สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1473 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1373

ติงต้าเฉินเห็นทั้งคนทั้งสุนัขต่อต้านเขา เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น หยิบไม้ค้ำยันขึ้นมาตั้งใจจะตีติงยียี แท่งเหล็กตีลงบนกล้ามเนื้อจนเกิดเสียงทุ้ม เย่เนี่ยนโม่ดึงติงยียีเข้ามากอดไว้แน่น แล้วเอาตัวเองเข้าไปถูกไม้ค้ำยันตี
“เนี่ยนโม่คะ!” ติงยียีรีบลุกขึ้นยืน แต่เธอที่ไม่ร้องไห้มาตลอดตอนนี้กำลังร้องไห้อย่างหนัก เย่เนี่ยนโม่ยืดตัวตรงแล้วมองไปที่ ติงต้าเฉิน ก่อนจะพูด “ไม่มีใครสามารถทำร้ายเธอต่อหน้าผมได้ แม้แต่คุณก็ไม่ได้”
“ดี ดีมาก พวกเธอมันปีกกล้าขาแข็งกันแล้วนี่” ติงต้าเฉินยิ้มอย่างโมโห หน้าประตูมีพวกเพื่อนบ้านสอดรู้สอดเห็นยืนเกาะรั้วบ้านดูอย่างสนุก ติงต้าเฉินไม่อยากถูกคนดูเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน เพื่อเดินไปปิดประตู แต่กลับมีคนแปลกหน้าสองคนเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว เย่เนี่ยนโม่ตกตะลึง ก่อนจะรีบเดินไปหา
เย่ป๋อรีบเดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบบอกเขา “คุณนายกับคุณสวีร้อนใจจะตามหาคุณชาย ดังนั้นผมทำได้แค่บอกพวกท่านว่าคุณชายอยู่ที่นี่ครับ”
เซี่ยชีหรั่นเห็นรอยแผลที่คอของเย่เนี่ยนโม่อย่างชัดเจน ปวดใจจนร้องไห้ออกมาทันที สวีเห้าเซิงเองก็โมโห จึงพูดออกมา “ทำไมคุณถึงตีคนอื่นตามอำเภอใจแบบนี้ล่ะครับ?”
“พ่อของหนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ อย่าพูดรุนแรงกับพ่อของหนูแบบนี้!” ติงยียีประหลาดใจมาก ที่คนที่ช่วยเธอกลับรู้จักกับเย่เนี่ยนโม่
“คุณแม่ ลุงสวี มีเรื่องอะไรเหรอครับ” เย่เนี่ยนโม่ถามอย่างใจเย็นต่อหน้าติงยียี
สวีเห้าเซิงรีบออกมา “เสี่ยวเสว่หายตัวไปแล้ว” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างกังวล “แม่คิดว่าเธอจะมาหาลูก แต่แม่คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้มาหาลูก เด็กคนนี้ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงจริงๆ เลย”
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือของสวีเห้าเซิงก็ดังขึ้น เขากดดูข้อความแล้วรีบพูดว่า “เสี่ยวเสว่ส่งข้อความมา เธอบอกว่าเธออยู่ที่อาคารตี้เหา”
เย่เนี่ยนโม่และพวกเขามองหน้ากัน อาการของอ้าวเสว่พวกเขารู้ดีที่สุด อยู่ที่อาคารตี้เหาจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
“ไปกันครับ!” เย่เนี่ยนโม่เดินออกไป แต่ติงยียีที่เงียบอยู่นาน ก็พูดขึ้นมา “เดี๋ยวก่อนค่ะ”
เย่เนี่ยนโม่หันกลับมามองเธอ ในแววตาเต็มไปด้วยความร้อนใจ ก่อนจะเดินไปหาเธอแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “รอผมกลับมาหาได้ไหม”
ติงยียีหันศีรษะ เพื่อหลบสายตาของเขา แล้วพูดว่า “คุณขอให้ฉันรอมาตลอด คุณบอกว่าคุณรักฉัน วันนี้ฉันต้องการให้คุณเลือก ถ้าคุณเลือกฉัน คุณก็อยู่ที่นี่ต่อ ถ้าคุณเลือกเธอ คุณก็ออกไปซะ”
“ยียี!” เย่เนี่ยนโม่รีบคว้าตัวเธอ เขารักเธอ เธอมองไม่ออกเลยหรือไง
ติงยียีไม่ได้พูดอะไร คราวนี้เธอต้องการที่จะให้เขาเลือก เย่เนี่ยนโม่กัดริมฝีปากแน่น เขาเองก็เจ็บปวดมาก เมื่อตระหนักถึงสัญญาที่เขาให้ไว้กับลุงสวี
“เสี่ยวเสว่เป็นลูกสาวของฉัน” สวีเห้าเซิงพูดขึ้นมากะทันหัน เซี่ยชีหรั่นพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “พี่สวี นี่พี่”
สวีเห้าเซิงมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน “พี่รักน้องมากนะ แต่พี่ก็มีความรู้สึกเหนื่อยบ้าง พี่ก็เคยทำผิดพลาดอย่างที่ผู้ชายทุกคนทำ พี่ทำผิดกับเสี่ยวเสว่ เนี่ยนโม่กำลังช่วยพี่ชดใช้อยู่”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า แต่หลังจากหายตกใจก็รีบพูดปลอบ “ฉันเป็นห่วงมาตลอดว่าพี่จะเหงา เสี่ยวเสว่เองก็ลำบากตั้งแต่เด็ก พวกพี่สองคนถือว่ามีบุญต่อกันมา”
เย่เนี่ยนโม่หันไปมองทางติงยียี แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “รอผมกลับมา ผมจะบอกส่วนที่เหลือกับคุณ”
ทั้งสามรีบวิ่งออกจากประตู ติงยียีได้สติกลับมารีบตะโกนออกไป “รอฉันด้วยค่ะ ฉันจะไปด้วย!”
บนชั้นดาดฟ้าของอาคารตี้เหา มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่นอกราวระเบียง “น้ำในสระน้ำเต็มแล้ว ฝนหยุดแล้ว ขอบทุ่งนาก็เต็มด้วยปลาไหล”
อ้าวเสว่ฮัมเพลงกล่อมเด็กเบา ๆ มือข้างหนึ่งจับราวระเบียงเพื่อรักษาการทรงตัว ในขณะที่มืออีกข้างโบกมือไปมา เท้าของเธอห้อยอยู่ในอากาศ ลมพัดร่างผอมบางของเธอจนแทบจะล่วงลงไป
ประตูดาดฟ้าถูกเปิดออก สวีเห้าเซิงรีบพุ่งออกไปก่อน พอเห็นเธอเป็นแบบนี้ หัวใจของเขาก็ติดอยู่ในลำคอ
“เสี่ยวเสว่!” เซี่ยชีหรั่นเรียกเธออย่างร้อนใจ ทันทีที่อ้าวเสว่เห็นเธอ น้ำตาก็ไหลออกมา แล้วพูดด้วยเสียงสะอื้น “คุณน้าเซี่ยคะ หนูขอโทษ ที่ทำให้เป็นห่วงนะคะ”
พอเห็นเย่เนี่ยนโม่ปรากฏตัวขึ้น เธอก็ตาเป็นประกาย แต่พอเห็นติงยียีก็หรี่ลงทันที เธอพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย “เนี่ยนโม่คะ คุณโกรธมากเลยใช่ไหมคะ แต่ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้เลย เอาแต่คิดจะทำลาย ขอโทษด้วยนะยียี ฉันป่วยอยู่”
ติงยียีมองไปที่อ้าวเสว่ซึ่งมีบุคลิกที่แปลกไป ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ท่าทางก้าวร้าวของอ้าวเสว่ตอนไปอาละวาดที่บ้านของเธอมันดูไม่เหมือนเธอกำลังป่วยอยู่เลย
หัวใจที่เย็นชาของเย่เนี่ยนโม่อ่อนลงเล็กน้อยหลังจากเห็นเธอร้องไห้หนักแบบนี้ เขาไม่ได้รักเธอแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เป็นห่วงเธอ
“ลงมาเถอะ” เย่เนี่ยนโม่เอื้อมมือไปหาเธอ อ้าวเสว่ส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างเศร้าใจ “ฉันรู้ว่าคุณต้องโกรธมากแน่ๆ ถ้าฉันจากไป ก็จะไม่มีใครคุกคามคุณอีกต่อไปแล้ว”
“เสี่ยวเสว่ ลูกอย่าทำเรื่องโง่ ๆ นะลูก!” สวีเห้าเซิงมองเธออย่างระมัดระวัง ทุกคนกำลังให้ความสนใจอ้าวเสว่อยู่ ติงยียีเดินขนาบข้างเข้าไปหาอย่างระมัดระวัง ลมที่พัดมาบนดาดฟ้าทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังตกลงไป
หัวใจของเย่เนี่ยนโม่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาอยากเรียกให้เธอหยุด แต่เขากลัวว่าติงยียีจะตกใจแทน
พอดีกับที่อ้าวเสว่หันกลับมามอง ติงยียีรีบคว้าตัวเธอไว้แล้วดึงเธอล้มลงกับพื้น ทุกคนรีบเข้าไปช่วย อ้าวเสว่กอดเย่เนี่ยนโม่ไว้แน่น แล้วร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเขา
ติงยียีทรุดตัวลงอยู่กับที่และไม่กล้าขยับ เธอรู้สึกว่าขาอ่อนแรง แล้วพยายามมองหาเงาของเย่เนี่ยนโม่ทันที ไม่ไกลออกไป อ้าวเสว่ถูกล้อมรอบอย่างห่วงใย มีเพียงตัวเธอเอง ที่โดดเดี่ยวอยู่คนเดียว
สวีเห้าเซิงเป็นคนแรกที่เห็นความผิดปกติของเธอ แล้วเดินไปหาเธอเพื่อช่วยพยุงเธอ เย่เนี่ยนโม่รีบแกะมือของอ้าวเสว่ออกไป แล้วรีบเดินไปหาเธอด้วยสายตาเป็นห่วง ก่อนจะถามอย่างอ่อนโยน “โอเคไหม”
ติงยียีพยักหน้า ปกปิดความผิดหวังในใจของเธอ แล้วหันไปมองอ้าวเสว่ รู้สึกแปลกใจมากที่พบว่าอ้าวเสว่ที่ก่อนหน้านี้ร้องไห้ไม่หยุดตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างหลังเย่เนี่ยนโม่ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ก่อนจะยกยิ้มออกมา ไม่เหมือนคนที่เสียใจจนขาดสติเลยสักนิด
“ยียี เธอยกโทษให้ฉันได้ไหม” อ้าวเสว่เดินไปโอบกอดเธอ แล้วเอนตัวไปกระซิบข้างหูของเธอเบา ๆ ว่า “เป็นยังไงบ้าง ฉันสามารถทำร้ายคุณแล้วทำให้เนี่ยนโม่ยอมยกโทษให้อีกครั้ง แกมันก็แค่ มือ ที่ สาม”
ติงยียีโกรธมาก จึงผลักเธอออกไปอย่างเย็นชา อ้าวเสว่ล้มลงกับพื้น แล้วมองหน้าที่เธอด้วยน้ำตา เซี่ยชีหรั่นรีบไปช่วยพยุงอ้าวเสว่ขึ้นมา ก่อนจะพูดต่อว่าติงยียี “เด็กคนนี้ เธอยังเป็นคนป่วยอยู่นะ”
“เธอแกล้งทำนะคะ เธอบอกกับฉันว่าเธอแกล้งทำ!” ติงยียีรีบแก้ตัว แต่ทุกคนในกลุ่ม นอกจากเย่ป๋อที่ส่งสายตาสงสารมาที่เธอแล้ว สายตาของคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยความตำหนิ
เย่เนี่ยนโม่เดินเข้ามาหาเธอ ช่วยเธอเอาผมที่ถูกลมพัดทัดหู แล้วพูดเบาๆ “วันนี้คุณเหนื่อยมากแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีไหม”
“ฉันบอกว่าเธอแกล้งทำ!” ติงยียีมองเขาด้วยสายตาแน่วแน่ เธอสามารถเมินสายตาของคนอื่นได้ แต่ผู้ชายคนนี้คือคนเดียวที่เธอใส่ใจ
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว” สวีเห้าเซิงตะโกนออกมาเมื่อสัมผัสได้ว่าเสี่ยวเสว่กำลังตัวสั่น
ติงยียีเซถอยหลัง ในสายตาของเธอมีเพียงเย่เนี่ยนโม่เท่านั้น แต่อารมณ์ในดวงตาของเขาเธอกลับมองไม่ออก ติงยียีพูดอย่างเย็นชา “เธอไม่ได้พูดผิดเลย ฉันมันก็แค่คนหน้าด้านไร้ยางอาย เป็นมือที่สามที่ไม่ยอมปล่อยมือ”
เธอเซถอยหลังแล้ววิ่งหนีไป เย่เนี่ยนโม่เพิ่งก้าวออกไปเพื่อวิ่งตามเธอ แต่อ้าวเสว่กลักอดเขาไว้แน่น แล้วพูดพึมพำ: “อย่าไปนะคะ เนี่ยนโม่ อย่าไปนะ!”
“ปล่อย” เขายืนนิ่ง แต่หัวใจของเขาเจ็บมาก เขาแค่ช่วยอ้าวเสว่ด้วยความหวังดีของความเป็นเพื่อน ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจนะ
“ไม่ปล่อย ฉันไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่ๆ ถ้าเสียคุณไปฉันต้องตายแน่ๆ ฉันคงจะต้องตายจริงๆ!” อ้าวเสว่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
เย่เนี่ยนโม่หันไปมองเธออย่างเย็นชา แล้วพูดออกมา “งั้นก็ไปตายซะ”
ติงยียีวิ่งลงบันไดอย่างบ้าคลั่ง อากาศถูกอัดออกมาจากปอดของเธอ ทุกครั้งที่หายใจก็ทำให้หัวใจเต้นแรง เธอเดินๆหยุดๆ ล้มลุกคลุกคลานจนมาถึงประตูโรงแรม ก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรง
ติงยียีรู้สึกว่าเธอมีเหงื่อเย็นไหลออกมาเต็มตัว อาการใจสั่นจากการเดินในที่สูงก่อนหน้านี้พุ่งเข้ามาในตัวทันที ข้างหูเธอเหมือนได้ยิน ว่ามีคนกำลังช่วยพาเธอไปพักที่ร้านค้าข้างโรงแรม แล้วอีกฝ่ายก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ระหว่างการโทรเธอรู้สึกเวียนหัวแล้วหมดสติไป
เธอรู้สึกว่าเธอหลับไปนานมาก ในความฝันของเธอ เย่เนี่ยนโม่กอดเธอไว้ในขณะที่จับมืออ้าวเสว่ไปด้วย เธอสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ แล้วใช้ฝ่ามืออุ่นอังที่หน้าผากของเธอ
“ยียี?” พอไห่โจ๋ซวนเห็นเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เขาก็รู้สึกโล่งใจ ติงยียีมองมาที่เขาอย่างสงสัย แล้วเจ้าของร้านที่อยู่ข้างๆ ก็อธิบายให้เธอฟัง “ฉันเห็นคุณเป็นลมอยู่บนถนน ก็เลยสุ่มเบอร์ในโทรศัพท์ของคุณโทรออกไป”
“ไม่เป็นไรใช่ไหม คุณเอาแต่เรียกชื่อเนี่ยนโม่ ตอนที่คุณยังไม่ได้สติ” ไห่โจ๋ซวนพูดอย่างใจเย็น ก่อนจะเห็นว่าสีหน้าของติงยียีเปลี่ยนไปตามที่คิดไว้
เขายื่นโทรศัพท์ให้ติงยียี ก่อนจะพูดว่า “เนี่ยนโม่โทรมาหลายสาย ผมไม่รู้ว่าคุณอยากจะรับสายไหม ฉันก็เลยไม่รับสาย”
ติงยียีพยักหน้ารับ ก่อนจะรับโทรศัพท์คืนมา มีสายที่ไม่ได้รับมากกว่าสิบสาย สายที่โทรมาๆ ล่าสุดคือเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
“ฉันไม่อยากกลับบ้านค่ะ” ติงยียีพูด เธอรู้ว่าเย่เนี่ยนโม่ต้องรอเธออยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธอแน่ๆ และตอนนี้เธอยังไม่อยากให้เขาเจอตัวเอง
ไห่โจ๋ซวนติดต่อหาโรงแรมให้เธอโดยไม่พูดอะไร ในตอนกลางคืนติงยียีมองดูดวงจันทร์นอกหน้าต่างคนเดียว ในใจสับสน บาดแผลบนแขนของเธอที่ถูกพ่อตีนั้นเริ่มแดงและบวม เธอจำได้ว่าเย่เนี่ยนโม่ก็ถูกพ่อของเธอตีด้วยไม้ค้ำยันเช่นกัน จึงนั่งนิ่งต่อไปไม่ได้อีก เธอรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโรงแรมไปทันที
ติงยียียืนอยู่คนเดียวตรงซอยทางเข้าบ้าน แล้วตะโกนเรียก “เนี่ยนโม่คะ”
มีคนเดินออกมาจากเงามืด แต่เป็นสวีเห้าเซิง สวีเห้าเซิงมองมาที่เธอ แล้วพูดขอโทษ: “ขอโทษด้วย เขากำลังอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวเสว่น่ะ”
ติงยียีพยักหน้ารับ เมื่อความเจ็บปวดมันถึงที่สุด มันก็จะด้านชาไปเอง ติงยียีเตรียมจะเปิดประตู แต่เปิดสลักประตูอยู่หลายครั้ง แต่ก็เปิดไม่ออก ประตูถูกล็อกจากด้านใน
พ่อของเธอล็อกประตูเหรอ? ท่านไม่ยอมรับลูกอย่างเธอแล้วใช่ไหม? ติงยียีกลั้นน้ำตาไว้ แล้วหันหลังเดินออกไป
สวีเห้าเซิงลังเลอยู่สักพัก ก่อนที่จะไล่ตามเธอออกมาแล้วพูดว่า “คุณติง ผมรู้ว่าคำขอนี้มากเกินไป”
“คุณต้องการให้ฉันไปจากเย่เนี่ยนโม่ใช่ไหมคะ” ติงยียีหันกลับมา พยายามกลั้นน้ำตาไว้จ้องหน้าเขานิ่ง
ความเศร้าโศกของเธอทำให้สวีเห้าเซิงตกตะลึง ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าเธอเหมือนมีเงาร่างซือซือที่อยู่ในบาร์ทับซ้อนกับร่างของเธอ เขารีบปัดความคิดที่ยุ่งเหยิงนี้ทิ้ง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน
Status: Ongoing
สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset