาเล็กน้อย ชี้ไปทางติงยียีแล้วกล่าว:“เธอรู้ไหมว่าเย่เนี่ยนโม่คือทุกอย่างของฉัน ทำไมเธอต้องแย่งเขาไปจากฉันด้วย!”
ติงยียีเงียบ ทั้งที่อยากจะบอกว่าตัวเองไม่ได้แย่ง แต่หัวสมองกลับผุดร่างของคนคนนั้นขึ้น ใบหน้าที่ยิ้มทั้งเศร้า ถูกความจริงกระแทกเข้ามาในดวงใจอีกครั้ง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset