สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1472 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1372

เธอสงสัยเขา แต่ในใจก็อยากรู้ความจริง ไม่ว่ายังไงครั้งนี้เธอต้องส่งจางถังเข้าคุกให้ได้
รถแท็กซี่ขับตามรถของเย่เนี่ยนโม่ เห็นรถของเย่เนี่ยนโม่ขับเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง อ้าวเสว่โมโหจนแทบบ้า
เธอเห็นติงยียีเดินออกมาจากประตู เย่เนี่ยนโม่จับมือเธอไว้ ทั้งสองจูงสุนัขขึ้นไปในรถอย่างสวีทหวานแล้วขับออกไปทันที
“คุณผู้หญิงครับ จะให้ตามไปไหมครับ” คนขับรถถาม
“ถามมาก ตามไปเดี๋ยวนี้เลย!” อ้าวเสว่พูดอย่างเดือดดาล คนขับเบ้ปาก แล้วขับรถตามรถปอร์เช่คันข้างหน้าเขาต่อไปด้วยสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
เมื่อรถหยุดจอดที่วอลมาร์ต ติงยียีกับเย่เนี่ยนโม่พาแพนด้าลงจากรถ แพนด้ามีความสูงเท่าเด็กอายุห้าหกขวบแล้ว บวกกับเย่เนี่ยนโม่ที่หล่อเหลา มักจะมีคนมองมาที่บุคคลเพอร์เฟกต์ทั้งสองตลอด
อ้าวเสว่โมโหจนแทบบ้าคลั่ง แผ่นหลังของติงยียีกับเย่เนี่ยนโม่เหมือนดาบสองเล่มที่สลับกันแทงหัวใจของเธอไปมา
พอเห็นทั้งสองคนเดินเข้าไปในวอลมาร์ต อ้าวเสว่ก็รีบลงจากรถ คนขับรถตะโกนเรียกเธอไว้ “คุณผู้หญิง คุณยังไม่ได้จ่ายค่ารถเลย!”
อ้าวเสว่หันกลับไปจ้องหน้าเขาทันที คนขับรถสะดุ้งตกใจเพราะเห็นความอิจฉาริษยาและความโกรธแค้นในดวงตาของเธอ อ้าวเสว่ โยนกระเป๋าเงินให้เขา แล้วหันหลังวิ่งไปทางวอลมาร์ตทันที
ในซูเปอร์มาร์เก็ต ติงยียีเดินนำหน้าและหยิบขนมใส่ในรถเข็นไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นบ๊วยเค็ม, มันฝรั่งทอดกรอบ เย่เนี่ยนโม่ที่เดินตามหลังเก็บขนมที่โยนไว้สองสามถุง ส่วนที่เหลือถูกเอากลับไปวางที่เดิม แล้วเปลี่ยนเป็นพวกวิตามินซีและน้ำมันตับปลา รอจน ติงยียีรู้สึกตัวก็พบว่าใสตะกร้าสินค้าเต็มไปด้วยบรรดาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
“ขนมของฉัน!” ติงยียีบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ เย่เนี่ยนโม่เอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธอ แล้วพูดว่า “เด็กดี กินพวกนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ”
“ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะคะ!” เสียงของเขาอ่อนโยนเกินไป ติงยียีบ่นพึมพำโดยที่ในมือยังกอดกล่องขนมบิสกิตไว้ แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ
อ้าวเสว่บีบมะม่วงในมือไว้แน่น จนน้ำสีเหลืองไหลออกมาระหว่างนิ้วของเธอ กลิ่นมะม่วงที่เข้มข้นโชยออกมา ทุกคนรอบตัวเธอรีบถอยให้ห่างจากเธอ กลัวว่าเธอจะอาละวาดจนทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ
อ้าวเสว่หัวเราะออกมาอย่างเกลียดชัง ก่อนจะโยนมะม่วงทิ้งแล้วเดินออกไป เธอต้องการให้ทุกคนรู้ว่าติงยียีเป็นมือที่สาม
ติงยียีมองไปทางประตู ตั้งแต่เมื่อตะกี้เธอก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกสายตาที่เย็นชาแอบมองอยู่ตลอด เย่เนี่ยนโม่ถามด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
เธอส่ายหน้า บางทีเธออาจคิดไปเองก็ได้ ติงยียีเดินออกจากวอลมาร์ต แล้วชี้ไปที่รอยขีดข่วนยาวๆ บนรถปอร์เช่อย่างตกใจ บริเวณด้านซ้ายและด้านขวาของรถถูกขูดขีดด้วยของมีคม เป็นคำว่า ‘ชายชั่ว’ ‘หญิงชู้’ อย่างเห็นได้ชัด
ผู้คนรอบๆ ชี้ไปที่รถ ติงยียียืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ที่เดิม มือของเธอถูกจับมาจูงมือ เธอหันกลับมา เห็นเย่เนี่ยนโม่สีหน้าเรียบนิ่ง กุมมือเธอไว้ ในขณะที่โทรหาบริษัทประกันภัย ยังคงเมินเฉยต่อเสียงซุบซิบนินทารอบตัว
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!” เสียงสุนัขเห่า ทำให้ฝูงชนรีบแยกย้ายกันไปด้วยความกลัว แพนด้าวิ่งไปที่ตรงหน้าติงยียี แล้วแยกเขี้ยวขู่ฝูงชน ขนาดตัวที่ใหญ่โตของมันทำให้หลายคนก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว แล้วเดินหนีไป
หลังจากคุยเสร็จ เย่เนี่ยนโม่ก็พาติงยียีขึ้นรถแท็กซี่ไป หลังจากหลีกหนีจากเสียงนินทานอกหน้าต่างแล้ว ติงยียีพอจะคาดเดาอะไรได้ แต่เธอไม่กล้าพูดออกไป จึงทำได้เพียงจับมือไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ในซอยทางเข้าบ้านเต็มไปด้วยผู้คนมายืนมุงดู พอพวกเขาเห็นติงยียี เพื่อนบ้านในละแวกนั้นก็มองเธอด้วยสายตาเยาะเย้ย
เย่ป๋อกำลังถือบรรดากระดาษในมือ ท่าทางเหมือนคิดไม่ถึงว่าพวกคุณชายจะกลับมาถึงเร็วขนาดนี้ ยังเหลืออีกแผ่นแปะอยู่บนกำแพงไม่ได้ดึงออก
‘ผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายแย่งแฟนคนอื่น ขอให้สวรรค์ลงโทษ!’ ตัวหนังสือสีแดงเลือดขนาดใหญ่บนกระดาษดูน่าตกใจมาก เย่ป๋อรีบฉีกแผ่นสุดท้ายลงมา แล้วรีบวิ่งไปหาเย่เนี่ยนโม่อย่างรู้สึกผิด พอเห็นสายตาของติงยียีมองมาที่กระดาษในมือของเขา เขาก็รีบเอาไปซ่อนไว้ด้านหลังทันที
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วแน่น ตอนที่อยู่วอลมาร์ตเขาก็คิดไว้แล้วว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ เขาขอให้เย่ป๋อตรวจสอบที่บ้านของ ติงยียี แต่คิดไม่ถึงว่าจะสายเกินไป
เขาจูงมือของติงยียีเดินออกไป ติงยียีมองไปรอบด้าน ทุกคนล้วนแต่เป็นเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่มานานกว่าสิบปี เธอดึงมือออกจากการมือของเย่เนี่ยนโม่ แล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดคืออาการของพ่อเธอ
ภายในบ้านไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในบ้านตกอยู่ในความเงียบ มีกระดาษข้อความอยู่บนโต๊ะหนึ่งแผ่น ติงต้าเฉินไปเยี่ยมอดีตเพื่อนร่วมงานของเขา ตอนนี้ไม่อยู่บ้าน
ติงยียีรู้สึกหมดแรงจนทรุดตัวลงกับพื้น นั่งกอดตัวเองไว้แน่น ราวกับว่าทำแบบนี้เท่านั้นถึงสามารถปกป้องตัวเองได้
เย่เนี่ยนโม่ก้มตัวไปมองผู้หญิงที่เขารักกำลังเศร้าโศกและเสียใจ ไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้อีกต่อไป เขาบอกเย่ป๋อให้ดูแลติงยียีให้ดี แล้วกระโดดขึ้นไปบนรถสปอร์ตที่เย่ป๋อขับมา เร่งความเร็วออกตัวไป ก่อนจะขับเคลื่อนหายไปจากซอย
ติงยียีนั่งนิ่ง จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงเห่าอย่างตื่นเต้นของแพนด้า เธอรีบลุกขึ้นยืน แต่พอเห็นอ้าวเสว่ที่เดินตามข้างหลังพ่อของเธอ มาเธอก็ยิ้มไม่ออกอีกต่อไป
อ้าวเสว่เข็นรถเข็นของติงต้าเฉินเข้าประตูมา บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน โทรศัพท์มือถือของเธอสั่นอยู่ในกระเป๋าของเธอไม่หยุด เธอรู้ว่าใครโทรมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอเห็นเบอร์โทรนี้คงดีใจมากแต่ตอนนี้กลับเย็นชามาก โทรศัพท์มือถือที่สั่นสะเทือนเสียดสีผิวหนังของเธอทำให้เธอรู้สึกมีความสุขกับการแก้แค้นเป็นอย่างมาก
“ยียี พ่อบังเอิญไปเจอเพื่อนร่วมงานของลูกตรงทางเข้าซอยบ้านเรา เธอเป็นคนดีมากเลย ทั้งสวยทั้งฉลาด”
ติงยียีมองไปที่อ้าวเสว่ แล้วส่ายหัวเล็กน้อย ขอแค่ไม่ใช่ที่นี่ ขอแค่เธอไม่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าพ่อของตนเอง จะให้เธอทำอะไรก็ได้ เธอมีเพียงคำขอนี้เท่านั้น
อ้าวเสว่มองหน้าเธออย่างสะใจ แล้วพูดอย่างเรียบร้อย “คุณลุงคะ ลูกสาวของคุณลุงเก่งมากเลยล่ะค่ะ”
ติงต้าเฉินยิ้มกว้าง “ขอบคุณสำหรับคำชม พวกหนูเป็นเพื่อนร่วมงานกันก็คอยดูแลกันด้วยนะ มีพวกหนูคอยดูแลลุงก็สบายใจแล้ว”
อ้าวเสว่เงยหน้าขึ้นมองติงยียี แววตาของเธอเย็นชา แต่เสียงของเธอยิ่งนุ่มนวลมากขึ้น “แต่หนูรู้สึกว่าหนูช่วยเหลืออะไรเธอไม่ค่อยได้แล้วสิคะ”
ติงต้าเฉินรู้สึกว่าทั้งสองคนมีบางอย่างผิดปกติ สายตาของเขามองพวกเธอสลับกันไปมา อ้าวเสว่เดินไปตรงหน้าติงยียีช้า ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเชื่องช้า “แต่ลูกสาวของคุณลุงเป็นผู้หญิงดี ๆ กลับไม่ยอมเป็น กลับอยากเป็นชู้กับคนรักของคนอื่น แย่งคนรักของคนอื่น!”
“อ้าวเสว่!” ติงยียีเอ่ยปาก น้ำเสียงของเธออ่อนแรงเล็กน้อย จะให้เธอพูดว่ายังไง บอกว่าคนที่เย่เนี่ยนโม่รักคือเธอ? ให้อ้าวเสว่ยอมปล่อยมือ ไม่ว่าคำพูดเหล่านี้จะผุดขึ้นมาในสมองกี่ครั้ง เธอก็ไม่สามารถพูดมันออกมาได้
“อย่าเรียกชื่อฉัน แกไม่คู่ควร!” อ้าวเสว่ยกมือขึ้น แต่ถูกสกัดไว้กลางอากาศ ติงยียีจับมือเธอเพื่อป้องกันไม่ให้เธอทำมากไปกว่านั้น เสียงของเธอแหบแห้ง แล้วเธอพูดออกมาทีละคำ “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ยียี ลูกเข้าไปทำลายความรักของคนอื่นจริง ๆ เหรอ?” ติงต้าเฉินเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ติงยียีมองมาทางเขาอย่างเศร้าเสียใจ เธออยากจะอธิบาย แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
“พูดสิ ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้ปากเก่งมากไม่ใช่หรือไง!” อ้าวเสว่สะบัดมือออก แล้วยกมือขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ติงยียีไม่ทันได้ตั้งตัว จึงหลับตาลงทำใจรับความเจ็บปวด
“หยุดนะ!” เสียงตะโกนดังขึ้น มือของอ้าวเสว่แข็งทื่อกลางอากาศ ไม้ค้ำยันของติงต้าเฉินอยู่ห่างจากเธอเพียงนิ้วเดียว ถ้าเธอตบหน้าอีกฝ่าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม้ค้ำยันเหล็กนี้จะต้องตีลงมาที่ตัวเธอในวินาทีถัดไปแน่ๆ
“เรื่องของตระกูลติงเราคุณยังไม่มีสิทธิ์จะเข้ามายุ่ง คนของตระกูลติงคุณก็ไม่มีสิทธิ์จะสั่งสอนด้วย” ติงต้าเฉินพูดอย่างเย็นชา
อ้าวเสว่หดมือของเธอกลับอย่างหวาดกลัว ติงต้าเฉินใช้ไม้เท้าเคาะพื้นอย่างแรง “ยังไม่ออกไปอีก!”
อ้าวเสว่ไม่อยากยอมแพ้ ยังอยากจะพูดต่อ แต่ติงต้าเฉินกลับผิวปากขึ้นมา แพนด้ารีบลุกขึ้นแล้วแยกเขี้ยวขู่อ้าวเสว่
“ไร้เหตุผลสิ้นดี มิน่าล่ะถึงเลี้ยงดูลูกสาวแบบนี้ออกมา!” อ้าวเสว่มองสุนัขอย่างหวาดกลัว แล้วรีบเดินออกไปจากบ้าน
บรรยากาศในบ้านเงียบกริบ ติงยียีกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว “พ่อคะ หนูขอโทษค่ะ”
ติงต้าเฉินนั่งเงียบ ไม่พูดอะไรออกมา ทันใดนั้นเขาก็ตบหน้าตัวเองอย่างแรง ติงยียีรีบวิ่งไปกอดเขา แล้วพูดเสียงสะอื้น “พ่อคะ พ่อทำอะไรคะ!”
“พ่อผิดเองที่สอนลูกไม่ดี พ่อผิดเอง!” ติงต้าเฉินน้ำตาไหล ยกมือขึ้นเตรียมจะตบตัวเองอีกครั้ง ติงยียีรีบกอดเขาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “พ่อคะ อย่าเป็นแบบนี้เลยนะคะ!”
“รีบเลิกกับเขาซะ ตระกูลติงของเราจะไม่ทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด!” ติงต้าเฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ติงยียีนิ่งเงียบ คำว่าเลิกกันมันหนักหนาเกินไป ในตอนที่เธอตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน เธอก็ไม่เคยคิดที่จะเลิกกับเย่เนี่ยนโม่
ติงต้าเฉินเห็นเธอนิ่งเงียบ ก็ยิ่งโกรธ เขาชี้ไปที่ตำแหน่งของป้ายวิญญาณในห้องนั่งเล่นด้วยมืออันสั่นเทาแล้วตะโกนสั่ง “ไปคุกเข่าตรงนั้นเดี๋ยวนี้!”
ติงยียีเดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าวิญญาณของแม่เธออย่างเงียบ ๆ แล้วเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มของคนอยู่ในกรอบรูปยังคงเหมือนเดิม แสงเทียนกะพริบเล็กน้อย ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ
ติงต้าเฉินหยิบไม้เรียวออกจากในห้อง แล้วพูดด้วยความโมโห “พ่อจะถามลูกอีกครั้ง ลูกจะเลิกกับเขาไหม!”
“พ่อคะ หนูชอบเขา!” ติงยียีมองเขาอย่างดื้อดึง ในใจไม่มีความหวั่นไหว เสียงไม้เรียวตีลงบนผิวหนังดังชัดเจน แขนของติงยียีก็ปรากฏรอยแดงห้อเลือดขึ้นมาทันที
“รู้ว่าตัวเองผิดหรือยัง จะเลิกไม่เลิก!” ติงต้าเฉินพูดด้วยความโกรธ เธอไม่ตอบ แต่มองมาที่เขาอย่างดื้อรั้น ดวงตาแข็งกร้าวของเธอบ่งบอกถึงคำตอบของเธอ
ไม้เรียวตีลงบนแผ่นหลังของเธออย่างแรง เธอรู้สึกเจ็บมาก จนส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ร่างกายของเธออดที่จะงอตัวลงไม่ได้
ติงต้าเฉินมองเธอด้วยความเจ็บปวด แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา เขาเช็ดมันออกลวกๆ แล้วพูดด้วยเสียงปนร้องไห้ต่อ “ถ้าลูกไม่ยอมเลิก พ่อจะตีจนกว่าลูกจะยอมเลิก”
ไม้เรียวยังคงตีลงบนตัวของติงยียี มีเสียงดังขึ้นมาจากนอกประตู ก่อนที่ประตูก็ถูกเปิดออก เย่เนี่ยนโม่เห็นภาพตรงหน้าก็โมโหมาก “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
พอเห็นเขา ติงต้าเฉินก็ยิ่งโมโห จึงยกมือที่ถือไม้เรียวขึ้น แต่วินาทีต่อมากลับถูกเย่เนี่ยนโม่จับไม้เรียวไว้แน่น
“ปล่อย!” ติงต้าเฉินจ้องเขม็ง สายตาของเย่เนี่ยนโม่จับจ้องไปที่แขนที่บวมแดงของติงยียี และรอยแดงที่เห็นจากแขนเสื้อเธอก็ชัดเจนมากเหมือนกัน
เขาออกแรงเล็กน้อย จนแย่งไม้เรียวมาได้ ก่อนจะโยนทิ้งไป แพนด้าที่อยู่ด้านข้างนั่งมอง ก่อนจะคาบไม้เรียววิ่งออกจากบ้านไป

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset