สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1468 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1368

หญิงสาวมองเธออย่างเย็นชา ในแววตามีความรังเกียจ ติงยียีไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่เป็นมิตรขนาดนั้น จึงช่วยย้ายแจกันดอกไม้ไปอีกด้านอย่างเงียบๆแล้วถึงปล่อยมือ
เธอถอดเสื้อคลุมออก หญิงสาวจากเดิมที่เย็นชาได้ถือผ้าปูที่นอนหนึ่งผืนมาล้อมจากผนังด้านหนึ่งมาอีกด้านหนึ่ง จนคลุมปิดติงยียีไว้ ติงยียีกล่าวอย่างไม่เข้าใจ :“ทำไมเหรอคะคุณน้า”
หญิงสาวเงียบไม่พูด หลังจากล้อมเสร็จแล้วเธอก็วุ่นกีบทำงานของตัวเองต่อ ติงยียีเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ได้ดึงชายเสื้อลงเพื่อปกปิดสะดือที่เกือบจะโผล่ออกมาจากนอกเสื้อ นอกประตูห้องมีคนมาเคาะประตู ดูเหมือนหญิงสาวจะแข็งทื่อและหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ จากนั้นจึงค่อยๆผ่อนคลายและทำความสะอาดต่อ
ติงยียีเดินออกมาจากห้อง ช่างภาพหลังจากเห็นการแต่งตัวของเธอแล้ว ตาก็เป็นประกาย น้ำเสียงก็ดีขึ้นมาก แล้วเรียกเธอให้มายืนที่ฉากเวที
เธอยืนตามที่ช่างภาพแนะนำ โพสท่าตามที่ช่างภาพต้องการ ช่างภาพมองแล้วกล่าวขึ้นทันใด :“ไม่ได้ การโพสของคุณนี้ใช้ไม่ได้เลย มา เดี๋ยวคุณโพสท่าตามท่าทางเหล่านี้นะ”
เขาเปิดอัลบั้มรูปวางไว้ด้านหน้าติงยียี ติงยียีเปิดพลิกดู ใบหน้าก็แดงก่ำขึ้น ในอัลบั้มรูปมีรูปมากมายที่นางแบบใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น โพสท่าทางที่เผยให้เห็นถึงเนื้อหนังมังสาอย่างชัดเจน
“เลือกท่าได้แล้ว พวกเราก็จะเริ่มถ่ายกัน” ช่างภาพเดินกลับไปด้านหน้ากล้อง เห็นติงยียียังยืนอยู่ที่เดิม จึงกล่าวอย่างไม่พอใจ: “เป็นอะไรอีก!”
ติงยียีปิดอัลบั้มรูปลงแล้วเดินไปที่ห้องเมื่อสักครู่ “ฉันไม่รับงานพาร์ทไทม์นี้แล้ว”
“คุณนี่ยังไงกัน พวกเราใช้กำลังคน วัสดุ และเงินเพื่อการสัมภาษณ์ครั้งนี้นะ” ช่างภาพกล่าวอย่างไม่พอใจ
ติงยียีครั้งนี้ไม่เกิดอาการลังเล “ขออภัย อาจเป็นเพราะฉันไม่เคยทำงานพาร์ทไทม์แบบนี้มาก่อน ฉันจึงไม่รู้ว่าจะต้องสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นจนเห็นเนื้อหนังมังสาเช่นนี้ โพสท่าเหล่านั้น ฉันคิดว่าฉันคงไม่สามารถทำได้”
ช่างภาพเห็นท่าทางที่เด็ดขาดของเธอ น้ำเสียงจึงไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนก่อนหน้านี้ “คนสวย คุณทำแบบนี้พวกเราลำบากใจจริงๆนะ หรือไม่คุณโพสท่าอะไรได้”
ติงยียีไม่ยอม ช่างภาพที่อยู่ด้านหลังโมโหขึ้นจะเข้ามาดึงตัวเธอ เธอจึงวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว อ้อมวนหนึ่งรอบจนกลับมาที่ฉากเวที แล้วคว้ากล้องSLRบนขาตั้งกล้องมาจับไว้
“เฮ้ย เธอจะทำอะไร วางลงซะ!” ช่างภาพลนลาน ยื่นมือจะมาแย่ง ติงยียีถอยหลังสองสามก้าว ยกกล้องSLRขึ้นแล้วกล่าวอย่างเสียงแข็งขึ้น: “ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ถ่าย ถ้าคุณยังบังคับฉันอีก ฉันจะทุบกล้องของคุณให้แตกเลย”
“ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย วางของลงแล้วคุณไปได้!” ชายหนุ่มข่มอารมณ์โกรธไว้ ติงยียีปล่อยมือลง สายตาเหลือบเห็นโหมดดูภาพในกล้องSLRอย่างไม่ตั้งใจ ภาพในกล้องเห็นหญิงสาวคนหนึ่งใสเสื้อผ้าน้อยชิ้น โพสท่าที่บัดสีบัดเถลิง ในดวงตายังซึมด้วยน้ำตา
“พวกคุณบังคับให้พวกเธอถ่ายรูป!” ติงยียีกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ชายหนุ่มตวาดเสียงขึ้นทันใด จะเข้ามาจับติงยียีโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันพลันด้านนอกเกิดเสียงโกลาหลขึ้น ชายหนุ่มทั้งคู่ตกใจชะงัก จ้องถมึงทึงใส่เธอ แล้วไปเปิดประตูดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันทีที่ชายหนุ่มเปิดประตูออก ทรวงอกก็ถูกถีบเข้าที่อย่างจัง จนกระเด็นกระดอนเข้าไปในห้อง ติงยียีกอดกล้องSLRมองการปรากฏตัวของเย่เนี่ยนโม่ดั่งเทพเจ้า
สายตาเย่เนี่ยนโม่ตกกระทบไปที่ร่างของติงยียี รูม่านตาหดขึ้น ใบหน้าที่เดือดดาลของเขาทำให้คนรู้สึกกลัว เขารีบถอดชุดสูทของตัวเองมาคลุมตัวของติงยียีไว้
แววตาของเขามองไปทางติงยียีอีกครั้ง คอปกเสื้อที่หลวม ชุดสูทไม่สามารถปกปิดได้ไม่ทั่วถึง สีหน้าจึงได้เปลี่ยน
“เนี่ยนโม่ ฉันไม่เป็นไร” ติงยียีตกใจอย่างมาก เมื่อเห็นเขาเดินไปที่หน้าฉาก แล้วดึงฉากผ้าสีขาวออกมา จากนั้นเดินกลับมาสะบัดฉากผ้านั้นออกมาคลุมห่อตัวเองไว้แน่นราวกับมัมมี่
มีเสียงดังอยู่นอกประตู สักพักก็มีเสียงกล่าวขึ้น “อยู่นิ่งๆอย่าขยับ พวกเราคือตำรวจ” ช่างภาพค่อยๆแอบคลานแล้วปีนขึ้นหน้าต่างอย่างช้าๆ จากนั้นเหยียบเท้าลงบนหน้าต่าง แต่คอเสื้อด้านหลังก็ถูกคว้าไว้อย่างจัง
เย่เนี่ยนโม่จ้องมองเขาแล้วกล่าวว่า:“ลงไม้ลงมือกับเธอเหรอ”
“ยังๆ เธอดุจะตาย ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย!” ชายหนุ่มรีบพูดและโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าดูมืดมนราวกับอสูรในนรก
เย่เนี่ยนโม่เลิกคิ้วแล้วกล่าว :“ถ้าเธอไม่ดุมึงคิดจะทำอะไรเธอ”
ชายหนุ่มคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะพูดอะไรก็ผิด จึงเงียบไม่กล้าพูดอะไรอีก นอนหมอบอย่างนิ่งๆ
Bakerเดินเข้ามา เห็นติงยียีที่ถูกพันอย่างแน่นหนา จึงกล่าวขึ้น :“ทุกคนที่อยู่ด้านนอกได้สารภาพหมดแล้ว ทำกันเป็นขบวนการ โดยใช้การรับสมัครงานบังหน้า จากนั้นให้หญิงสาวที่สมัครไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องที่ได้ติดกล้องไว้ จากนั้นถ่ายภาพ คนที่ไม่เต็มใจก็จะถูกปล่อยภาพในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า มีบางคนยังถูกแบล็กเมล์ด้วยรูปถ่าย
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายหนุ่มที่หมอบอยู่บนพื้นก็ถูกเย่เนี่ยนโม่กระชากขึ้นแล้วชกตีหลายหมัด จนจมูกเลือดไหลออกมา ชายหนุ่มลืมตาที่บวมเป่งจากการถูกต่อยตีอย่างยากลำบาก มองไปทางBakerแล้วตะโกนขึ้น “ตำรวจครับ ผมไปกับพวกคุณ ช่วยผมด้วย”
Bakerค่อยๆจุดบุหรี่หนึ่งมวนแล้วสูบ จากนั้นหันหลังมาถามติงยียี “เมื่อสักครู่มีเสียงคนพูดขึ้นเหรอ”
เมื่อชายหนุ่มถูกเย่เนี่ยนโม่ต่อยจนแม่ยังจำลูกตัวเองไม่ได้ Bakerถึงได้เข้าไปห้าม ตำรวจหยิบกล้องและเทปวิดีโอออกจากห้อง เย่เนี่ยนโมยื่นมือจะหยิบ
“ไม่ได้นะ ต้องใช้เป็นหลักฐาน!” Bakerรีบดึงกลับมาอย่างไว
“หลักฐาน?” เย่เนี่ยนโม่ถามกลับอย่างรีบร้อนด้วยความโกรธ ให้คนอื่นดูติงยียีเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างโจ๋มครึ่มอย่างนั้นเหรอ อย่าแม้แต่จะคิด
“เธอไม่ได้โดนถ่าย ฉันได้ใช้ผ้าปูที่นอนล้อมไว้แล้ว”
หญิงสาวที่กำลังถูกนำตัวออกจากห้องได้กล่าวขึ้น เธอจ้องมองติงยียีอย่างลึกซึ้ง ก่อนหน้านี้มีหญิงสาวมากมายที่ถูกหลอกมาที่นี่ ต่อให้พวกเธอจะรู้ว่าถูกหลอก ก็ไม่กล้าพูดออกมา อีกทั้งยังแสดงกิริยาที่ไม่ดีต่อเธอ มีเพียงติงยียีที่เต็มใจช่วยเธอ เธอก็เลยถือโอกาสตอบแทนน้ำใจ
ฟ้าได้มืดค่ำแล้ว ติงยียีที่พันตัวด้วยผู้ปูที่นอนเดินลงมาจากรถ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็วิ่งขึ้นรถไป เย่เนี่ยนโม่เห็นเธอนั่งกลับมาที่รถอย่างเดิม เลิกคิ้ว “มีธุระเหรอ”
“ฉันผิดไปแล้ว” เธอก้มหน้ารับผิด
“ผิดตรงไหน”
“ฉันไม่ควรเห็นงานพาร์ทไทม์แล้วก็ไปทำอย่างโดยไม่คิดไตร่ตรอง สุดท้ายยังเกือบโดนหลอกอีก”
“ถ้าหากสิ่งที่อยากพูดมีเพียงเท่านี้ อย่างนั้นผมรู้แล้ว” เย่เนี่ยนโม่ข่มอารมณ์โกรธไว้แล้วกล่าว
ติงยียีมองเขาอย่างมึนงง หรือว่าตัวเองยังทำเรื่องที่ทำให้เขาโกรธอีก ท่าทางของเธอที่เงียบนี้ในสายตาของเย่เนี่ยนโม่ ก็เหมือนไม่เต็มใจที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ติงยียี” เขากล่าวต่ออย่างเหนื่อยหน่าย “ที่ผมโกรธไม่ใช่เป็นเพราะว่าคุณเกือบจะได้รับอันตราย แต่เป็นเพราะว่าคุณมีเรื่องลำบากแล้วไม่ยอมมาหาผม”
เมื่อนึกถึงตัวเองที่ได้ยินคำพูดจากปากซ่งเมิ่นเจ๋ว่าติงยียีไปทำงานพาร์ทไทม์อย่างไม่คิดชีวิต เพราะเรื่องเงินค่ารักษาพยาบาล เขาเจ็บปวดใจจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ยิ่งโกรธแทบอยากจะบีบเธอให้ตายรู้แล้วรู้รอด!
บนรถที่ปิดสนิท ความเงียบงันทำให้คนกดดัน เย่เนี่ยนโม่ปลดเนกไทออก กดหน้าต่างรถให้ต่ำลง ปล่อยอากาศเย็นๆจากด้านนอกเข้ามาในรถ ไหล่ของเขารู้สึกหน่วงขึ้น
ติงยียีพิงซบอยู่ที่ไหล่ของเขา แล้วใช้ผมที่ยาวมาปกปิดความไม่มั่นใจบนใบหน้า แล้วกล่าวเบาๆ :“ฉันตัวเล็กและอ่อนแอมาก บางทีอาจจะพึ่งพาคุณหลายๆครั้ง แต่ฉันไม่รู้ว่าวันหนึ่งคุณจะรำคาญความรู้สึกแบบนี้หรือไม่ ที่รู้สึกว่าการพึ่งพาของฉันจะทำให้คุณกดดัน
เย่เนี่ยนโม่ฟังเธอพูดความในใจอย่างเงียบๆแล้วทำการวิเคราะห์ ความรู้สึกแรกก็รู้สีกว่าเธอช่างอ่อนแอมาก อ่อนแอขนาดที่ว่ารับทุกอย่างไว้ไม่ได้
ติงยียีพล่ามอยู่ตั้งนาน แล้วก็หุบปากลงด้วยความรู้สึกเขินอาย ศีรษะถูกเขกทีหนึ่งด้วยแรงไม่หนักไม่เบา เธอเงยหน้าขึ้นมองถุงเอกสารในมือของเย่เนี่ยนโม่ที่ใช้เขกศีรษะเธอ
เย่เนี่ยนโม่วางเอกสารลงในมือของเธอ ส่งสัญญาณให้เธอเปิดดู ติงยียีเปิดด้วยความสงสัย เธอล้วงกองเอกสารที่หนาตึบในนั้นออกมา ด้านบนสุดมีตัวอักษร‘ความลับ’สองคำประทับด้วยหมึกสีแดง
“เวลากระชั้นชิดเกิน จึงทำได้เพียงเท่านี้” เย่เนี่ยนโม่กล่าวเบาๆ ติงยียีเปิดดูสองหน้า นิ้วมือที่จับกระดาษได้สั่นเทา แรงในการจับแรงมากจนข้อต่อนิ้วกลายเป็นสีขาวซีด กระดาษที่จับแล้วสั่นทำให้เกิดเสียงดังขึ้น เธอถามด้วยเสียงสั่นเครือ: “นี่คืออะไร”
“รายการทรัพย์สินของผม” เย่เนี่ยนโม่หยิบเอกสารแผ่นสุดท้ายออกมายื่นให้กับเธอ ด้านในคือประกันที่มีค่ามหาศาล ผู้รับผลประโยชน์คือเธอ
เขากุมมือที่สั่นเทาของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ที่ผมทำทั้งหมดนี้ก็เพื่ออยากให้คุณได้รู้สึกว่า ที่คุณไม่อยากรบกวนผม ไม่อยากพึ่งพาผม กลับทำให้ผมทรมานใจ ปัจจัยสิ่งของเหล่านี้ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถให้คุณได้ทั้งหมด”
“ใครอยากได้สิ่งเหล่านี้ของคุณ!” ติงยียีฉีกแผ่นประกันที่มีค่ามหาศาลในมือทิ้ง น้ำตาร่วงหล่นจนเปียกซึมแผ่นกระดาษ เย่เนี่ยนโม่โอบเธอมากอดไว้ หน้าผากชนหน้าผาก สัมผัสลมหายใจกันและกัน “เจ็บปวดไหม บอกผมสิว่าเจ็บปวดไหม”
ติงยียีซบอยู่ที่หน้าอกของเขา ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา สะอึกพยักหน้า เย่เนี่ยนโม่รัดแขนตัวเองแน่นขึ้น น้ำเสียงแหบแห้ง “ผมก็เจ็บปวดเหมือนกัน เจ็บปวดกว่าคุณด้วยซ้ำ รับปากผมต่อไปหากมีเรื่องอะไรจะต้องบอกกับผม ให้ผมได้ช่วยคุณดีไหม”
“อืม ฉันรับปากคุณ” ติงยียีพยักหน้ารัวๆ
ทั้งคู่คลอเคลียกันอีกสักพัก ติงยียีถึงเดินเข้าบ้านไปอย่างมีความสุข เธอชินกับการยืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง โดยปกติแพนด้าเมื่อได้ยินเสียงเธอก็จะวิ่งออกจากบ้านมารับเธอ แต่วันนี้กลับเงียบสงบ
ติงยียีเปลี่ยนรองเท้าเดินเข้าไปในบ้าน มองหาเงาของแพนด้าโดยรอบ สายตากวาดมองไปที่โต๊ะบรรพชนในห้องรับแขก รูปถ่ายของแม่บนโต๊ะบรรพชนหายไป
“พ่อ!” ติงยียีเริ่มกระสับกระส่าย ร้องเรียกหาอย่างเสียงดัง ไม่มีเสียงที่คุ้นเคยตอบรับเช่นปกติ บ้านทั้งหลังเงียบสงบ
เธอวิ่งเข้าไปในห้องของคุณพ่ออย่างบ้าคลั่ง เมื่อเปิดออก ด้านในว่างเปล่าไม่มีคน เปิดตู้ออก ด้านในถูกค้นจนรกรุงรังไปหมด มีกล่องๆหนึ่งถูกทิ้งลงบนพื้น ติงยียีจำได้ว่าเป็นกล่องที่ใส่ชุดสูทของคุณพ่อที่ใส่ในวันแต่งงาน
“พ่อ พ่ออย่าทำให้หนูเสียขวัญสิ” ติงยียีรู้สึกเข่าอ่อน พยุงตัวเองแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบน ห้องอาบน้ำกับห้องอเนกประสงค์ก็ไม่มีคน เธอเหลือบไปมองที่ประตูห้องตัวเอง
เธอวางมือลงที่ลูกบิดประตู บนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ จนแทบจะบิดลูกบิดไม่ออก
ประตูไม้แบบดั้งเดิมถูกเปิดออกพร้อมด้วยเสียงดังเอี๊ยด ติงยียีกัดหลังมือของตัวเองอย่างแรง ความเจ็บปวดจะได้ทำให้เธอไม่ทรุดล้มลง
บนพื้น ติงต้าเฉินสวมชุดตอนแต่งงาน ในอกกอดรูปถ่ายของภรรยาไว้แล้วนอนอย่างนิ่งๆ ในปากยังมีฟองไหลออกมาไม่หยุด ขวดเลอะๆที่อยู่ข้างๆทับแผ่นกระดาษหนึ่งแผ่นไว้ แพนด้าก็นั่งอยู่ข้างๆเขาอย่างไม่กระดุกกระดิก

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset