สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1475 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1375

เมียน้อยนั้นเหรอ? หรือว่าจะเป็น คนที่เดินเข้ามาจากประตูทำให้เธอตกใจมากจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก และใช้เวลานานมากกว่าที่เธอจะพูดออกมาได้ “เนี่ยนโม่?”
ในช่วงกลางคืน ปอร์เช่คันงามขับไปบนถนน โม่ซวนหลินเปลี่ยนจากความดีใจในตอนแรกเป็นความทะเยอทะยาน ทำไมเย่เนี่ยนโม่ ถึงยอมมาประกันตัว ไม่ได้หมายความว่าเขายังทำใจปล่อยเธอไปไม่ได้หรือไง?
“เนี่ยนโม่คะ พรุ่งนี้ฉันไม่มีงานค่ะ” เธอพูดเสียงหวาน มือของเธอลูบไปที่หน้าอกของเขา เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลย เธอจึงกล้าที่จะล้วงลึกเข้าไปอีก
เย่เนี่ยนโม่ปล่อยให้เธอเคลื่อนไหวตามที่เธอต้องการ จู่ๆ รถก็จอดลงตรงข้างถนน เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออก โม่ซวนหลินยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกขังอยู่ในอ้อมแขนของเขาไว้แล้ว
เขาจะทำที่นี่เลยเหรอ? โม่ซวนหลินเริ่มต้นก่อน ในตอนที่เธอกำลังเคลิบเคลิ้ม เย่เนี่ยนโม่ก็พูดขึ้นมาทันที “ที่รัก คุณชอบจางถังหรือว่าผม?”
โม่ซวนหลินตกใจ เดิมทีวงการบันเทิงก็วุ่นวายอยู่แล้ว เธอพยายามทำตัวเองให้สะอาดเพื่อเย่เนี่ยนโม่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะพลาดไปคนหนึ่ง เธอรีบพูดทันที “ฉันจะเป็นของคุณคนเดียวมาตลอดนะคะ”
“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ” เย่เนี่ยนโม่ยืดเสียงยาว นิ้วเรียวเกลี่ยผมยาวของหญิงสาวที่อยู่บนหน้าอกของเธอไว้ด้านหลัง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นยิ้มๆ “ถ้าอย่างนั้น ผมอยากให้คุณพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำเรื่องหนึ่ง”
ตอนตีห้า ซึ่งเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่น่าจะยังนอนหลับฝันดีอยู่ ตรงมุมหนึ่งของร้านกาแฟที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เย่เนี่ยนโม่ยื่นเครื่องบันทึกเสียงให้Bakerด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า
“Emilyพูดออกมาหมดแล้วครับ คนที่เป็นคนขับรถชนในคืนนั้นคือจางถังจริงๆ” เย่เนี่ยนโม่คนกาแฟในถ้วย
Bakerใส่เครื่องบันทึกลงในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง แล้วพูดติดตลกว่า “ชนแล้วหนี แล้วหาคนมาแทนที่ เขาติดคุกแน่นอน เรื่องนี้ก็ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น”
“ไม่ครับ เรื่องยังไม่จบ” เย่เนี่ยนโม่ยกยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา Bakerที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องแปลกใจทันทีที่เห็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายของเขา ผู้ชายในตระกูลเย่ห้ามมีปัญหาด้วยจริงๆ ถ้าแตะโดนขีดจำกัดของพวกเขา พวกเขาก็จะกลายเป็นเทพสังหารทันที
วันรุ่งขึ้น ติงยียีก็ต้องแปลกใจที่ได้รับคำหมายเรียกของศาล ในช่วงบ่าย เธอจึงรีบเดินทางไปที่ศาล
ในศาล เธอมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว และเป็นไปตามที่คาดไม่มีเงาของเย่เนี่ยนโม่อยู่เลย เธอไม่อยากนึกถึงเขา แต่มักเป็นไปในทางตรงกันข้ามตลอด ในขณะที่ตัวเองยังไม่ได้ตั้งสติเธอก็เชื่อมโยงทุกอย่างไว้ที่เขาแล้ว
จางถังยืนบนที่นั่งแล้วมองไปทางทนายความและพ่อของเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว แม้ว่าเขาจะไม่ได้เรื่องอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย เขาไม่ต้องการที่จะเข้าใจด้วยซ้ำว่าคุกคืออะไร ติงยียีเองก็เช่นกัน ในใจรู้สึกเสียใจมาก ขึ้นศาลแล้วยังไง คราวที่แล้วเปิดศาล คนรวยๆ พวกนี้คราวที่แล้วก็หาคนมารับผิดแทน คราวนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีกก็ไม่รู้
“เกี่ยวกับอุบัติเหตุบนถนนหลงฉวน นายจางถูกตั้งข้อหาชนแล้วหนีอย่างตั้งใจ อีกทั้งยังหาคนมารับผิดแทน จำเลยมีอะไรจะพูดไหม?” ผู้พิพากษาถาม
จางถังเหลือบมองไปที่พ่อของเขา แล้วมองไปที่ทนายความอย่างหวั่นใจ ทนายความพยักหน้ารับนิ่งๆ เขารีบพยักหน้าทันทีแล้วพูดว่า “ผมยอมรับครับ”
ผู้พิพากษาพูดต่อ “ทนายจำเลยมีอะไรจะพูดไหม” จางถังมองไปที่ทนายฝ่ายจำเลยที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างใจจดใจจ่อ ครั้งนี้เขาเดิมพันทั้งหมดกับทนายความคนนี้ เขาจะไม่ยอมติดคุกอย่างเด็ดขาด
ทนายความลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยพูด “ผมไม่มีอะไรจะพูดครับ”
“คุณพูดเรื่องอะไรเนี่ย!” จางถังตบโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วคว้าคอเสื้อของทนายส่ายอย่างแรง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณไม่มีอะไรจะพูดได้ยังไง ก็พ่อของฉันจ่ายเงินให้คุณไปแล้ว ยอมเสียเงินจ้างคุณมาตั้งเยอะ คุณเป็นคนแนะนําให้หาคนมารับผิดแทน แต่ตอนนี้กลับบอกว่าไม่มีอะไรจะพูดอย่างนั้นเหรอวะ”
เจ้าหน้าที่รีบดึงทั้งสองออกจากกัน จางถังมองไปที่พ่อของเขาอย่างหวาดกลัว สายตาของเขาแฝงไปด้วยความคาดหวัง
ผู้พิพากษาเคาะค้อน แล้วพยักหน้า “นายจางผู้เป็นจำเลยหลบหนีจากที่เกิดเหตุ อีกทั้งยังจงใจหาคนมารับผิดแทน ทางศาลตัดสินว่าทำผิดจริง โดยได้รับโทษจำคุกสามปี และชดเชยค่าเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนเงินห้าหมื่นหยวน”
จางถังมองไปทางพ่อของเขาด้วยความกลัว จึงเห็นเขาก้มหน้าลงแล้วลุกจากที่นั่ง “พ่อครับ พ่อจะไม่สนใจผมไม่ได้นะครับ”
ติงยียีนั่งลง ความรู้สึกมันไม่ดีใจเหมือนที่เธอคิดไว้ มองจางถังร้องไห้อย่างหนัก เธอรู้สึกดีใจที่ในที่สุดคนเลวก็ถูกลงโทษ
“เชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่ในโลกจริงๆ” Baker ไม่รู้ว่าปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ และมองตามสายตาของเธอไป
“ขอบคุณมากนะคะ” ติงยียีพูดออกมาจากใจจริง แต่Bakerกลับส่ายหน้า “คุณไม่ควรขอบคุณผม คุณควรจะขอบคุณเย่เนี่ยนโม่ เด็กคนนั้น ถ้าไม่มีเด็กคนนั้น เรื่องนี้คงไม่จบเร็วแบบนี้”
Baker เล่าให้เธอฟังสั้นๆ หลังจากติงยียีฟังจบ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินจากไป
“นี่ดีใจหรือไม่ดีใจกันแน่?” Baker มองตามแผ่นหลังเธอไปอย่างแปลกใจ
ในห้องทำงานประธานบริษัท เย่ป๋อมองผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา อีกฝ่ายยืนตัวสั่น
พอประตูเปิดออก เย่ป๋อก็โค้งคำนับ “คุณชายครับ”
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นมาพูด “ผมไม่ช่วยลูกชายของผมตามที่คุณพูดแล้ว หลักฐานที่คุณพูดก่อนหน้านี้ขอคืนให้ผมได้ไหมครับ”
เย่เนี่ยนโม่โยนซองกระดาษลงบนโต๊ะ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “รักษาการในฐานะอาจารย์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยZมา 8 ปี มีการทุจริตและติดสินบนเป็นล้าน ระวังตัวไว้ด้วย”
ผู้ชายคนนั้นพูดขอบคุณยกใหญ่ก่อนจะเดินจากไป เย่ป๋อถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมไม่จับทั้งพ่อและลูกเข้าคุกไปเลยครับ ไม่มีใครดีสักคน”
เย่เนี่ยนโม่ไม่ตอบ พ่อบอกกับเขาตอนที่ยื่นเอกสารให้ ว่าไม่ต้องเอาความเรื่องนี้อีก บุคคลที่มีอิทธิพลในเมืองตงเจียงมีความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงกันมาก มันเชื่อมโยงกันทั้งหมด กว่าจะขึ้นมายืนในตำแหน่งนี้ได้มันไม่ง่ายเลย
“คุณผู้หญิงครับ” เย่ป๋อรีบกล่าวทักทาย เย่เนี่ยนโม่รีบลุกขึ้นยืน เซี่ยชีหรั่นมองพวกเขาอย่างเอ็นดู เย่ป๋อทำงานกับเย่เนี่ยนโม่มาได้สักพักแล้ว จึงเข้าใจว่าสถานการณ์แบบนี้คุณผู้หญิงกับคุณชายต้องมีเรื่องคุยกันแน่ๆ หลังจากทักทายเสร็จก็เดินออกจากห้องพร้อมปิดประตูให้
“แม่ครับ แล้วพ่อล่ะครับ” เย่เนี่ยนโม่เอ่ยถาม เซี่ยชีหรั่นช่วยจัดคอเสื้อเขาให้เรียบร้อย “แม่ไม่ได้บอกเขา ช่วงนี้เขาทำเกินไปแล้ว”
“เขาทำเกินไปยังไงครับ” เย่เนี่ยนโม่ถาม เซี่ยชีหรั่นหน้าแดงขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบจูงมือเขาไปนั่งที่โซฟาเพื่อเปลี่ยนหัวข้อ จะให้เธอบอกลูกชายได้ยังไงว่าคนบ้านั่นจับเธอขึ้นเตียงครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เธอไม่มีเวลาพักผ่อนดีๆ เลยสักครั้ง
เย่เนี่ยนโม่ล้มลงมองนาฬิกา แล้วพูดยิ้มๆ “แม่ครับ วันนี้มาหาผมทีเรื่องอะไรจะพูดหรือเปล่าครับ”
“เรื่องของผู้หญิงคนนั้นจัดการเรียบร้อยหรือยังลูก” เซี่ยชีหรั่นถามตรงประเด็น เย่เนี่ยนโม่พยักหน้ารับ
เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นแล้วเดินไปที่มุมหน้าต่าง แล้วมองลงไปดูการจราจรที่เหมือนมดของทั้งรถรางและฝูงชน แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ช่วงเวลาที่แม่ได้พบกับลุงสวีของลูกแม่รู้สึกโชคดีที่สุดในชีวิตเลย ในตอนนั้นแม่ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง เขาเป็นคนที่จุดประกายไฟในชีวิตของแม่ขึ้นมาอีกครั้ง”
เย่เนี่ยนโม่จับมือแม่ของตนเองอย่างปวดใจ แล้วพูด “แม่ครับ วางใจได้ครับ ผมจะตอบแทนบุญคุณของลุงสวีเองครับ”
เซี่ยชีหรั่นหันไปมอง แล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะพูด “ลูกกับแม่ต่างก็รู้ดี ว่าเมื่อสามปีก่อนที่หนูอ้าวเสว่ไปต่างประเทศ มันต้องมีเหตุผลมากกว่าแค่ป่วยแน่ๆ”
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า เพื่อให้แม่ของตนเองพูดต่อ เซี่ยชีหรั่นมองเขาด้วยซึ้งใจ น้ำเสียงของเธอเศร้าเล็กน้อย “แม่เป็นหนี้ลุงสวีไว้เยอะ แล้วอ้าวเสว่ก็เป็นลูกสาวของเขา แม่หวังว่าลูกจะเห็นแก่หน้าแม่เอ็นดูเธอบ้าง”
เซี่ยชีหรั่นพูดจุดประสงค์ของตัวเองออกมา เย่เนี่ยนโม่จะไม่เข้าใจความหมายของแม่ตนเองได้ยังไง เขาเองก็คิดไม่ต่างจากแม่ของตัวเองเหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าอ้าวเสว่ไม่ได้ไร้เดียงสาแบบที่แสดงออกมา รู้ทั้งรู้ว่าเธอมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างปกปิดอยู่ แต่เพราะต้องตอบแทนบุญคุณ จึงเต็มใจที่จะถูกหลอก
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกผิดมาก ถ้าทำได้เธอก็ไม่อยากเสียสละความสุขของลูกตัวเอง แต่ความสุขก็ต้องชดใช้เหมือนกัน ครั้งนี้ขอเป็นตระกูลเย่ชดใช้ก็แล้วกัน
“แม่ครับ วางใจได้ครับ ผมรู้ว่าควรทำยังไงบ้าง” เย่เนี่ยนโม่ค่อย ๆ ตบไหล่ของเธออย่างปลอบโยน ก่อนจะหันไปมองดูนาฬิกาของเขา แล้วรอยยิ้มบาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา สิบห้านาทีพอดี
“ท่านประธานครับ” เสียงของเย่ป๋อดังเข้ามาจากนอกประตู เย่เชินหลินเปิดประตูเข้ามา สายตาของเขามองไปที่มือที่วางอยู่บนไหล่ของภรรยาที่รักของเขา แม้ว่าเจ้าของมือนั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับตัวเองทางสายเลือด แต่เขาก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี
เย่เชินหลินดึงเซี่ยชีหรั่นเข้ามากอดไว้ เธอพยายามที่จะดิ้นออกมา แรงกอดที่เอวก็เพิ่มขึ้น ทำให้เธอตกใจจนต้องยืนนิ่งในทันที
พอรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดนิ่งลง เย่เชินหลินจึงหันไปมองชายหนุ่มอีกคนในห้อง
“เรื่องทุกอย่างคุยกันเสร็จแล้วใช่ไหม?”
“ครับ”
เย่เชินหลินพยักหน้า แล้วเดินออกไปออกไปพร้อมกับภรรยาที่รักในอ้อมแขน เขาเชื่อว่าลูกชายของเขามีความสามารถในการแก้ไขเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ได้
ก่อนที่จะออกไป เซี่ยชีหรั่นก็รีบหันไปมองทางลูกชายแล้วพูด “เนี่ยนโม่ ช่วงนี้ดูเหมือนชูฉิงจะชอบนักแสดงที่ชื่ออันหรันมาก ลูกรู้จักเขาไหม”
อันหรันนั่นมันไอ้นักแสดงที่เคยกอดยียีตอนอยู่ที่เมืองเหยาหนานใช่เหรอ? แล้วชูฉิงไปชอบนักแสดงบ้านั่นได้ยังไงกัน?
เย่เชินหลินหันกลับมาพูด “ไม่ต้องห่วง ถ้าไอ้สารเลวนั่นมีปัญหา ผมจะไม่ปล่อยให้เขาก้าวออกจากเมืองตงเจียงได้แน่นอน”
“ทำไมถึงบ้าอำนาจอย่างนี้คะ” เซี่ยชีหรั่นตบหลังมือเขา ก่อนจะเดินตามเขาออกไป
ในที่สุดก็ส่งหัวหน้าใหญ่ทั้งสองออกไปได้ เย่เนี่ยนโม่ทรุดตัวลงบนโซฟา เขาถูนิ้วชี้ไปมาโดยไม่รู้ตัว ในขณะนั้นเองข้อความในโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมากะทันหัน เป็นข้อความสั้นๆ ที่ส่งมาจาก Baker ว่า ‘เธอรู้เรื่องแล้ว’
เย่เนี่ยนโม่รีบลุกขึ้นยืนจนกระแทกเข่ากับโต๊ะ ความเจ็บทำให้เขางอตัว รีบมองข้ามความเจ็บไป เขาเดินไปรอบ ๆ ห้องทำงาน ในใจคิด ในเมื่อเธอรู้ว่าเขาทำเพื่อให้จางถังถูกจับได้ เธอต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาทำลงไปใช่ไหม
นิ้วเรียวไถลตามหาเบอร์โทร หน้าจอโทรศัพท์มืดลงเพราะไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน เขาจึงรีบกดเปิด แล้วนิ่งคิดอีกครั้ง จนกระทั่งหน้าจอดับลงอีกครั้ง
ในการประชุมภาคบ่าย ผู้จัดการสาขากำลังอ่านสรุปรายงานของไตรมาสที่สามเสียงสั่น ทั้งที่ในห้องประชุมเปิดเครื่องปรับอากาศอยู่ แต่กลับเหงื่อไหลเต็มหน้า ท่านประธานจ้องตัวเองมาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่พูดอะไร เขาเครียดมากจริงๆ 
คนอื่นๆ ในที่ประชุมก็จับรายงานในมือสั่นๆ แล้วตรวจสอบซ้ำไปซ้ำมา กลัวว่าเดี๋ยวจะถูกท่านประธานมองด้วยสายตาที่ดุร้ายเหมือนกัน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset