สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่296 สาวใช้ตัวแสบ 200

ตอนที่296 สาวใช้ตัวแสบ 200
เย่เชินหลินพยักหน้า ส้งหลิงหลิงทำเป็นดูเหมือนค่อนข้างเป็นห่วง
“ฉันเข้าไปหว่านล้อมคุณน้าเองคะ จะไม่ทานได้ยังไงคะ”
“ไม่ต้องครับ แม่ไม่ฟังหรอก ให้แม่ได้อยู่เงียบๆเถอะ” เย่เชินหลินพูดจบ แล้วก็เดินตรงไปข้างหน้า
ตอนเที่ยงส้งหลิงหลิงได้ทานแค่อาหารเจ ตอนนี้หิวมาก ก็เลยไม่ยอมที่จะเสียเวลามากไปกว่านี้ เขาบอกว่าไม่ต้อง เธอก็เดินตามหลังเขาไปด้วยเลย
พ่อบ้านก็มาเรียกเซี่ยชีหรั่นทานข้าวแล้ว เธอเดินออกมาจากห้อง ได้ยินเย่เชินหลินกับส้งหลิงหลิงคุยกันพอดี
เย่เชินหลินเดินไปก่อนแล้ว จึงไม่เห็นเซี่ยชีหรั่นที่อยู่ข้างหลัง
เซี่ยชีหรั่นหวนกลับไปคิดถึงท่าทางขวัญหนีดีฝ่อของฝู้เฟิ่งหยีที่หลังจากได้เห็นขอทานคนนั้นแล้ว รู้สึกไม่สบายใจเลย เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโม่เสี่ยวจุนไม่ใช่ลูกของท่าน เป็นเพียงความคิดคาดเดาเพ้อเจ้อของเธอเอง
เธออยู่ตรงหน้าประตูห้องของฝู้เฟิ่งหยี อยากเข้าไปเรียกท่านทานข้าว แต่ก็กลัวว่าจะยิ่งทำให้ท่านไม่พอใจ
ครุ่นคิดอยู่ตั้งนานแล้วก็ยังคงเคาะประตูห้องของท่าน น้ำเสียงของฝู้เฟิ่งหยีอ่อนแรงมาก “เข้ามา”
ตอนที่เซี่ยชีหรั่นเปิดประตูเข้าไป ท่านลืมตามองดูเธอ พูดขึ้นอย่างไม่มีท่าทีใดๆว่า “เธอมาทำไม? หากไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร วันหลังค่อยพูด ตอนนี้ฉันไม่อยากพูดอะไร”
เธอเดาก็รู้ว่าฝู้เฟิ่งหยีไม่ต้อนรับเธอ แต่ก็ไม่ใส่ใจ ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มแล้วพูดว่า “คุณนาย ฉันอยากพูดกับท่านเรื่องเกี่ยวกับเย่จื่อห้าน”
สีหน้าฝู้เฟิ่งหยีหวั่นไหว แล้วก็ไม่ไล่เธอออกไปอีก
เซี่ยชีหรั่นเดินมายังตรงหน้าท่าน นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงของท่าน
การที่เข้ามานั่งโดยไม่ได้รับเชิญ เป็นเพราะเธอไม่อยากยืนให้ฝู้เฟิ่งหยีรู้สึกกดดัน
“คุณนาย ท่านรู้ว่าฉันเป็นเด็กกำพร้า ใช่ไหมคะ?”
ฝู้เฟิ่งหยีไม่พูดอะไร เซี่ยชีหรั่นก็พูดต่อเองว่า “สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกเรานั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่ถูกทอดทิ้ง หรือเป็นเด็กที่พลัดพรากหลงหายไป ดังนั้นที่จริงยังเด็กเยอะแยะมากมายที่พลัดพรากหายไป สามารถเติบโตได้อย่างดี ท่านกับท่านประธานเย่ต่างก็เป็นคนดี ดังนั้นฉันเชื่อว่า ลูกของท่านก็จะได้อยู่สุขสบายดี เพียงแค่ท่านยังหาเขาไม่เจอแค่นั้นเอง”
น้ำเสียงเซี่ยชีหรั่นอ่อนโยนมาก ถึงแม้เย่เชินหลินก็พูดอยู่บ่อยๆ จนฝู้เฟิ่งหยีฟังจนชินชาแล้ว พูดออกมาจากปากของอีกคน ดูเหมือนว่าจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ที่สำคัญคือ เธอสามารถรู้สึกได้ว่าเซี่ยชีหรั่นพูดออกมาอย่างจริงใจ
เธอก็ยังไม่พูดอะไรอีก เซี่ยชีหรั่นก็พูดต่อว่า “คุณนาย ท่านรู้ไหม? ถึงแม้พวกเราต่างก็ไม่ได้เติบโตมากับพ่อแม่แท้ของตน ที่จริงพวกเราทุกคนต่างก็คิดถึงพวกเขา และหวังว่าจะสักวันหนึ่งสามารถได้พบกับพวกเขา พวกเราทุกคนต่างก็พยายามตามหาร่องรอยและความทรงจำของตัวเอง หวังว่าจะสามารถพบเจอร่องรอยอะไรบ้าง เพื่อใช้ในการตามหาครอบครัวตัวเอง ผู้อำนวยการของพวกเราบอกว่าฉันถูกนำมาทิ้งอยู่หน้าประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแรกเล็กๆ น่าจะประมาณตอนหนึ่งถึงสองเดือน บนตัวฉันไม่มีปานใดๆ และไม่มีความทรงจำใดๆ ฉันรู้ว่าฉันจะไม่มีวันตามหาพ่อแม่เจอ แต่ถึงแม้จะหาไม่เจอ ฉันก็หวังอยากให้พ่อแม่ของฉันมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีความสุข ฉันเชื่อว่าพวกเขาก็คงมีความจำเป็น ถึงได้ทอดทิ้งฉัน ฉันไม่เคยโกรธหรือเกลียดพวกเขา หากเป็นเพราะฉันแล้วพวกเขาลงโทษตัวเอง ฉันจะเป็นห่วงมาก คุณน้า ท่านเชื่อฉันเถอะ ลูกของท่าน จะต้องคิดเหมือนฉันแน่ เขาก็กำลังพยายามตามหาท่าน คงมีสักวันพวกท่านจะได้พบหน้ากัน ท่านจะต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรง อย่าทำให้เขาต้องเป็นห่วงสิ”
คำพูดของเซี่ยชีหรั่น พูดจนฝู้เฟิ่งหยีรู้สึกหวั่นไหว แล้วก็เหมือนดั่งไฟแห่งความหวังเริ่มลุกขึ้นมาใหม่ น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่
เซี่ยชีหรั่นหยิบกระดาษทิชชูบนหัวเตียงมายื่นให้เธอหลายแผ่น ลุกขึ้นยืน แล้วช่วยเธอเช็ดน้ำตาอย่างอ่อนโยน
ฝู้เฟิ่งหยีคว้าแขนเซี่ยชีหรั่นดั่งได้ยาช่วยชีวิต แล้วถามเธอว่า “เธอบอกว่า ลูกของฉัน ย่จื่อห้านเล็กของฉัน จะไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหม? เขาก็กำลังตามหาฉัน?”
รอทั้งรู้ว่าถามเซี่ยชีหรั่น จะไม่ได้คำตอบอย่างชัดเจน ดูเหมือนเธอจะอยากโกหกตัวเอง
“ใช่ค่ะ” เซี่ยชีหรั่นตอบอย่างมั่นใจ
“เขาจะต้องกำลังตามหาท่านอยู่แน่ๆ”
ตอนนี้ในใจเซี่ยชีหรั่นกำลังขอพรอยู่เงียบๆ จะต้องไม่ใช่เสี่ยวจุน อย่าใจร้ายกับคนแก่บริสุทธิ์ขนาดนั้น
เซี่ยชีหรั่นดึงแขนออกมาข้างหนึ่ง ตีหลังของฝู้เฟิ่งหยีเบาๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างอดทน
ฝู้เฟิ่งหยีร้องไห้อยู่สักพัก เหมือนได้ปลดปล่อยอารมณ์แล้ว เซี่ยชีหรั่นจึงรีบฉวยโอกาสหว่านล้อมต่อว่า “ดังนั้นท่านไม่ควรทำให้เขาต้องเป็นห่วง ไปทานข้าวกันกับฉันนะคะ”
ฝู้เฟิ่งหยีถอนหายใจยาวๆ พูดว่า “ฟังเธอก็ได้ ไปทานสิ เผื่อเย่จื่อห้านเล็กของฉันกลับมาหาฉัน ฉันจะตายรอไม่ได้”
หางตาเซี่ยชีหรั่นก็มีน้ำตาไหลออกมา พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “ใช่ค่ะ ท่านคิดได้แบบนี้ดีที่สุดค่ะ คุณชายเย่ เขาก็จะได้สบายใจขึ้น”
เห็นฝู้เฟิ่งหยีกำลังจะลงจากเตียง เซี่ยชีหรั่นรีบก้มลงช่วยท่านหยิบรองเท้ามา ก้มตัวลงเตรียมใส่รองเท้าให้ท่าน
ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงอยากอยู่ปรนนิบัติท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นแม่ของเย่เชินหลินก็ดี หรือในขณะเดียวกันอาจจะเป็นแม่ของโม่เสี่ยวจุนก็ดี เธออยากที่จะสนิทสนมกับท่าน
แน่นอนอาจจะเป็นเพราะเธอไม่เคยมีแม่ ยังคงโหยหาความรักความสนิทจากแม่
“ไม่ต้อง ฉันทำเอง” ฝู้เฟิ่งหยีก้มตัวลง รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย จึงโอนเอียงอยู่สองที

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset