สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่315 สาวใช้ตัวแสบ219

ตอนที่315 สาวใช้ตัวแสบ219
“ตกลงแล้วอร่อยไหมคะ?”
“อร่อย!” น้ำเสียงร้ายๆของเขา แต่ก็เป็นคำตอบที่ทำให้เธอพึงพอใจมาก
หลังอาหารค่ำ ทั้งสองคนก็เดินเล่นกันในวิลล่า เย่เชินหลินเพิ่งพบว่า ไม่มีคนอื่นมารบกวนถือว่าเป็นวันที่ดีจริงๆ ในใจของเซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน
หลังจากเดินเล่นเสร็จ พวกเขาเข้ามาถึงในบ้าน เวลายังเช้าอยู่ เย่เชินหลินบอกว่าเขาต้องทำแผนโครงการต่อ เลยให้เซี่ยชีหรั่นหาอย่างอื่นไปทำเองก่อน
“ฉันดูหนังสือได้ไหมคะ?” เป็นครั้งแรกที่เซี่ยชีหรั่นร้องขอเขาแบบนี้ ความจริงแล้วเธอชอบอ่านหนังสือมาก ชอบดมกลิ่นหมึกอ่อนๆ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกเงียบสงบได้
ห้องอ่านหนังสือของเย่เชินหลินมีหนังสือสะสมมากมายหลายเล่ม เธอเคยแอบชำเลืองมองไปสองรอบ ในนั้นมีหนังสือที่เธอปรารถนาอยากดูเป็นพิเศษอีกด้วย
“ได้ เธอไปหยิบเองที่ห้องหนังสือ ดูเสร็จแล้วก็วางกลับที่เดิม”
“ขอบคุณค่ะ” เธอดีใจเมื่อพูดเสร็จ ก็เดินไปที่ห้องหนังสือ แม้ว่าจะมีหลายเล่มที่อยากดู แต่เธอก็ไม่โลภ เลยหยิบเพียงแค่หนังสือการสะสมร้อยแก้วมาหนึ่งเล่ม
เมื่อเขาทำงาน เธอก็ขึ้นเตียงของเขา เพื่ออ่านหนังสือ
ค่ำคืนของทั้งสองคน นั้นสงบสุขอย่างยิ่ง
หลังจากดูได้สักพัก เธอก็ลุกจากเตียงเพื่อไปชงนมให้เขา
“ไปชงมาอีกแก้ว” เขารับแก้วไปแล้ว พูดกับเธอ เธอยิ้มบางๆ แล้วก็ไปชงนมอีกแก้วอย่างเชื่อฟัง เพื่อให้ตัวเองดื่ม
ตอนเช้าคุณเย่ถือว่าอ่อนโยนกับเสี่ยวเซี่ยมากๆ เมื่อตกดึกอยู่บนเตียง ความอดทนของเขาคงไม่ดีขนาดนั้น เพื่อให้บรรลุหน้าที่ให้สำเร็จ เขาทำจนสุดความสามารถ เขาทำจนเซี่ยชีหรั่นเหนื่อยล้าจนเหมือนร่างกายเหือดแห้งไปหมด หมดเรี่ยวแรง เขาถึงปล่อยเธอไป
ในอีกสองวัน พวกเขาก็จะได้อยู่ในชีวิตที่เงียบสงบสุขเช่นนี้ ทั้งสองคนไม่เขาทำอาหาร ก็เธอทำ บางทีทั้งสองก็เข้าครัวด้วยกัน ให้อีกคนทำอาหารให้เป็นเรื่องสนุกของทั้งสองคน บางครั้งก็ใช้เวลานานพอสมควร และก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องทน
เย่เชินหลินเคยบอกว่าจะพาเซี่ยชีหรั่นออกไปทานข้างนอก และรวดซื้อเสื้อผ้าให้เธอ เดินเล่น ให้เธอไปร้านเสริมสวย ทำผมอะไรพวกนี้ ผู้หญิงรอบตัวเขาก็ชื่นชอบพวกนี้ แต่เซี่ยชีหรั่นกลับไม่ชอบ
“โม่ ฉันแค่อยากอยู่กับคุณ แค่เราสองคน แบบนี้ก็ดีแล้ว หากอยู่บนถนน ก็จะกลายเป็นว่ามีคนนับพันนับหมื่นคน วุ่นวายน่าดู” เธอพูดแบบนี้ ที่จริงก็เหมือนกับว่าเธอกำลังยอมรับว่าเธอชอบเขา อยากอยู่สองต่อสองกับเขา เย่เชินหลินลูบผมของเธอ แล้วแกล้งเธอ: “เธอเป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆที่ช่วยผู้ชายประหยัดเงิน”
เมื่อเซี่ยชีหรั่นไม่อยู่ตรงนั้น เย่เชินหลินได้เคยโทรหาหลินต้าฮุยแล้ว ให้เขาติดต่อตัวแทนจำหน่ายเรือยอร์ช
เขาต้องการซื้อเรือยอร์ชส่วนตัวสักลำ เมื่อก่อนไม่ได้ซื้อ เพราะคิดว่าไม่จำเป็น ตอนนี้มีผู้หญิงคนนี้แล้ว เขาจึงเกิดความคิดที่อยากจะพาเธอไปเที่ยวทันที
มีเพียงแค่เขาสองคนออกทะเล สำหรับผู้หญิงแล้ว น่าจะเป็นเรื่องที่โรแมนติก
นอกจากนี้ เขายังสั่งให้หลินต้าฮุยสั่งซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำส่วนตัวด้วย ครั้งก่อนเซี่ยชีหรั่นได้มีความสุขมากที่ได้นั่งเครื่องบิน นานเท่าไหร่เขาก็ไม่ลืม
แค่มีสองอย่างนี้ พวกเขาก็สามารถเดินทางหรือบินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
ถ้าหากว่าเธอมีลูกขึ้นมาจริงๆ จากนี้ไปก็ถือได้ว่าเป็นบทสรุปแล้ว
เวลาสองวัน เซี่ยชีหรั่นเหมือนกำลังอยู่ในความฝัน ไม่สามารถเชื่อได้ว่าเย่เชินหลินจะดีต่อเธอขนาดนี้ ไม่ว่าเธอจะบอกว่าอยากทำอะไร เขาให้เขาอยู่ด้วย เขาก็อยู่ด้วย
เพียงแต่เมื่อถึงวันไหว้พระจันทร์ อารมณ์ของเย่เชินหลินก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้ว่าท่าทีที่มีต่อเธอไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนไป แต่เซี่ยชีหรั่นก็สังเกตเห็นว่าเขาไม่พอใจอย่างชัดเจน
เธอคิดอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เธอไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้เขาหึง คิดว่าอาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันสำคัญ ทำให้เขานึกถึงเย่จื่อห้าน
ความจริงแล้วในใจของเธอไม่ได้นึกถึงโม่เสี่ยวจุน ดังนั้นเธอเลยรับรู้ถึงความรู้สึกของเขา
“โม่ คุณกลับไปฉลองเทศกาลกับพ่อแม่ ดีไหมคะ? ฉันสามารถอยู่ที่นี่คนเดียวได้” สมมุติหากเธอสามารถไปฉลองเทศกาลร่วมกับคนสูงวัยกับเขาได้ เธอก็จะไป แต่ตอนนี้เธอยังไม่มี เธอก็ทำได้เพียงบอกให้เขากลับไปคนเดียว
“ไม่กลับ เย่จื่อห้านไม่อยู่ ฉลองอะไรกัน ยังไม่รู้ว่าเขาตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน” เป็นอย่างที่เธอเดาไว้ไม่มีผิด เขากำลังเสียใจกับเรื่องของเย่จื่อห้านจริงๆ
“เรื่องนี้ก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว ฉันเชื่อว่าเขาก็หวังให้ครอบครัวของคุณมีความสุข” เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงเบา
เย่เชินหลินส่ายหัว “ไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้ฉันจะอยู่กับเธอที่นี่ ไปทำอาหารเถอะ”
เดิมทีวันไหว้พระจันทร์จะต้องกินขนมไหว้พระจันทร์ ดูเหมือนว่าเย่เชินหลินจะเกลียดของสิ่งนี้เป็นพิเศษ ขนมไหว้พระจันทร์ที่ไห่ลี่หมินเอามากล่องนั้น เซี่ยชีหรั่นกินไปแค่ชิ้นเดียว ที่เหลือก็ถูกเขาทิ้งไปอย่างไร้ความปราณี
วันไหว้พระจันทร์ไม่กินขนมไหว้พระจันทร์ เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าเขาไม่เพียงแค่ไม่กินขนมไหว้พระจันทร์ และก็ไม่อยากจะฉลองด้วย
เธอก็เหมือนปกติทุกวัน เตรียมอาหารทำกินเองที่บ้าน เมื่อทั้งสองคนกำลังกินข้าว เย่เชินหลินกลับเงียบมาก
ใจของเซี่ยชีหรั่นก็ถูกเขาชักจูงไปด้วย เงียบๆ อยากจะทำให้เขามีความสุข ในใจก็ชัดเจนดีว่า ไม่ว่าเธอจะทำอะไรพูดอะไรไป ยังไงวันนี้เขาก็ไม่มีความสุข
คนที่เขาคิดถึง กลัวว่าเป็นคนเดียวกันกับที่เธอคิดถึง
ในวันรวมตัวกันเป็นนับหมื่นครอบครัว ในใจของทั้งสองคนนั้นว่างเปล่า
เธอแค่ไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอไม่สบายใจ กลัวว่าเขาจะไม่มีความสุขก็เท่านั้นเอง ในความเป็นจริงแล้ว ทุกปีในวันไหว้พระจันทร์โม่เสี่ยวจุนจะคิดหาวิธีเก็บขนมไหว้พระจันทร์ที่เซี่ยชีหรั่นชอบกินมากที่สุดเอาไว้ให้เธอ เมื่อโตขึ้นก็ไม่ได้ยากอะไร แต่ตอนเด็ก กลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ จะให้เซี่ยชีหรั่นไม่เศร้าได้อย่างไร
อาหารค่ำของเทศกาลไหว้พระจันทร์ ทั้งสองคนกินได้ไม่เยอะ หลังอาหาร เซี่ยชีหรั่นไม่ได้เอ่ยปากชวนไปเดินเล่น และเย่เชินหลินก็ยังคงเงียบ
“ฉันจะกลับห้องไปอ่านหนังสือ” เซี่ยชีหรั่นคิดว่าเขาอยากอยู่ตามลำพัง คงอยากหวนนึกถึงคนใกล้ชิดของเขา
เย่เชินหลินพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไร
เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องของเขา กลับไปยังห้องของเธอเอง ความจริงเธอไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือเลย
เธอนอนหงายอยู่บนเตียง หวนนึกถึงโม่เสี่ยวจุน คิดว่าเขาจะไม่ได้เห็นพระจันทร์เต็มดวงของวันนี้อีกแล้ว คิดไปคิดมา น้ำตาก็ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
“ชีหรั่น มาชมพระจันทร์สิ! เธอดู พระจันทร์ปีนี้เต็มดวงกว่าพระจันทร์ปีอื่นๆ” เซี่ยชีหรั่นจำได้เสมอ ว่าโม่เสี่ยวจุนจะพูดแบบนี้กับเธอ ทุกปีพระจันทร์ที่เอ่ยออกจากปากของเขาจะเต็มดวงกว่าปีก่อนๆ นี่คือสิ่งที่เขาคาดหวัง เขาอยากฉลองเทศกาลร่วมกับครอบครัว
เซี่ยชีหรั่นนอนลงบนเตียงไม่เห็นพระจันทร์ที่อยู่นอกหน้าต่าง เธอคิดว่า เธอควรจะออกไปดูพระจันทร์ของคืนนี้ เพื่อโม่เสี่ยวจุน ดูว่าพระจันทร์ของปีนี้จะสว่างและเต็มดวงกว่าปีที่ผ่านมารึเปล่า
เธอลุกตัวขึ้น ออกจากบ้านไป ในวิลล่านั้นเงียบสงบ
เมื่อแหงนหน้าขึ้นมอง พระจันทร์เต็มดวงสว่างไสวแขวนบนอากาศ เธอแอบพูดในใจ เห็นรึยัง? โม่เสี่ยวจุน พระจันทร์คืนนี้เต็มดวงและสว่างกว่า
ฉันอาจจะหาคนที่บ้านให้นายเจอแล้ว เย่เชินหลิน เขาอาจจะเป็นพี่ชายของนาย ตอนนี้เขาก็กำลังคิดถึงนายอยู่เหมือนกัน
ไม่เพียงแค่เขา แต่ยังมีคุณพ่อคุณแม่ของเขาพวกเขาก็คิดถึงนาย
นายรับรู้ได้ไหม? ในเวลานี้ เซี่ยชีหรั่นคาดหวังจริงๆว่าจะมีวิญญาณหลังความตาย ยังนั้นโม่เสี่ยวจุนจะได้ยินเสียงในใจของเธอ เขาอาจจะยินดี และจะได้ไม่เสียใจ
ตามเส้นทางเดินที่ปลูกต้นจัสมิน เซี่ยชีหรั่นมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ไม่ได้มองไปยังข้างหน้า
“ทำไมเธอมาที่นี่ได้?” ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของเย่เชินหลิน เธอจึงมองไปข้างหน้า เห็นเพียงเย่เชินหลินที่นั่งอยู่บนม้านั่งไม้ข้างต้นจัสมิน ในมือถือขวดเหล้า
ในมือของเขามีขวดเหล้า ข้างๆยังมีขวดเปล่าอยู่หลายขวด ที่กระจัดกระจายอยู่บนเก้าอี้
“ทำไมคุณถึงดื่มเยอะขนาดนี้? หยุดดื่มได้แล้ว!” เซี่ยชีหรั่นเดินไปตรงหน้าของเขา แล้วแย่งขวดเหล้ามาจากเขา
เย่เชินหลินมีกลิ่นเหล้าไปทั่วกาย เวลาพูดน้ำเสียงเหมือนเป็นหวัด เห็นเขาเป็นแบบนี้ เธอรู้สึกเจ็บปวดแทน แล้วก็โทษตัวเอง ต้องโทษเธอทั้งหมด หัวสมองคิดถึงแต่โม่เสี่ยวจุน และก็ไม่ได้ไปดูเขา หากเธอรู้แต่แรกว่าเขากำลังดื่มเหล้า เธอจะได้โน้มน้าวให้เขาดื่มให้น้อยลง
เย่เชินหลินไม่ได้สนใจเธอ เอามือหนีจากเธอ แล้วรินเหล้าเข้าปากต่อ
“ไม่ให้ดื่ม!” สองมือของเธอแย่งเหล้ามาจากเขา แต่ก็แย่งมาไม่ได้ เธอเลยตะโกนเสียงไป: “เย่จื่อห้านไม่ได้หวังให้นายดื่มเหล้า!”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ การเคลื่อนไหวในมือของเย่เชินหลินหยุดชะงัก เซี่ยชีหรั่นใช้โอกาสนี้แย่งขวดเหล้ามา แล้วโยนทิ้งลงพื้นทันที เหล้ากระจัดกระจาย
เธอดูอย่างระมัดระวัง ตรงนี้มีแต่ขวดเปล่าแล้ว เขาอยากจะดื่มก็ดื่มไม่ได้แล้ว
ทันใดนั้นเขาก็คว้าข้อมือเธอไว้ ดวงตาจ้องมองเธอ และถามอย่างโหดเหี้ยม: “เธอรู้ได้ยังไงว่าเย่จื่อห้านไม่หวังให้ฉันดื่มเหล้า? เธอรู้จักเขาเหรอ?”
“ฉัน…”
เธอสามารถพูดได้ไหม? เธอพูดได้ไหมว่าโม่เสี่ยวจุนก็คือเย่จื่อห้าน? สมมุติว่ามีเศษหมื่นส่วนหนึ่งอาจจะไม่ใช่ล่ะ? เธอก็จะทำให้เขาเสียใจเปล่าๆ อีกอย่างเขาก็จะคิดว่าเย่จื่อห้านตายแล้ว ยกเลิกการตามหา หากเป็นเช่นนั้นครอบครัวพวกเขาอาจจะไม่มีทางได้เจอเย่จื่อห้านอีกเลยก็ได้
เซี่ยชีหรั่นสูดลมหายใจ แล้วสูดลมหายใจอีกครั้ง ทำได้เพียงพูดเสียงเบา: “ฉันไม่รู้จัก แต่ฉันรู้จักเด็กกำพร้ามากมาย แม้แต่ตัวฉันเองก็เป็น เด็กอย่างพวกเราในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า ใครๆต่างก็คาดหวังว่าจะเจอคนในครอบครัว คาดหวังอยากให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดี”
“โกหก! มีเด็กที่หายสาบสูญมากมายเท่าไหร่ที่โทษครอบครัวของเขา? เพราะว่าครอบครัวของพวกเขาไม่ดูแลพวกเขาดีๆ ถึงทำให้พวกเขาตกระกำลำบาก เธอคิดว่าเธอรู้จักเด็กในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าเหรอ? ฉันไม่รู้จักรึไง?”
ท่าทางของเย่เชินหลินดื้อรั้นมาก ไม่ผิด เพื่อที่จะตามหาเย่จื่อห้าน เขาและคุณแม่ก็ได้ให้เงินบริจาคแก่สถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าไม่เคยขาดเลย เขาก็ถามคำถามนี้กับเด็กไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง ถามพวกเขาว่าไม่พอใจครอบครัวของพวกเขาไหม เด็กส่วนใหญ่ตอบว่าไม่พอใจ
เซี่ยชีหรั่นบางครั้งถูกเขาพูดจนเธอพูดไม่ออก อยากจะโต้แย้ง แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้เหมาะสม
เธอไม่สามารถพูดได้ว่าโม่เสี่ยวจุนไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร สีหน้าของเย่เชินหลินก็เย็นชามากกว่าเดิม
“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะสิ? เย่จื่อห้านน้อย เขาน่าสงสารมาก เธอดูสิ ไม่ว่าฉันจะใช้ชีวิตหรูหรายังไง เสื้อผ้ามาก็แค่ยื่นมือ อาหารมาก็แค่อ้าปาก ฉันเป็นลูกชายของประธาน เดินไปที่ไหน ทุกคนก็ต้องเคารพแล้วเรียกว่าคุณชาย แล้วเขาล่ะ? เราเป็นพี่น้องกัน ชะตากรรมเดียวกัน ฉันไม่รู้ว่าเขาลำบากมากแค่ไหน ข้าวแค่มื้อเดียวก็ไม่รู้ว่ากินอิ่มรึเปล่า ถูกคนตีจนพิการไปแล้วรึเปล่า หรือว่าไม่ได้อยู่บนโลกตั้งนานแล้ว” เย่เชินหลินยิ่งพูดยิ่งร้อนรน แม้แต่น้ำเสียงก็มีสะอื้นบ้างเล็กน้อย

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset