สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่301 สาวใช้ตัวแสบ 205

ตอนที่301 สาวใช้ตัวแสบ 205
“อย่าค่ะ ตรงนั้นมันจั้กกะจี้ อย่า……อื้อ จั้กกะจี้อ่า……”เสียงของเธอช่างหวานออดอ้อน เกรงว่าถ้าเป็นผู้ชายปกติทั่วๆไป ก็คงจะอ่อนระทวย ไปจนถึงกระดูกก็เป็นได้
แต่กลับเป็นใครบางคน เขาดุเธออย่างป่าเถื่อนเสียงดังว่า “เธออย่าร้องแบบนี้อีกเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะจัดการเธอซะ!”
มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย แต่ทว่าเป็นการโดนกดขี่ที่ทำให้เธอรู้สึกดีและมีความสุข เธอจึงต้องอดทน
เซี่ยชีหรั่นหลับตาปี๋พลางกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้ ถึงหยุดตัวเองไม่ให้ร้องออกมาได้ เขาคนนี้ก็ทำอย่างกับว่าเอวของเธอเป็นศูนย์กลางอย่างงั้นแหละ เขาถึงได้นวดถูอยู่อย่างนั้น เธอทั้งจั้กกะจี้ ทั้งรู้สึกหวิวๆในใจ ร่างกายร้อนผ่าว เธออยากจะร้องออกมาเหลือเกิน
เธอใช้แรงที่มีทั้งหมดเพื่อกลั้นเอาไว้ไม่ให้ตัวเองร้องออกมา เธอกลั้นจนหน้าแดงไปหมด เมื่อมือใหญ่ของเขาเลื่อนมายังเอวเธอ เธอทนไม่ไหวแล้วจึงพลิกตัวกลับมาด้วยความตกใจ ทำให้เธออยู่ในท่านอนหงาย
“ขอโทษค่ะ มันจั้กกะจี้น่ะค่ะ ฉันกลั้นไว้ไม่อยู่เลย……”เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงต่ำ สีหน้าลำบากใจ
เธอรู้ดีว่าถ้าเขาต้องการเธอเองก็ไม่สามารถที่จะขัดเขาได้ แต่ว่าขาของเธอนั้นแทบจะเป็นตะคริวอยู่แล้ว เขาเองก็ไม่ได้อยากจะโหดเหี้ยมกับเธอมากนัก
“หันไป!แล้วอย่าร้องเสียงเอแบบนั้นออกมาอีกล่ะ”เขาออกคำสั่งมาเสียงแข็ง
“ค่ะ!”เธอรีบรับปากและรีบหันกลับไปทันที อย่างรวดเร็ว
เย่เชินหลิน สูดหายใจเข้าลึกและผ่อนลมออกอยู่หลายครั้ง ถึงจะสามารถดับความร้อนรุ่มในร่างกายไว้ได้เล็กน้อย
แต่ว่าเมื่อมือของเขาเลื่อนลงไปที่เอวของเธออีกครั้ง เขากลับรู้สึกตึงแน่นไปทั่วทั้งร่างกาย
“รอผมแปปนึงนะ”
เขาพูดจบ ไม่รอให้เธอตอบกลับแต่อย่างใด ก็ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเป็นชุดอาบน้ำและรีบเดินเข้าไปยังห้องน้ำทันที
เซี่ยชีหรั่นมองไปยังประตูที่ปิดลงตรงมุมห้องอย่างงงๆ ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เธอคือผู้หญิงที่เขาแลกเปลี่ยนมาได้ เขาสามารถที่จะไม่สนใจความรู้สึกเธอและฝืนใจเธอได้ แต่เขากลับไม่ทำ ไม่เพียงเท่านี้ เขายังทาน้ำมันพิมเสนให้เธอเองกับมือแถมยังช่วยนวดให้เธออีก
เขาคนนี้ ไม่ว่าภายนอกเขาจะดูเย็นชาแค่ไหน แต่จริงๆแล้วภายในใจเขาเป็นคนที่อ่อนโยนเอามากๆเลยทีเดียว
เย่เชินหลิน ฉันสามารถทำอะไรเพื่อคุณได้มั้งนะ?
เขาใช้เวลาอาบน้ำค่อนข้างนาน ทำให้เซี่ยชีหรั่นที่ทั้งง่วงทั้งเหนื่อยนั้น รอจนเผลอหลับไป
พอเธอรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที ก็มีมือที่อุ่นๆคู่หนึ่งกำลังค่อยๆนวดไปมาอยู่ที่ร่างของเธอ เธอเองก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลืมตาขึ้นมาดู
ในความสุขที่อบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความรักความเป็นห่วงที่ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน ถึงแม้ว่าจะอยู่ในฝันเธอยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
ในคืนนี้เซี่ยชีหรั่นฝันดีเกินกว่าปกติ ฝันว่าเย่เชินหลินนั่งอยู่ใต้ต้นร่มจีนต้นใหญ่ เธอนอนหนุนตักเขาอยู่ พวกเขามีลูกน้อยด้วยกัน2คน ผู้ชายคน ผู้หญิงคนวิ่งเล่นกันไปมา เหมือนกับว่าความทุกข์กทั้งหมดที่ผ่านมาตลอด20กว่าปีนั้นมันเป็นเพียงแค่อดีต ชีวิตของเธอไร้ซึ่งความทุกโศก และไม่ต้องอดทนกับอะไรอีก เหลือเพียงแค่ชีวิตที่มีความสุข
เธอไม่รู้ว่า ความฝันที่สวยงามที่เธอฝันอยู่นี้ มันเป็นเพราะร่างที่อบอุ่นของเขากำลังโอบกอดร่างเธออยู่
เย่เชินหลินนอนอยู่ได้ไม่นาน เขาโอบกอดเธออยู่ได้แค่พักเดียว พอเขาเห็นว่าเธอหลับสนิทดีแล้ว เขาก็ลุกขึ้นไปดูฝู้เฟิ่งหยี
ฝู้เฟิ่งหยียังคงไม่หลับ พอตกดึกอุณหภูมิร่างกายเธอก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เย่เชินหลินจะเรียกหมอให้มาดูอาการ ฝู้เฟิ่งหยีกลับไม่ยอม ยืนกรานเสียงแข็งว่าทนได้
ไม่ว่าเย่เชินหลินจะพูดอย่างไร ไม่ว่าจะใช้ไม่อ่อนหรือไม้แข็งเธอก็ไม่ยอม เมื่อก่อนมีครั้งนึงที่ เขาฝืนเอาหมอมาเจาะใส่สายให้น้ำเกลือ ฝู้เฟิ่งหยีเธอก็ดึงออก ในครั้งนั้นทำให้มือเธอได้รับบาดเจ็บ เส้นเลือดที่หลังมือโดนฉีกขาด เพราะฉะนั้นบทเรียนในครั้งนั้นเองทำให้เย่เชินหลินไม่กล้าที่จะรั้นเรียกหมอมาดูอาการให้เธออีก
ทุกครั้งเมื่อเธอรั้นหัวแข็งขึ้นมา เขาก็จะนั่งทำงานอยู่ข้างๆเธออยู่อย่างนั้นอย่างใจเย็น พูดกับเธอจนเธอยอมที่จะรับการรักษา
จนกระทั่งถึงเช้า ฝู้เฟิ่งหยีก็ยังไม่ยอมให้คนเข้ามาดูอาการ ตอนนี้หน้าผากและจมูกของเธอร้อนจี๋
เย่เชินหลินเดินไปมาอย่างเป็นกังวล ฝู้เฟิ่งหยีหลับตาลง ไม่ให้ความร่วมมือ
“แม่ครับ ไม่ฉีดยาก็ได้ แต่ยอมให้ผมเช็ดตัวให้เถอะนะครับ โอเคไหมครับ?”เย่เชินหลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม เหมือนกับปะเหลาะเอาใจเด็กน้อยอย่างไงอย่างงั้น ฝู้เฟิ่งหยีส่ายหน้า
“งั้นก็ดื่มน้ำสักหน่อยนะครับ?เดี๋ยวผมไปรินน้ำร้อนมาให้ ดื่มสักหน่อยก็ยังดี” ฝู้เฟิ่งหยียังคงส่ายหน้า
เย่เชินหลินออกมาจากห้องของมารดา แล้วโทรหาพ่อบ้าน ให้เขาคอยสแตนบายอยู่รอบๆ รอรับคำสั่ง เผื่อต้องการอะไร
“คุณพอจะมีวิธีลดไข้วิธีอื่นไหม?เธอไม่ยอมให้เช็ดตัว”เย่เชินหลินถามพ่อบ้าน
“คุณเย่ครับ ยังจะพอมีใครที่สามารถจะช่วยเตือนคุณท่านได้อีกไหมครับ?ไข้สูงขนาดนั้น ไม่ทำอะไรเลยเห็นท่าจะไม่ดีแน่ และถึงแม้ว่าคุณท่านจะยอมให้เช็ดตัวแต่ก็คงช่วยอะไรได้ไม่มาก”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังปรึกษากันอยู่นั้น ในหูฟังของพ่อบ้านพนักงานรักษาความปลอดภัยบอกมาว่า “ประธานเย่มาถึงแล้ว รถของท่านอยู่ที่หน้าประตู”
ความรู้สึกแรกของเย่เชินหลินคือ ไม่อนุญาตให้เขาเข้ามา แต่พอนึกถึงสถานการณ์ของแม่ตัวเอง เขาก็เริ่มลังเลอยู่ครู่นึง แล้วพูดกับพ่อบ้านไปว่า “ให้เขารอสักครู่”
เขาพูดจบก็กลับเข้าไปในห้องแล้วพูดกับแม่ตน แอบแฝงความยั่วยุเล็กน้อย “ ประธานเย่มาครับ คิดว่าน่าจะมาดูคุณแม่น่ะครับ ผมอยากให้เขากลับไปซะตอนนี้เลย”
ฝู้เฟิ่งหยีที่นั่งหลับตาอยู่นั้นพอได้ยินประธานเย่สามคำนี้ คิ้วก็เริ่มขยับเล็กน้อย และเป็นไปตามที่เย่เชินหลินคิดไว้ไม่มีผิด เธอลืมตาขึ้นและพูดกับเขาว่า“ให้เขาเข้ามา”
ในที่สุดเธอก็เอ่ยปากพูดอะไรแล้ว เย่เชินหลินก็พลอยเบาใจ แต่ว่าสีหน้าก็ยังคงตึงเครียด เขาเลือกที่จะไม่แสดงอารมณ์ออกมามาก ละพูดอย่างจริงจัง “ผมให้เขาเข้ามาได้ ให้เขาเข้ามาดูแลคุณแม่ที่นี่ แต่ว่าผมมีเงื่อนไขอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือแม่จะต้องยอมรับการรักษาที่ผมจัดการให้ ไม่งั้นชาตินี้ผมก็ไม่ยอมให้เขาเข้าประตูบ้านผมมาได้หรอก”
ฝู้เฟิ่งหยีถอนหายใจยาว การที่จะทำให้พ่อลูกคู่นี้ปรองดองกันได้ นั้นเป็นความหวังที่เธอมีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะมีขัดคอไม่ลงรอยกันบ้าง แต่ถึงยังไงซะเธอก็ไม่อยากเห็นทั้งสองต้องมาบาดหมางกันแบบนี้ต่อไป
“ให้เขาเข้ามา!”เธอเริ่มโมโหแต่พูดออกมาอย่างไม่มีแรง
เย่เชินหลินจึงหันไปบอกกับพ่อบ้านว่า “คุณบอกพนักงานรักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูนะว่าให้รถเขาเข้ามาได้ แล้วก็ไปตามหมอทั้งสองคนนั้นเข้ามาด้วย”
“ครับ คุณเย่!”
ได้ยินมาว่าเย่เฮ่าหรันมาถึงตั้งนานแล้ว ฝู้เฟิ่งหยีสีหน้าดูดีขึ้นมาบ้าง เย่เชินหลินรู้ว่าที่จริงแล้วแม่ของเขายังคงรักผู้ชายคนที่ทำลูกหายคนนั้นอยู่ก็เหมือนกันกับตัวเขาเองที่ยังเป็นห่วงเป็นใยผู้ชายคนนั้นอยู่
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เย่เฮ่าหรันก็เข้ามายังบ้านตึกใหญ่ พ่อบ้านเรียกท่านประธานเย๋อย่างมีสัมมาคารวะและได้นำเขาไปยังห้องของฝู้เฟิ่งหยี  “เฟิ่งหยี คุณเป็นไงบ้าง?”พอเย่เฮ่าหรันเข้ามา เขาก็ดิ่งตรงไปยังฝู้เฟิ่งหยีทันที
เมื่อคืนเขาได้ยินเสียงเธอไม่ปกติเลยทำให้เขาเป็นกังวลมาก จึงรีบมาที่นี่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
ตอนนี้ฝู้เฟิ่งหยีจับไข้จนหน้าแดง หายใจก็เริ่มถี่ขึ้นมาก เย่เฮ่าหรันนั่งลงที่ข้างเตียง มือก็เอื้อมไปจับหน้าผากเธอ เขาถามเธอพลางขมวดคิ้ว “นี่ทำอะไรกันเนี่ย?ไข้ขึ้นขนาดนี้ทำไมไม่หาหมอ ไป ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลตอนนี้เลย”
“ไม่ต้อง ที่นี่มีหมอ”เย่เชินหลินพูดอย่างเย็นชา
เย่เฮ่าหรันหันไปมองลูกชายพลางเม้มปาก แต่ก็ไม่มีอะไร เขาจึงหันกลับมายังฝู้เฟิ่งหยี แล้วถามเธอขึ้นมาอย่างกังวล “มีหมอแล้วทำไมเธอไม่ให้หมอมาดูล่ะ?ฟังผม ให้อาหลินเรียกหมอมาดูอาการคุณเถอะ”
เย่เชินหลินเดินไปข้างๆเตียง ละยังคงมองเย่เฮ่าหรันอย่างเฉยชา พูดจาประชดประชัน “ก็ไม่ใช่ว่าฟังคุณหรอกหรอ เธอถึงได้เป็นแบบนี้”
เย่เฮ่าหรันขมวดคิ้วแน่น มือเริ่มสั่นเล็กน้อย ฝู้เฟิ่งหยีส่ายหน้า ให้เขากับเย่เชินหลินเลิกทะเลาะกัน
“หลินอา แกออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับพ่อแก ถ้าหมอมาถึงแล้วก็ให้เขาเข้ามาเลยก็ได้”
สุดท้ายฝู้เฟิ่งหยีก็ยอมให้คุณหมอมาดูอาการ เย่เชินหลินรู้ดีว่านี่เป็นเพราะเย่เฮ่าหรัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากเจอเย่เฮ่าหรันที่นี่ แต่เพื่อมารดา เขาจึงพยายามระงับอารมณ์โกรธภายในจิตใจลง เปิดประตูและเดินออกไป
หลังจากที่เย่เชินหลินออกจากห้องไป ฝู้เฟิ่งหยีก็กล่าวเตือนเย่เฮ่าหรันเสียงเบา “คุณพยายามอย่านุ่นก็ไม่เข้าที นี่ก็ไม่เข้าตา คุณก็รู้ว่าที่หลินทำไปนั้นก็เพราะจงใจยั่วคุณ ถ้าคุณยิ่งจะไปตำหนิเขา มันก็จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับลูกแย่ลงไปอีก”
เย่เฮ่าหรันเพียงแค่นึกถึงบ้านของเย่เชินหลินขึ้นมาใจเขาก็เริ่มรู้สึกโมโหแล้ว ข้างในมีทั้งพ่อบ้าน ไหนจะคนรับใช้ และก็ยังจะมีหมออีก
“เธอก็ดูมันสิ มีที่ไหน?บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร?ยังจะมาทำพูดกับผมว่าที่นี่มีหมอ!”
“เอาล่ะ เลิกพูดเถอะ ถ้าคุณอยากให้ฉันดีขึ้นจริงๆล่ะก็ อดทนหน่อยละกัน ฉันไม่อยากเห็นพวกคุณเป็นแบบนี้อีกแล้ว”สีหน้าของฝู้เฟิ่งหยีเคร่งขรึม อารมณ์เธอขึ้นจนถึงขั้นหอบ  
เย่เฮ่าหรันรีบเข้าไปลูบหลังให้เธอทันที“โอเค ผมรับปากคุณ คุณก็ยอมให้หมอดูอาการเถอะ”
เย่เชินหลินยืนรออยู่ตรงทางเดิน ยืนพิงผนัง สูบบุหรี่รอหมอมา
“คุณเย่ครับ พวกเรามาแล้วครับ!”ไม่นานนักทั้งแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบันก็เดินมาด้วยกัน ด้านหลังก็ยังมีพยาบาลตามมาอีกหนึ่งคน
“ตามผมเข้าไปเลยครับ”
หมอแผนปัจจุบันกำชับให้พยาบาลวัดไข้ให้ฝู้เฟิ่งหยี แล้วเขาก็ตรวจดูต่อมทอนซิลและฟังเสียงการทำงานของปอ ส่วนหมอแผนจีนก็จับชีพจรแล้วก็ถามอาการเล็กๆน้อยๆและสุดท้ายทั้งคู่ก็ให้การรักษาที่ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่
อุณหภูมิร่างกายขอเธออยู่ที่ 39.5 องศาเซลเซียสแพทย์แผนปัจจุบันก็เลยให้ทานยาลดไข้ ส่วนเรื่องพักฟื้นก็ให้หมอห่าวรับผิดชอบไป
พอฝู้เฟิ่งหยีทานยาลดไข้แล้ว แพทย์และพยาบาลต่างก็พากันกลับ ในห้องเหลือเพียงพวกเขาสามคน ไม่มีใครยอมพูดอะไรเลย
“อาหลิน แกเองก็นั่งลงคุยอะไรกับพ่อแกบ้างสิ มัวยืนอยู่ตรงนั้นอยู่ได้ เห็นแล้วเมื่อนแทน”ฝู้เฟิ่งหยี เริ่มทำลายความเงียบงันนั้นก่อน
เย่เชินหลินดึงเก้าอี้มานั่งลงแต่ไม่พูดจา เย่เฮ่าหรันมองไปยังฝู้เฟิ่งหยี ในใจพลางพูด เธอดูเอาเถอะเจ้าเด็กคนนี้มันไม่ใช่ว่าผมไม่สนมัน แต่มันไม่สนผม
สายตาของฟู่เฟื่งหยีโกรธเย่เฮ่าหรันเป็นนัยย์ๆ ความหมายก็คือ ลูกไม่สนใจคุณ คุณก็จะเริ่มพูดก่อนไม่ได้งั้นหรอ?
เย่เฮ่าหรันกระแอมออกมา ก่อนจะพูดเสียงหนัก “เรื่องของหวีหงทาวแกเป็นคนส่งคนไปสืบและตรวจสอบมาใช่ไหม?อ่และอีกอย่างลูกสาวของเขาหวีซานซานเองก็ถูกจับไปแล้ว เรื่องนี่แกเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยสินะ?”
“ถ้าใช่แล้วยังไง คุณยังจะปกป้องพวกเขางั้นหรอ?”เย่เชินหลินถามประชด
เขารู้ดีว่าเย่เฮ่าหรันไม่มีทาง ที่จะปกป้องคนผิด เขาเที่ยงตรงซื่อสัตย์มาโดยตลอดแต่ก็ยังตั้งใจที่จะยั่วโมโหเขา เย่เฮ่าหรันมองไปที่ฝู้เฟิ่งหยีอีกครั้ง เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วค่อยๆพูด“เขาทำผิด ฉันก็ไม่มีทางที่จะปกป้องคนผิดหรอก”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset