สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1479 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1379

ฝน เริ่มตกเบาลงราวกับเกิดเรื่องมหัศจรรย์ และลมก็ไม่กล้าสร้างปัญหาอีก ค่อย ๆ ถอยกลับเข้าไปในก้อนเมฆ ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มเสียงฝนตกปรอยๆ ผสมไปกับเสียงเครื่องขุดเจาะ
ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเริ่มสว่างขึ้นช้าๆ ผู้คนเริ่มช่วยกันทำความสะอาด คนที่ขอความช่วยเหลืออยู่ข้างหลังเขาได้รับการช่วยเหลือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนเขาจากไป เขาหันมาทางที่เย่เนี่ยนโม่ยืนอยู่แล้วถ่มน้ำลายใส่
เขายืนมองซากปรักหักพังตรงหน้า เหมือนว่าทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขา สองชั่วโมงต่อมา เย่ป๋อก็พูดขึ้นมา “คุณชายครับ ไม่มีใครอยู่ข้างในบ้านครับ เราไม่เจอใครอยู่ในนั้นเลย”
เย่เนี่ยนโม่หันกลับมากะทันหัน เย่ป๋อสะดุ้งตกใจกับแววตาที่เย็นชาของเขา มันเป็นแววตาที่ไม่เคยเห็นตอนอยู่ในกองทัพเลย “ไม่มีอย่างนี้เหรอ?” เย่เนี่ยนโม่ถามเสียงต่ำ
เขาพยักหน้า เย่เนี่ยนโม่เม้มปากแน่น ก่อนจะมองลึกเข้าไปในบ้านที่พังยับเยิน แล้วรู้สึกเหมือนถูกสูบแรงในร่างกายไปจนหมด ทั้งรู้สึกโล่งอก และสั่นไหวไปหมด
แพนด้าถูไถขากางเกงของเขา เขานั่งลงยองๆ ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วพูด “เจ้านายของนายไม่เป็นอะไร นายดีใจมากใช่ไหม?”
แพนด้าเลียหลังมือของเขา เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้นยืน ก่อนจะรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมา เขายกมือขึ้นมาดู เย่ป๋ออุทานออกมาอย่างตกใจ “หมอ มานี่เร็วเข้า!”
เย่เนี่ยนโม่โบกมือ แล้วมองไปที่แพนด้า ก่อนจะถามว่า “นายยอมไปกับฉันรอเจ้านายของนายมารับหรือเปล่า?”
แพนด้าเดินเข้าไปเลียหลังมือของเขา แล้วเดินตามเขาไป หลังจากที่ฝนพัดถล่มทุกอย่างจนเสียหาย แสงแดดอ่อน ๆ โผล่พ้นออกมาจากก้อนเมฆแล้วส่องสว่างลงบนซากปรักหักพัง
ในโรงแรมแมดเซน ติงยียีเปิดผ้าม่าน แล้วมองดูดวงอาทิตย์ส่องแสงไปทั่วในทุกมุมของลาน พวกพนักงานเสิร์ฟก็กำลังยุ่ง
“เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม” เย่ชูหวินเคาะประตู แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
ติงยียีเดินไปทางเขา แล้วพูด “ขอบคุณที่พาฉันกับพ่อมาพักที่นี่นะคะ ไม่รู้ว่าที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง” เมื่อคืนนี้ เย่ชูหวินส่งเธอกลับบ้าน แต่เป็นห่วงว่าบ้านของพวกเธอจะไม่สามารถต้านทานพายุไต้ฝุ่นในครั้งนี้ได้ เขาจึงพาพ่อกับเธอกลับมาที่โรงแรม
ตรงหน้าห้องมีกระเป๋าเดินทางของเย่ชูหวินวางอยู่ ติงยียีรู้สึกแสบจมูกอยากร้องไห้ขึ้นมาทันที “คุณจะไปแล้วเหรอคะ”
เย่ชูหวินพยักหน้าแล้วยิ้มให้เธอ “ผมจะกลับมาเยี่ยมคุณอีกแน่นอนครับ”
“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ?” ติงยียีพูดเสียงเศร้า พอเห็นสีหน้าสงสัยของเขาจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ฉันหมายความว่าพวกเราทุกคน ทั้งโจ๋ซวนและชูฉิงก็จะคิดถึงคุณเหมือนกัน”
เย่ชูหวินยกกระเป๋าเดินทางขึ้น แล้วยิ้มให้เธอ ก่อนจะพูดว่า “คุณจะไปส่งผมที่สนามบินไหม” ติงยียีพยักหน้า แล้วเดินออกไปกับเขา
บ้านตระกูลเย่
ในตอนที่เย่เนี่ยนโม่สะลึมสะลือนอนหลับอยู่ มีมือคู่หนึ่งสัมผัสแก้มของเขาอย่างอ่อนโยน มันอ่อนโยนมาก จนหัวใจของเขารับรู้ได้
“ยียี” เขาพึมพำออกมา ก่อนจะรู้สึกว่ามือที่กำลังลูบแก้มของเขาอยู่ชะงักไป แล้วตั้งท่าจะดึงมือออก เขาก็รีบคว้ามันไว้
เปลือกตาของเขาหนักมาก เขาพยายามลืมตาอย่างยากลำบาก จึงเห็นอ้าวเสว่นั่งอยู่ข้างเตียงเขา มือของเธอถูกเขาจับไว้แน่น
“เนี่ยนโม่คะ ตื่นแล้วเหรอคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เย่เนี่ยนโม่ปล่อยมือของเธอออก อ้าวเสว่หน้าบึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาทำสีหน้าอ่อนโยนเหมือนเดิม
เธอหยิบน้ำขิงขึ้นมา แล้วพูดว่า “คุณไม่สบาย คุณรู้ไหมคะ! ดื่มน้ำขิงเร็วค่ะ!”
เธอยกน้ำขิงขึ้นมาเตรียมจะยื่นให้เย่เนี่ยนโม่ดื่ม ทันใดนั้นเองกลับมีเงาสีดำวิ่งผ่านประตูที่เปิดอยู่เข้ามา อ้าวเสว่สะดุ้งตกใจ พอเห็นสุนัขที่เย่เนี่ยนโม่นำกลับมาด้วยสีหน้าของเธอก็บึ้งตึงทันที
แพนด้าเข้าแทรกกลางระหว่างอ้าวเสว่กับเย่เนี่ยนโม่เพื่อป้องกันไม่ให้เธอเข้ามาใกล้ อ้าวเสว่ยิ้มแห้งอยากจะเข้าใกล้เย่เนี่ยนโม่มาก แพนด้าคำรามเสียงต่ำ แล้วชนเธอ จนน้ำขิงหกลงบนพื้น
อ้าวเสว่โกรธมากตั้งใจจะไปตีมัน ทันทีที่เธอยกมือขึ้น ข้อมือของเธอก็ถูกจับได้แน่น เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยอันตราย “คุณกล้าดียังไง”
อ้าวเสว่ตกใจ เธอแค่อยากจะขู่ให้สุนัขกลัว ทำไมเขาต้องดุขนาดนี้ด้วย ก็แค่สุนัขตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
เย่เนี่ยนโม่ปล่อยมือของเธอออก แล้วลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะมองดูนาฬิกา นั่งนิ่งอยู่หลายนาที จากนั้นก็กระโดดขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อคลุมออกจากตู้อย่างรีบร้อน แล้วเดินออกไป
“เนี่ยนโม่คะ!” อ้าวเสว่วิ่งไล่ตามเขาไปด้วยความหวั่นใจ หัวใจของเธอเต้นแรงมาก เธอต้องการได้ยินเขาพูดกับตัวเองบ้าง “เนี่ยนโม่คะ คุณกำลังจะไปไหน?”
เย่เนี่ยนโม่ยังคงนิ่งเงียบ ก้าวเดินออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว จนหายลับจากสายตาไป อ้าวเสว่ยืนนิ่งอยู่กับที่ มองเย่เนี่ยนโม่เดินจากไปอย่างแค้นเคือง แต่ในใจของเธอกลับเจ็บจี๊ด เขาจะไปหาติงยียีใช่ไหม? เธอแพ้อย่างย่อยยับแล้วจริงๆ ใช่ไหม?
สนามบิน
เย่ชูหวินขมวดคิ้วมองนาฬิกาของเขา ติงยียีมองหน้าเขาแล้วถาม “มีอะไรหรือเปล่าคะ ต้องรีบไปแล้วเหรอ”
เขาส่ายหน้า แล้วมองไปที่ผมของติงยียี ก่อนจะพูดขึ้นมากะทันหัน “ยียี ผมยาวเหมาะกับคุณมากกว่านะ”
“จริงเหรอคะ?” ติงยียีจับผมของเธอ ก่อนจะได้ยินประกาศให้ไปขึ้นเครื่อง เธอจึงพาเขาไปที่ประตูขึ้นเครื่อง
ทันใดนั้น ข้อมือของเธอก็ถูกคว้าอย่างแรง วินาทีต่อมาเธอก็ถูกใครบางคนดึงเข้าไปกอดไว้แน่น แรงที่กอดเธอไว้นั้นรุนแรงเกินไป รัดจนกระดูกของเธอเจ็บไปหมด เธอพยายามดิ้นหนี แต่กลับถูกกอดแน่นขึ้น
“ติงยียี! ผมจะไม่ปล่อยคุณไปแน่ๆ ไม่มีทาง” เย่เนี่ยนโม่ร้องคำราม ดวงตาของเขาแน่วแน่มาก
เย่ชูหวินยืนมองพวกเขาอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แววตาของเขาบ่งบอกว่าเขาไม่อยากสูญเสียเธอไป และไม่อยากจะสูญเสียไปด้วย ผู้คนที่เดินอย่างเร่งรีบชนเขาโดยไม่ตั้งใจ เขาเซถอยหลังไปสองสามก้าว ร่างกายที่พยายามทำเหมือนปกติ ตอนนี้ใกล้จะไม่ไหวแล้ว
สายตาของเย่เนี่ยนโม่มองมาที่เขาพอดี เขาส่ายหน้า แล้วยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาโบกมือให้เขา
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงของไห่ฉิงฉิงที่เอ่ยถามอย่างร้อนใจ “ลูกแม่ อีกไม่กี่วันก็ต้องเข้าผ่าตัดแล้ว ลูกอยู่ที่ไหนมา”
เย่ชูหวินเงยหน้าขึ้น ป้ายโฆษณาด้านหน้าบังสายตาของเขา ใต้ป้ายโฆษณามีร่างสองร่างที่กอดกันอยู่ จู่ๆ เขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา “แม่ครับ ผมจะรีบกลับไปครับ”
เสียงเตือนให้เตรียมตัวออกเดินทางดังขึ้นอีกครั้ง ติงยียีผลักเขาออกไปอย่างแรง ก่อนจะหันกลับไป จึงเห็นว่าเย่ชูหวินได้เดินเข้าไปแล้ว
“ผมจะไม่ปล่อยคุณไปแน่ๆ คุณตายใจเถอะ” เย่เนี่ยนโม่พูดขึ้นมาจากข้างหลังเธอ ติงยียีหันหนีไม่สนใจเขา แล้วเดินออกไปด้านนอกสนามบิน
เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้รั้งเธอ ทั้งสองก็เดินออกจากสนามบินไป ติงยียีกวักมือรถแท็กซี่ ก่อนจะพบว่าตนเองรีบเกินไป อีกทั้งยังมาที่สนามบินพร้อมกับเย่ชูหวิน จึงลืมเอากระเป๋าเงินของเธอออกมาด้วย
เสียงรถยนต์ดังขึ้นข้างหลังเธอ เธอรีบเดินไปหลบข้างถนน ก่อนจะมีรถออฟโรดขับขนานมากับเธอ
หลังจากเดินไปได้ซักพัก ติงยียีก็หันไปตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างทนไม่ได้ “คุณต้องการอะไรกันแน่?”
เย่เนี่ยนโม่หยุดรถ แล้วถอนหายใจออกมา “ขึ้นรถ แล้วฉันจะกลับไปทันทีที่ผมพาคุณไปส่งที่บ้าน”
ติงยียีขึ้นไปนั่งบนรถแล้วปิดประตูอย่างแรง แต่อีกฝ่ายกลับโน้มตัวเข้ามาตรงหน้าเธออย่างใกล้ชิด​ เธอทั้งตกใจทั้งโกรธพยายามผลักเขาออกไป เย่เนี่ยนโม่อ้อมผ่านตัวเธอไป แล้วช่วยรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ ก่อนจะกลับไปนั่งตำแหน่งของตัวเอง
ระหว่างทางไม่มีการพูดคุยกัน มีเพลงไพเราะอยู่ดังอยู่ในรถ สายตาของเผลอมองไปที่มือของอีกฝ่ายที่จับพวงมาลัยไว้ มองจนเกือบจะตะโกนออกมา
สิบนิ้วที่เรียวยาวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแผล ถ้ามองอย่างละเอียดมีรอยแผลอยู่เจ็ดแปดที่เลยทีเดียว เล็บก็แยกออกจากจนเห็นผิวเนื้อข้างใน
เธอกำลังลังเลว่าจะถามหรือไม่ถามเขาดี รถขับเข้าซอยบ้านมาแล้ว ติงยียียิ่งต้องตกใจกับภาพตรงหน้า ตอนนี้มีต้นไม้ล้มทับหลังคาบ้านของเธออยู่ ครึ่งหนึ่งของบ้านได้รับความเสียหายอย่างหนักหนาสาหัส
เธออยากลงจากรถไปดูให้เร็วที่สุด แต่พบว่าประตูถูกล็อกอยู่ เย่เนี่ยนโม่ทำการสตาร์ทรถขึ้นมาใหม่ “ดูเสร็จแล้วใช่ไหม?
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ แพนด้ายังอยู่ที่บ้าน” ติงยียีทั้งโกรธทั้งเป็นห่วง
เย่เนี่ยนโม่มองไปที่กระจกมองหลังแล้วขับรถออกไป “ถ้าคุณต้องการเจอแพนด้าจริงๆ ก็ทำตามที่ผมพูด ไม่อย่างนั้นผมจะขายมันทิ้งซะ”
“คุณนี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี นั่นมันสุนัขของฉันนะ” ติงยียีโกรธมากจนอยากจะเข้าไปฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ
เย่เนี่ยนโม่กำลังจดจ่อกับการถอยหลัง แล้วปล่อยมือข้างหนึ่งมาลูบหัวของเธออย่างอ่อนโยนและเป็นธรรมชาติ ติงยียีสะดุ้งตกใจ เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี คำพูดที่รุนแรงกว่านี้ก็พูดไม่ออก
รถจอดลงตรงหน้าคอนโดระดับสูง เย่เนี่ยนลงจากรถ แล้วกดรหัสเข้าใช้อย่างชำนาญ ติงยียีเดินตามเขาไปด้วยความเงียบที่ผิดปกติไม่เคยมีมาก่อน
ลิฟต์ขึ้นมาจนถึงชั้นห้า เย่เนี่ยนโม่หยิบกุญแจออกมาเปิดประตู พอเห็นว่าเธอยังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู คิดจะเอื้อมมือออกไปดึงเธอเข้ามา
ติงยียีก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที เธอกัดมือของเขาที่จับข้อมือของเธอไว้อย่างแรง เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะคลายออก แล้วมองเธอเงียบ ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน
จนได้กลิ่นเลือดในปากของเธอ เธอจึงยอมปล่อยมือเขาออก แล้วมองเขาด้วยสายตาสงสัยและโมโห “เย่เนี่ยนโม่ ตอนนี้คุณอยากจะจะเลี้ยงดูฉันในฐานะเมียน้อยของคุณที่นี่เลยใช่ไหม คุณอยากให้ฉันใช้ชีวิตอยู่ในกรงทองแบบนี้ใช่ไหม”
ในตอนแรกเธอยังคำรามเสียงต่ำ แต่ตอนนี้เสียงของเธอดังขึ้นเรื่อยๆ เธอยอมทิ้งความหยิ่งทระนงของตัวเองเพื่อรักเขา แต่เธอยังมีจิตสํานึกของความเป็นคนอยู่ ในความสัมพันธ์นี้ สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงความรักของเขา แต่ตอนนี้เขาทำแบบนี้ มันจะแตกต่างอะไรกับพวกที่ยอมเป็นเมียน้อยคนอื่นเพื่อความสุขสบายกัน
“คุณระบายอารมณ์เสร็จหรือยัง” เย่เนี่ยนโม่ไม่โกรธ เขาดึงมือกลับแล้วถามเสียงเรียบนิ่ง ติงยียีหันหลังกลับเตรียมจะเดินจากไป เขาพูดอย่างใจเย็นตามหลังเธอไป “นี่คือคอนโดของผม นอกจากแม่ของผมแล้ว ไม่มีผู้หญิงไหนมาที่นี่ได้”
ติงยียีหันหลังให้กับเขา ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว ท่าทางของเธอเมื่อตะกี้คงเหมือนคนบ้ามากแน่ๆ เลย ข้อมือของเธอถูกจับไว้
เย่เนี่ยนโม่จูงมือเธอเข้าไปในห้อง
บ้านหลังนี้มีกลิ่นอายของคนอาศัยอยู่มานานแล้วจริงๆ การตกแต่งภายในดูดีและกว้างขวาง เย่เนี่ยนโม่แบบมือของเธอขึ้น แล้ววางกุญแจไว้ในฝ่ามือของเธอ ก่อนจะพูดว่า “จนกว่าบ้านจะซ่อมเสร็จมาพักอยู่ที่นี่ก่อน”
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ?” ติงยียีพอจะเดาคำตอบได้บ้าง แต่เธอต้องการได้ยินเขาพูดออกมาด้วยตัวเอง
เย่เนี่ยนโม่พูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอที่จะทำสิ่งเพื่อคนที่ตัวเองรัก ไปรับพ่อของคุณกันเถอะ”
ทันทีที่เข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม แล้วเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พ่อของเธอ ติงยียีก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “คุณป้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันคะ!”
ในเวลานั้นติงเหม่ยหรงเป็นญาติเพียงคนเดียวที่สนับสนุนติงยียีไปเรียนที่มหาวิทยาลัยZในสาขาออกแบบเครื่องประดับ พอเห็นติงยียี เธอก็รีบเข้าไปหา ก่อนจะมองไปทางเย่เนี่ยนโม่อย่างพิจารณา
“ฮึ!” ติงต้าเฉินหันหน้าหนี เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าเย่เนี่ยนโม่ ติงเหม่ยหรงคว้ามือของติงยียีมากุมไว้ แล้วพูดอย่างเห็นใจ “ป้าดูข่าวเมื่อวานนี้เห็นบ้านของหลานถูกพายุไต้ฝุ่นพัดจนเสียหาย ไปเถอะ ไปอยู่ที่บ้านของป้าก่อน”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset