สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่331 สาวใช้ตัวแสบ235

ตอนที่331 สาวใช้ตัวแสบ235
“เป็นอะไรไปหล่ะ” เซี่ยชีหรั่นถามจิ่วจิ่ว ใบหน้าของหล่อนดูไม่สู้ดีนัก
“โธ่ บ้าจริง!” ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นใครกวนประสาทขนาดนี้มาก่อนเลย คิดว่าหล่อนักรึไงกัน? คิดว่าบนโลกใบนี้ มีนายหล่ออยู่คนเดียวรึไงกันฮะ? หล่อนไม่อยากจะเชื่อเลย และกระแทกเท้าลงที่พื้นอย่างแรง
“เอาหน่าๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องไปแคร์เขาหรอก” เซี่ยชีหรั่นพูดโน้มน้าวใจด้วยความใจเย็น
“เธอไม่รู้หรอก เขาได้ยินว่าสุนัขที่บ้านเราชื่อหรงหรง เขาซุกซนขนาดไหน เป็นลูกผู้ชายแต่ทำไมขี้เหนียวขนาดนั้น เราซื้อหมามาแม้จะเปลี่ยนชื่อมันก็ไม่ได้หรือไง? น่าโมโหจังเลย! ไม่ได้สิ! เดี๋ยวพรุ่งนี้ ฉันจะต้อง จะต้อง จะต้องไปหามัน ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะจัดการเขาไม่ได้!”
“เธอก็นะ จะไปโกรธเขาทำไม เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องไปหรอก อย่าไปจู้จี้จุกจิกเขามาก ทำแบบนี้ เธอเองก็ไม่มีแฮปปี้ เขาเองก็อึดอัดเปล่าๆ”เซี่ยชีหรั่นพยายามพูดให้เธอใจเย็นลง หลังจากที่จิ่วจิ่วพูดระบายความในใจออกมา หล่อนก็อารมณ์ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา
เธอจับที่แขนของเซี่ยชีหรั่น และพูดด้วยน้ำเสียงที่ช่ำชองเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ว่า: “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าเธอเจอผู้ชายหล่อๆ เธอก็คงไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอก เอ่อ ช่างมันเถอะ! ฉันพูดไปเธอคงไม่เชื่อหรอก จริงๆนะฉันรู้สึกว่าเขาหล่อไม่ต่ำกว่าคุณชายเราเลย เพียงแต่บุคลิกต่างกันเท่านั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้จะถ่ายรูปมาให้ดู รอดูหล่ะกัน”
เซี่ยชีหรั่นดูเป็นคนไร้อารมณ์ เนิบๆ นาบๆ ไม่เหมือนกับจิ่วจิ่วที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็รู้สึกตื่นเต้นไปหมด เธอบอกว่าถ่ายรูปมา เธอก็แค่ฟังผ่านๆ และพูดขึ้นลอยๆ ว่า: “อาห๊ะ ไปถ่ายรูปมา ฉันก็อยากรู้ว่าจะหล่อเบอร์ไหนกันเหมือนกัน”
ทว่า ตอนนี้จิ่วจิ่วกำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะใส่ชุดแบบไหนไปเจอเขาดี เพราะนอกจากชุดแม่บ้านที่เป็นชุดแม่บ้านแล้วก็ไม่มีชุดอื่นอีกเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหมอนั่นถึงไม่สนใจเธอเลยสักนิด พรุ่งนี้ก่อนที่เธอจะไปหาเขา เธอจะแวะซื้อชุดเดรส ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง ใส่ไปอวดเขาสักหน่อย เอาให้เขาตะลึงไปเลย
……
หลังจากที่เย่เชินหลินกลับมาถึงบ้านตอนประมาณ 11 โมง 20 พี่เลี้ยงเสี่ยวหลันก็เปิดประตูบ้านให้เขา เขาเหลือบไปเห็น มีรองเท้าผู้หญิงอีก 2 คู่วางอยู่บนชั้นวางรองเท้า ดูเหมือนว่าที่บ้านจะมีแขก
ยังไม่ทันจะเอ่ยปากถามเสี่ยวหลัน ก็เห็นส้งหลิงหลิงสวมชุดเดรสสีเขียวๆ เหลืองๆ เดินออกมาต้อนรับ
“เชินหลิน คุณกลับมาแล้วหรอคะ ไม่ได้เจอกันหลายวันเลย เอ่อออ…..ไปทำงานเป็นไงบ้าง เหนื่อยมั้ยคะ? เข้ามาก่อนสิคะ! ”เธอทำตัวราวกับเป็นเจ้าของบ้าน เธอหยิบรองเท้าแตะจากชั้นวางรองเท้าวางลงให้เย่เชินหลินอย่างดี
“ทำไมคุณไม่ไปบ้านของฉันบ้างหล่ะคะ แม่ฉันพูดว่าอยากเจอคุณอยู่บ่อยๆ ท่านบอกว่าไม่ได้มาเยี่ยมแม่ของคุณมานานแล้ว วันนี้ท่านก็เลยถือโอกาสมาเยี่ยมคุณป้ากับฉันด้วยกัน คุณป้านี่แหละถึงจะมีหน้า แค่สายเดียวคุณก็กลับมาแล้ว”
เขาไม่ได้สนใจส้งหลิงหลิงมาพักหนึ่งแล้ว ช่วงนี้เธอก็อยู่แบบเงียบสงบมาก ไม่มาหาเขาแม้แต่ครั้งเดียว
ส้งหลิงหลิงคิดว่าเดี๋ยวเย่เชินหลินก็คงจะคิดถึงเธอ แล้วคงทักมาหาเธอมาเองอ่ะแหละ แต่แยกกันหลายวันเขาไม่โทรมาหาเธอแม้แต่สายเดียว
เมื่อคืนเธอฝันถึงเธอกับเย่เชินหลินกำลังมีอะไรกันอยู่ หลังตื่นขึ้นมาตอนเช้าเธอก็ทนต่อไปไม่ได้อีก ถ้าไม่มาหาเย่เชินหลินอีก เธอว่าเธอคงบ้าแน่ๆ
แม่ของเธอขัดใจเธอไม่ได้ และก็นึกถึงว่าร่างกายของเย่เชินหลินหายดีแล้ว จะปล่อยให้งานหมั้นของพวกเขาไปเป็นแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้ถึงเวลาไปหาเขาบ้างแล้ว
ฝู้เฟิ่งหยีมีความรู้สึกผิดต่อส้งหลิงหลิง อีกทั้งแม่ของเธอก็มาด้วยทำให้เธอยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น ดังนั้นเลยโทรไปให้เย่เชินหลินกลับมากินข้าวเย็น
หากเย่เชินหลินออกจากบ้านตอนนี้ เขาไม่เพียงแต่จะไม่ให้เกียรติส้งหลิงหลิง รวมถึงแม่ของเธอ และแม่ของเขาด้วยเช่นกัน
เย่เชินหลินมองไปที่ส้งหลิงหลิงด้วยท่าทีเฉยเมย แล้วใส่รองเท้าแตะที่เธอวางไว้ให้
แม่ส้งหลิงหลิงกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น ฝู้เฟิ่งหยีบอกว่าพวกเธอเป็นแขก เธอกับเสี่ยวหลันจะเข้าไปทำอาหารต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณป้า ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบากเดินทางมาถึงที่นี่นะครับ จริงๆ ถ้าป้าอยากเจอผม แค่โทรศัพท์มากริ๊งเดียว ผมก็รีบไปหาทันทีเลยครับ”เย่เชินหลินเดินไปพูดตรงหน้านายหญิงส้งอย่างช้าๆ
คำพูดที่ดูสุภาพแบบนี้ไม่เห็นมีความจริงใจอะไรหรอก แม้เทศกาลไหว้พระจันทร์เขาก็ไม่ได้ไป ที่เธอโทรไปหาเขา เขาจะไปเยี่ยมตนเองได้ไง
แต่ในเมื่อตอนนั้น เขาพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว นายหญิงส้งยังจะพูดอะไรได้ล่ะ ได้แต่ยิ้มนุ่มนวลละมุนละไมแต่แฝงไปด้วยความลึกซึ้งแล้วพูดขึ้นด้วยความรู้สึกเอ็นดูว่า: “ป้าก็เกษียณแล้ว อยู่บ้านว่างๆ ก็ไม่มีอะไรทำ ก็เลยมาเยี่ยมลูกที่นี่จ่ะ แล้วก็อยากมาพูดคุยนั่งเล่นกับแม่เย่เชินหลินด้วย จะได้ไม่เบื่อ เพราะพวกเธอวัยหนุ่มสาวก็ยุ่งกันหมด และยิ่งตำแหน่งสูงขึ้นก็จะยิ่งมีงานมากขึ้น ไม่มีเวลาได้มาเยี่ยมหรอก พวกเราก็อายุปูนนี้แล้ว ป้าๆ ก็เข้าใจพวกเธอนั่นแหละ ถ้าเธอมีเวลาก็แบ่งไปเจอน้องส้งหลิงหลิงบ้างนะ พวกป้าแก่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
ไม่ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชินหลินกับส้งหลิงหลิงจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็ยังเป็นแม่สามีของเขา การอบรมลูกเขยเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เย่เชินหลินได้ยินดังนั้นแล้วก็ยิ้มรับเบาๆ เขายังไม่ทันจะได้พูดอะไร ส้งหลิงหลิงก็เดินมาอยู่ข้างๆ แม่ของเธอและพูดขึ้นแบบออดอ้อนว่า: “แม่คะ อย่าทำให้พี่ลำบากใจเลยค่ะ ไม่ต้องไปจู้จี้จุกจิกกับพี่มากหรอกค่ะ ตั้งแต่เข้ามาที่บ้านแม่ของบ่นพี่ไม่หยุดเลยค่ะ จริงๆ พี่ก็พาหนูไปนู้นนี่นั้นอยู่บ่อยๆ แต่ก่อนหนูก็อยู่อพาร์ทเมนต์กับพี่ไม่ใช่หรอคะ?”
“ก่อนหน้านี้ ไหนลูกบอกว่าคิดถึงพี่มากยังไงหล่ะ ไม่ได้เจอพี่ตั้งหลายวันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงพูดแทนที่เค้าหล่ะ งั้นแม่จะไม่สนใจหนูแล้วนะ”นายหญิงส้งจิ้มไปที่หน้าผากของส้งหลิงหลิง พลางพูดขึ้นว่าไม่สนใจแล้ว ไหนบอกว่าเย่เชินหลินไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับหนูมาหลายวันแล้วไม่ใช่หรอ
“หลิงหลิงนั่งคุยกับคุณป้าตรงนี้หล่ะกันนะ เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูในห้องครัวหน่อยว่า มีอะไรที่เราพอจะช่วยทำได้บ้าง”หลังจากพูดเสร็จ เย่เชินหลินเดินจากไป ไม่เปิดโอกาสให้ 2 แม่ลูกได้แสดงละครต่อเลย
จริงๆ แล้วเขายังประทับใจในตัวภริยาของเขามาก แต่หลังจากที่มีเรื่องส้งซูหาวขึ้น ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องนั้นเขาก็อารมณ์เสียทุกครั้ง
“แม่! ”เย่เชินหลินเดินเข้าไปในครัว และตะโกนเรียกแม่ เขาปลดคอเสื้อตัวเองออก และพับแขนเสื้อขึ้น แล้วพูดขึ้นมาว่า: “แม่ออกไปคุยกับคุณป้าและน้องเถอะ เดี๋ยวผมทำอาหารให้เองครับ”
ฝู้เฟิ่งหยียิ้มแบบกรุ้มกริ่ม เขาก็รู้อยู่แหละว่าแม่ของเขาคิดอะไรอยู่ เขาจึงยิ้มเขินๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ทำไมหรอแม่ แม่กลัวว่าผมจะทำกับข้าวอร่อยสู้แม่ไม่ได้หรอครับ?”
“เธออย่ามาเปลี่ยนเรื่องคุย นี่เธอไปอเมริกาเธอก็ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วหรอ เธอโทรหาหลิงหลิงสักครั้งก็ไม่ได้หรอ เช้านี้เด็กคนนี้มาร้องไห้ฟูมฟายบอกว่าเธอไม่เอาเขาแล้ว เธอคิดให้ดีๆแล้วกัน ถ้าจะไม่เอาเขาแล้ว เธอก็ถอนหมั้นไปสิ อย่าให้เขาต้องเสียเวลาเปล่าๆ”
เย่เชินหลินหยิบเนื้อวัวที่หมักในน้ำซอสแล้วไปให้แม่ แล้วพูดขึ้นเบาๆ ว่า: “ผมเข้าใจที่แม่พูด ว่าหมายถึงอะไร ตอนที่หมั้นกัน ผมถามแม่ว่า แม่เลือกใคร ผมก็เลือกคนนั้น ในตอนนี้ถ้าแม่อยากให้ผมถอนหมั้น ผมก็จะทำตามที่แม่บอก ซึ่งตอนนี้คุณป้ากับน้องก็มาพอดี เราค่อยคุยเรื่องนี้กันตอนทานข้าวเย็นกันเลยมั้ยครับ”
ฝู้เฟิ่งหยีรู้สึกว่าหัวใจของลูกชายเขาดูเหมือนจะเข้าใจยากขึ้นเรื่อยๆ และสำหรับเรื่องนี้ เขาดูแสดงออกแบบคลุมเครือ ไม่ชัดเจนเอาซะเลย
เธอบอกว่าเขาไม่เชื่อฟัง แต่ไม่ว่าหล่อนจะทำตามที่แม่ของหล่อนบอก หรือเขาจะเลือกใครมาเป็นภริยา ล้วนแล้วแต่เป็นการตัดสินใจของเธอทั้งนั้น
อย่างส้งหลิงหลิงนั้น เธอก็ทำให้หล่อนประทับใจไม่น้อยทีเดียว แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ใครกันจะไม่เคยมีข้อบกพร่องหล่ะ จริงๆ แล้วลึกๆ นั้น เธอก็ไม่อยากให้ทั้ง 2 เลิกกันหรอก เหตุผลหลักๆ ก็เพราะไม่อยากให้ลูกชายของเธอดูหลักลอย โกลาหลวุ่นวาย
เธอเป็นคนที่เชื่อในพระพุทธศาสนา ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า มีความปรารถนาดี การถอนหมั้นเป็นการทำให้ทุกอย่างไร้ความหมายจริงๆ และเธอก็จะไม่สามารถอ้างสิทธิ์อะไรได้
ทำไมเย่เชินหลินถึงไม่เข้าใจจิตใจของแม่เลยสักนิด หรือว่าเขาไม่อยากทำให้แม่ต้องผิดหวัง และหากว่าส้งหลิงหลิงทำตัวไม่ดีกับแม่ของเขา เธอก็ไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่เคียงข้างเขาอีกต่อไป
“ลูกคิดอะไรง่ายๆ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ขำๆ นะลูก? อยากได้ก็เอา ไม่อยากได้ก็ทิ้ง พวกเราตระกูลเย่เป็นคนแบบนั้นหรอ? ” ฝู้เฟิ่งหยีหน้าตาเคร่งเครียด ส่วนเย่เชินหลินได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“คุณอ่ะ ก็อยากได้เธอมาเป็นภริยาไม่ใช่หรอ ก็เคยบอกว่าอยาก แล้วทำไมถึงพูดว่าฉันยังชักช้าอยู่หล่ะ ผมแค่บอกว่า หากคุณเลือกเธอ ผมก็จะลองพิจารณาดูอีกครั้งก็แล้วกัน”
ฝู้เฟิ่งหยีไม่ได้โต้ตอบอะไร หลังจากที่เธอเดินออกไปจากห้องครัว เย่เชินหลินก็กลับไปทำกับข้าวต่อ
สำหรับส้งหลิงหลิงนั้น เขาไม่ได้รู้สึกผิดมากเท่าฝู้เฟิ่งหยี ตอนที่แม่ยื่นข้อเสนอให้แต่งงานกับเธอ เขาแทบจะไม่ได้ชอบเธอเลยด้วยซ้ำ เขารู้ดีว่าเขารู้สึกยังไงกับเธอ ส่วนเธอเองรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้รักเธอ แต่ก็ยังอยากที่จะอยู่กับเขา ซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องของเธอ ส่วนเขาเองก็อยากจะชดเชยสิ่งที่ทำลงไป แล้วปล่อยให้เธอไปจากเขา แต่เธอก็ไม่ยอม เธอต้องการเขา และต้องการธุรกิจยักษ์ใหญ่ของตระกูลเขาด้วย
คนที่ทำแบบนี้ เขายังจะต้องรู้สึกผิดอยู่อีกหรอ
ในช่วงระหว่างทานข้าวเที่ยง ใบหน้าของส้งหลิงหลิงยิ้มแย้มแจ่มใสมาก พูดอะไรนิดอะไรหน่อยก็พลอยทำให้ ฝู้เฟิ่งหยีมีความสุขไปด้วย
นายหญิงส้งเห็นลูกสาวทำแบบนั้น ก็รู้สึกปวดหัวใจไม่น้อย เธออยู่ในตระกูลเย่แต่ถูกควบคุมราวกับเป็นเด็กน้อย ทุกครั้งก็ต้องพยายามทำให้ถูกใจคนในครอบครัว เธอพยายามอย่างมาก แต่ก็ไม่เห็นว่าเย่เชินหลินจะมีท่าทีอะไรที่ชัดเจนกับเธอเลย เธอคงจะไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วหล่ะ
เธอมองไปที่ฝู้เฟิ่งหยีและพูดขึ้นช้าๆ ว่า: “คุณเพื่อน ครั้งที่แล้วที่เด็กสองคนนี้หมั้นหมายกัน เหมือนว่าเชินหลินจะทำตัวมีปัญหา ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบากใจ แม้ว่าจะยังไม่มีการจัดงานแต่งอย่างเป็นทางการ แต่หลิงหลิงก็เหมือนคนในตระกูลเย่ของเราแล้ว แม้จะยังเป็นแค่การหมั้นและเหมือนจะไม่ถูกต้องและเป็นทางการเท่าไหร่ เธอดูสิ พวกเรารอให้ เหล่าเย่ มาก่อน แล้วค่อยหาฤกษ์จัดงานแต่งดีไหม เด็กสองคนจัดงานแต่ง ถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเรา สองตระกูลจริงๆ ค่ะ ตอนนี้หลิงหลิงก็โตมากแล้ว หลังจากแต่งงานไปก็คงเลี้ยงลูกได้ไม่ขาดตกบกพร่อง”
ฝู้เฟิ่งหยีมองไปที่เย่เชินหลิน แล้วถามขึ้นเบาๆ ว่า: “หลินเอ๋อร์ ลูกคิดว่ายังไง? ”
ท่าทางของเขาดูปกติมาก ยิ้มๆ และพูดขึ้นว่า: “เรื่องนี้ แล้วแต่แม่จะตัดสินใจเลยครับ”
…..
ในช่วงเที่ยงๆ พ่อบ้านมองไปที่เซี่ยชีหรั่น แต่เธอก้มหัวลง และไม่ได้มองกลับไป
ตอนที่เย่เชินหลินกลับมา มีเพียงพ่อบ้านคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเขากลับมา เพราะเขาไปเอากุญแจกับพ่อบ้าน แล้วไปที่ห้องของเซี่ยชีหรั่น
เขาบอกพ่อบ้านว่า อย่าบอกใครนะว่าเขากลับมา
มองไปที่เซี่ยชีหรั่นที่ดูเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรง ไม่ใช่จิ่วจิ่วที่สงสารเท่านั้น คนที่แคร์เธอ คนอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเธอยังไงเหมือนกัน
ทุกคนตั้งตารอคอยคุณเย่กลับมาบ้านเร็วๆ เพราะเขาอาจทำให้ทั้งสองคนเลิกงอนกัน และกลับมารักกันเหมือนเดิมได้

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset