สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่374สาวใช้ตัวแสบ278

ตอนที่374สาวใช้ตัวแสบ278
“ไม่กลับ!” เย่เชินหลินพูดเย็นชาจบก็วางสายลง
จิ่วจิ่วอยู่ข้างๆ ใจร้อนแทบตาย รีบถามพ่อบ้านว่า: “เป็นไงบ้างเป็นไงบ้าง คุณเย่ได้ยินว่าเธอป่วยจะรีบบินกลับมาเลยใช่ไหม” พ่อบ้านส่ายหัว แต่พอเห็นสีหน้าของเซี่ยชีหรั่นเหมือนจะเสียใจก็ยิ้มพูดว่า: “คุณเย่เหมือนกำลังประชุมอยู่”
พ่อบ้านกำลังโกหกเพื่อปลอบใจเธอ เซี่ยชีหรั่นดูออกอยู่ เขาไม่กลับมาหาเธอ เธอก็ไม่ควรเสียใจ สำหรับเขาแล้ว ครั้งนี้เธอก็เกินไปแล้วจริงๆ ดังนั้นเขาอาจจะตัดสินใจจะลืมเธอลงแล้วจริงๆ
เย่เชินหลิน คุณจะลืมฉันไหม ถ้าคุณลืมฉันได้ ฉันก็จะลืมคุณได้เหมือนกันใช่ไหม
คุณขึ้นเตียงกับเธอแล้วไม่ใช่เหรอ เธอจะเลวคุณก็ไม่สนใจใช่ไหม แล้วทำไมเมื่อคืนขึ้นเตียง วันนี้ก็ให้เธอออกไปอีก หัวใจของคุณ สงสัยจะไม่ให้ผู้หญิงคนไหนเลยมั้ง
ทำไมคุณใจดำแบบนี้ ทำไมคุณรักก็เร็วไปก็เร็ว แต่ฉันก็ยังคิดถึงคุณที่นี่อยู่เลย
ถึงฉันจะเห็นแก่ตาว่าคุณอยู่ด้วยกันกับเธอ เวลาที่ฉันเจ็บใจ ยังคงวางคุณไม่ลง
เนื่องจากว่าไข้ขึ้น เซี่ยชีหรั่นงงงันไปทั้งวัน ตื่นแล้วก็นอน นอนแล้วก็ตื่น ถึงแม้เธอจะบอกกับตัวเองหลายครั้งแล้วว่าเขาไม่มองเธอหรอก นี่ปกติที่สุดแล้ว แต่ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้น เธอก็ยังคงมองดูรอบๆ หาเงาของเขา
จิ่วจิ่วเอ็นดูเธอมาก โกรธไม่ไหวแล้วจนตะคอกด่าว่าเย่เชินหลินเป็นคนเลวที่ชอบทิ้งผู้หญิง
“ชีหรั่น เราไม่อยู่กับมันแล้ว ดีไหม เธอหนีออกไปกับเราเหอะ ไปข้างนอกหาคนหล่อๆ มาให้เขาเสียดายเลย!”
เซี่ยชีหรั่นพยายามยิ้มออกนิดหนึ่ง บอกเธอว่า: “เธอโง่หรือไง ฉันไปได้ที่ไหน ยังไม่ได้แก้แค้นให้เสี่ยวจุน ฉันไม่ไป ฉันต้องอยู่เคียงข้างเขา ถ้าเขาเป็นคนแก้แค้นให้เสี่ยวจุน ฉันเอาทั้งชีวิตไว้กับเขาก็ไปไม่ได้”
“แล้วทำไงอ่ะ เธอจะอยู่แบบนี้ตลอดชีวิตเลยเหรอ เธอจะทำตัวไร้ค่าให้เขากลั่นแกล้งแบบนี้เหรอ มันไม่ยุติธรรมเลย! เขาเกินไปแล้ว!”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มแห้งๆ อีก
“ไม่ตลอดชีวิตหรอก เมื่อคืนเขาก็อันนั้นกับส้งหลิงหลิงแล้ว อีกไม่นานเขาก็จะรู้สึกว่าฉันมีหรือไม่มีก็ได้ หลังจากนั้นก็จะปล่อยฉันไปแล้ว ถึงเวลานั้นฉันก็อิสระแล้ว” เพื่อที่จะไม่ให้จิ่วจิ่วเป็นห่วงเธอ เธอยังมีการเน้นย้ำว่า: “รอถึงวันนั้น เธอก็แนะนำผู้ชายหล่อๆ ให้ฉันดีไหม”
“จะให้ฉันแนะนำทำไม ฉันว่าคุณไห่ก็ไม่แย่นะ เขายังชอบเธออีกด้วย ถึงเวลานั้นเธอก็พิจารณาเขาหน่อยเนาะ ก็ถือว่าหน้าตาดี ฐานะที่บ้านก็สูง อะไรก็ดีไปหมด!”
“ได้! งั้นก็เอาเขานะ!” เซี่ยชีหรั่นยิ้มพูด
“ชีหรั่น ไม่งั้นเธอแกล้งเขาหน่อยไหม เธอก็บอกว่าเขาไม่ดีกับเธอ เธอจะไปหาคุณไห่ คุณไห่ก็สามารถแก้แค้นให้เธอได้เหมือนกันนิ!”
“ได้ รอเขากลับมา ฉันก็จะบอกเขาว่ายังไงคุณไห่ก็ดีกว่า”
เธอกลับไม่เห็นเขากลับมาสักที ดึกมากแล้ว ก็ยังไม่ได้กลับมา
เธอไข้ลงแล้ว จิ่วจิ่วก็ถูกไล่กลับไปห้องตัวเองแล้วด้วย
เมื่อเวลาเที่ยงคืน มีคนนั่งอยู่ข้างเตียงมองเธออยู่ ยังยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากของเธอ เธอไม่รู้อะไรเลย
“เย่เชินหลิน ฉันไม่ได้โกหกคุณ เย่เชินหลิน!” เธอฝันและตะโกนประโยคนี้ออกมา น้ำตาค่อยๆ รินไหลลงไปที่แก้ม เย่เชินหลินขมวดคิ้ว จากนั้นก็ลุกขึ้นจากไป
อีกวันหนึ่งตื่นขึ้นมา ในห้องเหมือนจะไม่มีกลิ่นของผู้ชายที่เคยเข้ามาในห้องเลย มีแต่จิ่วจิ่วที่ยิ้มเบิกบานนั่งอยู่ข้างเตียง ยิ้มพูดว่า: “ตื่นแล้วเหรอคนสวย เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นแล้ว! เธอดูสิ ฉันยังลืม Mr. Right ของฉันได้เลย เธอต้องเรียนรู้จากฉันนะ!”
ความจริงจิ่วจิ่วโกหก เมื่อคืนเธอยังฝันถึงไอ้นั่นเลย ยังมีการบอกเธอในฝันว่า: “เธอมาหาฉันสิ ฉันก็รอคุณอยู่ในร้านนะ”
ถ้าไม่ใช่เซี่ยชีหรั่นป่วย ใจจริงเธออยากจะไปดูหรงหรงหน่อย และไปดูว่าไอ้นั่นกลับมาหรือยังด้วย
“ใช่ไง วันนี้เป็นวันใหม่แล้ว ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว” เซี่ยชีหรั่นยิ้มออก เธอสามารถเห็นลักยิ้มของจิ่วจิ่วได้ก็ควรดีใจ เสี่ยวจุนก็ต้องอยากให้เธอมีความสุขเหมือนกัน
แต่เมื่อจิ่วจิ่วไม่อยู่ เซี่ยชีหรั่นจึงรู้ว่าตัวเองยังคงอำพรางอยู่ นึกถึงผู้ชายคนนั้นทีไร ในใจก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว เย่เชินหลินมีแต่ถามสภาพของเซี่ยชีหรั่นในมือถือกับพ่อบ้าน รู้ว่าร่างกายของเธอไม่มีปัญหาอะไร เขาก็ไม่ได้กลับไปวิลล่าอีก
ซึ่งทุกครั้งที่ถามเสร็จเขาก็จะบอกให้พ่อบ้านว่าอย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเซี่ยชีหรั่น
ในวิลล่าเงียบสงบมาก ส้งหลิงหลิงออกไปแล้ว ฟางลี่น่าโดนเย่เชินหลินด่าก็ไม่กล้าหาเรื่องเซี่ยชีหรั่นอีกแล้ว
เธอวันๆ เจอแต่จิ่วจิ่ว ไม่ก็เจอพ่อบ้าน แค่เธอไม่รู้ว่า ตอนที่เธอเงียบเชียบที่สุด เย่เชินหลินฝั่งนั้นกลับได้ผลที่ไม่สามารถทำให้เขาสงบลงได้เลย
เช้าวันนั้น ผลการตรวจ DNA ออกมาแล้ว!
ไม่คาดคิดเลยว่าผลการตรวจระหว่างเหยนชิงเหยียนกับเย่เชินหลิน มีความสัมพันธ์เป็นญาติกัน
นี่คือตัวอย่างที่เหยนชิงเหยียนกับเย่เชินหลินสองคนไปเจาะเลือดด้วยกัน หลินต้าฮุยเป็นคนส่งตัวอย่างไปเองโดยสองคนนั้นเป็นคนเห็นเอง
ดูข้อมูลและผลการตรวจที่อยู่บนกระดาษขาว เหยนชิงเหยียนกับเย่เชินหลินสบตากันเนิ่นนาน
ในที่สุด ลูกผู้ชายสองคนกอดกันแน่นๆ ในศูนย์ตรวจ DNA!
“เสี่ยวห้าน ในที่สุดพี่ก็หาแกเจอแล้ว! แม่สบายใจได้แล้ว หลายปีมาแล้ว ทุกครั้งที่ท่านเห็นคนขอทานก็ต้องวิ่งตามไปถามทุกทีอย่างกับคนบ้า ต่อจากนี้ไปท่านไม่ต้องเป็นแบบนั้นอีกแล้ว! พวกเราทั้งครอบครัวไม่เคยลืมแกเลย หาแกมาตั้งหลายปี! สุดท้ายก็ได้หาแกเจอแล้ว!” เย่เชินหลินพูดอย่างซึ้งใจ
“พี่ชาย! ผมก็เหมือนกัน! ผมหาคนในครอบครัวมาตั้งหลายปี ในที่สุดก็ได้หาเจอแล้ว!”
ไม่ได้เท็จ แต่เป็นเรื่องจริง พวกเขาไม่ต้องพูดโกหกเพื่อหลอกพ่อแม่อีกแล้ว
เขาเอาผลการตรวจให้เย่เฮ่าหรัน เขาตื้นตันจนเสียงเปลี่ยนแล้ว ฝู้เฟิ่งหยียิ่งตื้นตันใจเข้าไปใหญ่จนเกือบจะเป็นลม
ยี่สิบสามปีผ่านไป ครอบครัวตระกูลเย่รวมตัวกันครบทุกคนเป็นครั้งแรก เมื่อทุกคนยกแก้วขึ้น ในหัวของเย่เชินหลินกลับเต็มไปด้วยผู้หญิงคนนั้น
เขาได้อยู่กับครอบครัวแล้ว แล้วเธอล่ะ?
ยัยนี่สักวันจะได้รสชาติของการอยู่กับครอบครัวไหม ถึงแม้ว่าวันนี้ผลจะออกมาแล้วซึ่งยิ่งยืนยันว่าเธอโกหกหลอกลวงเขา แต่ไม่รู้ทำไม เขายังคงวางเธอไม่ลงอยู่ดี
“พี่ชาย ชนแก้ว!” เหยนชิงเหยียนยืนขึ้นพูดกับเย่เชินหลิน
“ดี!” เย่เชินหลินยกแก้วไวน์ขึ้นชนกับเหยนชิงเหยียน
เย่เฮ่าหรันกับฝู้เฟิ่งหยียิ้มสบตากัน รอยยิ้มแบบนี้ไม่ได้เห็นมายี่สิบกว่าปีแล้ว
เย่เฮ่าหรันยกแก้วไวน์ขึ้นพูดกับเหยนชิงเหยียนว่า: “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”
“ขอบคุณครับพ่อ!”
สองคนดื่มเสร็จ เย่เฮ่าหรันก็ยกแก้วไวน์ขึ้นอีกครั้งและพูดกับฝู้เฟิ่งหยีว่า: “เฟิ่งหยี ผมขอโทษคุณนะ! ทำให้คุณต้องห่างกับลูกตั้งยี่สิบกว่าปี นี่คือความผิดของผมในฐานะสามีคนหนึ่ง!”
“ไม่ต้องพูดแล้ว! ฉันไม่ได้โทษคุณ!” น้ำตาของฝู้เฟิ่งหยีหยุดไม่ได้อีกแล้ว
ไม่รู้ว่ากี่ปีแล้วที่เธอรักผู้ชายคนนี้ แต่ตั้งแต่ที่เหยนชิงเหยียนหายตัวไป พวกเขาขนาดจับมือยังไม่เคยจับเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ก็ตาม เธอเองก็รู้อยู่ว่าเขาก็ยังรักเธออยู่เหมือนกัน เพราะทุกครั้งที่วันไหนไม่ได้ประชุมเขาก็จะรีบกลับมาบ้านเลย
“ลูกกลับมาแล้ว ผมยังมีโอกาสที่จะขอคุณแต่งงานอีกครั้งหนึ่งไหม” เย่เฮ่าหรันถามฝู้เฟิ่งหยีเสียงต่ำ
ฝู้เฟิ่งหยีกลับเหมือนเด็กผู้หญิงที่เพิ่งมีรักแรกอย่างนั้น สักพักก็หน้าแดงทั้งใบหน้าเลย อยากจะพยักหน้ามาก แต่ก็ยังกลัวเย่เชินหลินจะโกรธ
“แม่ ผมกับเสี่ยวห้านก็หวังว่าจะได้เห็นพ่อกับแม่แต่งงานกันอีกครั้ง เพราะว่าครั้งแรกพวกเราไม่ได้เข้าร่วมด้วย” เย่เชินหลินพูดเสียงเรียบ เย่เฮ่าหรันซาบซึ้งจนจมูกแดงแล้ว
เมื่อทั้งครอบครัวของเย่เชินหลินกำลังมีความสุขอยู่ เซี่ยชีหรั่นก็ได้รับสายของคณบดีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
“ชีหรั่น เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” คณบดีตื่นเต้นมาก จนทำให้เซี่ยชีหรั่นตกใจ
“คนที่ส่งเงินมาอีกแล้ว! ฉันเพิ่งเห็นเมื่อกี้นี้เอง ไม่รู้ว่าเอามาวางในลิ้นชักของโต๊ะทำงานฉันตั้งแต่เมื่อไหร่! เธอเดาสิว่ามีเท่าไหร่ ทั้งหมดสองแสนห้าหมื่นเต็มๆ เลย! บวกกับของคราวที่แล้ว รวมทั้งหมดสามแสน! เธอว่านี่เป็นคนอะไรเนี่ย ทำไมต้องแอบส่งเงินมาตลอดเลย ฉันควรแจ้งตำรวจไหมอ่ะ เอาเงินคืนดีไหม ถ้าฉันเอาไปใช้จะถือว่าทำผิดกฎหมายไหมอ่ะ”
เซี่ยชีหรั่นก็ตกใจเหมือนกัน ทันทีก็ได้ปลอบใจว่า: “ท่านไม่ต้องกังวลนะ ท่านทำความดีมาตั้งหลายปี ไม่เคยไปมีเรื่องกับใครก็ไม่มีคนจะมาหาเรื่องใส่ร้ายท่านหรอกนะ เรื่องนี้ ฉันสงสัยว่าน่าจะเป็นใครสักคนที่ออกไปจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคิดอยากจะทำอะไรเพื่อที่นี่แต่ก็ไม่อยากแสดงตัวตนออกมา อาจจะเพราะว่าเงินก้อนนี้ไม่ได้เป็นเงินที่ถูกกฎหมาย ก็อาจเป็นเพราะ…”
พูดถึงตรงนี้ เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ทำไมอยู่ๆ หัวใจก็สั่นไปทีหนึ่ง นึกถึงเงินที่หายไปของพ่อแม่บุญธรรมของเธอ
สามแสน! สามแสนพอดีเลย ทางนั้นเงินเพิ่งจะหายไปไม่กี่วันเอง สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็มีเงินบินเข้ามาสามแสน บนโลกนี้จะมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้ซะที่ไหน
“ก็อาจเป็นเพราะอะไรอ่ะ ชีหรั่น” คณบดีถามอย่างใจร้อนอยู่ฝั่งนั้น
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ฉันอยากพูดว่า อาจจะเป็นนักการเมืองท่านใดท่านหนึ่งที่เคยมาดูงานสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วรู้สึกว่าที่นี่สภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยอยากจะบริจาค แต่ท่านก็รู้ คนที่เป็นนักการเมืองเนี่ย มีรายได้บางส่วนมิอาจเปิดเผยได้ ดังนั้นเรื่องแบบนี้ก็ไม่สามารถทำให้มันยิ่งใหญ่ได้ น่าจะเป็นแบบนี้แหละ ท่านใช้เหอะ ไม่เป็นไรหรอก คราวก่อนคุณเย่ก็เคยบอกแล้วว่าเรื่องของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็คือเรื่องของเขา ท่านอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครก็เลยยังกังวลอยู่ เขาเป็นลูกชายของประธานเย่ เพราะฉะนั้นท่านต้องเชื่อฉัน ท่านสามารถใช้เงินก้อนนี้ในการพัฒนาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรเลย หรือจะใช้เงินก้อนนี้ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กๆ ให้ดีขึ้นก็ได้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ เขาจะช่วยกำจัดปัญหาให้ท่าน แต่ว่าฐานะของเขาท่านต้องช่วยฉันเก็บไว้เป็นความลับ อย่าบอกให้คนอื่นรู้นะ”
เซี่ยชีหรั่นเล่าเป็นพันเป็นหมื่น ยังไม่มีประโยชน์เท่าบอกฐานะของเย่เชินหลินให้คณบดีรู้เลย เสียงของคณบดีก็ไม่สั่นอีกแล้วจริงๆ
เธอดีใจมาก เงินสามแสนนี้สามารถแก้ปัญหาใหญ่โตให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้แล้ว
คณบดีขอบคุณเซี่ยชีหรั่นแทนเด็กๆ เป็นหลายสิบรอบแล้วจึงจะวางสายโทรศัพท์ลง เซี่ยชีหรั่นตกเข้าไปในความคิดของตัวเองอีกครั้ง
ตกลงเงินสามแสนนี้หมายถึงอะไรกันแน่ ส่วนเรื่องนักการเมืองอะไรพวกนั้นเธอโกหกไปเรื่อยแหละ ขนาดเธอเองยังไม่เชื่อเลย สามารถเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าง่ายๆ โดยที่ไม่มีคนอื่นเห็น มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น นอกเสียจากว่าต้องคุ้นเคยกับสภาพข้างในเท่านั้นจึงจะทำได้
ถ้าสมมติว่าเงินสามแสนนี้เป็นเงินที่บ้านตระกูลโม่ทำหายจริงๆ ส่วนคนนั้นก็คุ้นเคยกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและคุ้นเคยกับบ้านตระกูลโม่อีกด้วย งั้นก็มีแค่คนนี้แล้ว–โม่เสี่ยวจุน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset