สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่306 สาวใช้ตัวแสบ210

ตอนที่306 สาวใช้ตัวแสบ210
“จัตุรัสแห่งนี้นะครับ ตำแหน่งตามที่พวกเราวางแผนไว้ก็คือ ……”ข้าราชการชั้นสูงคนนั้นพูดต่อ แต่เย่เชินหลินกลับมองเห็นแค่ปากของเขาที่ขยับพะงาบๆอยู่ ราวกับว่าที่เขาพูดมานั้นมันไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทของเขาเลย 
ให้ตายเถอะ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?
หลายปีที่ผ่านมา เวลาทำงานเขาก็จะทำงาน ไม่เคยที่จะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้มาก่อน
ตอนนี้เขาอยากที่จะตัดสายนั้นทิ้ง การที่จะรวบรวมสติมาตั้งหน้าตั้งตามาฟังรายงานมันกลับกลายเป็นเรื่องยาก
“ปัง!”เขาเผลอตบโต๊ะดังปัง ทำเอาคนที่กำลังทำการรายงานอยู่เงียบไป ทุกคนหันไปมองเย่เชินหลินที่กำลังขมวดคิ้วอยู่อย่างหวาดกลัว
ห้องประชุมเงียบสงัดลงในทันทีหลินต้าฮุยมองไปยังเจ้านายอย่างแปลกใจ ประหลาดใจตรงที่คนที่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมากอย่างเขาจะมาเป็นแบบนี้กลางที่ประชุม
ในการทำงานนั้นน้อยมากที่เย่เชินหลินจะอารมณ์ไม่ดี นอกเสียจากว่าข้อผิดพลาดที่ลูกน้องทำผิดนั้นมันจะเป็นเรื่องง่ายๆที่เขาไม่สามารถจะให้อภัยได้ ไม่เช่นนั้นสีหน้าของเขาก็จะยังคงเคร่งขรึม และไม่กล่าวโทษใคร
คนที่รายงานอยู่เมื่อครู่นี้ เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เขารวบรวมความกล้าและถามขึ้นมา “คุณเย่ครับ แบบแผนของผมมันมีปัญหาหรอครับ?ถ้าใช่ผมจะรีบกลับไปแก็ไขทันทีเลยครับ!แก็ทันทีเลยครับ!”
เย่เชินหลินสูดหายใจเข้าลึก และกวาดสายตาไปโดยรอบ และพูดขึ้นมาทันทีว่า“ผมต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับ ผมขอพักเบรก10นาทีนะครับ ส่วนผู้จัดการเจิ้ง แผนงานของพวกคุณตอนนี้เท่าที่เห็นยังไม่มีปัญหาอะไรครับ”
ตกลงว่าที่เขาเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียวเขาถึงได้พลั้งอารมณ์ไปที่นี่ คนเหล่านี้ก็ล้วนเป็นคนที่ทำงานบากบั่นมาร่วมกันกับเขา เขารู้สึกผิดต่อพฤติกรรมของตัวเองที่พลาดพลั้งไปเมื่อครู่ ดังนั้นจึงพูดจาอย่างเกรงใจมาก
“เชิญทำธุระคุณก่อนเลยครับ เชิญเลยครับ!”ข้าราชการคนอื่นต่างพากันบอกเขา
เย่เชินหลินลุกขึ้นยืนอย่างสง่าและเก็าออกไปจากห้องประชุม หลินต้าฮุยก็รีบตามเขาออกไปทันที
เขาต้องการที่จะถามเย่เชินหลินว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเริ่มรู้สึกได้แล้วว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับเซี่ยอะไรนั่นอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามอะไร  เย่เชินหลินกดปุ่มเปิดเครื่องโทรศัพท์ เขายืนมองประวัติการโทรเข้า เขาเม้มปากครุ่นคิดอยู่ครู่นึง แต่ก็ไม่ได้โทรกลับไปหาเธอ เขาโทรศัพท์ไปหาพ่อบ้าน
ครอบครัวของพ่อบ้านมาถึงแล้ว ดังนั้นเขาจึงมัวยุ่งอยู่กับการหาที่พักและจัดการเรื่องต่างๆให้ครอบครัวเขา
“ครับคุณเย่!”เขารับโทรศัพท์ และเรียกเขาด้วยความเคารพ
“ที่บ้านมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
“ไม่มีครับ คุณเย่”
“แน่ใจนะว่าไม่มี?คุณอยู่ไหน อยู่ด้านในหรือเปล่า?ตอนนี้คุณเห็นว่าทุกคนปลอยภัยดีอยู่ตรงหน้าแล้วใช่ไหม?”เย่เชินหลินรีบพูดยาวติดกันเป็นหางว่าวจนเหมือนกับว่าขาดความสุขุมใจเย็นไป
พึ่งจะพบว่าผู้หญิงคนนั้นสามารถที่จะครอบคองจิตใจเขาไว้ได้จริงๆและแม้ว่าเขาจะพยายามสงบสติอารมณ์ไว้แล้วก็ตาม
“ขออภัยด้วยนะครับ คุณเย่ ผมกำลังจัดการเรื่องพาครอบครัวผมเข้าที่พักอยู่น่ะครับ เดี๋ยวผมจะรีบวิ่งเข้าไปดูเซี่ยชีหรั่นในตึกให้เดี๋ยวนี้แหละครับ”
ถึงแม้ว่าเย่เชินหลินจะไม่ได้พูดคำว่าเซี่ยชีหรั่น แต่พ่อบ้านก็รู้ดีว่าคนที่เขาคอยเป็นห่วงอย่นั้นก็มีแค่เธอคนเดียว
เย่เชินหลินได้ยินเสียงพ่อบ้านกำลังวิ่ง เขาคงจะอยู่ในบริเวณเขตของคนงาน จากนี่วิ่งไปถึงในตึกใหญ่ก็ใช้เวลาไม่กี่นาที แต่เวลาไม่กี่นาทีนี้ก็ทำให้เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
พ่อบ้านวิ่งมาจนถึงในตึก เย่เชินหลินสั่งพ่อบ้านด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย“อย่าบอกเธอล่ะว่าผมถามถึงเธอ คุณหาเหตุผลเอาเองล่ะกันนะ”
เขากลัวว่าเย่เชินหลินจะยังไม่วางใจ พ่อบ้านจึงไม่ได้รีบวางสาย เขาเคาะประตูห้องเซี่ยชีหรั่น ได้ยินเสียงเธอพูด“นั่นใคร?”
“ชีหรั่น เธออยู่ด้านในงั้นหรอ ฉันพ่อบ้านนะ ให้ฉันเข้าไปได้ไหม?”
เย่เชินหลินได้ยินเสียงเซี่ยชีหรั่นตอบกลับ เขาจึงมั่นใจได้ว่าเธอสบายดี จึงยอมวางสายโทรศัพท์
หลินต้าฮุยมองเขาอย่างประหลาดใจ เย่เชินหลินพูดกับเขาอย่างเย็นชา“นี่คุณตามผมออกมาทำไม?ผมให้คุณตามออกมาหรอ?”
“เหอะๆ กลัวเผื่อว่าคุณจะมีอะไรต้องการให้ผมช่วย คุณเย่ครับ ตอนนี้เราจะเริ่มการประชุมต่อเลยไหมครับ?”หลินต้าฮุยจำได้ดีเมื่อครั้งที่แล้วที่บ้านของเย่เชินหลิน เขาไม่กล้าที่จะพูดเรื่องเซี่ยชีหรั่นสุ่มสี่สุ่มห้าอีก
“ดำเนินการต่อเลย!”เย่เชินหลินพูด หลินต้าฮุยก็รีบเดินตามเขากลับเข้าไปในห้องประชุม
“คุณพ่อบ้าน มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ พูดมาเลยได้ไหมค่ะ ฉันยังนอนอยู่บนเตียงค่ะ ”เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงแผ่วเบา
เธอรู้สึกว่าไม่ว่ายังเธอก็จะปลอดภัย เมื่อเย่เชินหลินอยู่
และถ้าเขาไม่อยู่เธอก็ต้องระวังตัวให้ดี ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไว้ใจไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะ พ่อบ้าน เขาเป็นคนของส้งหลิงหลิง
พ่อบ้านเองก็รู้ดีว่าเซี่ยชีหรั่นสงสัยตน ก็ในเมื่อเขาเคยคิดที่จะทำร้ายเธอ
“ผมมีเรื่องที่จะอยากคุยกับคุณน่ะครับ แต่ถ้าคุณยังไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกสักครู่จิ่วจิ่วจะนำอาหารมาให้ ถ้าหากว่าตอนนั้นคุณสะดวกแล้วเดี๋ยวผมจะมาใหม่ล่ะกัน”
“ค่ะคุณให้จิ่วจิ่วมาเลยก็ได้ค่ะ”เซี่ยชีหรั่นกล่าว
เธอไม่ยอมเชื่อใจใคร แต่เขายังคงเชื่อใจจิ่วจิ่ว มีจิ่วจิ่วอยู่เป็นเพื่อน ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาได้หน่อย
ไม่นานนัก จิ่วจิ่วก็นำอาหารเช้าที่เซี่ยชีหรั่นไม่ได้ทานเมื่อเช้าเอามาอุ่นแล้วยกมาให้เธอ พอได้ยินเสียงจิ่วจิ่ว เซี่ยชีหรั่นก็มาเปิดประตู
พ่อบ้านก็เดินตามเธอเข้ามา หลักๆคือมาดูให้แน่ใจว่าเซี่ยชีหรั่นเธอปลอดภัยดี
แต่ว่าเย่เชินหลินบอกกับเขาว่าให้เขาหาเหตุผลที่เหมาะสมเองที่จะมาหาเธอ เขาคิดแล้วคิดอีกและเขาก็เดินไปหน้าเธอแล้วพูดว่า “ชีหรั่น ครั้งที่แล้วหวีซานซานเธอจับตัวลูกชายฉันไปและก็ข่มขู่ให้ฉันใส่ยาให้เธอ ตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ จึงทำได้แค่ทำตามคำสั่ง และหลังจากนั้นคุณก็ถูกคุณไห่ช่วยเอาไว้ได้ เธอเองก็ปลอดภัยดี และก็คิดไม่ถึงว่า คุณเย่จะมีเมตตาขนาดนี้ เขายังส่งคนไปช่วยลูกผมออกไม่อีก ผมรู้สึกขอบคุณเขามากจริงๆมันทำให้ผมเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมาก และต่อจากนี้ไปผมจะไม่ช่วยคนอื่นทำร้ายคนที่คุณเย่เป็นห่วงอีก แน่นอนว่าเธอไม่จำเป็นต้องเชื่อผม ผมจะให้เวลาคุณอีกหน่อย เวลานานเข้าเดี๋ยวคุณก็จะเข้าใจเอง”
เซี่ยชีหรั่นคิดว่าเขาคงแค่จะหลอกให้เย่เชินหลินตายใจมากกว่า แต่พอตอนนี้มาคิดดูอีกที ถ้าหากว่าเขาไม่ไว้ใจพ่อบ้านอีก เขาก็คงไม่เอาพ่อบ้านไว้ทำงานต่อที่นี่หรอก
และในเมื่อเย่เชินหลินยังเลือกที่จะเชื่อใจเขา เธอเองก็แน่นอนว่าจะเลือกที่จะเชื่อใจเขาด้วยเช่นกัน
“ฉันเชื่อค่ะ คุณพ่อบ้าน”เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงเบา
พ่อบ้านรู้สึกขอบคุณและพยักหน้า พลางพูดว่า“ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นผมขอตัวนะครับมีเรื่องอะไรเรียกผมได้ตลอด ผมอยู่ในตึกนี่แหละครับ ไม่ได้ออกไปไหน”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ!”
หลังจากที่พ่อบ้านเดินออกไป จิ่วจิ่วก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆที่อยู่ในห้องของชีหรั่น เธอเดินดมไปทั่วก็เห็นว่าบนพื้นบริเวณหัวเตียงมีรอยเปียกอยู่
“ชีหรั่น นี่คืออะไรอ่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันหิวแล้วเอาอาหารมาให้ฉันเถอะ”ไม่ใช่ว่าเซี่ยชีหรั่นไม่อยากพูดความจริงกับจิ่วจิ่ว แต่เป็นเพราะเธอรับปากพวกนั้นไว้แล้ว เพียงเธอนับหนึ่งถึงสามแล้วพวกเขาออกไป เธอก็จะไม่พูดเรื่องนี้
อดทนไว้ไม่พูด บางทีมันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิด ไม่ว่าจะคิดผิดยังไง แต่ก็ดีกว่าการที่ไม่รักษาคำพูด เพราะการรักษาความน่าเชื่อถือนั้นเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของคนเรา
จิ่วจิ่วก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอนำถาดอาหารยื่นให้เซี่ยชีหรั่น
ที่จริงเซี่ยชีหรั่นก็ยังไม่ได้อยากกินเท่าไหร่ แต่พอเธอนึกถึง ว่าถ้าเธอทรมานตัวเองก็จะทำให้คนที่คอยจะหัวเราะเยาะเย้ยเธอนั้นได้ใจ และเพื่อคนที่คอยเป็นห่วงเธออยู่ เธอจะต้องดูแลตัวเองให้ดี
หลังจากที่พ่อบ้านออกมาจากห้องของเซี่ยชีหรั่น เขาก็ส่งข้อความให้เย่เชินหลินรู้ทันที ว่า เซี่ยชีหรั่นสบายดี และตอนนี้ก็มีจิ่วจิ่วมาอยู่เป็นเพื่อน
เย่เชินหลินถึงได้วางใจและเริ่มกลับมาจดจ่ออยู่ที่การประชุม11โมงครึ่งเสร็จสิ้นการประชุม หลินหลิงมาเตือนเขา “คุณเย่คะ อาหารกลางวันจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ยังคงกำหนดการเดิมที่คุณจะเชิญข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาทั้งหมดใช่ไหมคะ?”
ภาพสาวร่างเล็กปรากฏขึ้นมาในหัวเขาอีกครั้ง แม้ว่าพ่อบ้านจะรายงานบอกแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร เขากลับคิดว่าเธอไม่ใช่คนที่จะโทรมารบกวนเขาในเวลาทำงาน
“หลินต้าฮุย เรื่องอาหารมื้อกลางวันวันนี้คุณจัดการเลยน่ะ ทำให้ดีล่ะ”เย่เชินหลินกำชับ แล้วหับไปพูดกับหลินหลิง “เตรียมรถให้ผมหนึ่งคัน ผมจะกลับเข้าไปที่บ้านก่อน”
“ถ้างั้นการประชุมตอนบ่ายล่ะคะ?”หลินหลิงถามกลับ
“จัดการตามเดิม”เขาแค่กลับไปกินข้าวกลางวันที่บ้าน ส่วนเรื่องที่ว่ากลับไปดุใครนั้นมันก็แค่ทางผ่านแค่นั้น
หลินต้าฮุยรู้สึกว่าขอลาตายเสียยังดีกว่า เย่เชินหลินจะบอกให้เขาจัดการ อุตส่าห์บอกกับแฟนไว้เป็นหมั่นเป็นเหมาะว่าออกนอกบ้านจะไม่ดื่มเยอะ ถ้าดื่มเยอะก็จะมีบทสรุปที่ไม่ค่อยดีนัก
ในขณะที่เขากำลังคิดว่าชะตาชีวิตเขามันช่างเน่าเศร้า เย่เชินหลินกล่าวอีกว่า“ตอนบ่ายยังมีประชุมต่ออีก แค่ดื่มพอเป็นพิธีนิดหน่อยก็พอแล้ว”
มองหลินต้าฮุยถอนหายใจ โล่งอกอย่างกับถูกอภัยโทษประหารชีวิต หลินหลิงอดที่จะเม้มปากขำเขาไม่ได้
เย่เชินหลินกลับมาถึงบ้าน พ่อบ้านไม่รู้สึกแปลกใจที่เขากลับมา ก่อนจะออกไปเขาสั่งไว้ว่าเขาจะไม่กลับเข้ามา แต่ว่าก่อนที่เขาจะกลับมาหลินหลิงได้โทรบอกเขาไว้แล้ว ให้เขาจัดเตรียมอาหารกลางวันไว้ให้คุณเย่
“บอกให้ทุกคนมาทานข้าว!”เย่เชินหลินสั่งหน้านิ่ง
พ่อบ้านเข้าใจทันทีว่าทุกคนในที่นี้คือรวมเซี่ยชีหรั่นคนที่เขาอยากเจอมากที่สุดไว้ด้วย  
จิ่วจิ่วรู้สึกว่าเซี่ยชีหรั่นวันนี้แปลกไป ดูเหมือนว่าเธอจะพูดเก่งเป็นพิเศษ เขาไม่เคยเห็นเธอพูดเก่งแบบนี้มาก่อน เธอชวนจิ่วจิ่วคุยไม่หยุดเลย
“ชีหรั่น เธอคงไม่ใช่ว่าเป็นเพราะคุณเย่ให้เธอกักตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่สนเธอ จนเธอได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจจนทำให้เป็นเป็นบ้าไปแล้วหรอกนะ?”จิ่วจิ่วถามเธออย่างจริงจัง และตรวจเช็คเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
เธอไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเซี่ยชีหรั่นกลัวว่าพอเงียบลง จิ่วจิ่วก็จะกลับออกไป เธอจะต้องเผชิญหน้าอยู่กับห้องสีฟ้าห้องนี้คนเดียวและพวกนั้นก็อาจจะกลับมาหาเรื่องเธออีกก็ได้ในภายหลัง เธอยังคงที่จะกล้าเผชิญหน้าต่อสู้กับทุกสิ่ง แต่ว่าวันนี้เธอเหนื่อยมามากแล้วจริงๆ หมดแรงที่จะต่อกรกับทุกสิ่งอย่างแล้ว
“ฉันคงจะเป็นบ้าไปแล้วแหละ เธอจะเชิญหมอเข้ามาดูอาการฉันสักหน่อยไหมล่ะ?”เซี่ยชีหรั่นถามเธอพลางหัวเราะเบาๆ
ทั้งคู่นั่งคุยตอบโต้กันไปมาคุยไปคุยมาจนกระทั่งได้ยินเสียงพ่อบ้านมาเรียกเซี่ยชีหรั่นไปทานข้าว
“ชีหรั่น คุณเย่ให้ผมมาตามทุกคนไปทานอาหารกลางวัน”นี่เป็นคำพูดของพ่อบ้าน พอได้ยินเย่เชินหลินสามคำนี้ทำให้เธอรู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เขาบอกให้เธอไปกินข้าวหรอ?ไม่ต้องกักตัวสำนึกผิดแล้วหรอ?
เธอพยายามที่ไม่คิดถึงเขาตลอด เธอเอาแต่คิดถึงเรื่องเมื่อตอนสายที่เธอโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือเขา แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากเขาเลย เขาอาจจะยุ่งจนไม่ได้ยิน แต่พอเขาเสร็จงานแล้วล่ะ เขาไม่มีนิสัยที่คอยเช็คโทรศัพท์?หรือว่าเขาเห็นว่าเป็นเธอโทรไปจึงไม่สนใจหรือเปล่า?

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset